ตอนที่ 100-5 เล่นงานเจ้าไม่ตายให้มันรู้ไป!

จำนนรักชายาตัวร้าย

เชียนลั่วเฉิงต้องการให้หมอหลวงหลี่ไปตามอวี้เฟยเยียนมารักษาอาการป่วยให้กับเขา แต่เขากลับพูดไม่ได้ ทำได้เพียงส่งเสียง ‘อือๆ’ ออกมาเท่านั้น

 

 

หมอหลวงหลี่พยายามอยู่นานในที่สุดก็ฟังออกจนได้

 

 

“ฝ่าบาท ทรงอยากให้หม่อมฉันไปตามใต้เท้าอวี้หลัวช่าใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

 

 

“อื้อ อื้อ!’

 

 

เชียนลั่วเฉิงพยักหน้า

 

 

“ฝ่าบาท หม่อมฉันออกไปไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ ที่นี่มีทหารเยี่ยอ๋องเฝ้าอยู่โดยรอบ หม่อมฉันไร้ซึ่งวรยุทธ์ แม้แต่ประตูใหญ่นี่หม่อมฉันยังออกไปไม่ได้เลยพ่ะย่ะค่ะ!”

 

 

หมอหลวงหลี่ทำสีหน้าราวอยากจะร้องไห้ทว่าไร้ซึ่งน้ำตา เขายืนอยู่ตรงกลางระหว่างเชียนลั่วเฉิงและเชียนเจิ้นหยาง ลำบากใจจนไม่รู้จะทำอย่างไร!

 

 

แม้ว่าลึกๆ ในใจ หมอหลวงหลี่จะหวังให้ฝ่าบาททรงหายดีดังเดิมก็ตาม

 

 

แต่วิธีการของเชียนเจิ้นหยางทำให้เขาหวาดกลัว ยิ่งกว่านั้น ที่นี่ล้อมรอบไปด้วยคนของเชียนเจิ้นหยาง แม้แต่แมลงวันสักตัวยังบินออกไปไม่ได้ แล้วเขาจะทำอะไรได้เล่า!

 

 

เมื่อได้ยินสิ่งที่หมอหลวงหลี่กล่าว เชียนลั่วเฉิงก็ถอนใจออกมา ทำได้เพียงนอนราบอยู่บนเตียงเท่านั้น

 

 

เขานี่มันตาบอดแท้ๆ!

 

 

สายตาเหลือบมองไปที่ม่านเตียง เป็นครั้งแรกที่เชียนลั่วเฉิงรู้สึกว่าตนช่างไร้ความสามารถยิ่งนัก

 

 

ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ในเวลาเช่นนี้เชียนลั่วเฉิงคิดถึงฉู่ฮองเฮาขึ้นมาจับใจ

 

 

ตั้งแต่เขาเกิดเรื่องแล้วหลิวกุ้ยเฟยพาขุนนางกลุ่มหนึ่งเข้ามาคราวก่อน นับตั้งแต่นั้นเขาก็ไม่เคยได้พบนางอีกเลย

 

 

เชียนลั่วเฉิงยังจดจำได้ดี ปีที่สองหลังจากที่ฉู่ฮองเฮาแต่งงานกับเขา เขาตกม้าจนขาหัก…

 

 

ในตอนนั้นฉู่ฮองเฮาสงสารเขาเป็นอย่างมาก ดวงตาทั้งสองของนางบวมช้ำจากการร้องไห้ ทุกวันนางจะต้องอยู่ข้างเตียงคอยปรนนิบัติเขา นางถึงขนาดลงมือเข้าครัวตุ๋นน้ำแกงให้เขาดื่มด้วยตัวเองทุกวัน เพื่อให้เขาฟื้นฟูร่างกายได้โดยเร็ว

 

 

เขาเองที่ไม่รู้จักถนอมนางเอาไว้ ผลักไสคนที่รักตนเองให้ไกลออกไป จึงได้มีจุดจบดั่งเช่นวันนี้

 

 

อีอี เจ้าเห็นหรือยัง

 

 

กรรมกำลังตามสนองข้าแล้ว!

 

 

เชียนลั่วเฉิงกำผ้าห่มเอาไว้แน่น น้ำตาไหลนองหน้า

 

 

เขารู้ดีว่า เขาในสภาพนี้ ฉู่ฮองเฮาไม่มีวันได้เห็นอีกต่อไปแล้ว

 

 

เพราะนางได้ควักลูกตาตนออกมาน่ะสิ จวบจนวินาทีสุดท้ายในชีวิตนางก็ยังไม่อยากที่จะมองเห็นเขาอีก นางคงจะแค้นเขามาก!

 

 

หากเทียบกับเชียนเจิ้นหยางที่กำลังอกสั่นขวัญแขวน และเชียนลั่วเฉิงที่กำลังรู้สึกผิดอย่างที่สุด เชียนเยี่ยเสวี่ยในตอนนี้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกว่ามากนัก

 

 

หลังจากอวี้เฟยเยียนเดินรอบวังหลวงหนึ่งรอบเต็มๆ ชื่อเสียงของเยี่ยนอ๋องในหมู่ราษฎรก็โด่งดังกระหึ่มขึ้นมาราวกับพลุแตก

 

 

พลัวะ พลัวะ…

 

 

และดูแล้วจะโด่งดังขึ้นเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่องอีกด้วย

 

 

ตี้อู่เฮ่ออีว่าจ้างแม่บ้านมาสองสามคนเพื่อช่วยงานในบ้าน ทุกคนล้วนแต่เป็นคนในเมืองหลวงทั้งสิ้น

 

 

ในช่วงเวลาที่พวกนางพักจากงานนั้น ก็เอาแต่พูดคุยเรื่องนี้กันยกใหญ่

 

 

ฟังจากปากท่านป้าแม่บ้านแล้ว ทำให้เชียนเยี่ยเสวี่ยรู้ตัวว่าตนเองกลายเป็นคนมีชื่อเสียงโด่งดังไปเสียแล้วในเวลานี้

 

 

เหล่าชาวบ้านต่างก็เริ่มตั้งกลุ่มขึ้นมาเพื่อตามหาเยี่ยนอ๋อง  เนื่องจากเขายอมไม่ได้ที่จะให้เชียนเจิ้นหยางเป็นฮ่องเต้ ดังนั้นจึงฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เยี่ยนอ๋องที่หายสาบสูญไป

 

 

เหล่าแม่บ้านสาวใหญ่ต่างปรึกษาหารือกัน ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนขอลากับตี้อู่เฮ่ออีเพื่อไปตามหาเยี่ยนอ๋องกับชาวบ้านคนอื่นๆ

 

 

เมื่อได้ฟังเรื่องราวเหล่านั้น เชียนเยี่ยเสวี่ยก็อดที่จะนับถืออวี้เฟยเยียนขึ้นมาไม่ได้

 

 

นางเพียงแค่เผยโฉมที่วังหลวงเพียงครั้งเดียว กับกล่าวคำพูดไม่กี่ประโยค ก็สามารถปลุกระดมผู้คนได้

 

 

ในตอนนี้ เชียนเจิ้นหยางคงกำลังคิดหาทางเอาตัวรอดจนหัวแทบแตกแล้วกระมัง!

 

 

ส่วนเชียนลั่วเฉิง เขาจะคิดอย่างไร เชียนเยี่ยเสวี่ยหาได้ใส่ใจไม่

 

 

สำหรับเชียนเยี่ยเสวี่ยแล้ว บิดาผู้นี้กลายเป็นคนนอกที่ไร้ซึ่งความเกี่ยวข้องใดๆ กับนางตั้งนานแล้ว…

 

 

ทุกวันอวี้เฟยเยียนจะต้องเข้าไปเดินเล่นในวังสักรอบ

 

 

ซึ่งนางไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่น นอกเสียจากนั่งบนหลังคาของตำหนักจันทราในเวลาที่เชียนเจิ้นหยางว่าราชการในตอนเช้า แล้วกล่าวคำพูดสองสามประโยค

 

 

นางทำเพียงเท่านี้ ก็สามารถบีบเชียนเจิ้นหยางจนแทบจะร้องไห้ออกมา!

 

 

แต่วรยุทธ์เขาสู้อวี้เฟยเยียนไม่ได้ และในฉินจื้อก็ไม่มีใครรับมือกับนางได้เลยเช่นกัน

 

 

เมื่อคิดถึงว่าอวี้เฟยเยียนคือจอมเทวา เชียนเจิ้นหยางก็ทำได้เพียงอดทนอดกลั้น ในใจก็เอาแต่ภาวนาให้เยี่ยหงกลับมาโดยเร็ว

 

 

อวี้เฟยเยียนเข้าไปที่วังหลวงไม่ได้ยุ่งเรื่องไม่เป็นไรเรื่องเลยแม้แต่น้อย ถึงแม้ว่าเหล่าขุนนางจะขอร้องนางครั้งแล้วครั้งเล่าให้ช่วยทำการรักษาเชียนลั่วเฉิง แต่ถ้าหากว่าเชียนเจิ้นหยางไม่เอ่ยปากเองละก็ นางจะไม่ช่วยเชียนลั่วเฉิงเด็ดขาด!

 

 

ทุกวันอวี้เฟยเยียนจะตีฆ้องร้องว่าต้องการจะพบเยี่ยหงให้ได้ ทว่าก็ไม่เคยได้พบกับเยี่ยหงเลยสักครั้ง

 

 

ผ่านไปสองสามวัน บรรดาชาวบ้านก็เริ่มซุบซิบขึ้นมา ว่าเหตุใดเยี่ยหงถึงไม่ปรากฎตัวเสียที ถึงแม้นางจะบาดเจ็บ แต่เวลาก็ผ่านไปเนิ่นนานแล้ว น่าจะหายดีแล้วนี่นา

 

 

ความไม่สบายใจที่บังเกิดขึ้น ลุกลามขยายใหญ่ไปสู่จิตใจประชาชนทั่วไปอย่างรวดเร็ว

 

 

หรือเยี่ยหงเกิดเรื่อง

 

 

หรือแท้ที่จริงแล้วเยี่ยหงมิใช่ปรมาจารย์แต่อย่างใด ทั้งไม่ใช่จอมเทวาด้วย นางโกหก นางกำลังหลอกลวงทุกคน

 

 

เชียนเจิ้นหยางทำให้อวี้เฟยเยียนหุบปากไม่ได้ และก็หยุดข่าวลือต่างๆ นานานั้นไม่ได้เช่นกัน

 

 

เมื่ออวี้เฟยเยียนเข้าวังหลวงบ่อยขึ้น และเวลาก็ผ่านไปเนิ่นนานมากขึ้น ในที่สุดผู้คนก็เข้าใจได้โดยปริยายว่า แท้ที่จริงแล้วเยี่ยหงหายสาบสูญไปนั่นเอง!

 

 

เมื่อไร้ซึ่งปรมาจารย์คุ้มครอง ฮ่องเต้ก็ทรงประชวรถึงเพียงนี้ เยี่ยอ๋องต้องการแย่งอำนาจชิงบัลลังก์ ต้าโจวก็คอยจ้องจะเล่นงานอยู่ตลอดเวลา……

 

 

ในตอนนี้ ความหวังหนึ่งเดียวของฉินจื้อก็เหลือเพียงเยี่ยนอ๋องแล้ว!

 

 

“เสด็จแม่ ข้าจะเป็นบ้าอยู่แล้ว! ข้าถูกบีบจนเป็นบ้า!”

 

 

หลังจากว่าราชการเช้าเสร็จสิ้น เชียนเจิ้นหยางก็พุ่งตรงมาที่ตำหนักหลิวกุ้ยเฟย กอดนางร้องไห้ออกมาอย่างหนัก

 

 

“เสด็จแม่ ข้าควรจะทำอย่างไรดี”

 

 

เรื่องของอวี้เฟยเยียน หลิวกุ้ยเฟยได้ยินมาตั้งแต่แรกแล้ว แต่นางก็ไม่มีวิธีรับมืออวี้เฟยเยียนได้ ทำได้เพียงสั่งการให้หูจื้อเหนิงเพิ่มคนค้นหาเยี่ยหงเท่านั้น

 

 

“ผู้คนข้างนอกล้วนแต่บอกว่าข้าอกตัญญู ขุนนางพวกนั้นก็เอาแต่บีบบังคับข้า เพื่อที่จะให้ข้าไปเชิญอวี้หลัวช่ามารักษาให้กับไอ้แก่นั่น หากอวี้เฟยเยียนรักษาเขาจนหายจริงละก็ ข้าก็ต้องตายอย่างแน่นอน! เสด็จแม่ ท่านจะต้องช่วยข้าคิดหาวิธีนะพ่ะย่ะค่ะ!”

 

 

สองสามวันมานี้ เชียนเจิ้นหยางกินไม่ได้ นอนไม่หลับ แทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว

 

 

“เจ้าอย่าได้กังวลไป จะต้องมีวิธีสิ!”

 

 

หลิวกุ้ยเฟยกังวลใจเป็นอย่างมาก แต่ก็พยายามปลอบโยนเชียนเจิ้นหยางไปก่อน

 

 

ทันใดนั้น ดวงตานางเปล่งประกาย มือทั้งสองนางโอบศีรษะของเชียนเจิ้นหยางเอาไว้ ดวงตาจ้องมองเขาเขม็งปากก็กล่าวว่า

 

 

“หากว่าเชียนลั่วเฉิงตายไป มิเท่ากับเรื่องทุกอย่างคลี่คลายไปได้แล้วหรือ และวิธีที่ดีที่สุดก็คือ โยนบาปทั้งหมดให้อวี้หลัวช่า!”