ในตอนที่คุณแม่ได้เสียชีวิตนั้น เธอมีอายุเพียงแค่ห้าขวบ เธอในตอนนั้น ไม่รู้ว่ามะเร็งคืออะไร และไม่รู้ว่าความตายคืออะไร เธอรู้แต่ว่า คุณแม่ป่วยแล้ว และป่วยหนักมากด้วย อยู่แต่โรงพยาบาลไม่กลับมาบ้านเลย
เธออยากไปโรงพยาบาลเพื่อไปอยู่กับคุณแม่ของเธอ แต่ทันใดนั้นคุณตาก็ได้มาที่บ้าน ได้พาเธอไป บอกว่าคุณแม่ของเธอต้องการให้เธอใช้เวลาช่วงวันหยุดฤดูร้อนกับคุณตาของเธอ หลังจากพักร้อนแล้ว คุณแม่ของเธอก็จะออกมาจากโรงพยาบาล
หลังจากนั้นเธอได้อยู่กับคุณตามาหนึ่งเดือนแล้ว ไม่เห็นคุณแม่กลับออกมา เห็นเพียงแต่คุณแม่ที่สูงๆนั้น กลับกลายมาเป็นกล่องเล็กๆนี่
และหลังๆ เธอเริ่มโตขึ้นหน่อยแล้ว เธอถึงจะเข้าใจว่าความตายคืออะไร เธอในตอนนั้น ร้องไห้หนักมาก ภายในใจรู้สึกเสียใจที่ทำไมตัวเองถึงต้องตามคุณตาไป ไม่ยืนหยัดที่จะอยู่กับคุณแม่ที่โรงพยาบาล ถ้ามิเช่นนั้นในท้ายที่สุด แม้แต่เจอหน้าคุณแม่เป็นครั้งสุดท้ายก็ไม่ได้เจอเลย
แต่ในวันนี้ ที่คลิปวิดีโอนั้น เธอได้ยินคำบอกลาจากคุณแม่ที่ฝากถึงเธอแล้ว
และยังมีคุณพ่ออีกด้วย ในหกปีก่อน คุณพ่อได้ฆ่าตัวตายกะทันหัน เธอก็ไม่ได้เจอหน้าคุณพ่อแม้แต่ครั้งสุดท้ายเช่นกัน
แต่ยังโชคดีที่ คุณพ่อคุณแม่ที่บอกลากับเธอ เธอที่ได้บอกลากับคุณพ่อคุณแม่นั้น ล้วนเกิดขึ้นที่วิดีโอนี้แล้ว
มายมิ้นท์ได้คลิกที่เมาส์ และเอาแผ่นซีดีนั้นออกอย่างระมัดระวัง หวงแหนมันไว้ในอ้อมแขนของเธอ ไม่ซ่อนความเศร้าโศกในใจของเธออีกต่อไป และน้ำตาไหลออกมาร้องไห้อย่างหนัก
ไม่รู้ว่าร้องไห้ไปนานเท่าไหร่ เธอน่าจะร้องไห้จนเหนื่อยแล้ว ได้ก้มลงบนโต๊ะหนังสือนั้นทันที และหลับไป
ในวันรุ่งขึ้น มายมิ้นท์ถูกปลุกโดยเสียงกริ่งประตู
เธอได้ลืมตาขึ้น และนั่งตัวตรง จึงจะพบว่าตัวเองปวดหลังไปหมดแล้ว และปวดลำคออีกด้วย ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถขยับได้อย่างเต็มที่เลย
ช่วยไม่ได้ หลังจากที่เธอได้นำแผ่นซีดีเก็บไว้อย่างระมัดระวังแล้ว ก็ได้ลุกขึ้นนวดที่ลำคอ และพร้อมกับเดินออกจากห้องทำงานไป เดินตรงไปทางโถงทางเดินของห้องรับแขก
เปิดประตูออก เห็นลาเต้ที่ได้อุ้มตุ๊กตาไว้ตัวหนึ่ง แล้วยิ้มให้เธอและเห็นฟันขาวเรียงเป็นแถว“อรุณสวัสดิ์ครับ ที่รัก!”
มายมิ้นท์เห็นเขายิ้มโง่เง่าเช่นนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา“อรุณสวัสดิ์ เข้ามาสิ”
ลาเต้ยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับแม้แต่น้อย ราวกับตกตะลึงอย่างนั้น
มายมิ้นท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย“คุณเป็นอะไรไป?ยังยืนนิ่งอยู่อีกทำไมล่ะ?”
ในที่สุดลาเต้ก็ได้สติกลับมา มองดูเธอด้วยความตกใจ“ที่รัก คุณกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้วหรือครับ?”
“อื้อ”มายมิ้นท์เอ่ยปากตอบกลับไป
ลาเต้ได้สงสัยขึ้นมา“ที่รัก คุณกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ยังไงหรือ?คุณได้ยอมรับความเปลี่ยนแปลงตัวตนของตัวเองแล้วหรือ?”
มายมิ้นท์ตอบกลับ“ใช่แล้ว ฉันยอมรับมันแล้ว”
“ทำไมเร็วขนาดนี้ล่ะ?”ลาเต้ได้จับที่ข้อมือของเธอ และพาเธอไปตรงโซฟาห้องรับแขก จากนั้นก็กดที่ไหล่ของเธอ ให้เธอนั่งลงไป แล้วก็พูดว่า:“ที่รัก คุณรีบบอกกับผมหน่อย ว่าคุณยอมรับมันได้ยังไงกัน?”
เขารู้ว่าในไม่ช้านักเธอต้องยอมรับความเปลี่ยนแปลงตัวตนของตัวเองได้แน่นอน เพราะไม่ว่ายังไงก็เป็นเรื่องที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้อยู่แล้ว ไม่ยอมรับมันแล้วจะทำยังไงได้ล่ะ?
จะไม่มีความสัมพันธ์กับตระกูลกิตติภัคโสภณอย่างนั้นหรือ!
เพียงแต่ว่าเขานึกไม่ถึง ว่าเธอจะยอมรับมันหลังจากผ่านไปเพียงคืนเดียว เดิมทีเขายังคิดว่า ต้องใช้เวลานานเลยล่ะ
มายมิ้นท์ได้หยิบทิชชูเปียกหนึ่งแผ่นบนโต๊ะน้ำชานั้น และเช็ดตาของตัวเอง
อาจจะเป็นเพราะว่าเมื่อคืนได้ร้องไห้หนักๆไปหลายรอบ ก่อนนอนก็ไม่ได้ไปล้างเครื่องสำอางออกก่อน ดังนั้นตอนนี้เลยรู้สึกว่าตาแห้งมากไม่สบายตาเลย
เธอเช็ดตาพร้อมกับพูดว่า“ในกล่องที่คุณป้าได้ให้ฉันมานั้น เป็นแผ่นซีดีน่ะ ข้างในนั้น เป็นการอัดคลิปตอนที่คุณพ่อคุณแม่ยังมีชีวิตอยู่ พวกเขารู้ว่าไม่ช้าก็เร็วที่ฉันจะต้องรู้ว่าตัวเองไม่ใช่ลูกที่แท้จริงของพวกเขา ดังนั้นกลัวว่าฉันจะคิดมาก กลัวฉันจะเสียใจ จึงได้อัดคลิปวิดีโอนั้นมาปลอบโยนฉัน บอกกับฉันว่า ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ใช่ลูกที่คลอดโดยพวกเขา แต่ฉันก็เป็นลูกสาวของพวกเขา พวกเขารักฉันมาก”
พอพูดถึงตรงนี้ เธอก็ยิ้มมุมปากออกมาเล็กน้อย
ลาเต้มองดูที่เขา พยักหน้าอย่างเข้าใจ“ที่แท้ก็อย่างนี้นี่เอง”
“ดังนั้นฉันก็ปล่อยวางแล้ว”มายมิ้นท์เงยหน้าขึ้นจ้องมองที่เขา“พวกเขามองฉันเป็นลูกสาวที่แท้จริง ถ้าหากเพียงเพราะฉันรู้ว่าตัวฉันเองไม่ใช่ลูกที่แท้จริงของพวกเขา แล้วไปปฏิเสธตัวพวกเขา งั้นฉันก็ไม่คู่ควรการเป็นมนุษย์เลย”
ลาเต้ก็ได้นั่งลง “คุณคิดได้เช่นนี้ก็ดีแล้วล่ะ คุณไม่รู้ ว่าเมื่อคืนผมเป็นห่วงคุณมากเลย แล้วก็คุณแม่ของผมอีก นอนไม่หลับกันทั้งคืน เพราะไม่ว่ายังไงก็เป็นเธอที่เป็นคนบอกให้คุณ เรื่องตัวตนที่แท้จริงของคุณ หากคุณไม่ก้าวเดินออกมา ในใจเธอนั้นทั้งละอายและเกลียดนัก คิดมาโดยตลอด หรือว่าตัวเองทำผิดแล้ว”
“ขอโทษด้วยนะเต้ ที่ทำให้คุณกับคุณป้าเป็นห่วงน่ะ ทางคุณป้า เดี๋ยวฉันจะโทรไปหาเธอเอง”มายมิ้นท์ได้เทน้ำหนึ่งแก้วให้กับตัวเอง พูดด้วยความรู้สึกผิด
“โอเค”ลาเต้พยักหน้า จากนั้นก็คิดอะไรได้ และได้นำตุ๊กตาในอ้อมแขนของเขายัดเข้าไปในอ้อมแขนของเธอ“อันนี้ให้คุณ”
“คุณให้ฉันอันนี้ทำไม?”มายมิ้นท์ก้มศีรษะลงและมองดูหมีน่ารักในอ้อมแขนเธอ ถามด้วยความสงสัย
ลาเต้เกาหัวตัวเอง “ผมเป็นห่วงคุณว่ายังไม่ก้าวเดินออกมา ดังนั้นจึงซื้ออะไรมาปลอบใจคุณน่ะ แต่ผมคิดว่าซื้ออะไรก็ไม่เหมาะเลย สุดท้ายเลยเลือกอันนี้มา คุณอย่ารังเกียจนะ”
มายมิ้นท์หัวเราะเบาๆ“ไม่หรอก ฉันชอบมากเลย ขอบคุณนะเต้”
แม้ว่าเธอจะไม่ชอบของเล่นจำพวกนี้เลย
แต่ด้วยความหวังดีของผู้อื่น เธอไม่เคยจะทำให้ผิดหวังเลยสักครั้ง
พอได้ยินมายมิ้นท์บอกว่าชอบ ลาเต้ก็ยิ้มออกมา“จะว่าไปแล้วที่รักคุณกินข้าวเช้าหรือยังครับ?”
มายมิ้นท์พยักหน้า“ยังเลยค่ะ”
“ถ้างั้นเดี๋ยวผมออกไปซื้อ คุณรอผมอยู่ที่บ้านนะครับ”ขณะที่ลาเต้พูดอยู่ ก็ได้ลุกขึ้นมา
มายมิ้นท์พยักหน้าเล็กน้อย“โอเคค่ะ คุณไปเลย ฉันก็อยากอาบน้ำอยู่พอดี แล้วจะประคบตาหน่อยน่ะ”
แม้ว่าเธอจะไม่ไปส่องดูกระจก เธอก็รู้ว่าตาของตัวเองในตอนนี้ทั้งแดงและบวมมากแน่ๆ
เพราะว่าเมื่อสักครู่ตอนที่เปิดประตูนั้น เห็นได้ชัดว่าตอนที่ลาเต้เห็นเธอนั้นตกตะลึงทันที เพียงแต่ว่าไม่พูดออกมาเท่านั้นเอง
หลังจากที่ลาเต้ไปแล้ว มายมิ้นท์ก็ได้ไปที่ห้องอาบน้ำไปอาบน้ำแล้ว
พอเธออาบน้ำเสร็จ ลาเต้ก็ซื้อข้าวเช้ากลับมาแล้ว
หลังอาหารเช้า ทั้งสองก็ออกไปด้วยกัน และแยกกันตรงนอกชุมชน คนหนึ่งขับรถกลับตระกูลรัตติพีระ และอีกคนหนึ่งขับรถตรงไปเทนเดอร์กรุ๊ป
หลังจากที่รถทั้งสองคันหายไปจากสายตา ร่างหนึ่งก็เดินออกมาจากความมืด ถือโทรศัพท์มือถืออยู่ในมือ และพูดคุยกับปลายอีกด้านของโทรศัพท์
บริษัทตระกูลนวบดินทร์ ผู้ช่วยเหมันตร์พยักหน้า “ผมรับรู้แล้ว คุณกลับมาก่อนเถอะ”
พอพูดจบ เขาก็ได้วางโทรศัพท์ลง และได้ไปเคาะประตูออฟฟิศของประธาน
“เข้ามา” เสียงของเปปเปอร์ที่ค่อนข้างหดหู่ดังมาจากข้างในประตู
ผู้ช่วยเหมันตร์ผลักประตูและเข้าไปข้างใน และเห็นเปปเปอร์นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานโดยหลับตาลงเล็กน้อย เอนหลังพิงเบาะนั่ง มือข้างหนึ่งแตะที่อกเขา และขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สบายอย่างมาก
พอเห็นเช่นนี้ สีหน้าของผู้ช่วยเหมันตร์ดูตกตะลึง รีบเร่งฝีก้าวเดินเข้าไป “ประธานเปปเปอร์ครับ คุณเป็นอะไรหรือครับ?”
เปปเปอร์ได้ลืมตาขึ้น และได้เอามือที่แตะบนอกนั้นลงมา พร้อมสะบัดมือ“ผมไม่เป็นอะไร”
“ไม่เป็นอะไรจริงๆหรือครับ?ผมดูสีหน้าของคุณแล้วมันผิดปกติ หรือว่าหัวใจ……”
“พอได้แล้ว”เปปเปอร์เม้มริมฝีปาก ขัดจังหวะเขาด้วยความรำคาญใจเล็กน้อย“คุณมีเรื่องอะไร?”
เห็นได้ชัดว่าเปปเปอร์มีท่าทีที่ไม่สบาย แต่กลับไม่พูดอะไร และไม่อยากให้คนอื่นมาถามไถ่เรื่องสุขภาพร่างกายของตัวเอง ผู้ช่วยเหมันตร์ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้“มีเรื่องแจ้งมาจากทางของคุณมายมิ้นท์น่ะครับ ในตอนเช้าที่คุณมายมิ้นท์ออกมา สถานการณ์ของเธอก็ไม่ต่างอะไรจากปกติ น่าจะก้าวเดินออกมาจากความพังทลายที่รู้เรื่องตัวตนของตัวเองแล้วครับ”
เปปเปอร์ขมวดคิ้ว “เร็วขนาดนั้นเลย?”
ในจุดนี้ เขากับลาเต้นั้นคิดเหมือนกันเลย รู้ว่ามายมิ้นท์ก้าวเดินออกมาได้แน่นอน
แต่กลับคิดไม่ถึง ว่าจะเร็วได้ขนาดนี้
ผู้ช่วยเหมันตร์พยักหน้า“ใช่ครับ”
เปปเปอร์หรี่ตาลง “ดูเหมือนว่า จะมีคนพูดอะไรกับเธอแล้ว มิเช่นนั้นคงไม่มีทางเร็วได้ขนาดนี้หรอก ด้วยนิสัยของเธอแล้ว เธอจะสับสนและสงสัยในตัวเองสักพัก ก่อนที่เธอจะค่อยๆ เข้าใจมัน ”
“ถ้างั้นล่ะก็ ผมจะไปตรวจสอบดูว่าเป็นใคร……”
เปปเปอร์ยกมือขึ้น“ไม่ต้องแล้ว ก็ตามนี้เลย เธอก้าวเดินออกมาได้ก็เป็นเรื่องที่ดีแล้ว อย่างอื่น ก็ไม่ต้องไปยุ่งอะไร”
“ครับ”ผู้ช่วยเหมันตร์ตอบกลับ