ตอนที่ 13 ขอต้อนรับคณะทำลายแห่งศูนย์อากรเชาวน์ปัญญา (2) โดย Ink Stone_Fantasy
กำแพงอิฐชั้นดี คานบ้านที่แข็งแรง แผ่นกระเบื้องที่ประณีตซึ่งอยู่มานานหลายสิบปี …ภายในพริบตาเดียวพวกมันก็ถล่มลงมาเหลือหนาเพียงสองฝ่ามือ จากนั้นก็จมลงไปในดินแล้วหายวับไปกับตา
สำหรับผู้บำเพ็ญเซียนขั้นสร้างฐานที่ค่อนข้างอิสระอย่างตาแก่ลามกแล้ว ผลของอาคมนี้ดูดีอย่างน่าทึ่งทีเดียว ตาแก่ลามกยิ้มพลางตบแผ่นกระดาษที่มีตัวอักษรว่า ‘ทำลาย’ เบาๆ เขาคิดว่าตนนั้นโชคดีที่หวังลู่ให้แผ่นกระดาษที่ฉีกออกมาจากหนังสือโบราณที่ไม่สมบูรณ์ของโลกเซียนมาหลายแผ่น เขาฝึกซ้อมมันเพียงไม่กี่วันเท่านั้น อีกทั้งเขายังฟื้นคืนจากอาการบาดเจ็บภายในที่ได้รับตอนอยู่ที่อำเภออู่โหวอย่างสมบูรณ์แล้ว ทักษะต่างๆ ก็กลับคืนมาเกือบจะทั้งหมด บางทักษะยังพัฒนาขึ้นด้วยซ้ำ!
แม้อาคมซึ่งมีแรงกดขนานหนักเช่นนี้จะสำเร็จได้เพราะพลังของยันต์ แต่ก่อนหน้านี้ ทั้งความเร็วในการปล่อยอาคมรวมถึงความแม่นยำในการควบคุมอาคมล้วนเกินความสามารถเขาทั้งสิ้น ถือเป็นฟ้าหลังฝนที่แท้ที่เมื่อผ่านเหตุการณ์เลวร้ายในคราวนั้นไปเขาก็สามารถมาถึงขั้นนี้ได้ในเวลาไม่กี่วัน! ฮ่า! การสอพลอศิษย์สำนักดังคนนี้ย่อมนำผลประโยชน์มาให้เขามากมายแน่นอน น่าเศร้าที่เขาไม่มีโอกาสเช่นนี้เมื่อครั้งที่อยู่กับสำนักเจ็ดดารา…
ขณะที่ตาแก่ลามกกำลังยินดีในโชคชะตาของตัวเองอยู่เงียบๆ กลุ่มฝุ่นฟุ้งก็ตกลงมาสู่พื้นดิน ชาวบ้านที่ยืนอยู่ใกล้ๆ พื้นดินราบเรียบนั้นต่างตะลึงจนกรามค้าง รวมถึงหัวหน้าหมู่บ้านที่แม้อยากร้องไห้แต่กลับไม่มีน้ำตาสักหยด
ตาแก่ลามกหัวเราะคิกคัก “เจ้าคิดว่าอย่างไร การทำลายในครั้งนี้สวยงามมากว่าไหม”
หวังฉี่เหนียนตอบเสียงสั่น “อาคมของท่านเทพเซียนราวกับสวรรค์ประทาน ช่างเป็นการทำลายที่สวยงามยิ่งนัก สวยงามยิ่งนัก!”
“เจ้านี่ตาแหลมไม่เบา! วางใจเถอะ หลังจากที่ตั้งแท่นบูขาเรียบร้อยแล้ว ข้าจะให้หนุ่มๆ ที่แข็งแรงสร้างบ้านหลังใหม่ให้เจ้าเอง รับรองว่าวิเศษกว่าบ้านผุๆ หลังเก่าของเจ้าเสียอีก”
แน่นอนว่านี่เป็นคำสั่งของหวังลู่ให้เป็นทั้งรางวัลและการลงโทษจากศูนย์อากรเชาวน์ปัญญา หวังฉี่เหนียนนั้น ตลอดสองปีแห่งความโง่เขลา เขาได้ทำสิ่งโง่เง่ามากมาย ดังนั้นจึงสมควรถูกลงโทษ ทว่าหัวหน้าหมู่บ้านชราผู้นี้ก็ทำหน้าที่อย่างรอบคอบและมีสติมาตลอดหลายทศวรรษ ดังนั้นแม้เขาจะไม่มีผลงานอะไร แต่ก็ยังสมควรได้รางวัลจากการทำงานหนักอยู่ดี ดังนั้นแล้วหวังลู่จะปล่อยให้เขาไร้บ้านได้อย่างไร
หลังจากที่ทำลายบ้านจนราบคาบ ตาแก่ลามกก็ขยับนิ้วเขียนเป็นตราขึ้นมา ทันใดนั้นวัตถุดิบจำนวนมากที่เตรียมพร้อมไว้นานแล้วก็ลอยออกมาจากย่ามสีเหลืองหม่น พวกมันเรียงตัวกันเป็นค่ายกลรูปวงแหวนอยู่บนพื้นดิน
จำนวนวัตถุดิบรวมทั้งการจัดเรียงนั้น หวังลู่เตรียมการไว้นานแล้ว ทันทีที่วัตถุดิบวางเรียงกันตามลำดับ อาคมก็หยุดลง
ขณะเดียวกัน ตรงกลางค่ายกลรูปวงแหวน เด็กหนุ่มหน้าตาเรียบๆ ก็ปรากฏตัวขึ้น
ตาแก่ลามกและคนอื่นๆ ในคณะก็คุกเข่าลงทันใด “คารวะท่านเจ้าสำนัก!”
หวังลู่ที่จู่ๆ ก็โผล่มาจากอาคมพรางตัว ก็แสดงประสิทธิภาพของนักแสดงมืออาชีพที่ฝึกซ้อมด้วยตนเองอย่างเต็มที่ เขาโบกมือด้วยสีหน้าเมินเฉย “พวกเจ้าลุกขึ้นเถอะ เวลาในโลกมนุษย์ของข้ามีจำกัด ดังนั้นรีบลงมือกันดีกว่า บอกพวกชาวบ้านให้ถอยออกไปก่อน ไม่เช่นนั้นพวกเขาอาจเข้ามาขวางทางได้”
เมื่อได้เห็นหวังลู่ปรากฏตัว หวังฉี่เหนียนและชาวบ้านคนอื่นๆ ก็เชื่อสนิทใจว่าเขาคือเซียนตัวจริงที่ลงมาจากโลกแห่งเซียน จึงพากันตื่นเต้นจนพูดไม่ออก โชคร้ายที่ก่อนพวกเขาจะได้หมอบกราบต่อหน้าหวังลู่ อู้เฟยฮวาก็สั่งให้ทุกคนกระจายตัวออกไป กันพื้นที่เวทีขนาดใหญ่เอาไว้สำหรับแสดงละครกลุ่ม
เหออวิ๋นและคนอื่นๆ ต่างคาดหวังกับการแสดงบทที่เหลือนี้มาก
ผู้บำเพ็ญเซียนตบะขั้นฝึกปราณระดับต่ำจะสร้างกระแสพลังปราณได้อย่างไร และเมื่ออิงจากทักษะของหวังลู่ เขาจะสรรสร้างแท่นบูชาชนิดใดออกมากันแน่ ดูจากวัตถุดิบที่ตระเตรียมมา น่าจะเป็นแท่นบูชาระดับแปด… ตอนที่เขายังหนุ่ม สำนักป่าหยก ซึ่งเป็นสำนักแรกของเขามีแท่นบูชาไฟระดับแปด ทำให้สำนักข้างเคียงริษยาไม่น้อย!
ธิดาเทพเฟิงหลิงเองก็อยากรู้เช่นกัน แม้นางจะยังไม่กระจ่างเกี่ยวกับหลักการของแท่นบูชาอะไรนี่ แต่นางก็เห็นมันอยู่บ่อยครั้งตอนที่อยู่บนเขากระบี่วิญญาณ สำนักกระบี่วิญญาณครอบครองทำเลที่ตั้งที่ดีงามที่สุดในแคว้นธาราครามในแง่ของพลังปราณฟ้าดิน แน่นอนว่าพวกเขาต้องไม่ปล่อยให้เสียเปล่า ภายในสำนักมีแท่นบูชาจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นงานฝีมือของอาวุโสหกลู่หลี เขาเป็นผู้อาวุโสที่ดูแลเรื่องการเงินของสำนัก ทั้งยังมีพรสวรรค์ด้านการสร้างแท่นบูชา เมื่อครั้งที่ตบะของเขายังอยู่ในขั้นพิสุทธิ์ เขาก็สร้างแท่นบูชาแท่นแรกของตนขึ้นมา นั่นคือแท่นบูชาไฟระดับเจ็ด… ทว่าดูท่าแล้วความทะเยอทะยานของหวังลู่ในตอนนี้ดูจะสูงกว่าของลู่หลีในตอนนั้นเสียอีก
ท่ามกลางสายตาของชาวบ้าน หวังลู่เดินอย่างไม่รู้สึกรู้สมไปยังใจกลางของค่ายกลวงกลม เขาเดินไปรอบๆ มัน จัดเรียงวัตถุดิบในการทำแท่นบูชาให้เข้าที่ จากนั้นก็ค่อยๆ หลับตาลง
ทันใดนั้นเอง โลกภายนอกก็หายไปจากการรับรู้ของหวังลู่ ในใจของเขามีเพียงทะเลพลังปราณฟ้าดินเท่านั้น
การสร้างแท่นบูชานั้นมีอยู่สองทาง นั่นคือใช้จิตแห่งเต๋าของตบะขั้นสร้างแกนหรือขั้นพิสุทธิ์ในการควบคุมพลังปราณวิญญาณฟ้าดิน ผลักและดันมันไปมาเพื่อให้ก่อตัวเป็นกระแสพลังปราณ ส่วนอีกทางหนึ่งนั้น… ต้องใช้การคำนวณการทำงานของพลังปราณฟ้าดินที่แม่นยำ แล้วหาโอกาสที่ดีที่สุดในการใช้หลักแรงน้อยผลักของใหญ่ แล้วดำเนินการไปตามนั้นเพื่อสร้างปาฏิหาริย์แบบก้าวกระโดด!
ในอดีต อาวุโสลู่หลีอาศัยประสาทสัมผัสที่เฉียบคมของเขาในการหาความเคลื่อนไหวของพลังปราณฟ้าดินได้อย่างแม่นยำและใช้ตบะขั้นพิสุทธิ์ระดับต่ำสร้างแท่นบูชาขึ้นมา อาวุโสลู่หลีครอบครองแก่นวิญญาณสวรรค์ชั้นหนึ่ง และในกลุ่มผู้อาวุโสบนหอกระบี่สวรรค์ด้วยกัน ความสามารถของเขาถือว่าอยู่ในระดับแถวหน้า หากเป็นผู้อาวุโสฟางเฮ่อหรือผู้อาวุโสหลิวเสี่ยนย่อมไม่อาจทำได้เช่นนี้แน่
ทว่ารากวิญญาณนภาที่หวังลู่ครอบครองนั้นทำให้เขามีประสาทสัมผัสที่เฉียบคมกว่ารากวิญญาณสวรรค์ธรรมดาๆ หลายเท่า! แม้ในตอนนี้ที่ขั้นตบะของเขายังต่ำอยู่ ทั้งจิตแห่งเต๋าของเขาก็ยังอ่อนด้อย เขายังสามารถจับความเคลื่อนไหวของพลังปราณฟ้าดินที่อยู่ไกลออกไปหลายลี้ได้
แน่นอนว่าแค่สามารถรับรู้ได้ยังไม่เพียงพอ ขั้นต่อไปคือต้องใช้พลังของตัวเองในการขับดันให้พลังปราณฟ้าดินหมุนวนเข้าหากันและแผ่มันออกจากกันอีกครั้ง… ตามจังหวะที่สอดประสานกัน เพื่อให้มันกลายเป็นกระแสพลังปราณฟ้าดินที่ไหลขึ้นไปและตกลงมาต่อเนื่องกันไม่ขาดสาย
นี่ถือเป็นขั้นตอนที่ยากมาก ตามตำราของลู่หลีนั้น หากต้องการกระตุ้นพลังปราณฟ้าดินอย่างราบรื่น คนผู้นั้นอย่างน้อยต้องใช้จิตแห่งเต๋าที่มีภาพเสมือนเก้าส่วนภาพจริงหนึ่งส่วน ซึ่งมักเกิดขึ้นในตบะขั้นสร้างฐานระดับกลาง นี่คือสิ่งที่อิงจากทฤษฎี ในครั้งนั้น ลู่หลีที่มีจิตแห่งเต๋าเป็นภาพเสมือนห้าส่วน ภาพจริงห้าส่วนก็สามารถสร้างแท่นบูชาสำเร็จได้
ในตอนนี้ จิตแห่งเต๋าของหวังลู่นั้นยุ่งเหยิงอย่างที่สุด ไม่ต้องพูดถึงภาพจริงเลย แค่ภาพเสมือนก็ยังสกัดได้ไม่สมบูรณ์ด้วยซ้ำ ดังนั้นความสามารถในการควบคุมพลังปราณฟ้าดินของเขาถือว่ายังไม่มี อย่างไรเสีย…การยักย้ายพลังปราณฟ้าดินนั้น ไม่จำเป็นต้องใช้จิตแห่งเต๋าได้ ภาพเสมือนเก้าส่วนและภาพจริงหนึ่งส่วนไม่ใช่เงื่อนไขเดียวที่จะทำได้ และหวังลู่เองก็มีเครื่องมืออย่างอื่นที่สามารถให้ผลลัพธ์เช่นเดียวกัน
กระดูกกระบี่ที่ใต้ฐานของเขาเริ่มสั่นไหว เสาหยกสองร้อยหกแท่งเริ่มหายใจถี่
……………………………………………….