บทที่ 616 สถานการณ์ที่น่าอึดอัด

Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน

บทที่ 616 สถานการณ์ที่น่าอึดอัด

 

ยามเมื่อพวกเขาไปถึงเมืองนกกระจอกแดงแล้ว ซูหยางถ้ามองไปยังอาคารที่ใหญ่ที่สุดจากท้อง

 

“คงจะเป็นสถานที่นี้แหละ” ซูหยางพึมพํากับตัวเองหลังจากที่เห็นอาคารขนาดใหญ่ที่กินเนื้อบางส่วนของถนนไป

 

สองสามอึดใจให้หลัง เขาก็ร่อนลงตรงหน้าทางเข้า

 

เมื่อเขาเห็นยามยืนอยู่ตรงหน้าทางเข้า ซูหยางจอดตรงไปหาพวกเขาและกล่าวว่า “ข้าคือ ”

 

“ท่านคงเป็นผู้อาวุโสเซียว มาที่นี่เพื่อที่จะรับตัวคุณหนูใช่หรือไม่” ยามจดจําเขาได้ในทันที และคํานับเขาด้วยท่าทางเคารพนบนอบ

 

“ใช่ข้าเอง” ซูหยางพยักหน้าด้วยท่าทางดีใจแกมประหลาดใจ ในเมื่อเขาคาดว่าจะเจอสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกันกับที่เขาเจอกับยามของสวนธรรมชาติศักดิ์สิทธิ์

 

“ข้าเสียใจจริงๆ ท่านผู้อาวุโสเซียว..” ผู้อาวุโสจงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าจําเป็นจะต้องขอโทษเขาอีกครั้งหลังจากที่เห็นยามที่มีความสามารถของตระกูลไค่ “ข้าจักต้องอบรมเจ้าพวกโง่พวกนั้นให้ดีอย่างแน่นอนเมื่อข้ากลับไป…”

 

“คุณหนูตอนนี้ศึกษาอยู่ในห้องของเธอ โปรดตามข้ามา”

 

จากนั้นยามก็นําทางซูหยางเข้าไปในอาคาร

 

เมื่อพวกเขาเดินผ่านคนรับใช้ที่อยู่ภายใน คนเหล่านั้นทุกคนต่างพากันโค้งคํานับเขาราวกับว่าคนเหล่านั้นรู้จักตัวตนของเขา

 

“ตระกูลไค่เตรียมตัวมาเป็นอย่างดี” ผู้อาวุโสจงแอบถอนใจหลังจากที่เห็นว่าตระกูลไค่ต้อนรับซูหยางอย่างไร เปรียบเทียบกับสวนธรรมชาติศักดิ์สิทธิ์ได้ปฏิบัติตัวต่อเขาอย่างไร

 

หลังจากนั้นพวกเขาก็ไปถึงที่ห้องไค่เอียน

 

ก๊อกก๊อก

 

คุณหนู ท่านผู้อาวุโสเซียวมาที่นี่เพื่อรับตัวคุณหนูแล้ว” ยามพูดหลังจากที่เคาะประตูเสียงดัง

 

สองสามอึดใจให้หลัง ไค่เอียนก็เปิดประตูและโค้งคํานับต่อซูหยาง “ศิษย์ไค่ คํานับอาจารย์ ขอบคุณที่มารับตัวข้าถึงที่นี่”

 

จากนั้นซูหยางก็ถามเธอว่า “เจ้าพร้อมที่จะไปหรือยัง”

 

ไค่เอียนพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “เจ้าค่ะ พวกเราสามารถไปได้ทุกเวลา”

 

“ดี ถ้าเช่นนั้นพวกเราไปรับคนสุดท้ายกัน”

 

ยามเมื่อพวกเขาไปอยู่ด้านนอกแล้ว ซูหยางก็นําเอายานบินออกมาแล้วกล่าวว่า “ในเมื่อสิ่งนี้ ไม่ได้มีไว้ให้รองรับคนจํานวนมากในคราวเดียว ดังนั้นมันค่อนข้างจะเบียดเสียดอยู่บ้าง”

 

“โอ” ไค่เอียนหน้าแดงเล็กน้อยเมื่อซูหยางพลันกอดเธอไว้ให้แนบชิดกับตัวเขา เพื่อที่พวกเขาจะได้มีที่ว่างพอที่จะรองรับพวกเขาทั้งสี่คนภายในเรือลําน้อย

 

“ข้าจะปล่อยพวกเจ้าลงที่นิกายดอกบัวเพลิงก่อนที่จะไปรับไป่ลี่ฮัว” ซูหยางพูดกับพวกเธอ

 

สองสามนาทีหลังจากนั้น ซูหยางก็ปล่อยพวกเขาทั้งสามคนที่หน้าบ้านของหวังซูเหรินที่นิกายดอกบัวเพลิง ก่อนที่จะไปยังสํานักหงส์สวรรค์”

 

“หือ พวกท่านมาทําอะไรกันอยู่ข้างนอกบ้านข้านี่” หวังซูเหรินถามพวกเขาด้วยสีหน้างุนงง หลังจากที่พวกเขาได้เคาะประตูบ้านเธอ

 

“เอ๋ ท่านอาจารย์มิได้บอกท่านในเรื่องการมาถึงของพวกเรารึ” ไค่เอียนถามเธอ “เขาเป็นคนที่พาพวกเรามาที่นี่ ”

 

“ซู- อาจารย์รึ ข้ามิได้ยินอะไรในเรื่องนี้เลย…” หวังซูเหรินส่ายหน้า

 

“อย่างไรก็ตาม ในเมื่ออาจารย์พาพวกท่านมาที่นี่ เข้ามาข้างในก่อน พวกเราจะเข้าใจสถานการณ์ก็ต่อเมื่อตอนที่พวกเราได้ถามเขา”

 

ในเวลานั้นที่สํานักหงส์สวรรค์ ซูหยางก็นํายานบินลงจอดตรงหน้าประตูบ้านของไป่ลี่ฮัว ก่อนที่จะเคาะประตูบ้าน

 

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ไม่มีการตอบสนองเป็นเวลาหลายนาที ซูหยางก็ตัดสินใจที่ จะใช้สัมผัสวิญญาณเพื่อที่จะดูว่าเธอได้อยู่ในบ้านหรือไม่

 

เมื่อเขารับรู้ว่าตัวตนของไปลี่ฮัวยังอยู่ภายในห้องของเธอ ซูหยางก็เลิกคิ้ว เขาเคาะประตูเสียงไม่ดังพอหรืออย่างไร

 

“เดี๋ยวก่อน… นี่คือ…”

 

ซูหยางพลันขมวดคิ้ว และเขาก็เตะประตูเปิดออกอย่างแรงในวินาทีถัดไปก่อนที่จะพุ่งเข้าไปภายในห้องของเธอ

 

ภายในห้องของเธอนั้น ไป่ลี่ฮัวกําลังนอนอยู่บนเตียง ดูเหมือนกับนอนหลับ แต่ว่ามีสีหน้าไม่สบายราวกับว่าเธอกําลังฝันร้าย และเสื้อผ้าของเธอก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็นเยียบ

 

“ผิวซีดเซียวเหมือนกับกระดาษ เหงื่อออกจํานวนมาก ร่างกายสั่นสะท้านเล็กน้อย…. เธอป่วยรึ” ซูหยางสามารถบอกได้ว่าเธอปวยจากเพียงแค่เหลือบมอง แต่เมื่อยังไม่ได้วินิจฉัยให้ถูกต้อง เขาก็ยังไม่รู้สาเหตุที่แท้จริงที่เกิดขึ้น

 

เขาจับมือเธอในทันทีและตรวจสอบชีพจรของเธอ

 

“พลังวิญญาณของเธอยุ่งเหยิง เธอทําบ้าอะไรกับตัวเองจนปวย” คิ้วที่ขมวดมุ่นบนใบหน้าของซูหยางลึกล้ําขึ้น

 

“คือ กลิ่นนี้”

 

ซูหยางเข้าไปใกล้ริมฝีปากไป่ลี่ฮัวแล้วสูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆแต่ไม่น่าพึงใจออกมาจากลมหายใจของเธอ

 

“นี่เป็นกลิ่นของยา และมันก็เป็นพิษด้วยอย่างงั้นรี ทําไมเธอจึงต้องกินยาที่มีพิษด้วย”

 

แม้ว่าเขาจะงุนงงกับสถานการณ์ที่สับสนนี้ ซูหยางไม่ได้ยืนอยู่นิ่งเฉยครุ่นคิด เขาออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็วแล้วกระโดดขึ้นไปบนยานบินก่อนที่จะพุ่งทะยานกลับไปยังนิกายดอกบัวเพลิงด้วยความเร็วสูงสุด

 

ยาเมื่อเขากลับไปถึงบ้านของหวังซูเหรินแล้ว เขาก็พังประตูด้วยการเตะที่รุนแรงและพุ่งเข้าไปในห้องยาของหวังซูเหริน

 

“ก-เกิดอะไร”

 

หวังซูเหรินและคนอื่นๆในบ้านต่างพากันตกใจเมื่อประตูห้องก็ถูกทําลายด้วยความรุนแรงอย่างกระทันหัน แต่ว่าความตกใจของพวกเขาก็เปลี่ยนไปเป็นความสับสนเมื่อพวกเขารู้ว่าใครเป็นคนที่ทําเช่นนั้นในเวลาต่อมา

 

“ซู-อาจารย์ ทําไมท่านจึงเร่งรีบเช่นนี้” หวังซูเหรินถามเขาด้วยเสียงงุนงง

 

“ไม่มีเวลาที่จะอธิบายในตอนนี้ ข้าจะอธิบายในตอนหลัง” ซูหยางกล่าวขณะที่เขาพุ่งตัวเข้าไปในห้องยาของหวังซูเหริน

 

ภายในห้องยา ซูหยางหยิบตัวยาต่างชนิดกันกว่า 10 ชนิดอย่างคล่องแคล่วแต่เยือกเย็น

 

ครั้นเมื่อเขามีตัวยาที่ต้องการทั้งหมดแล้ว ซูหยางก็ตรงไปที่ห้องปรุงยาที่อยู่ติดกัน และโยนตัวยาทั้งหมดที่เขาเพิ่งนํามาจากห้องยาเข้าไปในเตาปรุงยา

 

“เขากําลังปรุงยาในตอนนี้” หวังซูเหรินนิ่งงันกับการกระทําที่ไม่อาจเข้าใจได้ของซูหยาง

 

หลังจากนั้นไม่ถึงหนึ่งนาที ซูหยางก็ออกจากห้องปรุงยาพร้อมกับเม็ดยาที่ทําเสร็จใหม่ในมือ

 

จากนั้นเขาก็กระโดดขึ้นไปบนยานบินและทะยานบินกลับไปที่สํานักหงสวรรค์ ปล่อยให้หวังซูเหรินรู้สึกเหมือนถูกปล้นกลางวันแสกๆต่อหน้าต่อตา

 

เมื่อกลับมาถึงห้องของไป่ลี่ฮัวแล้ว ซูหยางก็โยนเม็ดยาเข้าไปปากตนเองและบดเป็นชิ้นเล็กๆ จากนั้นก็ดื่มน้ําอมไว้ในปาก

 

ครั้นเมื่อน้ํากับเม็ดยาในปากของเขาผสมผสานกันดีแล้ว ซูหยางก็เอาหน้ากากของตัวเองออกเปิดปากของไป่ลี่ฮัวด้วยมือของเขา

 

วินาทีถัดไป เขาก็ประทับริมฝีปากของตนเองเข้ากับริมฝีปากของไป่ลี่ฮัวก่อนที่จะบังคับของเหลวในปากของตนเองเข้าไปในลําคอของไป่ลี่ฮัว

 

อย่างไรก็ตาม ซูหยางก็ยังไม่ได้นิ่งนอนใจ เขาเอื้อมมือไปยังเสื้อของเธอในเวลาถัดมา

 

“ขอโทษนะ” เขาพูดเสียงดังก่อนที่จะแหวกเสื้อท่อนบนของเธอให้เปิดออก เผยให้เห็นเต้าสวยคู่หนึ่ง

 

โชคร้าย เขาไม่ได้อยู่ในสถานการณ์หรืออารมณ์ที่จะมาชื่นชมกับฉากนั้น เขารีบใช้นิ้วของเขากดลงไปบนส่วนที่มีค่าที่สุดบนอกเธอทันที

 

สองสามอึดใจให้หลัง ไป่ลี่ฮัวก็เริ่มไอออกมาเสียงดัง

 

แค่ก แค่ก

 

แค่ก

 

แค่ก แค่ก

 

หลังจากที่ไอสองสามรอบแล้ว ไป่ลี่ฮัวก็อาเจียนเอาลูกบอลกึ่งเหลวสารสีเขียวอมดําที่มีกลิ่นเหม็นออกมา

 

เมื่อเห็นพิษที่ทําอันตรายไป่ลี่ฮัวออกมาจากร่างของเธอแล้ว สุดท้ายซูหยางก็ถอนหายใจโล่งอกออกมาได้

 

ในเวลาต่อมา ไป่ลี่ฮัวก็ลืมตาเธอขึ้นมาอย่างช้าๆ

 

“ซูหยางรึ” ไป่ลี่ฮัวพึมพัมชื่อของเขาหลังจากที่เห็นใบหน้าของเขายืนอยู่ตรงหน้าของเธอ

 

“เดี๋ยวก่อน..อาจารย์” ยามเมื่อสติของเธอเริ่มแจ่มชัดขึ้น เธอก็ตระหนักว่านี่เป็นอาจารย์ของเธอที่มีหน้าตาเหมือนกับซูหยางที่อยู่ในห้องของเธอ

 

จากนั้นเธอก็สังเกตเห็นครึ่งท่อนบนของร่างเธอถูกคลายออก ทั้งริมฝีปากของเธอก็มีรสชาติแปลกๆ ไม่คุ้นเคย

 

“อ-อาจารย์ ท่าน…” ไป่ลี่ฮัวมองดูเขาด้วยสีหน้าหวาดกลัว ราวกลับว่าเธอเพิ่งถูกลวนลามยามที่เธอหลับ

 

อย่างไรก็ตามไม่ได้มีถ้อยคําออกมาจากปากของเธอ ในเมื่อเธอตกใจจนพูดไม่ออกกับสถานการณ์

 

“อะแฮ่ม”

 

ซูหยางพลันกระแอมออกมาแล้วกล่าวว่า “ก่อนที่เจ้าจะคิดว่าข้าเป็นนักล่าที่ลวนลามหญิงเมื่อเธอกําลังหลับจากความเจ็บปวด ก็ให้เวลาข้าชั่วขณะในการอธิบายสถานการณ์ให้เจ้าฟัง”

 

จากนั้นเขาก็ดําเนินการอธิบายสถานการณ์ให้เธอฟังนับตั้งแต่ต้น

 

“ข้ามาเพื่อรับตัวเจ้า แต่ว่าเจ้ามิตอบรับการเคาะประตู ดังนั้นข้าจึงใช้สัมผัสวิญญาณของข้า เพื่อดูว่าเจ้าอยู่ในบ้านหรือไม่ เมื่อข้าตระหนักถึงสถานการณ์ ข้าก็จึงยอมให้ตัวข้าเข้ามาในห้องของเจ้าเพื่อตรวจสอบอาการของเจ้า หลังจากที่เข้าใจว่าเจ้านั้นได้กลืนพิษเข้าไป ข้าก็ได้ไปปรุงยาแก้พิษ”

 

“ข้ากลับมาที่นี่ทันทีที่ข้าได้ยาแก้พิษ และรีบป้อนเจ้าในทันที แต่ในเมื่อเจ้ายังสิ้นสติอยู่ ข้าต้องบีบบังคับป้อนเจ้าผ่านปาก อย่างไรก็ตาม ยาแก้พิษเพียงลําพังไม่เพียงพอที่จะกําจัดพิษในร่างของเจ้าได้ ดังนั้นข้าจึงต้องกดจุดที่หน้าอกเจ้าเพื่อที่จะทําให้เจ้าอาเจียนเอาพิษออกมา ข้าหวังว่านี่คงจะพอที่จะแก้ไขความเข้าใจผิด”

 

“ถ้าเจ้าต้องการหลักฐานเพิ่มก็จงดูพิษที่เจ้าเพิ่งอาเจียนออกมา” ซูหยางชี้ไปยังสารสกปรกข้างกายเธอ

 

ไป่ลี่ฮัวฟังซูหยางอธิบายด้วยสีหน้าสับสน และครั้นเมื่อเธอตระหนักได้ถึงความผิดพลาดที่ร้ายแรงที่เธอเพิ่งทําลงไป ใบหน้าของเธอก็แดงขึ้นมาด้วยความละอายและอับอาย

 

“ข-ข-ข้ามิรู้ว่าจะขอโทษท่านอย่างไร ท่านอาจารย์ เมื่อมาคิดว่าตัวเองนั้นเคยคิดไปชั่วขณะว่าท่านเป็นคนประเภทนั้น ในเมื่อตามความเป็นจริงนั้นท่านเพิ่งช่วยชีวิตข้าไว้” ไป่ลี่ฮัวคุกเข่าลงกับพื้นต่อหน้าเขาในทันที และถึงกับโขกหัวของเธอเข้ากับพื้นแข็ง

 

“ใจเย็น แม้ว่าพิษนั้นจะออกไปพ้นร่างของเจ้าแล้ว เจ้าก็ยังคงบาดเจ็บอยู่” ซูหยางกล่าวกับเธอ