ตอนที่ 14 แท่นบูชามิได้สร้างเสร็จในวันเดียว (2) โดย Ink Stone_Fantasy
ครั้งนี้ การไหลเวียนของกระแสพลังปราณสร้างแรงกดมหาศาลให้ร่างกายหวังลู่ ทว่าแม้กระดูกกระบี่ไร้ลักษณ์จะแข็งแรงเพียงใด แต่ภายใต้การกัดเซาะอย่างบ้าคลั่งของพลังปราณฟ้าดิน มันก็ส่งสัญญาณว่าพร้อมพังทลายได้ทุกเมื่อ
ทว่าคราวนี้หวังลู่ก็ไม่ต่างจากขี่หลังเสือ ตั้งแต่รอบที่หก กระแสพลังปราณไหลไปตามช่องที่ค่อยๆ ทรงพลังมากขึ้น แม้ไม่มีแรงหนุนจากภายนอก กระแสพลังปราณก็จะไหลขึ้นและตกลงมาด้วยตัวเอง ซึ่งแน่นอนว่าความแข็งแกร่งของมันก็จะยิ่งมหาศาลเข้าไปใหญ่! และเข้าใกล้กระแสพลังปราณที่สมบูรณ์แบบเข้าไปทุกที หากเพิกเฉย กระแสพลังปราณอาจจะยิ่งเข้มข้นขึ้น และเมื่อถึงขีดสุด มันอาจจะระเบิดออกมา… ทว่า ก่อนที่สิ่งนั้นจะเกิดขึ้น ร่างของหวังลู่คงแตกเป็นชิ้นๆ เพราะกระแสพลังปราณที่บ้าคลั่งไปก่อนหน้านั้นแล้ว
จากการคำนวณของเขา กระดูกกระบี่น่าจะทนรับไหวเพียงแค่รอบที่สิบเท่านั้น หลังจากรอบที่สิบเป็นต้นไป เส้นเอ็นในตัวเขาจะขาดสะบั้น กระดูกจะแตกร้าว และใต้ฐานจะพังทลาย…
ทว่าตอนนี้กระแสพลังปราณหมุนมาถึงรอบที่เก้าแล้ว
หวังลู่ได้แต่หวังว่าอีกสองรอบต่อมา เขาจะหาจุดผิดพลาดและแก้ไขมันทัน แต่นั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
การสั่นที่ผิดปกติของพลังปราณนั้นไม่ใช่เรื่องหลอก เพราะมันจะสั่นทุกครั้งที่กระแสพลังปราณผ่อนลง ณ จุดหนึ่ง จากที่หวังลู่ศึกษามา มันเหมือนกับว่าไปสัมผัสโดนเส้นฮวงจุ้ยอย่างไม่ตั้งใจ
เรื่องนี้ค่อนข้างน่าแปลกเพราะหลายวันที่อยู่ในหุบเขาหูสุนัข หลังลู่ได้ตรวจสอบเส้นฮวงจุ้ยเกือบทั้งหมดแล้ว หนำซ้ำเขายังพยายามหารูปแบบของพลังปราณฟ้าดินอีกด้วย ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่กล้าที่จะตั้งแท่นบูชานี้ขึ้นมา หากว่ามีเส้นฮวงจุ้ยแอบซ่อนอยู่ในหุบเขาหูสุนัขนี้ เขาย่อมต้องเห็นมันตั้งแต่เมื่อหลายวันก่อนแล้ว
โชคร้ายว่าหากเป็นเช่นนั้น เขาคงจะโทษใครไม่ได้นอกจากโทษสายตาตัวเอง ขณะที่หวังลู่กำลังเค้นหาสาเหตุของความผิดพลาดอย่างหนัก การปะทะรอบที่เก้าก็ได้เริ่มขึ้น
เขาเกือบสลบไปเพราะความเจ็บปวดแสนสาหัส แต่ทว่าการกระตุ้นที่รุนแรงทำให้เขาได้ความคิดบางบางอย่างฉับพลัน หากเขากำจัดข้อผิดพลาดนี้ไม่ได้ เขาสามารถรวมข้อผิดพลาดนี้ไปในกระบวนการสร้างกระแสพลังปราณได้หรือไม่ หากเขาปรับเปลี่ยนการคำนวณแรกเริ่มเพื่อรวมจุดผิดพลาดเข้าไป เขาอาจจะลดความแตกต่างของผลลัพธ์และยังสามารถสร้างกระแสพลังปราณได้อยู่ ตอนนี้ปัญหาเดียวก็คือ เขามีเวลาเหลือพอให้ปรับเปลี่ยนการคำนวณหรือไม่
เพราะรอบที่สิบของกระแสพลังปราณเริ่มขึ้นแล้ว
ในทางทฤษฎี ขีดจำกัดที่หวังลู่จะรับได้คือรอบที่สิบนี้ ทว่าตอนนี้เพียงรอบที่เก้าก็ทำให้เขาเกือบสิ้นสติแล้ว และแน่นอนว่ารอบที่สิบนั้นยิ่งต้องทรงพลังกว่ารอบที่เก้า ดังนั้นมีความเป็นไปได้สูงที่เขาจะหมดสติเมื่อรอบที่สิบเอ็ดมาถึง
ทว่าในเวลานี้ ตื่นตระหนกไปก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร ในวิกฤตที่กำลังเป็นอยู่นี้ หวังลู่ตั้งจิตให้มั่น กระดูกจักรพรรดิของเขาหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง ส่งคำสั่งไปยังกระดูกกระบี่ชิ้นอื่นอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ทำตาม กระดูกแต่ละชิ้นจัดองศาของตัวเอง และปล่อยพลังปราณฟ้าดินอกมาไม่หยุดหย่อนเพื่อเตรียมรับมือการกระทบกระเทือนที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ในทางทฤษฎี รอบที่สิบเอ็ดจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงกับผู้บำเพ็ญเซียนขั้นสร้างแกน และโอกาสรอดของหวังลู่มีเพียงหนึ่งส่วนเท่านั้น ทว่าจิตวิญญาณของนักผจญภัยมืออาชีพก็สะท้อนให้เห็น ณ ที่นี้แล้ว แม้โอกาสรอดจะมีเพียงแค่หนึ่งส่วน แต่ก็คุ้มที่เขาจะใส่ความพยายามร้อยส่วนลงไป
และในขณะที่หวังลู่พร้อมเผชิญบททดสอบของเวลา ก็เกิดเรื่องไม่คาดฝันอีกอย่างขึ้น
กระดูกกระบี่ออกมาจากฝัก
ตอนนี้กระดูกกระบี่ไร้ลักษณ์ของหวังลู่อยู่ในขั้นที่เก้า ความจริงแล้ว กระดูกสองร้อยหกชิ้นของเขาส่วนใหญ่เป็นเพียงกระดูกฝักกระบี่เท่านั้น กระดูกกระบี่จริงๆ มีเพียงแค่หยิบมือ กระจายอยู่ที่มือทั้งสองข้าง ซึ่งช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้วิชากระบี่ไร้ลักษณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทว่าหน้าที่จริงๆ ของมันยิ่งใหญ่เกินกว่าจะเอามาใช้เล่นๆ ขั้นต่อไปควรจะเป็น ‘กระบี่ออกจากฝัก’ ‘เปลี่ยนตั้งรับให้เป็นจู่โจม’ เพื่อเพิ่มพูนทักษะการตั้งรับ ซึ่งจะเป็นในขั้นที่สิบ
ตอนแรกหวังลู่คิดว่ากระดูกทั้งสองร้อยหกชิ้นต้องเปลี่ยนเป็นกระดูกกระบี่ที่แท้จริงทั้งหมดเสียก่อนจึงจะสลัดฝักได้ เรื่องนี้อาจารย์ของเขาเองก็ยืนยันมาเช่นกัน ทว่าในช่วงเวลาวิกฤตนี้ กระดูกกระบี่กลับออกมาจากฝักเองโดยไม่มีคำสั่งจากกระดูกจักรพรรดิด้วยซ้ำ สร้างความงุนงงให้หวังลู่ยิ่งนัก
ทว่านี่ถือเป็นเรื่องดี กระดูกกระบี่อยู่ในฝักและอยู่นอกฝักถือเป็นสองสิ่งที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง! หากกระดูกกระบี่สลัดออกจากฝัก มันต้องใช้พลังปราณฟ้าดินเป็นจำนวนมาก ซึ่งช่วยลดแรงกดได้จำนวนมหาศาล!
กระบี่ทอนคลื่นพลังปราณขนาดมโหฬารลง นี่คือพลังของกระบี่ที่อยู่นอกฝัก… แม้ขั้นของกระดูกกระบี่ทั้งสองร้อยหกชิ้นจะยังไม่สมบูรณ์อีกทั้งยังขาดการฝึกฝน แต่เมื่อเผชิญกับคลื่นพลังปราณฟ้าดินที่พุ่งเข้ามาในทุกทิศทุกทาง แม้มันจะสำแดงพลังได้ไม่เต็มร้อย แต่โดยรวมแล้ว แรงกดของหวังลู่ก็เหลือเพียงสามถึงสี่ส่วนเท่านั้น! ซึ่งแปลว่าเขาสามารถต้านทานกระแสพลังปราณได้อย่างน้อยอีกสองรอบ หนำซ้ำระหว่างที่กระดูกกระบี่พัฒนาขึ้นอย่างปุบปับ ฝักกระบี่ก็ถูกดึงให้ประสานกับพลังปราณมากยิ่งขึ้น ทำให้รอยร้าวที่เกิดขึ้นก่อนหน้ามลายไปในทันใด…
หวังลู่ฉวยโอกาสนี้ปรับเปลี่ยนการคำนวณอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เปลี่ยนโครงสร้างของพลังหมุนวนที่ใต้ฐาน ไม่นานนัก พลังหมุนวนที่สมบูรณ์แบบชุดใหม่ก็ถูกผลิตขึ้น สิ่งต่อไปที่เขาต้องทำคือดึงพลังหมุนวนออกมา และกระแสพลังปราณที่สมบูรณ์แบบก็จะปรากฏขึ้น
จากนั้น…แท่นบูชาในอุดมคติก็จะถือกำเนิดขึ้นมา
สำหรับแท่นบูชาประจำสำนักแล้วนั้น หวังลู่เลือกแท่นบูชากลั่นหยก ซึ่งเป็นแท่นบูชาระดับหกอย่างใส่ใจเต็มที่ ระดับการหลอมพลังปราณฟ้าดินของแท่นบูชานี้ถือว่าสูงมาก จนแม้แต่ในสถานที่อย่างหมู่บ้านตระกูลหวังที่ความเข้มข้นของพลังปราณฟ้าดินยังไม่อาจเรียกว่าแดนสวรรค์ที่แท้จริง ก็ยังสามารถผลิตศิลาวิญญาณชั้นสูงและวัตถุดิบมีค่าอื่นๆ ได้มากมาย
แน่นอนว่าหวังลู่ไม่ได้สนใจศิลาวิญญาณชั้นสูงหรือวัตถุดิบมีค่าอื่นๆ อะไรนั่นสักเท่าไร แต่ที่เขาเลือกแท่นบูชากลั่นหยกก็เพราะ มันเป็นแท่นบูชาประเภทเดียวที่ใช้ตบะขั้นฝึกปราณระดับต่ำของเขาในการสร้างได้ ส่วนจุดสำคัญในการสร้างกระแสพลังปราณคือแรงกดจำนวนมหาศาลของพลังปราณฟ้าดิน ซึ่งเป็นความสามารถพิเศษของหวังลู่ ดังนั้นแท่นบูชาประเภทนี้จึงเหมาะเจาะกับหวังลู่ที่สุดนั่นเอง
เมื่อกระแสพลังปราณที่รุนแรงรอบสุดท้ายมาถึง หวังลู่ก็ดึงเอาพลังหมุนวนออกมาจากใต้ฐาน ในเสี้ยวนาทีนั้นเอง มันก็ชนเข้ากับพลังปราณฟ้าดิน และทำให้เกิดปฏิกริยาสะท้อนกลับที่น่าพิศวง วัตถุดิบสำหรับตั้งแท่นบูชาที่กระจายอยู่รอบตัวเขาเริ่มหมุนวนกลางอากาศอย่างช้าๆ วัตถุดิบเหล่านี้เคลื่อนที่ได้เพราะการผสานกันระหว่างพลังปราณและพลังหมุนวน พวกมันแตกออกจากกันและกลับมารวมกันอีกครั้งเพื่อประกอบเป็นฐานของแท่นบูชา และในชั่วเวลานั้นเองที่รูปทรงของแท่นบูชาปรากฏขึ้นมา!
ทว่าในขณะนั้นเอง ภายใต้ระยะมองเห็นของหวังลู่ ก็เกิดการผันผวนที่ผิดปกติขึ้น!
ระยำ! อีกแล้วหรือ!? หวังลู่ไม่มีเวลาจะมารู้สึกประหลาดใจ เพราะเขาเห็นแหล่งที่มาของอาการผันผวนนั่นแล้ว
รอบสุดท้ายของการหมุนวนของกระแสพลังปราณ ระยะของพลังปราณฟ้าดินได้ขยายออกไปไกลถึงลี้ครึ่ง ซึ่งช่วยให้เขาจับที่มาของความผันผวนนี้ได้
ต้นกำเนิดของความผันผวนนั้นมาจากบ้านของเขานั่นเอง! แน่นอนว่าไม่ใช่บ้านที่อยู่ทางตะวันออกของหมู่บ้าน ภายใต้บ้านเก่าที่เขาถือกำเนิดขึ้น ก้อนหินรูปร่างประหลาดที่แปลกตาไปจากก้อนหินทั่วไปถูกฝังลงในดินไว้อย่างลวกๆ ทว่าในการปะทะที่แสนรุนแรงรอบสุดท้ายของพลังปราณฟ้าดิน มันกลับถูกพัดขึ้นมา ทำให้พลังปราณเกิดอาการผันผวน ส่วนก้อนหินก็แตกออกกลายเป็นรูปร่างของกระบี่!
หวังลู่ยิ้มหยันให้กับตัวเอง ก้อนหินก้อนนี้เขาเป็นคนฝังไว้เองเมื่อสิบกว่าปีก่อน ตอนนั้นเขารู้สึกเศร้าโศกอย่างมาก ราวกับว่าได้ฝังชีวิตของตนทั้งชีวิตลงไป… โชคร้ายที่ตอนนั้นเขายังเด็กมากทั้งร่างกายและจิตใจ ความทรงจำก็เลือนราง หลังจากนั้นเขาก็ลืมเรื่องนี้ไปเสียสิ้น
หินก้อนนั้นคือเศษดาวหางที่ประเมินค่าไม่ได้! มันกักเก็บพลังงานประหลาดเอาไว้ ในฐานะนักผจญภัยมืออาชีพ ตอนที่เขาคำนวณกระแสพลังปราณ เขาลืมปัจจัยนี้ไปเสียสนิท! เป็นการคำนวณที่ผิดพลาดแท้ๆ!
โชคร้ายที่ครั้งนี้ทุกอย่างสายไปแล้ว เศษชิ้นส่วนนั่นถูกพลังปราณฟ้าดินที่รุนแรงกวาดขึ้นมา และพุ่งตรงใส่เขาด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ จนแม้กระทั่งเสี่ยวหลิงเอ๋อร์ก็ตอบสนองไม่ทัน
ทว่าภายในชั่วพริบตาเดียว เศษชิ้นส่วนนั่นก็ถูกพลังปราณฟ้าดินกลืนเข้าไปแล้วถูกดึงไปยังใจกลางของกระแสพลังปราณ
ตอนแรก รูปทรงของแท่นบูชากลั่นหยกปรากฏให้เห็นแล้ว ทว่าเมื่อถูกวัตถุนอกโลกรุกราน มันก็บิดเป็นเกลียวในทันใด!
หวังลู่เม้มปากแน่น หลังจากสู้กับตัวเองอยู่พักใหญ่ เขาก็ตัดสินใจในทันใด เขาตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดในใจ
‘ระยำ! บิดาเจ้าคนนี้ช่างหัวเจ้าละโว้ย!’
………………………………….