บทที่ 525 เลือกใช้ใครแล้วอย่าสงสัย

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

“ฉันจะบอกคุณให้ ตอนนี้ฉันกับพี่สาวอยู่ที่สนามบินจ๊กกลาง อีกไม่กี่ชั่วโมงก็ถึงเมืองเจียงหนันแล้ว!”

“คุณทำท่าทีให้ดีด้วย ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวพอเราลงจากเครื่องบิน ฉันจะไปฟ้องอาจารย์แม่ว่าคุณลวนลามฉัน!”

ฮั่งหลิงเยว่ไม่สนเสียงเยาะเย้ยของเย่เทียนเลยสักนิด กลับกัน เธอข่มขู่อย่างหน้าไม่อาย

“เดี๋ยวก่อน พวกเธอมาเจียงหนันทำไม?”

เย่เทียนผงะ เริ่มมีสีหน้าประหลาด

“ไปหาคุณไงคะ!”

ฮั่วหลิงเยว่เบ้ปาก และพูดประหนึ่งว่าสมควรเป็นเช่นนี้ “เมื่อกี้ฉันยังพูดไม่ชัดอีกเหรอ พี่สาวฉันฝากฝังเรื่องที่จ๊กกลางไว้หมดแล้ว ก็ต้องไปหาคุณที่เป็นอาจารย์สิคะ!”

“นี่มัน……”

เย่เทียนหันไปมองเฉินหวั่นชิงในเลานจ์วีไอดีด้วยสัญชาตญาณ ก่อนจะยักไหล่พลางกล่าว “เกรงว่าพวกเธอจะมาเสียเที่ยวซะแล้ว”

“ทำไมคะ?!”

เสียงของฮั่วหลิงเยว่สูงปรี๊ดขึ้นหลายระดับ เธอพูดงอนๆ “พวกเราอุตส่าห์ไปตั้งไกล หรือคุณตั้งใจจะหลบหน้าเราเหรอคะ”

“ฉันจะบอกคุณให้นะ คุณหลบไปก็ไม่มีประโยชน์ นอกจากฉันจะรู้ว่าอาจารย์แม่ชื่อเฉินหวั่นชิงแล้ว ฉันยังรู้ด้วยว่าเธอเป็นประธานใหญ่ของบริษัทแซ่เฉินในเมืองเจียงหนัน อยู่ที่วิลล่าเจียงเฉิง…..”

“เดี๋ยวก่อน ใครบอกว่าฉันตั้งใจหลบหน้าพวกเธอ?”

ได้ยินเสียงคำรามประหนึ่งเสือตัวเล็กๆของฮั่วหลิงเยว่แล้ว เย่เทียนเกาจมูกอย่างอดไม่ได้ ก่อนจะพูดอย่างอ่อนใจ “แค่พวกเธอมาผิดจังหวะไปหน่อย”

“ตอนนี้ฉันรอเที่ยวบินอยู่ในสนามบินเจียงหนัน เดี๋ยวจะไปเก็บภาพชุดแต่งงานใหม่กับอาจารย์แม่เธอ อย่างน้อยๆก็ต้องใช้เวลาหลายวัน เสร็จเรื่องก็คงจะไปเมืองจินเลย”

“หา? ทำไมถึงบังเอิญขนาดนี้!”

ฮั่วหลิงเยว่อึ้งไปเลย คิดไม่ถึงว่าสถานการณ์จะเป็นแบบนี้

“เสี่ยวเยว่ เอามือถือฉันไปคุยกับใครน่ะ?!”

ไม่รอให้ฮั่วหลิงเยว่พูดมากไปกว่านี้ เย่เทียนก็ได้ยินเสียงของฮั่วเยี่ยนจื่อที่ดังขึ้นชัดเจน

“คุณชายเย่ ถ้าเมื่อกี้เสี่ยวเยว่ล่วงเกินอะไรไป ฉันในฐานะพี่สาวขอโทษแทนเธอด้วยค่ะ”

“เธอยังเด็ก ไม่รู้เรื่อง หวังว่าคุณเป็นผู้ใหญ่จะไม่ถือสา อย่าเอาความกับเธอนะคะ”

หลังจากเสียงกร๊อบแกร๊บจบลง เสียงปลายสายก็ชัดขึ้นอีกครั้ง และเสียงมีเสน่ห์ของฮั่วเยี่ยนจื่อก็ดังเข้ามา

“พี่คะ! หนูจะยี่สิบแล้วนะคะ เด็กตรงไหนกัน”

ไม่รอให้เย่เทียนตอบ เสียงคัดค้านอย่างไม่พอใจของฮั่วหลิงเยว่ก็ดังเข้ามาอีกครั้ง

“ฉันไม่ใจแคบขนาดนั้นหรอก”

เย่เทียนรู้ดีว่าฮั่วหลิงเยว่ไม่ได้คิดไม่ดี แล้วจะโกรธจริงๆได้ยังไง?

เงียบไปครู่หนึ่ง เย่เทียนก็เปลี่ยนเรื่อง “ได้ยินหลิงเยว่บอกว่าตอนนี้พวกเธออยู่สนามบินเหรอ กำลังจะมานี่ใช่มั้ย?”

ฮั่วเยี่ยนจื่อถลึงตาใส่ฮั่วหลิงเยว่ เมื่อเห็นว่าเธอปิดปากสนิทแล้วถึงตอบ “ค่ะ อีกประมาณสิบนาทีก็ต้องขึ้นเครื่องแล้ว”

“ถ้าอย่างนั้นพวกเธอมาผิดจังหวะแล้วล่ะ”

เย่เทียนส่ายหัวอย่างอ่อนใจ และพูดย้ำอีกครั้ง “ตอนนี้ฉันก็อยู่สนามบิน ต้องไปต่างถิ่นสักระยะหนึ่ง เสร็จแล้วคงต้องรีบไปเมืองจินเลย”

“คุณชายเย่ ฉันเสียมารยาทเองค่ะ ฉันน่าจะบอกคุณก่อนที่จะไป”

ฮั่วเยี่ยนจื่อรีบขอโทษ “คุณวางใจได้ ฉันจะไปคืนตั๋วเดี๋ยวนี้ค่ะ รอคุณว่างเมื่อไหร่เราค่อยไป”

“ไหนบอกว่าอีกสิบนาทีก็จะขึ้นเครื่องแล้วไม่ใช่เหรอ เธอคืนตั๋วทันเหรอ?”

เย่เทียนยิ้มเล็กน้อย “ถึงฉันจะรู้ว่าค่าตั๋วแค่นี้สำหรับเธอเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ในเมื่อจ่ายแล้วก็อย่าปล่อยให้เสียเปล่าเลย”

“เดี๋ยวเธอก็นั่งเครื่องบินมา ฉันจะส่งคนพาพวกเธอเที่ยวสักสามสี่วัน อีกสักพักเรากลับกันแล้วฉันจะแนะนำภรรยาฉันให้เธอรู้จัก เธอทำคุ้นเคยกันไปก่อน”

“หลังจากฉันกลับจากเมืองจินแล้วเราค่อยมานั่งคุยกัน เธอว่าเอาอย่างนี้ดีมั้ย?”

เฉินหวั่นชิงจองโรงแรมที่เกาะนกนางนวลไว้สี่วันสามคืน แม้จะห่างจากการคัดเลือกทีมสายฟ้าอีกตั้งห้าวัน แต่ก็ต้องไปล่วงหน้าหนึ่งวันอยู่ดี

ถ้านับแบบนี้ เวลาของเขาจะค่อนข้างเร่งรีบ เกรงว่ากลับจากเกาะนกนางนวลปุ๊บก็ต้องต่อเครื่องไปเมืองจินเลย

แน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือในเมื่อลูกผู้ชายพูดแล้วก็จะไม่คืนคำ!

ในเมื่อฮั่วเยี่ยนจื่อผ่านบททดสอบของเขาแล้ว เขาย่อมไม่อิดออดที่จะรับฮั่วเยี่ยนจื่อเป็นศิษย์ หลังจากนี้เธอคงต้องรู้จักมักจี่กับอาจารย์แม่อย่างเฉินหวั่นชิงไว้ ให้ทั้งคู่สนิทกันไว้ก่อนก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร

ไม่แน่ด้วยความฉลาดของฮั่วเยี่ยนจื่อ อาจจะช่วยชี้แนะได้ด้วยว่าบริษัทแซ่เฉินจะเดินต่อไปในทิศทางไหน

“เมียจ๋า คุณมานี่หน่อยได้มั้ย ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ”

หลังจากวางสาย เย่เทียนมาคิดๆดู ก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ควรจะบอกเฉินหวั่นชิงไว้ก่อน

“ใครโทรหาคุณเหรอ? หรือว่าเกิดเรื่องอะไร?”

เฉินหวั่นชิงบอกกับพวกเหลียงเยว่หรูสามคน ก่อนจะเดินออกมาด้วยหน้าตาสงสัย

“จำโครงการเหมืองหยกที่จ๊กกลางได้มั้ย”

เย่เทียนเรียบเรียงคำพูดในหัว ก่อจะปริปาก “เมื่อกี้พาร์ทเนอร์ที่นั่นโทรมา ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่สนามบินและกำลังจะมานี่”

“แต่เราจะไปถ่ายรูปแต่งงานที่เกาะนกนางนวลไม่ใช่เหรอ? ผมเลยคิดว่าให้กู้กวนชีพาพวกเขาเที่ยวเจียงหนันไปก่อน แล้วให้พวกเขารอเรากลับมา”

“คุณหมายถึงพวกเยี่ยนจื่อเหรอ?”

เกิดความคาดหมายของเย่เทียน ดวงตาสดใสของเฉินหวั่นชิงกลอกไปมาอยู่สองรอบ ทว่าเอ่ยชื่อฮั่วเยี่ยนจื่อออกมาเลย

“หืม?!”

เย่เทียนชะงัก ก่อนจะพูดด้วยสีหน้าประหลาด “เมียจ๋า คุณรู้จักเธอเหรอ?”

“ฉันก็ต้องรู้จักสิ!”

เฉินหวั่นชิงมองบนอย่างไม่พอใจ “โยนเงินให้คนอื่นเข้าไปตั้งพันล้าน ไม่แม้แต่จะโทรมาบอก คุณคิดว่าฉันกล้าได้กล้าเสียเหมือนคุณเหรอ?”

“ยังดีที่เยี่ยนจื่อนิสัยดี เป็นฝ่ายติดต่อฉันผ่านคุณอาเหลียง หารือเกี่ยวกับการพัฒนาเหมืองกับฉัน มิฉะนั้นถ้าเธอหนีไปกับเงิน คอยดูสิว่าฉันจะตัดไอ้ของน่าเกลียดของคุณมั้ย!”

“ก็ผมยุ่งนี่นา!”

พอเห็นเฉินหวั่นชิงทำท่ากรรไกร เย่เทียนก็รู้สึกเย็นเยียบตั้งแต่ฝ่าเท้าขึ้นมา และหนีบขาแน่นด้วยสัญชาตญาณ

“ยุ่งบ้านคุณสิ!”

เย่เทียนไม่พูดยังดี พอพูดปุ๊บเฉินหวั่นชิงก็มีน้ำโหขึ้นมา เธอพูดอย่างเกรี้ยวกราด “ยังไงซะก็หนึ่งพันล้านนะ คุณจะมีเรื่องอะไรที่สำคัญกว่านี้? ไม่รู้เหรอว่ามีคนมากมายที่ทั้งชีวิตก็หาเงินเท่านี้ไม่ได้”

“ถ้าไม่ใช่ว่าเงินนั้นคุณหามาเอง ถ้าไม่ใช่ว่าเยี่ยนจื่อติดต่อฉันมาก่อน ฉันคงโทรไปด่าคุณเละไปแล้ว”

“ก็ ก็ไม่มีอะไรนี่นา”

“คือว่า เมียจ๋า คุณไปบอกกวนชีให้หน่อย ผมปวดฉี่ขึ้นมากะทันหัน ผมไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”

เย่เทียนไม่กล้าอยู่ตรงนี้อีกต่อไป เขารีบอ้างว่าปวดฉี่และหนีไปเลย

“เจ้านี่….”

เฉินหวั่นชิงมองแผ่นหลังอนาถาของเย่เทียนแล้วส่ายหัวด้วยความอ่อนใจ เธอหยิบมือถือออกมาติดต่อกู้กวนชี

ความจริงเธอจับตาดูความเคลื่อนไหวของเหมืองหยกมาตลอด ประมาณว่าเย่เทียนกลับมาจากจ๊กกลางปุ๊บ เธอก็ติดต่อกับเหลียงเหวินเห้าปั๊บ

แต่ไม่รอให้เธอติดต่อฮั่วเยี่ยนจื่อไปก่อน ฮั่วเยี่ยนจื่อกลับติดต่อมาหาเธอเอง นี่ก็เป็นเหตุผลหลักที่ทำไมเธอไม่ไปจ๊กกลางด้วยตัวเอง

ยังไงซะการที่ฮั่วเยี่ยนจื่อเป็นฝ่ายติดต่อมาก่อน เป็นการแสดงความจริงใจโดยไม่ต้องสงสัย บวกกับมีพาร์ทเนอร์อย่างเหลียงเหวินเห้าคอยเฝ้าอยู่ที่จ๊กกลาง เธอไม่กลัวว่าจะเกิดปัญหาอะไร

อีกอย่าง บรรพชนมีคำพูดหนึ่ง: ใช้คนอย่าสงสัย สงสัยก็อย่าใช้!