Dual Cultivation บทที่ 614 ตัวจริง

 

หลังจากที่หัวหน้าผู้อาวุโสยอมให้ซูหยางปรุงยาเพื่อพิสูจน์ตัวตนของเขา พวกเขาก็พาซูหยางไปยังเวที่อบรมที่ซึ่งผู้อาวุโสปกติจะใช้สาธิตความสามารถในการปรุงยาของพวกเขาต่อสาธารณชนเพื่อที่ว่าศิษย์คนอื่นๆจะสามารถได้ชมและเรียนรู้จากพวกเขา

 

“ผู้ชมดูเหมือนจะมีอยู่พอสมควรทีเดียว” ซูหยางกล่าวขณะที่เขามองไปที่ที่นั่งของผู้ชมโดยรอบที่ตอนนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยบรรดาศิษย์และผู้อาวุโสสํานักเรียบร้อยแล้ว ราวกับว่าศิษย์ทุกคนในสํานักนี้ต่างพากันมาอยู่ที่นี่หมดแล้ว

 

“นั่นย่อมเป็นเกียรติอย่างยิ่งถ้าพวกเขาสามารถได้เรียนรู้การปรุงยาจากปรมาจารย์นักปรุงยา” หัวหน้าผู้อาวุโสกล่าวกับเขา

 

“นั่นมิได้หมายความว่าเจ้าถือว่าข้าเป็นตัวจริงหรอก หากว่าเป็นเช่นนั้นทําไมข้าจะต้องทําเช่นนี้ด้วยล่ะ” ซูหยางถามเขาด้วยรอยยิ้มเยือกเย็นเบื้องหลังหน้ากาก

 

หัวหน้าผู้อาวุโสเผยให้เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วกล่าวว่า “นั่นย่อมเป็นเกียรติถ้าเจ้าเป็นตัวจริงแต่ถ้าหากว่ามิได้เห็นความสามารถของเจ้า แม้กระทั่งข้าก็มสามารถที่จะพูดได้อย่างมั่นใจว่าเจ้าเป็นปรมาจารย์นักปรุงยาตัวจริงผู้ที่ค้นพบโอสถสู่ปฐพีและโอสถเหนือสวรรค์”

 

“อย่างนั้นรี” ซูหยางสามารถที่จะมองทะลุเจตนาของหัวหน้าผู้อาวุโส แต่เขาก็ทําเป็นเหมือนไม่รู้ในเมื่อมันไม่ได้เป็นอันตรายต่อเขาแต่อย่างใดในการแสดงให้บรรดาศิษย์เห็นความสามารถทางด้านการปรุงยาของเขา

 

ในเวลาต่อมาต่อหน้าสายตานับพัน ซูหยางก็ก้าวขึ้นบนเวทีและยืนอยู่ตรงหน้าเตาปรุงยาที่พวกเขาได้ตระเตรียมไว้ให้เขา

 

“ข้ามิได้มีวัตถุดิบที่จะปรุงยาโอสถสู่ปฐพี่หรือโอสถเหนือสวรรค์ในตอนนี้ ดังนั้นข้าจะปรุงยาอะไรก็ได้ที่เจ้าต้องการ” ซูหยางกล่าวกับเขา

 

“ถ้าเช่นนั้นข้าจักขอให้เจ้าปรุงยาโอสถบัวสวรรค์ เม็ดยาระดับสวรรค์ที่แม้กระทั่งท่านเจ้าสํานักก็มสามารถที่จะปรุงได้ทุกครั้ง” หัวหน้าผู้อาวุโสกล่าวกับเขาก่อนที่จะสั่งให้บางคนให้นําวัตถุดิบมาให้พวกเขา

 

สองสามนาทีให้หลังหัวหน้าผู้อาวุโสก็แสดงเม็ดยาและวัตถุดิบต่อซูหยาง ก่อนที่จะกล่าวขึ้นว่า “หากว่าเจ้าเป็นปรมาจารย์นักปรุงยาตัวจริงจากทวีปศักดิ์สิทธิ์กลาง เช่นนั้นเจ้าก็ควรที่จะสามารถปรุงยาโอสถบัวสวรรค์โดยไม่จําเป็นต้องมีสูตรใช่หรือไม่”

 

ซูหยางมองไปยังโอสถบัวสวรรค์ชั่วขณะหนึ่งก่อนที่จะเหลือบมองไปยังวัตถุดิบที่อยู่ข้างตัวของเขา

 

รอยยิ้มพลันปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาและเขาก็พูดว่า “เจ้าขาดวัตถุดิบที่จําเป็นสําหรับเม็ดยานี้”

 

“อะไรนะ” สีหน้าประหลาดใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหัวหน้าผู้อาวุโส และเขาก็รีบมองไปที่วัตถุดิบอย่างใส่ใจในครั้งนี้

 

“เขาพูดถูก มีวัตถุดิบตัวหนึ่งขาดไปจริงๆ และถึงแม้ว่ามันจะมิได้เป็นวัตถุดิบที่สําคัญที่สุดสําหรับเม็ดยา แต่ถ้าขาดมันไปก็จะเป็นไปไม่ได้ที่จะปรุงเม็ดยาออกมาได้ นี่เป็นไปได้อย่างไรกัน เขาสามารถที่จะบอกสูตรได้จริงๆรึจากเพียงแค่มองดูเม็ดยา หรือว่าเขาเคยปรุงเม็ดยานี้มาก่อน ไม่นั่นเป็นไปไม่ได้ ในเมื่อโอสถบัวสวรรค์นั้นถูกค้นพบเมื่อเพียงปีที่แล้วโดยเจ้าสํานัก และก็ยังไม่เคยเปิดเผยต่อสาธารณชนมาก่อน” หัวหน้าผู้อาวุโสแอบตกตะลึงถึงที่สุด

 

“บางทีชายคนนี้อาจจะเป็นตัวจริงอย่างแท้จริง”

 

หลังจากนั้นหัวหน้าผู้อาวุโสก็ตบคนที่นําเอาวัตถุดิบมาและตะโกนใส่อีกฝ่ายอย่างโกรธเคือง “เจ้าตั้งใจลืมวัตถุดิบหนึ่งในนั้นอย่างนั้น เพื่อที่ว่าเขาจะได้มสามารถพิสูจน์ตัวตนของเขาได้ เจ้ามิมีศักดิ์ศรีเลยรี เจ้าจะรับผิดชอบอย่างไรถ้าเขาคือตัวจริง”

 

“ศ-ศิษย์คนนี้มิกล้า มันเป็นความผิดพลาดเหตุบังเอิญจริงๆ ที่ทําให้ข้าลืมหนึ่งในวัตถุดิบไป” คนพูดนั้นร้องให้พร้อมกับสีหน้าขอโทษ

 

“ข้าต้องขอโทษอย่างลึกซึ้งสําหรับความผิดพลาดครั้งนี้ นี่มิใช่เจตนาของพวกเราในการคดโกงการทดสอบ ข้าหวังว่าท่านจะสามารถยกโทษให้กับพวกเรา” หัวหน้าผู้อาวุโสคํานับต่อซูหยาง โดยส่วนใหญ่แล้วก็เพราะเขารู้แจ้งแก่ใจว่าซูหยางนั้นเป็นตัวจริง

 

“ในเมื่อเจ้าสุภาพถึงเช่นนี้ข้าก็จะถือว่าความผิดพลาดครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการทดสอบ” ซูหยางกล่าว

 

“ขอบคุณ” หัวหน้าผู้อาวุโสพูด

 

ในเวลานั้นศิษย์คนอื่นๆและอาวุโสสํานักต่างพากันงุนงงสงสัยเมื่อพวกเขาเห็นหัวหน้าผู้อาวุโสก้มหน้าโค้งคํานับต่อซูหยาง นี่หมายความว่าหัวหน้าผู้อาวุโสรู้ว่าเขาเป็นปรมาจารย์นักปรุงยาตัวจริงใช่หรือไม่

 

“เอาละ นําเอาวัตถุดิบตัวสุดท้ายมาเพื่อที่ข้าจะสามารถเริ่มต้นได้” จากนั้นซูหยางก็กล่าวขึ้น

 

“ได้ในทันที”

 

หัวหน้าผู้อาวุโสให้คนที่ทําผิดพลาดไปนําวัตถุดิบตัวสุดท้ายมา

 

เวลาหลังจากนั้น ยาเมื่อวัตถุดิบทุกตัวมาครบหมดแล้ว ซูหยางก็เริ่มปรุงเม็ดยา

 

“ช่างเป็นเปลวเพลิงที่ดุร้ายแต่ควบคุมได้ง่ายดาย ข้ามเคยเห็นการควบคุมเพลิงที่พิสดารเช่นนี้มาก่อน” หัวหน้าผู้อาวุโสและศิษย์คนอื่นๆต่างพากันอ้าปากค้างด้วยความหวาดหวั่น เมื่อพวกเขาเห็นซูหยางสามารถควบคุมเพลิงไปรอบๆเตาปรุงยาได้อย่างปราศจากข้อผิดพลาด

 

และเพียงแค่มองดูการควบคุมเปลวเพลิงปรุงยาของซูหยาง บรรดาศิษย์ที่นั่นก็เริ่มรู้ว่าเขาเป็นตัวจริงแล้ว

 

ครั้นเมื่อเตาปรุงยาร้อนจนได้อุณหภูมิที่สมบูรณ์แล้ว ซูหยางก็หยิบเอาวัตถุดิบทั้งหมดที่อยู่ข้างกายของเขาโยนเข้าไปในเตาปรุงยา สร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้ชม

 

“เหมือนกันคําร่ําลือ เขาโยนวัตถุดิบทั้งหมดเข้าไปในเตาปรุงยาโดยไม่มีความลังเลเลยแม้แต่น้อย เขาเป็นตัวจริง”

 

มีประเด็นสําคัญอย่างหนึ่งที่ผู้คนพูดถึงเมื่อพูดถึงปรมาจารย์นักปรุงยาจากทวีปศักดิ์สิทธิ์กลางนั่นก็คือความสามารถที่เหมือนพระเจ้าที่สามารถทําให้วัตถุดิบหลายอย่างบริสุทธิ์ขึ้นมาได้พร้อมกัน และเมื่งได้เห็นมันด้วยตัวเอง มันก็เป็นเรื่องที่น่าตื่นตะลึงจนกรามค้างเหมือนดังเช่นคําร่ําลือได้พูดถึงอย่างแท้จริง

 

สองสามนาทีให้หลัง ซูหยางก็นําเอาเปลวเพลิงที่อยู่รอบๆเตาปรุงยาออกไปและเปิดฝา ควันสีดําก็พวยพุ่งออกมาในเวลาถัดจากนั้น

 

“อะไรกัน หรือว่าเขาเผาเม็ดยาไปแล้ว” ผู้ชมต่างพากันงงงันที่เห็นควันสีดําในเมื่อมันจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อบางคนเผาเม็ดยาไปเท่านั้น

 

อย่างไรก็ตามเมื่อซูหยางนําเอาเม็ดยาสีขาวบริสุทธิ์ออกมาจากเตาปรุงยาในเวลาถัดมาผู้ชมก็ พากันระเบิดเสียงโห่ร้องด้วยความตื่นเต้นและชื่นชม

 

“เม็ดยาไม่ถูกเผา”

 

“เขาประสบความสําเร็จในการปรุงเม็ดยาในครั้งแรกที่เขาลองได้จริงๆ และเขาก็ใช้เวลาเพียงสองสามนาทีเท่านั้น”

 

“เมื่อเปรียบเทียบกับท่านเจ้าสํานัก ที่ต้องใช้เวลาทั้งวันในการปรุงเม็ดยานี้โดยมีโอกาสประสบความสําเร็จน้อยกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ ความเหลื่อมล้ําช่างใหญ่หลวงนัก เหมือนกับแผ่นฟ้าแผ่นดิน”

 

“เขาเป็นตัวจริงปรมาจารย์นักปรุงยาตัวจริงจากทวีปศักดิ์สิทธิ์กลาง”