บทที่ 615 แค่ไม่สะดวกเล็กน้อย

Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน

บทที่ 615 แค่ไม่สะดวกเล็กน้อย

 

“ข-ข้าพอจะขอดูโอสถดอกบัวสวรรค์ได้หรือไม่” หัวหน้าผู้อาวุโสถามเขาด้วยเสียงที่สั่นเครือ และสายตาของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกที่โหยหา

 

“ได้สิ เจ้าสามารถเก็บมันไว้ได้” ซูหยางพูดขณะที่เขาโยนโอสถดอกบัวสวรรค์ไปให้อีกฝ่ายอย่างไม่ใยดี ทําเหมือนกับว่ามันไม่ได้มีค่าอะไรเลย

 

“อา” หัวหน้าผู้อาวุโสรีบกระโดดขึ้นไปตะครุบเม็ดยากลางอากาศด้วยสีหน้าหวาดกลัวสุดขีด รู้สึกเหมือนกับว่าหัวใจของเขากําลังจะระเบิดจากความตกใจ

 

“ข-ขอบคุณสวรรค์ ข้ารับมันไว้ได้” หัวหน้าผู้อาวุโสถอนหายใจหลังจากนั้น แต่มือของเขายังคงสั่นสะท้านราวกับเขาเกิดอาการชัก

 

“ตอนนี้ข้าได้แสดงความสามารถของข้าแล้ว เจ้ายังคงสงสัยในตัวตนของข้าอยู่หรือไม่” ซูหยางถามเขาในเวลาถัดมา

 

“ผู้เยาว์คนนี้ขออภัยที่สงสัยผู้อาวุโส ข้าจักแจ้งการมาถึงของท่านให้กับเจ้าสํานักในทันที” หัวหน้าผู้อาวุโสพูดก่อนที่จะจากไปจากที่แห่งนั้นในเวลาไม่นานหลังจากนั้น”

 

บรรดาศิษย์และผู้อาวุโสสํานักคนอื่นๆ พากันจ้องมองไปที่ซูหยางด้วยสายตาของความชื่นชมและเคารพนับถือ

 

“ข้ามิอยากเชื่อว่าข้าเพิ่งเป็นพยานถึงความสามารถของผู้อาวุโสเซียวด้วยดวงตาของข้าเอง”

 

“ใช่ ข้าได้ฝันถึงช่วงเวลาประวัติศาสตร์นี้นับตั้งแต่ข้าได้ยินถึงความสามารถของเขา เมื่อมาคิดว่าความฝันของข้ากลายเป็นจริงได้อย่างรวดเร็ว”

 

“ทั้งหมดนี้ล้วนต้องขอบคุณศิษย์พี่หญิงโหลว ถ้าไม่ใช่เธอใครจะสามารถผ่านการทดสอบและกลายเป็นศิษย์ของเขาได้ เขาก็คงยังไม่ได้อยู่ที่นี่ในเวลานี้”

 

ในเวลานั้นภายในบ้านของเจ้าสํานัก หัวหน้าผู้อาวุโสเคาะประตูเสียงดังลั่น

 

“ท่านเจ้าสํานัก นี่เป็นเรื่องเร่งด่วน โปรดออกมา”

 

หลังจากนั้น ผู้อาวุโสจงก็เปิดประตูออกมาพร้อมกับใบหน้าที่บิดเบี้ยวไปด้วยความโกรธ “เจ้าบ้า ข้ามิได้เตือนเจ้าหรอกว่าอย่ารบกวนข้าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เพราะว่าเจ้า ข้าจึงบังเอิญเผาโอสถบัวสวรรค์ไปอีกแล้ว”

 

จากนั้นหัวหน้าผู้อาวุโสกกล่าวขึ้นพร้อมกับขมวดคิ้ว “ท่านก็ได้บอกข้าเช่นกันว่าให้บอกกับท่าน ถ้าผู้อาวุโสเซียวมาเยี่ยมสํานักของเรา ไม่ว่าท่านจะทําอะไรก็ตาม”

 

“อะไรนะ ผู้อาวุโสเซียวมาอยู่ที่นี่แล้ว” ดวงตาของผู้อาวุโสจงเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ และความโกรธบนใบหน้าของเขาก็หายไปในทันที

 

“ทําไมเจ้าไม่พูดอย่างนี้เสียแต่แรก”

 

“เพราะว่าท่านไม่เปิดโอกาสให้ อย่างไรก็ตาม ดูนี่” จากนั้นหัวหน้าผู้อาวุโสก็แสดงโอสถบัวสวรรค์ที่ไร้ที่ติให้แก่ผู้อาวุโสจง

 

“สวรรค์ เป็นไปได้อย่างไรในโลกนี้” ผู้อาวุโสจงหยิบเม็ดยาด้วยมือที่สั่นสะท้าน

 

“ผู้อาวุโสเสี่ยวเป็นผู้ปรุงมันขึ้น…” หัวหน้าผู้อาวุโสกล่าว

 

“เอ๋ ทําไมเขาถึง…”

 

“เอ้อ… นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น”

 

หัวหน้าผู้อาวุโสทําการอธิบายสถานการณ์ให้กับผู้อาวุโสจง

 

“…”

 

หลังจากที่ได้รู้ทุกสิ่งทุกอย่างจากหัวหน้าผู้อาวุโสแล้ว ใบหน้าของผู้อาวุโสจงก็แดงกลับขึ้นมาด้วยความโกรธอีกครั้ง

 

“จ-เจ้าคนงี่เง่า เจ้ากล้าที่จะปฏิบัติกับผู้อาวุโสราวกับว่าเขาเป็นผู้บุกรุกอย่างนั้น ถึงกระทั่งทําให้เขาต้องทําการทดสอบเพื่อพิสูจน์ตัวตนของเขา เจ้าจะรับผิดชอบได้อย่างไรถ้าเขาตัดสินใจที่จะทอดทิ้งศิษย์ของข้าเพราะว่าเรื่องนี้” อาวุโสจงคําราม

 

“ต-แต่เขาดูใจเย็นกับเรื่องนี้ ดังนั้นก็ไม่น่าจะมีปัญหา…” หัวหน้าผู้อาวุโสกล่าวขึ้นอย่างเร่งรีบในเมื่อเขาไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ

 

“อีกอย่าง ข้าจักจัดการกับเจ้าโง่ยามเมื่อข้ากลับมา”

 

“ด-เดี๋ยวก่อน ท่านเจ้าสํานัก แล้วโอสถบัวสวรรค์นั่นหละ ท่านผู้อาวุโสกล่าวว่าให้ข้าเก็บมันไว้” หัวหน้าผู้อาวุโสกล่าวกับเขาด้วยเสียงตื่นตระหนก

 

“ตอนนี้มันถูกริบไว้”

 

“ไม่ ไม่มีทาง”

 

จากนั้นผู้อาวุโสจงก็หายตัวไปก่อนที่หัวหน้าผู้อาวุโสจะทันได้บ่น เขาไปรับตัวโหลวอี้เซียวผู้ที่ทําการปิดตัวฝึกฝีมืออยู่เช่นเดียวกันภายในพื้นที่ที่ตัดขาดจากสํานัก

 

“อี้เซียว ออกมาได้แล้ว ผู้อาวุโสเซียวมาที่นี่เพื่อที่จะรับตัวเจ้าแล้ว” ผู้อาวุโสจง ตะโกนอยู่ตรงหน้าอาคารเล็กๆ

 

สองสามอึดใจหลังจากนั้น โหลวอี้เซียวก็เปิดประตูออกมาแล้วพูดว่า “นี่มันครบเดือนแล้ว เวลาเหมือนติดปีกยามที่ข้าศึกษาวิชาที่อาจารย์ให้กับข้า…”

 

หลังจากนั้น โหลวอี้เซียวกับผู้อาวุโสจงก็ไปถึงที่เวทีอบรม

 

“ดูสิ นั่นท่านเจ้าสํานักและศิษย์พี่หญิงโหลว”

 

บรรดาศิษย์และผู้อาวุโสสํานักหยุดการพูดคุยของตนเองและคํานับพวกเขาหลังจากที่เห็นการปรากฏตัวของพวกเขา

 

แต่ทว่าพวกเขาสองคนไม่สนใจอะไรเลยและตรงเข้าไปหาซูหยาง

 

“ศิษย์โหลวคํานับอาจารย์” โหลวอี้เซียวคํานับเขา

 

“ผู้เยาว์คนนี้คํานับผู้อาวุโส” แม้กระทั่งผู้อาวุโสจงก็ยังคํานับเขาโดยไม่ลังเล แม้ว่าจะถูกมองจากศิษย์ทุกๆคนในนิกายที่อยู่ตรงนั้น

 

“สุดท้ายเจ้าก็มา มันค่อนข้างจะยุ่งยาก เจ้ารู้ไหม” ซูหยางข้าวกับพวกเขาด้วยเสียงเรียบเฉย

 

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ผู้อาวุโสจงก็รีบคุกเข่าบนพื้นแล้วกล่าวว่า “สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของข้า ถ้าเพียงแต่ข้าอบรมศิษย์ของข้าให้ดี ได้โปรด ข้าสาบานว่านี่จะไม่เกิดขึ้นอีกครั้ง ถ้าหากว่านี่ยังไม่เพียงพอ ให้ข้าแบกรับความรับผิดชอบและความโกรธแค้นของท่านทั้งหมด”

 

อย่างไรก็ตาม ซูหยางเพียงแค่ส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “มันเพียงแค่ไม่สะดวกสําหรับข้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเองข้ามิได้โกรธอะไรจริงจัง”

 

“อย่างไรก็ตาม ข้าได้ใช้เวลาที่นี่มากพอแล้ว และข้ายังคงต้องไปรับตัวคนอีกสองคน”

 

จากนั้นเขาก็หันไปมองดูโหลวอี้เซียวแล้วถามเธอว่า “เจ้าพร้อมที่จะไปหรือยัง”

 

“เจ้าค่ะ ท่านอาจารย์“ เธอพยักหน้า

 

“โชคดี อี้เซียว จําไว้ว่าอย่าสร้างปัญหาอะไรให้กับท่านผู้อาวุโส” อาวุโสจงพูดกับเธอด้วยรอยยิ้มของการพลัดพราก ดูเหมือนกับว่าเขากําลังส่งลูกสาวของเขาไปอยู่กับครอบครัวอื่น

 

“เจ้ากําลังพูดอะไร เจ้าก็ต้องไปกับเราด้วย” ซูหยางพลันพูดขึ้นมา สร้างความงุนงงให้กับเขา

 

“เอ๋ ข้ารึ” เขาชี้ไปที่ตัวเองด้วยใบหน้าสับสน

 

“การจะสอนคนเพิ่มไม่ได้ทําให้เกิดความแตกต่างมากมายนัก ถึงกระนั้น ข้าก็มิได้บังคับเจ้า ถ้าเจ้ามิต้องการที่จะมา เจ้าสามารถอยู่ที่นี่ได้” ซูหยางพูดกับเขา

 

“ข-ข้ายินดีที่จะไป มิใช่ โปรดให้ข้าไปกับท่านด้วย” ผู้อาวุโสจงรีบพูดด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข

 

ซูหยางพยักหน้า “เจ้าสามารถมาได้ แต่เพียงจําไว้อย่างหนึ่งว่า ข้ามิได้รับเจ้าเป็นศิษย์ และข้าก็เพียงยอมให้เจ้าเข้าร่วมในการอบรมของเราในฐานะแขกเท่านั้น”

 

“ข้าจักจดจําไว้ในใจเสมอ” เขารีบตอบ

 

“ขอบคุณ ท่านอาจารย์” โหลวอี้เซียวก็ขอบคุณเขาเช่นเดียวกัน ในเมื่อเธอรู้สึกว่าเขา ทําเช่นนี้เพื่อเธอ

 

หลังจากนั้น ซูหยางก็นําโหลวอี้เซียวกับอาวุโสจงขึ้นไปบนยานบินพร้อมกับเขา และเริ่มเดินทางไปยังตระกูลไค่ ที่ตั้งอยู่ใกล้พรมแดนด้านทิศตะวันตกของเมืองนกกระจอกแดง