บทที่ 485 การปลอบโยนจากคุณแม

รักหวานอมเปรี้ยว

บนแผ่นซีดีนั้นไม่มีรูปภาพ และไม่มีสัญญาลักษณ์อะไร ไม่มีอะไรเลย

ดังนั้นมายมิ้นท์จึงดูไม่ออก ว่าสรุปแล้วนี่เป็นแผ่นซีดีแบบไหน

แต่เธอก็ไม่ท้อแท้ หยิบแผ่นซีดีแล้วไปที่ห้องทำงานของตัวเอง ใช้โน๊ตบุ๊คที่มีพร้อมกับซีดีรอม และเปิดแผ่นซีดี ข้างในนั้นเป็นโฟลเดอร์หนึ่งโฟลเดอร์

มายมิ้นท์ได้คลิกเมาส์เปิดโฟลเดอร์นั้น ปรากฏว่าข้างในเป็นคลิปวิดีโอสั้นๆ

เธอได้คลิกเมาร์อีกครั้งหนึ่ง เพื่อเปิดคลิปวิดีโอนั้น สิ่งแรกที่ปรากฏบนหน้าจอโน๊ตบุ๊ค คือใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์ แต่กลับมีหน้าที่ซีดและป่วยเล็กน้อย

มองดูใบหน้านั้น รูม่านตาของมายมิ้นท์ได้ขยายใหญ่ขึ้น จากนั้นก็ปิดปากตัวเองด้วยความไม่น่าเชื่อ น้ำตาไหลลงมา พูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทาและตื้นตันใจว่า:“คุณแม่……”

คนที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์นั้น ก็คือภรรยาของไตรภูมิ คุณลีน่า

และก็คือคุณแม่ที่เสียชีวิตเพราะอาการป่วย ในตอนที่มายมิ้นท์อายุห้าขวบ

มายมิ้นท์ได้เอื้อมมือที่สั่นเทาออกมา และได้สัมผัสใบหน้าของผู้หญิงคนในหน้าจอโน๊ตบุ๊ค

ถึงแม้ว่าเธอจะรู้ ว่าเธอไม่สามารถสัมผัสผู้หญิงคนนี้ได้จริงๆ แต่เธอก็ไม่ยอมที่จะเอามือกลับคืน ปลายนิ้วของเธอยังคงจับใบหน้าและดวงตาของผู้หญิงคนนั้น ไม่ยอมเอามือลงเป็นเวลานาน

ผู้หญิงในหน้าจอโน๊ตบุ๊คนั้น กำลังอยู่ที่ห้องผู้ป่วย บนตัวเธอก็สวมชุดผู้ป่วยที่มีลายเส้นแถบฟ้าขาว บนศีรษะไม่มีแม้แต่ผมสักเส้น

มายมิ้นท์รู้ ว่านี่คือตอนที่เธออายุได้ห้าขวบ ตอนที่คุณแม่ตรวจเจอว่าเป็นมะเร็งและได้พักที่โรงพยาบาล

มองดูคุณแม่ที่ขยับอยู่ที่หน้าจอโน๊ตบุ๊คนั้น น้ำตาของมายมิ้นท์ก็ได้ไหลออกมาอีกครั้ง

ยี่สิบเอ็ดปีแล้ว

เธอมียี่สิบเอ็ดปีแล้ว ที่ไม่เคยเจอหน้าคุณแม่เลย และยังเป็นคุณแม่ที่ขยับได้อีกด้วย

“คุณแม่คะ ฉันคิดถึงคุณแม่มากเลยค่ะ……”มือของมายมิ้นท์ที่จับเมาส์ไว้สั่นไม่หยุด น้ำเสียงก็สะอึกสะอื้น

ราวกับว่าได้ยินความคิดถึงของมายมิ้นท์เช่นนั้น ลีน่ามองมาทางกล้อง และยิ้มด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น“มิ้นท์ แม่เองนะ บางทีเมื่อตอนที่ลูกเห็นคลิปนี้แล้ว แม่อาจจะไม่อยู่แล้ว แต่ว่าแม่อยากจะบอกกับลูกว่า แม่จะคอยดูลูกอยู่บนฟ้า เติบโตไปพร้อมกับลูกนะ”

“คุณแม่คะ……”พอฟังคำพูดของคุณแม่แล้ว มายมิ้นท์ก็กลั้นไม่อยู่อีกต่อไป และได้ก้มลงบนโต๊ะพร้อมร้องไห้หนักๆออกมา

คลิปวิดีโอยังคงเปิดอยู่ ลีน่าไออยู่หลายครั้ง สีหน้าซีดและขาวมากกว่าเดิม น้ำเสียงก็อ่อนแรงลงอย่างมาก“มิ้นท์ ในที่นี้แม่อยากจะบอกกับลูกว่าแม่ขอโทษด้วยนะคะ เพราะว่าแม่กับพ่อของลูกปกปิดลูกมาโดยตลอดเวลา ไม่เคยบอกลูกเลย เรื่องตัวตนที่แท้จริงของลูก หวังว่าลูกจะให้อภัยกับพวกเรานะ”

มายมิ้นท์เงยหน้าขึ้น กัดริมฝีปากเต็มแรง ดูคลิปวิดีโอด้วยน้ำตาคลอเบ้า และไม่พูดอะไร

ลีน่าได้ไออีกครั้งหนึ่ง จากนั้นมายมิ้นท์ก็เห็น มีมือยื่นออกมาจากนอกกล้อง ในมือได้ถือแก้วน้ำไว้แก้วหนึ่ง

เธอเพียงแค่มองก็รู้เลยว่านั่นเป็นมือของผู้ชาย และมีไฝสีดำบนนิ้วหัวแม่มือของเขาด้วย

นั่นคือ……มือของคุณพ่อ!

ที่แท้คุณพ่อก็อยู่ในคลิปวิดีโอด้วย!

สีหน้าของมายมิ้นท์ตื้นตันใจมากขึ้นไปอีก

เป็นไปได้ไหม ว่าอีกเดี๋ยวเธอก็จะสามารถเห็นคุณพ่อของเธอด้วย?

ขณะที่พูดอยู่ มายมิ้นท์ก็ได้ยินน้ำเสียงของผู้ชายที่อ่อนโยน แต่กลับมีความเศร้าโศกดังออกมาจากในคลิปวิดีโอ“ที่รัก ดื่มน้ำสักหน่อยนะครับ”

เป็นคุณพ่อจริงๆด้วย!

ตัวของมายมิ้นท์ตื้นตันมากเกินจนสั่นเทาเล็กน้อย

ในคลิปวิดีโอนั้น ลีน่าได้หันไปยิ้มให้กับคนนอกกล้องนั้น“ขอบคุณนะคะที่รัก”

เธอได้หยิบแก้วน้ำมา และหลังจากที่ดื่มน้ำแล้ว อาการไอก็ดีขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็วางแก้วน้ำลง จึงจะหันมาทางกล้องและพูดอีกครั้ง:“มิ้นท์ พ่อกับแม่รู้ว่าเมื่อตัวลูกรู้เรื่องที่ลูกไม่ใช่ลูกที่แท้จริงของเราแล้ว ต้องเสียใจมากแน่ๆ ต้องยอมรับมันไม่ได้ อาจจะคิดมากอีกด้วย ต้องคิดว่าเพราะเราได้สูญเสียลูกสาวที่แท้จริงไปแล้ว ดังนั้นจึงคิดว่าเราเอาลูกมาแทนที่ลูกสาวที่แท้จริงของเราแล้วพากลับบ้าน ใช่ไหม?”มายมิ้นท์กำมือแน่น

เป็นอย่างที่คิดไว้เลย ว่าในโลกใบนี้ คนที่รู้จักเธอดีที่สุด ก็คือคุณพ่อคุณแม่ของเธอ

ลีน่ายิ้มด้วยความอ่อนแรง “มิ้นท์ ลูกอย่าคิดอย่างนั้นเลย พ่อกับแม่จะบอกกับลูกนะ ว่าลูกเนี่ยเราได้เก็บมาเลี้ยงเพราะว่าลูกสาวที่แท้จริงของเราได้เสียชีวิตจริงๆ แต่ไม่ใช่ตัวสำรองของลูกสาวของเราแน่ๆ ความรักที่เรามีต่อลูก ก็ไม่ใช่เพราะว่าเราเอาความรักที่มีต่อลูกสาวที่แท้จริงนั้นมาแทนที่ในตัวลูก ชื่อของลูก ก็ไม่ได้สืบทอดต่อจากชื่อของลูกสาวที่แท้จริงของเรา แต่ชื่อของลูกนั้น เป็นสิ่งที่แม่กับพ่อของลูก ได้เปิดพจนานุกรมเพื่อตั้งชื่อลูกโดยเฉพาะ และมันเป็นของลูกเอง”

ตั้งชื่อให้เธอโดยฉะเพราะ?

หลังของมายมิ้นท์ค่อยๆยืดตัวตรง และดวงตาที่มืดมนของเธอก็ค่อยๆ สว่างขึ้น

ดังนั้น เธอไม่ใช่ตัวสำรองของเด็กคนนั้นใช่ไหม?

ใช่แล้ว สิ่งที่มายมิ้นท์ใส่ใจมากที่สุด แท้จริงแล้วไม่ใช่เรื่องที่ตัวเองไม่ใช่ลูกที่แท้จริงของคุณพ่อคุณแม่

เพราะความดีที่คุณพ่อคุณแม่มีต่อเธอ ไม่ต่างอะไรจากลูกที่แท้จริงเลย ดังนั้นไม่ว่าจะมีความสัมพันธ์ทางสายเลือดหรือไม่ จริงๆแล้วมันก็ไม่สำคัญมากขนาดนั้น

สิ่งที่เธอใส่ใจจริงๆคือ ตัวเองเป็นตัวสำรองของเด็กคนนั้น

เธอกำลังคิด ว่าคุณพ่อคุณแม่เลี้ยงเธอราวกับเป็นลูกที่แท้จริงนั้น มันจะเป็นเพราะว่า พวกเขารักเธอเพราะเห็นเธอเป็นเด็กคนนั้นหรือเปล่า

เพราะไม่ว่าอย่างไรเธอได้ถูกพาไปที่ตระกูลกิตติภัคโสภณนั้น ในตอนที่เด็กคนนั้นได้เสียชีวิตไป ในตอนนั้นคุณพ่อกับคุณแม่กำลังอยู่ในสถานการณ์ที่เสียใจอยู่ การปรากฏของเธอ มันจะง่ายต่อการที่ความรักของคุณพ่อกับคุณแม่ที่มีต่อเด็กคนนั้น เปลี่ยนมาอยู่ในตัวของเธอแทน

แต่ในตอนนี้คำพูดของคุณแม่ได้บอกกับเธอ ว่าเรื่องราวทั้งหมดไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิดเช่นนั้น

เธอไม่ได้เป็นตัวสำรองของเด็กคนนั้น พวกเขารักเธอ ก็ไม่ใช่เพราะเด็กคนนั้น แต่รักเพราะเป็นเธอ

และอีกอย่างคือชื่อ ก็ไม่ได้สืบทอดมาจากเด็กคนนั้น เป็นชื่อที่คุณพ่อคุณแม่ตั้งให้เธอโดยเฉพาะ

ราวกับว่ารู้ว่ามายมิ้นท์กำลังคิดอะไรอยู่ ในคลิปวิดีโอนั้น ลีน่าได้เอ่ยปากพูดอีกครั้ง “มิ้นท์ ลูกสาวที่แท้จริงของแม่และพ่อของลูกนั้นชื่อว่าดารามาย ส่วนลูกชื่อมายมิ้นท์ ลูกเป็นลูกสาวคนที่สองของพ่อกับแม่ ลูกไม่เคยเป็นตัวสำรองของมาย ในตอนแรกที่เราไม่ได้บอกกับลูกแต่แรก ก็เพราะว่าเป็นห่วงลูกยังเด็กอยู่ ลูกจะยิ่งไม่เข้าใจไปมากกว่านี้ แต่ลูกที่เห็นคลิปวิดีโอนี้ได้เติบโตแล้ว พ่อกับแม่เชื่อมั่นในตัวลูกนะ ว่าลูกจะคิดได้เอง ใช่ไหมคะ?”

“อื้อ……”มายมิ้นท์พยักหน้าด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น

ลีน่าพูดอีกครั้ง:“มิ้นท์ พ่อกับแม่หวังว่าลูกจะไม่จมปลักเสียใจอยู่กับเรื่องที่รู้ตัวตนของตัวเองนะ พ่อกับแม่หวังว่าลูกจะก้าวเดินออกมาได้อย่างรวดเร็ว แม้ว่าเราจะไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด แต่พ่อกับแม่รักลูกนะ ลูกก็คือลูกสาวที่แท้จริงของพ่อกับแม่นะคะ”

“ใช่แล้ว”ทันใดนั้น ไตรภูมิที่ไม่เคยปรากฏหน้าออกมานั้น จู่ๆก็ยื่นหัวออกมา ปรากฏอยู่ในหน้าจอคอมพิวเตอร์

เมื่อมองดูใบหน้าของไตรภูมิที่ดูอ่อนเยาว์กว่าเมื่อหกปีก่อนนั้น มายมิ้นท์เสียใจอีกครั้ง น้ำตาที่อุตส่าห์กลั้นไว้ได้นั้น ก็ได้ไหลออกมาอีกครั้งหนึ่ง“คุณพ่อ ……”

“มิ้นท์ พ่อกับแม่รักลูกมากนะ ดังนั้นอย่าไปคิดสับสนอะไรมากกับเรื่องที่ลูกใช่ลูกที่แท้จริงของเราไหม ในใจของเรานั้น ลูกกับมายนั้นเหมือนกัน และอีกอย่าง พ่อก็ต้องบอกกับลูกด้วยว่าขอโทษนะ หวังว่าในวันข้างหน้าลูกจะให้อภัยกับพ่อ แต่พ่อก็ไม่เคยรู้สึกเสียใจเลยที่ทำเช่นนี้ไป บางทีสักวันหนึ่งลูกจะเข้าใจว่า หากลูกตามพวกเขา จะถูกพวกเขาสอนไม่ดีเอา”ไตรภูมิปิดตาลงในทันใด และพูดเป็นนัย

มายมิ้นท์หรี่ตาลงเล็กน้อย ความสงสัยแวบวาบเข้ามาในดวงตาของเธอ

คำพูดของคุณพ่อนี่หมายถึงอะไร?

อะไรคือตามพวกเขาแล้วจะกลายเป็นคนไม่ดี พวกเขาในที่นี้ คือใครกัน?

มายมิ้นท์ยังไม่ทันคิดให้เข้าใจ ไตรภูมิและลีน่าก็ได้โบกมือให้กล้องในทันใด

“เอาล่ะมิ้นท์ ได้เวลาไปตรวจสุขภาพแม่ของลูกแล้ว พ่อจะพาแม่ของลูกไปตรวจก่อน คลิปวิดีโอก็ถึงแค่นี้นะ ลาก่อน!”

“ลาก่อนนะมิ้นท์ แม่รักลูกนะคะ!” ลีน่าได้ส่งจูบไปที่กล้อง จากนั้นคลิปวิดีโอก็สิ้นสุดลง และเด้งกลับไปที่หน้าจอหลักอีกครั้ง

น้ำตาของมายมิ้นท์ได้ไหลลงมา แก้มทั้งสองด้านเปียกไปหมด เธอเอ่ยปากสีแดงก่ำพูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น“ลาก่อนค่ะคุณแม่ ลาก่อนค่ะคุณพ่อ ลูกก็รักพวกคุณเช่นกันค่ะ”

เธอรู้ ว่าคลิปวิดีโอนี้ นอกจากคุณพ่อคุณแม่อยากจะปลอบใจเธอ บอกเธอว่าไม่ต้องคิดมาก ต้องยอมรับกับตัวตนของตัวเองแล้ว ในเวลาเดียวกันก็เป็นคลิปวิดีโอที่ได้บอกลาเธอไปตลอดชีวิต