เชียนลั่วเฉิงต้องการให้หมอหลวงหลี่ไปตามอวี้เฟยเยียนมารักษาอาการป่วยให้กับเขา แต่เขากลับพูดไม่ได้ ทำได้เพียงส่งเสียง ‘อือๆ’ ออกมาเท่านั้น
หมอหลวงหลี่พยายามอยู่นานในที่สุดก็ฟังออกจนได้
“ฝ่าบาท ทรงอยากให้หม่อมฉันไปตามใต้เท้าอวี้หลัวช่าใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
“อื้อ อื้อ!’
เชียนลั่วเฉิงพยักหน้า
“ฝ่าบาท หม่อมฉันออกไปไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ ที่นี่มีทหารเยี่ยอ๋องเฝ้าอยู่โดยรอบ หม่อมฉันไร้ซึ่งวรยุทธ์ แม้แต่ประตูใหญ่นี่หม่อมฉันยังออกไปไม่ได้เลยพ่ะย่ะค่ะ!”
หมอหลวงหลี่ทำสีหน้าราวอยากจะร้องไห้ทว่าไร้ซึ่งน้ำตา เขายืนอยู่ตรงกลางระหว่างเชียนลั่วเฉิงและเชียนเจิ้นหยาง ลำบากใจจนไม่รู้จะทำอย่างไร!
แม้ว่าลึกๆ ในใจ หมอหลวงหลี่จะหวังให้ฝ่าบาททรงหายดีดังเดิมก็ตาม
แต่วิธีการของเชียนเจิ้นหยางทำให้เขาหวาดกลัว ยิ่งกว่านั้น ที่นี่ล้อมรอบไปด้วยคนของเชียนเจิ้นหยาง แม้แต่แมลงวันสักตัวยังบินออกไปไม่ได้ แล้วเขาจะทำอะไรได้เล่า!
เมื่อได้ยินสิ่งที่หมอหลวงหลี่กล่าว เชียนลั่วเฉิงก็ถอนใจออกมา ทำได้เพียงนอนราบอยู่บนเตียงเท่านั้น
เขานี่มันตาบอดแท้ๆ!
สายตาเหลือบมองไปที่ม่านเตียง เป็นครั้งแรกที่เชียนลั่วเฉิงรู้สึกว่าตนช่างไร้ความสามารถยิ่งนัก
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ในเวลาเช่นนี้เชียนลั่วเฉิงคิดถึงฉู่ฮองเฮาขึ้นมาจับใจ
ตั้งแต่เขาเกิดเรื่องแล้วหลิวกุ้ยเฟยพาขุนนางกลุ่มหนึ่งเข้ามาคราวก่อน นับตั้งแต่นั้นเขาก็ไม่เคยได้พบนางอีกเลย
เชียนลั่วเฉิงยังจดจำได้ดี ปีที่สองหลังจากที่ฉู่ฮองเฮาแต่งงานกับเขา เขาตกม้าจนขาหัก…
ในตอนนั้นฉู่ฮองเฮาสงสารเขาเป็นอย่างมาก ดวงตาทั้งสองของนางบวมช้ำจากการร้องไห้ ทุกวันนางจะต้องอยู่ข้างเตียงคอยปรนนิบัติเขา นางถึงขนาดลงมือเข้าครัวตุ๋นน้ำแกงให้เขาดื่มด้วยตัวเองทุกวัน เพื่อให้เขาฟื้นฟูร่างกายได้โดยเร็ว
เขาเองที่ไม่รู้จักถนอมนางเอาไว้ ผลักไสคนที่รักตนเองให้ไกลออกไป จึงได้มีจุดจบดั่งเช่นวันนี้
อีอี เจ้าเห็นหรือยัง
กรรมกำลังตามสนองข้าแล้ว!
เชียนลั่วเฉิงกำผ้าห่มเอาไว้แน่น น้ำตาไหลนองหน้า
เขารู้ดีว่า เขาในสภาพนี้ ฉู่ฮองเฮาไม่มีวันได้เห็นอีกต่อไปแล้ว
เพราะนางได้ควักลูกตาตนออกมาน่ะสิ จวบจนวินาทีสุดท้ายในชีวิตนางก็ยังไม่อยากที่จะมองเห็นเขาอีก นางคงจะแค้นเขามาก!
หากเทียบกับเชียนเจิ้นหยางที่กำลังอกสั่นขวัญแขวน และเชียนลั่วเฉิงที่กำลังรู้สึกผิดอย่างที่สุด เชียนเยี่ยเสวี่ยในตอนนี้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกว่ามากนัก
หลังจากอวี้เฟยเยียนเดินรอบวังหลวงหนึ่งรอบเต็มๆ ชื่อเสียงของเยี่ยนอ๋องในหมู่ราษฎรก็โด่งดังกระหึ่มขึ้นมาราวกับพลุแตก
พลัวะ พลัวะ…
และดูแล้วจะโด่งดังขึ้นเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่องอีกด้วย
ตี้อู่เฮ่ออีว่าจ้างแม่บ้านมาสองสามคนเพื่อช่วยงานในบ้าน ทุกคนล้วนแต่เป็นคนในเมืองหลวงทั้งสิ้น
ในช่วงเวลาที่พวกนางพักจากงานนั้น ก็เอาแต่พูดคุยเรื่องนี้กันยกใหญ่
ฟังจากปากท่านป้าแม่บ้านแล้ว ทำให้เชียนเยี่ยเสวี่ยรู้ตัวว่าตนเองกลายเป็นคนมีชื่อเสียงโด่งดังไปเสียแล้วในเวลานี้
เหล่าชาวบ้านต่างก็เริ่มตั้งกลุ่มขึ้นมาเพื่อตามหาเยี่ยนอ๋อง เนื่องจากเขายอมไม่ได้ที่จะให้เชียนเจิ้นหยางเป็นฮ่องเต้ ดังนั้นจึงฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เยี่ยนอ๋องที่หายสาบสูญไป
เหล่าแม่บ้านสาวใหญ่ต่างปรึกษาหารือกัน ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนขอลากับตี้อู่เฮ่ออีเพื่อไปตามหาเยี่ยนอ๋องกับชาวบ้านคนอื่นๆ
เมื่อได้ฟังเรื่องราวเหล่านั้น เชียนเยี่ยเสวี่ยก็อดที่จะนับถืออวี้เฟยเยียนขึ้นมาไม่ได้
นางเพียงแค่เผยโฉมที่วังหลวงเพียงครั้งเดียว กับกล่าวคำพูดไม่กี่ประโยค ก็สามารถปลุกระดมผู้คนได้
ในตอนนี้ เชียนเจิ้นหยางคงกำลังคิดหาทางเอาตัวรอดจนหัวแทบแตกแล้วกระมัง!
ส่วนเชียนลั่วเฉิง เขาจะคิดอย่างไร เชียนเยี่ยเสวี่ยหาได้ใส่ใจไม่
สำหรับเชียนเยี่ยเสวี่ยแล้ว บิดาผู้นี้กลายเป็นคนนอกที่ไร้ซึ่งความเกี่ยวข้องใดๆ กับนางตั้งนานแล้ว…
ทุกวันอวี้เฟยเยียนจะต้องเข้าไปเดินเล่นในวังสักรอบ
ซึ่งนางไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่น นอกเสียจากนั่งบนหลังคาของตำหนักจันทราในเวลาที่เชียนเจิ้นหยางว่าราชการในตอนเช้า แล้วกล่าวคำพูดสองสามประโยค
นางทำเพียงเท่านี้ ก็สามารถบีบเชียนเจิ้นหยางจนแทบจะร้องไห้ออกมา!
แต่วรยุทธ์เขาสู้อวี้เฟยเยียนไม่ได้ และในฉินจื้อก็ไม่มีใครรับมือกับนางได้เลยเช่นกัน
เมื่อคิดถึงว่าอวี้เฟยเยียนคือจอมเทวา เชียนเจิ้นหยางก็ทำได้เพียงอดทนอดกลั้น ในใจก็เอาแต่ภาวนาให้เยี่ยหงกลับมาโดยเร็ว
อวี้เฟยเยียนเข้าไปที่วังหลวงไม่ได้ยุ่งเรื่องไม่เป็นไรเรื่องเลยแม้แต่น้อย ถึงแม้ว่าเหล่าขุนนางจะขอร้องนางครั้งแล้วครั้งเล่าให้ช่วยทำการรักษาเชียนลั่วเฉิง แต่ถ้าหากว่าเชียนเจิ้นหยางไม่เอ่ยปากเองละก็ นางจะไม่ช่วยเชียนลั่วเฉิงเด็ดขาด!
ทุกวันอวี้เฟยเยียนจะตีฆ้องร้องว่าต้องการจะพบเยี่ยหงให้ได้ ทว่าก็ไม่เคยได้พบกับเยี่ยหงเลยสักครั้ง
ผ่านไปสองสามวัน บรรดาชาวบ้านก็เริ่มซุบซิบขึ้นมา ว่าเหตุใดเยี่ยหงถึงไม่ปรากฎตัวเสียที ถึงแม้นางจะบาดเจ็บ แต่เวลาก็ผ่านไปเนิ่นนานแล้ว น่าจะหายดีแล้วนี่นา
ความไม่สบายใจที่บังเกิดขึ้น ลุกลามขยายใหญ่ไปสู่จิตใจประชาชนทั่วไปอย่างรวดเร็ว
หรือเยี่ยหงเกิดเรื่อง
หรือแท้ที่จริงแล้วเยี่ยหงมิใช่ปรมาจารย์แต่อย่างใด ทั้งไม่ใช่จอมเทวาด้วย นางโกหก นางกำลังหลอกลวงทุกคน
เชียนเจิ้นหยางทำให้อวี้เฟยเยียนหุบปากไม่ได้ และก็หยุดข่าวลือต่างๆ นานานั้นไม่ได้เช่นกัน
เมื่ออวี้เฟยเยียนเข้าวังหลวงบ่อยขึ้น และเวลาก็ผ่านไปเนิ่นนานมากขึ้น ในที่สุดผู้คนก็เข้าใจได้โดยปริยายว่า แท้ที่จริงแล้วเยี่ยหงหายสาบสูญไปนั่นเอง!
เมื่อไร้ซึ่งปรมาจารย์คุ้มครอง ฮ่องเต้ก็ทรงประชวรถึงเพียงนี้ เยี่ยอ๋องต้องการแย่งอำนาจชิงบัลลังก์ ต้าโจวก็คอยจ้องจะเล่นงานอยู่ตลอดเวลา……
ในตอนนี้ ความหวังหนึ่งเดียวของฉินจื้อก็เหลือเพียงเยี่ยนอ๋องแล้ว!
“เสด็จแม่ ข้าจะเป็นบ้าอยู่แล้ว! ข้าถูกบีบจนเป็นบ้า!”
หลังจากว่าราชการเช้าเสร็จสิ้น เชียนเจิ้นหยางก็พุ่งตรงมาที่ตำหนักหลิวกุ้ยเฟย กอดนางร้องไห้ออกมาอย่างหนัก
“เสด็จแม่ ข้าควรจะทำอย่างไรดี”
เรื่องของอวี้เฟยเยียน หลิวกุ้ยเฟยได้ยินมาตั้งแต่แรกแล้ว แต่นางก็ไม่มีวิธีรับมืออวี้เฟยเยียนได้ ทำได้เพียงสั่งการให้หูจื้อเหนิงเพิ่มคนค้นหาเยี่ยหงเท่านั้น
“ผู้คนข้างนอกล้วนแต่บอกว่าข้าอกตัญญู ขุนนางพวกนั้นก็เอาแต่บีบบังคับข้า เพื่อที่จะให้ข้าไปเชิญอวี้หลัวช่ามารักษาให้กับไอ้แก่นั่น หากอวี้เฟยเยียนรักษาเขาจนหายจริงละก็ ข้าก็ต้องตายอย่างแน่นอน! เสด็จแม่ ท่านจะต้องช่วยข้าคิดหาวิธีนะพ่ะย่ะค่ะ!”
สองสามวันมานี้ เชียนเจิ้นหยางกินไม่ได้ นอนไม่หลับ แทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว
“เจ้าอย่าได้กังวลไป จะต้องมีวิธีสิ!”
หลิวกุ้ยเฟยกังวลใจเป็นอย่างมาก แต่ก็พยายามปลอบโยนเชียนเจิ้นหยางไปก่อน
ทันใดนั้น ดวงตานางเปล่งประกาย มือทั้งสองนางโอบศีรษะของเชียนเจิ้นหยางเอาไว้ ดวงตาจ้องมองเขาเขม็งปากก็กล่าวว่า
“หากว่าเชียนลั่วเฉิงตายไป มิเท่ากับเรื่องทุกอย่างคลี่คลายไปได้แล้วหรือ และวิธีที่ดีที่สุดก็คือ โยนบาปทั้งหมดให้อวี้หลัวช่า!”