ตอนที่ 14 แท่นบูชามิได้สร้างเสร็จในวันเดียว (1) โดย Ink Stone_Fantasy
ผู้จัดการศูนย์อากรเชาวน์ปัญญาหวังลู่สูดหายใจลึก
อึดใจถัดมา สภาพอากาศก็เริ่มเปลี่ยนแปลง สายลมพัดกรรโชกแรง
สีหน้าของตาแก่ลามกและอู้เฟยฮวาเปลี่ยนไปในทันที แม้ว่าขั้นตบะของพวกเขาจะไม่สูงนัก ทั้งรากวิญญาณที่ครอบครองก็ยังเป็นของชั้นต่ำ รวมถึงประสาทสัมผัสในการตรวจจับพลังปราณวิญญาณฟ้าดินก็ไม่ได้ดีไปกว่าศิษย์หน้าใหม่ของสำนักกระบี่วิญญาณเลยสักนิด… ทว่าพวกเขาจะไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของพลังปราณฟ้าดินที่รุนแรงดั่งพายุในทะเลนี้ได้อย่างไร
เพียงหายใจเข้าไปเฮือกเดียว หวังลู่ก็สูดเอาพลังปราณฟ้าดินในระยะเกือบหนึ่งลี้เข้ามาได้! ส่วนหนึ่งเป็นเพราะรากวิญญาณที่เขาครอบครองอยู่ และอีกส่วนเป็นเพราะพลังของค่ายกล ทว่า…มันก็กินวงกว้างถึงเกือบหนึ่งลี้! แม้แต่ผู้บำเพ็ญเซียนขั้นสร้างแกนทั่วไปยังไม่อาจดูดซับสนามพลังปราณได้กว้างใหญ่เช่นนี้เลย!
สำหรับตาแก่ลามกนั้น แม้เขาพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะสูดเอาพลังปราณฟ้าดินเข้าร่าง แต่ก็สูดเอาพลังปราณที่อยู่ไกลออกไปได้เพียงไม่กี่ฉื่อเท่านั้น!
ขณะเดียวกัน หวังลู่ผู้อยู่ในใจกลางพายุทะเลของพลังปราณฟ้าดินก็รู้สึกถึงแรงกดดันขนานใหญ่ของการดูดซับพลังปราณอย่างบ้าคลั่งนี้เช่นกัน แม้เขาแทบจะไม่ได้ใช้วิธีการหายใจของตบะขั้นฝึกปราณเลยก็ตาม ตอนนี้ที่ใต้ฐานวิหารหยกของเขา วงโคจรของพลังปราณฟ้าดินเริ่มก่อตัวขึ้นแล้ว จากการดูดซับอันทรงพลังของรากวิญญาณนภาในตัวเขา มันสามารถดูดซับพลังปราณฟ้าดินในอัตราปกติได้ ทว่าการดูดซับที่รุนแรงนี้แม้จะมีประสิทธิภาพอย่างน่าทึ่ง แต่ก็ทำให้ร่างกายของเขาบาดเจ็บได้
คลื่นพลังปราณขนาดมหาศาลชนเข้ากับกำแพงด้านนอกของรากวิญญาณนภา และปรากฏเป็นฝนสีทองอยู่ที่ใต้ฐาน ทว่ากระดูกกระบี่สองร้อยหกชิ้นที่ค้ำยันอยู่ต้องแบกรับแรงกดมหาศาล กระดูกกระบี่ไร้ลักษณ์นี้เป็นเพียงตัวเชื่อมเดียวที่เชื่อมภายในและภายนอกฐานเข้าด้วยกัน แต่มันก็มีความสามารถจำกัด เมื่อหวังลู่ดูดซับพลังปราณด้วยพลังทั้งหมดที่เขามี กระดูกกระบี่สองร้อยหกชิ้นนั้นก็ได้ใช้งานจนเต็มความสามารถแล้ว ทว่าในตอนนี้เมื่อมีค่ายกลมาเสริมแรงด้วย จึงกลายเป็นว่ามันทำงานเกินพิกัดไป ปลายข้างหนึ่งของกระดูกกระบี่ปลดปล่อยของเหลวสีทองอย่างต่อเนื่อง ทว่าเสาหยกเองก็สั่นสะท้านไม่รู้จบราวกับว่าเตรียมพร้อมจะระเบิดอย่างไรอย่างนั้น
หลังจากผ่านเวลาไปพักใหญ่ๆ การโคจรของพลังปราณฟ้าดินก็สิ้นสุดลง เมื่อหยาดฝนสีทองระเหยกลายเป็นไอ และพลังปราณฟ้าดินกระจายตัวออกไป หวังลู่ก็รู้สึกโล่งขึ้นมาในทันที
แน่นอนว่าเมื่อมองจากภายนอก หลังจากที่รวบรวมคลื่นพลังปราณฟ้าดินได้มากพอแล้ว มันก็ย้อนกลับอย่างฉับพลันด้วยแรงกระตุ้นที่รุนแรงยิ่งกว่าเดิมเสียอีก! การเปลี่ยนแปลงนี้น่าสะพรึงเสียจนตาแก่ลามกและอู้เฟยฮวาถอยหลังไปสองก้าวอย่างไม่ทันรู้ตัว ขณะเดียวกันพวกเขาก็รู้สึกว่าวงโคจรของพลังอิทธิฤทธิ์ในตัวก็ได้รับผลไปด้วยรางๆ สีหน้าของพวกเขาซีดเผือด ช่างเป็นกระแสพลังปราณฟ้าดินทรงพลังอะไรเช่นนี้!
หายใจเข้า หายใจออก รวบรวมเข้ามา ปลดปล่อยออกไป เหมือนการขึ้นและลงของระดับน้ำทะเลที่ทำงานเป็นวัฏจักรซึ่งเรียกว่าน้ำขึ้นน้ำลง และเมื่อมันทำงานเป็นวัฏจักร แปลว่าย่อมมีมากกว่าหนึ่งรอบ
อึดใจถัดมา หวังลู่ก็สูดลมหายใจลึกเพื่อให้กระดูกกระบี่ขยับอีกครั้ง
ครั้งนี้พลังปราณฟ้าดินที่สูดเข้าไปมีมากกว่าครั้งก่อนเสียอีก ภายใต้อิทธิพลของการสูดเข้าและปล่อยออก ระยะทางที่ส่งผลต่อพลังปราณฟ้าดินในการสูดลมหายใจครั้งที่สองนั้นขยายไปไกลกว่าเดิมอีกหลายสิบวา! และนี่คือแก่นของกระแสพลังปราณฟ้าดิน
การสูดลมเข้าและปล่อยออกแต่ละครั้งจะยิ่งซึมซับเอาพลังปราณฟ้าดินเข้าสู่วงโคจรมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไป มวลของมันก็ขยายขึ้นอย่างรวดเร็ว
ซึ่งแน่นอนว่าจะยิ่งสร้างแรงกดดันขนานใหญ่ให้หวังลู่ หากการสูดหายใจครั้งแรกทำให้กระดูกกระบี่สั่นไหว เมื่อการสูดหายใจรอบที่สองมาถึง เขาก็ได้ยินกระดูกกระบี่ส่งเสียงออกมาด้วยความเจ็บปวด… ฝนสีทองที่ใต้ฐานในครั้งก่อนมาคราวนี้ไหลทะลักราวกับเป็นน้ำตก
ทว่าเท่านี้ยังไม่พอ
ในการหายใจเข้ารอบที่สาม พลังปราณฟ้าดินในระยะเกือบหนึ่งลี้ถูกดูดเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง จำนวนพลังปราณฟ้าดินเพิ่มมากขึ้นเกือบสองเท่าของเมื่อรอบแรก! ความรุนแรงของผลกระทบเพิ่มขึ้นสามถึงสี่เท่า หวังลู่รู้สึกถึงความเจ็บปวดจากการที่กระดูกถูกบีบอัดได้อย่างชัดเจน และรู้ดีกว่าเขากำลังบาดเจ็บรุนแรง
แค่เพียงการดูดซับเอาพลังปราณฟ้าดินเข้ามา ถึงกับทำให้กระดูกกระบี่ไร้ลักษณ์ไร้พ่ายเจ็บหนักขนาดนี้ได้ ย่อมจินตนาการออกเลยว่ากระแสพลังปราณฟ้าดินนั้นทรงพลังเพียงใด! ทว่าตามที่หวังลู่คาดการณ์ไว้ เท่านี้ยังไม่เพียงพอ!
เขาต้องดูดซับพลังปราณเข้าไปอีกอย่างน้อยสามรอบ เพื่อที่จะมีพลังสะสมมากพอสร้างกระแสพลังปราณฟ้าดินที่รวบรวมแล้วปลดปล่อยด้วยตัวเอง ทว่าหลังจากทำซ้ำอีกสามรอบ เขาก็กลัวว่าร่างของตนจะสะบั้นเป็นชิ้นๆ ไปเสียก่อน
ทว่าใครใช้ให้เขาฝึกวิชากระบี่กระดูกไร้ลักษณ์เล่า ผู้ที่ฝึกวิชากระบี่ไร้ลักษณ์ย่อมไม่หวาดเกรงต่อการเจ็บปวด ตราบที่การโจมตีนั้นไม่รุนแรงจนยากจะฟื้นตัวได้ บาดแผลที่ได้รับแต่ละจุดยิ่งทำให้กระดูกกระบี่แข็งแกร่งขึ้น ดังนั้นแม้ขั้นตอนการดูดซับพลังปราณจะเจ็บปวดยิ่งนัก แต่หวังลู่ก็หาได้ใส่ใจไม่
ดังนั้นเมื่อผ่านรอบสี่ รอบห้า รอบหก… ที่พลังปราณฟ้าดินในรัศมีหนึ่งลี้ถูกดูดเข้ามาอย่างบ้าคลั่งราวกับคลื่นยักษ์ หวังลู่ก็รู้ว่าทุกอย่างใกล้จะสมบูรณ์แล้ว
คราวนี้ก็มาถึงส่วนสำคัญเสียที ตรงเส้นแบ่งเขตระหว่างกระแสน้ำขึ้นและกระแสน้ำลง เขาต้องใส่พลังของตัวเองเข้าไป เพื่อสร้างกระแสพลังปราณปลอมซึ่งจะทำให้เกิดกระแสพลังปราณของจริงอีกที… ในการบรรลุสิ่งนี้ เข้าไม่จำเป็นต้องมีพละกำลังที่แข็งแกร่ง แต่ต้องอาศัยการคำนวณที่แม่นยำและความมั่นใจที่หนักแน่น และสิ่งเหล่านี้ก็คือจุดแข็งของศิษย์แถวหน้าอยู่แล้ว!
ก่อนหน้านี้ที่หุบเขาหูสุนัข หวังลู่จำลองวิธีการทำอยู่หลายต่อหลายครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าการคำนวณของเขานั้นไม่ผิดพลาด เมื่อการปลดปล่อยรอบที่หกใกล้จะสิ้นสุดลง พื้นที่ที่กระแสพลังปราณส่งอิทธิพลไปถึงนั้นขยายออกไปเกินกว่าหนึ่งลี้ ตราบที่เขาใส่พลังหมุนวนในจังหวะที่ถูกต้อง ย่อมทำให้เกิดกระแสพลังปราณที่ถาวรแน่นอน และพลังหมุนวนนี้เขาก็เตรียมไว้อยู่ที่ใต้ฐานเรียบร้อยแล้ว
เมื่อการปลดปล่อยรอบที่หกสิ้นสุดลง มีช่วงสงบอยู่ชั่วขณะหนึ่ง จังหวะนี้เอง หวังลู่ที่กักเก็บความเจ็บปวดเอาไว้ที่ใต้ฐาน ก็เตรียมปล่อยพลังหมุนวนออกมา ซึ่งจากนั้นในการดูดซับรอบที่เจ็ด มันจะก่อให้เกิดปาฏิหาริย์ขึ้นมา ทว่าในช่วงเวลานี้เอง…
ฟู่!
ในการรับรู้ของหวังลู่ เมื่อกระแสรอบที่หกหยุดลง และเมื่อพลังปราณฟ้าดินเริ่มจะโคจรตามปกติอีกครั้ง ทันใดนั้นการสั่นไหวที่ผิดธรรมดาก็เกิดขึ้น
นี่มันอะไรกัน! หวังลู่พลันกระวนกระวายใจขึ้นมาทันที!
การสร้างแท่นบูชาโดยใช้ตบะเซียนขั้นฝึกปราณของเขานั้นต้องพึ่งรากวิญญาณนภาเพียงอย่างเดียว ทุกขั้นตอนเป็นผลมาจากการคิดคำนวณซ้ำหลายๆ ครั้งของหวังลู่ หากแม้เกิดข้อแตกต่างแค่เพียงเส้นผมเดียว ผลที่ได้อาจพลาดจากเป้าหมายที่ตั้งใจไว้นับพันลี้ และแน่นอนว่าการสั่นไหวที่ผิดธรรมดานี้ย่อมเป็นข้อแตกต่างเพียงเส้นผมเดียวที่ว่านั่น!
หวังลู่ไม่มีเวลาครุ่นคิดเหตุผลที่ทำให้เกิดข้อผิดพลาด เขาเก็บพลังหมุนวนไว้ที่ใต้ฐานตามเดิม และรีบสั่งการไปที่กระดูกกระบี่ไร้ลักษณ์
ดูดซับเร็วเข้า!
ทางที่ดีที่สุดที่จะแก้ข้อผิดพลาดคือกดมันลงไปในคลื่นกระแสพลังปราณฟ้าดิน! หวังลู่คาดหวังสูงมากในการสร้างแท่นบูชานี้ ดังนั้นมีหรือเขาจะไม่คาดคิดถึงเหตุร้ายเช่นนี้มาก่อน ดังนั้นเมื่อเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นจริงๆ แม้ว่าเขาจะแปลกใจ แต่ก็ไม่ได้ตื่นตระหนกอะไร
การดูดซับพลังปราณรอบที่เจ็ดช่วยขจัดร่องรอยของการสั่นสะท้านนั้นไปได้ เมื่อกระแสพลังปราณตกลง และก่อนที่กระแสพลังปราณจะพุ่งขึ้นอีกครั้ง หวังลู่ก็เตรียมพร้อมจะนำพลังหมุนวนที่อยู่ใต้ฐานออกมา แต่ทันใดนั้น…
ฟู่!
การสั่นสะเทือนลึกลับเกิดขึ้นอีกครั้ง ซึ่งทำให้หวังลู่เสียจังหวะอย่างสิ้นเชิง! ครั้งนี้ หวังลู่ไม่เพียงรู้สึกกระวนกระวายใจเท่านั้น
ครั้งแรกที่เกิดอุบัติเหตุ อาจพูดได้ว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่ว่าหากเกิดอุบัติเหตุติดๆ กันสองครั้ง… เช่นนั้นแล้วย่อมมีเหตุผลอย่างแน่นอน!
ทว่าไม่ว่าเหตุผลจะเป็นเช่นไร ก็ไม่สามารถหยุดหวังลู่จากการตั้งแท่นบูชาได้! เขาสั่งให้กระดูกกระบี่ดูดซับมันไปอีกครั้ง พร้อมหายใจเอาพลังปราณฟ้าดินเข้ามาเป็นรอบที่แปดเพื่อแก้ไขข้อผิดพลาด!
………………………………………………..