ตอนที่ 100-4 เล่นงานเจ้าไม่ตายให้มันรู้ไป!

จำนนรักชายาตัวร้าย

เมื่อมีคนเป็นแนวหน้า คนที่เหลือย่อมตามน้ำไปด้วย เหล่าขุนนางทุกคนจึงออกมาสนับสนุนข้อเสนอของเสนาบดีหวัง เชิญอวี้หลัวช่ามารักษาเชียนลั่วเฉิง

 

 

คราวนี้ทำเอาเชียนเจิ้นหยางโกรธจนควันออกหู

 

 

เมื่อตอนเช้าพวกคนเหล่านี้ยังประจบสอพลอคล่องปาก กล่าวคำสรรเสริญเยินยอเขามากมาย เชียนเจิ้นหยางยังหลงคิดว่าตนกลายเป็นฮ่องเต้ไปเสียแล้ว

 

 

ในเวลาไม่นาน พวกเขากลับแปรพักตร์ต้องการโค่นล้มเขาเสียแล้วหรือ

 

 

ช่างกลับกลอกราวกับปลาไหลก็ไม่ปาน!

 

 

“นางเป็นคนต้าโจว เป็นพวกเดียวกันกับซย่าโหวฉิงเทียน ใครจะไปรู้ว่าจิตใจนางคิดอะไรอยู่!”

 

 

เชียนเจิ้นหยางชี้ไปที่อวี้เฟยเยียนขณะหันไปกล่าวกับเหล่าขุนนางว่า

 

 

“หากนางลงมือทำร้ายเสด็จพ่อเล่า จะทำอย่างไร”

 

 

อวี้เฟยเยียนมองดูเชียนเจิ้นหยางที่กำลังจะเป็นบ้าคลั่ง ก็ส่ายหัวเบาๆ

 

 

“เยี่ยอ๋อง นี่ท่านกำลังใช้จิตใจที่ต่ำช้า ประเมินค่าสุภาพชนนี่นา!”

 

 

“หากข้ามีจิตใจชั่วร้ายจริง เมื่อครั้งที่ฉินจื้อเกิดโรคระบาด ข้าคงลงมือไปแล้ว!

 

 

“ข้าเป็นหมอ ช่วยคนรักษาชีวิตเป็นหน้าที่ของข้า หากท่านไม่ยินยอมให้ข้ารักษาเสด็จพ่อของท่าน ไม่อยากจะให้เขากลับมาแข็งแรงดังเดิม นั่นมันเป็นเรื่องของพวกท่านฉินจื้อ ไม่เกี่ยวอะไรกับข้าแม้แต่น้อย แต่หากท่านสงสัยในความเป็นคนของข้า มันย่อมไม่ถูกต้อง!”

 

 

“ท่านอย่าลืมว่า อย่างไรเสียข้าก็เป็นถึงจอมเทวา ให้ร้ายจอมเทวา โทษนี้ท่านรับมันไหวหรือ”

 

 

ขณะที่พูดอวี้เฟยเยียนจงใจแสดงพลังของตนเองออกมาด้วย

 

 

พลังที่แข็งแกร่งนั้น กดดันจนเชียนเจิ้นหยางต้องทรุดกายคุกเข่าลงบนพื้น

 

 

เดิมอวี้เฟยเยียนก็ไม่ได้คิดจะปล่อยเชียนเจิ้นหยางไปอยู่แล้ว นางใช้พลังบังคับให้เขาโขกศีรษะคำนับนางนับร้อยครั้งแล้วจึงยอมปล่อยเขา

 

 

ศีรษะที่โขกคำนับลงไปนับร้อยครั้ง ทำเอาหัวเชียนเจิ้นหยางอาบไปด้วยเลือด

 

 

ความหวาดกลัวที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก เชียนเจิ้นหยางรับรู้ได้ถึงพลังของจอมเทวา มันน่ากลัวถึงเพียงนี้!

 

 

หากอวี้เฟยเยียนใช้จุดนี้เป็นเหตุผลสังหารเขาเสีย คงไม่มีใครกล้าต่อต้านแม้สักคำ

 

 

เพราะจอมเทวาบนแผ่นดินใหญ่แห่งนี้เดิมทีก็สามารถทำอะไรก็ได้อยู่แล้ว

 

 

เมื่อก่อนหูซาอยู่ที่ฉินจื้อ เห็นใครไม่ถูกชะตาก็เข่นฆ่า แม้แต่เชียนลั่วเฉิงก็มิกล้าคัดค้าน

 

 

“อย่าฆ่าข้า!”

 

 

ตามองไปเห็นอวี้เฟยเยียนที่นั่งอยู่บนหลังคาพร้อมกับรอยยิ้มพิมพ์ใจ เชียนเจิ้นหยางถึงกับเข่าอ่อน

 

 

“เยี่ยอ๋อง มือทั้งสองข้างของข้ามีเอาไว้ช่วยคน ไม่ใช่เอาไว้ฆ่าคน!”

 

 

“เอ้อ ขอตักเตือนท่านอีกเรื่อง โรคอัมพาตจะต้องรีบทำการรักษา หากปล่อยเวลาให้เนิ่นนานออกไป โอกาสที่ผู้ป่วยจะหายกลับมาเป็นดังเดิมก็ยิ่งน้อยลง จะชั่วดีอย่างไรเชียนลั่วเฉิงก็รักดูแลท่านมาตั้งหลายปี มาตอนนี้ท่านกลับไม่ยอมให้รักษาอาการป่วยของเขา มันจะไม่โหดเ**้ยมทารุณเกินไปหน่อยหรือ!

 

 

คำพูดทุกประโยคของอวี้เฟยเยียน ประชาชนต่างก็ได้ยินโดยทั่วกัน

 

 

ถึงแม้ไม่รู้ว่าในเกิดเรื่องอะไรขึ้นในวังหลวง แต่พวกเขาก็รับรู้ได้บางส่วนจากคำพูดของอวี้เฟยเยียน

 

 

ฝ่าบาททรงเป็นอัมพาต

 

 

เยี่ยอ๋องมิยอมเชิญหมอมารักษาฝ่าบาท

 

 

เพราะอะไรกัน!

 

 

เขายังเป็นคนอยู่หรือเปล่า!

 

 

ชาวบ้านบางคนที่มีความมุทะลุตรงไปตรงมา เริ่มก่นด่าขึ้นมากลางถนน

 

 

เชียนลั่วเฉิงทะนุถนอมเยี่ยอ๋องราวกับดวงแก้วก็ไม่ปาน สองมือประคบประหงมราวกับกลัวว่าเขาจะแตกสลาย ความลำเอียงของเชียนลั่วเฉิงไม่ใช่แค่วันสองวัน แต่เป็นมาหลายปีแล้ว มาตอนนี้ฝ่าบาททรงเป็นอัมพาต เชียนเจิ้นหยางกลับขัดขวางทุกวิถีทาง เขาต้องการจะเป็นฮ่องเต้เสียเองนะสิ

 

 

“หมาป่าขี้ขลาดจอมเนรคุณ!”

 

 

เดิมทีชื่อเสียงเชียนเจิ้นหยางก็ไม่ดีอยู่แล้ว มาถูกอวี้เฟยเยียนแฉกลางงานเช่นนี้อีก ประชาชนยิ่งไม่อยากจะมองหน้าเขาเลยทีเดียว

 

 

ขณะเดียวกัน ผู้คนมากมายก็เริ่มคิดถึงเชียนเยี่ยเสวี่ยขึ้น

 

 

ในฐานะโอรสองค์โต แม้เยี่ยนอ๋องจะไม่ได้รับความรักจากเชียนลั่วเฉิง แต่ก็มีสติปัญญาที่ฉลาดหลักแหลมมาตั้งแต่เล็ก เปี่ยมด้วยความรู้ความสามารถทั้งบุ๋นและบู๊ ทิ้งห่างเชียนเจิ้นหยางมากมายนัก

 

 

และแม้ว่าเชียนเยี่ยเสวี่ยจะหน้าตาหล่อเหลาคมคาย ออกจะเจ้าสำราญไปสักนิด แต่นางก็ไม่เคยกระทำการเยี่ยงเชียนเจิ้นหยางที่ฉุดคร่าหญิงชาวบ้าน

 

 

เจ้าสำราญแต่ไม่ต่ำช้า นี่ต่างหากจึงเป็นคุณสมบัติของสุภาพชน!

 

 

ฉู่ฮองเฮามีชาติกำเนิดมาจากตระกูลฉู่ อ่อนหวานเรียบร้อยจิตใจงดงาม ดีกว่านางมารอย่างหลิวกุ้ยเฟยไม่รู้กี่ร้อยกี่พันเท่า

 

 

ยิ่งกว่านั้น หลังจากกลับมาจากหอราชาโอสถ เยี่ยนอ๋องก็สำเร็จขั้นราชา!

 

 

จอมราชาเชียวนะ!

 

 

เยี่ยนอ๋องอายุอานามเพียงสิบหกสิบเจ็ด จอมราชาที่อายุยังน้อยเท่านี้ ยังไม่ชัดเจนว่าอีกหรือว่าเกิดมาเพื่อเป็นดาว! เชื่อแน่ว่าอีกไม่นาน เยี่ยนอ๋องจะต้องสำเร็จจอมเทวา ไม่แน่ว่า ภายหน้าอาจกลายเป็นปรมาจารย์ก็เป็นได้!

 

 

น่าเสียดาย ที่คนดีมักอายุสั้น!

 

 

เชียนเยี่ยเสวี่ยและฉู่ฮองเฮามาด่วนจากไปเช่นนี้…

 

 

หากพวกเขายังมีชีวิตอยู่ละก็ คงไม่มีที่ให้เชียนเจิ้นหยางมากำเริบเสิบสานเช่นนี้เป็นแน่

 

 

ทันใดนั้นก็มีคนนึกถึงคำพูดอวี้เฟยเยียนขึ้นมา

 

 

ใต้เท้าอวี้หลัวช่าเคยป่าวประกาศที่ตลาดเพื่อบอกกล่าวให้ทุกคนได้รับรู้ว่า เชียนเยี่ยเสวี่ยถูกใส่ร้าย ฉู่ฮองเฮาก็ถูกใส่ร้ายเช่นกัน!

 

 

หรือเรื่องนี้มันจะมีอะไรแอบแฝงอยู่ภายใน

 

 

อวี้หลัวช่าได้ใจของประชาชน อีกทั้งในปีนั้นความสัมพันธ์ของอวี้หลัวช่าและเชียนเยี่ยเสวี่ยก็กำลังสับสนคลุมเครือ

 

 

แม้ในท้ายที่สุดคนทั้งสองจะไร้วาสนาต่อกัน มิอาจกลายเป็นทองแผ่นเดียวกันได้ แต่อวี้หลัวช่าก็ยินยอมเดินทางนับร้อยลี้ก็เพื่อมาล้างมลทินให้กับเพื่อน มิตรภาพเช่นนี้น่ายกย่องยิ่งนัก!

 

 

เรื่องราวที่ถูกซุบซิบพูดคุยกันในหมู่ประชาชนมักจะถูกใส่สีตีไข่เพิ่มเติมจนสมบูรณ์อยู่แล้ว!

 

 

ว่าแล้ว การคาดเดาต่างๆ นานาก็เริ่มแพร่สะพัดไปทั่วทั้งเมืองหลวง

 

 

ที่ผู้คนเชื่อมากที่สุดนั่นก็คือ หลิวกุ้ยเฟยและเยี่ยอ๋องแค้นเคืองเยี่ยนอ๋อง เกรงว่าเยี่ยนอ๋องจะเป็นที่นิยมชมชอบเกินหน้าเกินตาเชียนเจิ้นหยาง ดังนั้นจึงร่วมมือเยี่ยหงวางแผนให้ร้ายเยี่ยนอ๋องและฉู่ฮองเฮา บีบบังคับฉู่ฮองเฮาจนต้องปลิดชีพพระองค์เองเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ ส่วนเยี่ยนอ๋องก็เป็นตายไม่รู้แน่ชัด

 

 

เสียงลือเสียงเล่าเหล่าอ้างนี้ แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว

 

 

ทั้งยังได้ยินว่า สองสามวันมานี้ เชียนลั่วเฉิงไม่เคยล้มเลิกที่จะตามหาเชียนเยี่ยเสวี่ยเลย แต่หาอย่างไรก็หาไม่พบ จนเขาถอดใจ ส่วนชาวบ้านก็ยิ่งคิดว่าเยี่ยนอ๋องตายไปแล้วจริงๆ

 

 

ทว่า ในความเท็จเหล่านี้ก็มีความจริง ในความจริงก็ซุกซ่อนเสียงเล่าลือที่เป็นเท็จเอาไว้ ซึ่งมันแพร่สะพัดออกไปอีกครั้ง!

 

 

คล้ายกับพบแสงสว่างในทางตัน

 

 

ตอนนี้ เยี่ยนอ๋องกลายเป็นความหวังหนึ่งเดียวของประชาชน

 

 

ถึงกระทั่งมีคนอธิษฐานขอพรต่อหน้าพระ ขอให้เยี่ยนอ๋องปลอดภัยกลับมา ให้เยี่ยอ๋องเหลือขอนั่นไปตายเสีย!

 

 

คนที่ภาวนาเช่นนั้น ได้รวมไปถึงผู้ที่ยังนอนป่วยบนเตียงขยับเขยื้อนส่วนใดมิได้อย่างเชียนลั่วเฉิงด้วย

 

 

ในอดีตเขาคือฮ่องเต้ผู้สูงส่งที่ใครๆ ต่างก็เอื้อมไม่ถึง ข้างกายเขารายล้อมไปด้วยผู้คนที่คอยดูแลเอาอกเอาใจ

 

 

มาตอนนี้เขาล้มป่วย ลูกชายแท้ๆ กลับไม่อยากจะเห็นหน้า ข้างกายเหลือเพียงหมอหลวงหลี่ที่ขลาดกลัวคอยปรนนิบัติรับใช้ มันช่างเจ็บปวดและหนาวเหน็บหัวใจยิ่งนัก

 

 

โดยเฉพาะหลังจากปากและลำคอถูกลวกจนเป็นแผลไปทั่ว ยิ่งทำให้เชียนลั่วเฉิงเจ็บปวดทรมานจนยากจะเอื้อนเอ่ย

 

 

ตอนนี้เขากินได้เพียงอาหารเหลว เชียนเจิ้นหยางยังตัดขาดเขาไม่ให้ติดต่อกับโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง

 

 

หมอหลวงหลี่จึงทำได้เพียงหาเอาหม้อใบเล็กมาต้มโจ๊กรอให้เย็นแล้วจึงค่อยๆ ป้อนให้กับเขากิน

 

 

แต่ทว่า มือคู่นี้ของหมอหลวงหลี่ต้มยายังพอไหว แต่ต้มโจ๊กกลับเละไม่เป็นท่า

 

 

ไม่ต้มจนไหม้ ก็เดือดจนหม้อแทบพัง

 

 

จนกระทั่งหมอหลวงหลี่ยกโจ๊กที่กว่าจะต้มได้สำเร็จเข้ามา ทว่าเชียนลั่วเฉิงกินไปเพียงคำเดียวก็อาเจียนออกมาเสียแล้ว

 

 

นี่มันอะไรกันเนี่ย!

 

 

เทียบไม่ได้กับอาหารหมูด้วยซ้ำ!

 

 

เชียนลั่วเฉิงสงสัยยิ่งนักว่า หมอหลวงหลี่นั้นเจตนา

 

 

“ฝ่าบาท หม่อมเคยไม่เคยทำเรื่องเช่นนี้มาก่อน พระองค์ช่วยเห็นใจหม่อมฉันบ้างเถอะพ่ะย่ะค่ะ!”

 

 

ใบหน้าหมอหลวงหลี่เปอะเปื้อนเป็นปื้นดำและฝุ่นทั่วทั้งใบหน้า ดูสกปรกมอมแมมราวกับตัวตลกก็ไม่ปาน

 

 

“พระองค์ต้องทรงเสวยให้มาก คราวหน้าผู้น้อยจะตั้งใจทำให้ดียิ่งขึ้นพ่ะย่ะค่ะ!”

 

 

เห็นหมอหลวงหลี่ตัวสั่นงักงกเช่นนั้น เชียนลั่วเฉิงก็ถอนหายใจ ไม่ไปคิดเล็กคิดน้อยเอากับความรักตัวกลัวตายของหมอหลวงหลี่ที่แสดงออกมาเมื่อวานหลังจากที่ถูกเชียนเจิ้นหยางข่มขู่อีกต่อไป

 

 

อย่างไรเสีย หมอหลวงหลี่ก็ติดตามเขามาหลายปี เชียนลั่วเฉิงเองรู้ดีว่าหมอหลวงหลี่ไม่มีข้อเสียใด นอกเสียจากขี้ขลาดหวาดกลัวเท่านั้น

 

 

แต่เขากลับปฏิบัติต่อตนเองได้ถึงขนาดนี้ในเวลาเช่นนี้ ก็นับว่าไม่เลวแล้ว!

 

 

คิดได้ดังนั้น เชียนลั่วเฉิงก็ฝืนใจกลืนโจ๊กคำโตในปากลงไป

 

 

ถึงแม้ว่าในทุกครั้งที่กลืน เขาจะเจ็บปวดทรมานในปากและลำคอจนแทบทนไม่ไหว แต่เชียนลั่วเฉิงก็ยังคงกัดฟันกลืนมันลงไปให้จงได้

 

 

คำพูดที่อวี้เฟยเยียนกล่าวเมื่อครู่ เชียนลั่วเฉิงก็ได้ยินหมดแล้ว

 

 

ลูกเฮงซวยนั่นต้องการให้เขาตายจริงๆ!

 

 

ไม่ได้ เขาจะตายไม่ได้!