ตอนที่ 663 การท้าทายของซวนอี้

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

— ตูม! —

“อ๊ายยยย!”

กระบวนท่าฟาดลงไป หวงหนีถอยไปอยู่ขอบเวทีประลอง มวยผมของนางร่วงหล่นลงมาหลุดรุ่ยดูยุ่งเหยิงมาก ใบหน้าของนางก็เผือดซีด เห็นได้ชัดว่านางตกใจกับพลังของมู่เฉียนซี

มุมปากมู่เฉียนซีโค้งขึ้นเล็กน้อยเป็นรอยยิ้มเยาะ อีกนิดก็กําลังจะบรรลุขั้นสมบูรณ์แบบแล้ว

หวงหนีถลึงตาใส่มู่เฉียนซี “เจ้า… เจ้า…”

“อย่าเพิ่งดีใจไปเลย”

ทันใดนั้น กลีบกุหลาบสีแดงสดทั้งหมดบนลานประลองร่วงหล่นลงมาพร้อมกับเสียงอุทานของเหล่าผู้ชมดู

“โอ้! ปรากฏตัวแล้ว ร้อยบุปผาสังหาร! นี่เป็นทักษะที่ยอดเยี่ยมของนางมารตนนี้”

“ได้ยินมาว่าผู้ที่ถูกโจมตีด้วยกระบวนท่านี้แทบจะเป็นบ้า ศิษย์น้องมู่เฉียนซีเกรงว่าตกอยู่ในอันตรายแน่แล้ว”

“ใครก็ได้บอกนางยอมแพ้เถอะ เร็วเข้า! ข้าทนดูไม่ได้”

เมื่อดอกไม้ร่วงหล่น กลิ่นหอมอันเข้มข้นของกลีบดอกไม้นี้ก็ทําให้มู่เฉียนซีต้องขมวดคิ้วแน่น นางเจองานหนักเข้าให้แล้ว แต่ไม่มีหนทางที่จะยอมแพ้ มาถึงนี่แล้วมีแต่ต้องสู้ต่อเท่านั้น

นางขบคิดอย่างหนักจนในที่สุดก็นึกออก

ขวดยาถูกหยิบออกมาหลายขวด น้ำยานับไม่ถ้วนก็พุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า

“บุปผาหลั่งสายฝน!”

— ปัง! ปัง! ปัง! —

เมื่อน้ำยานับไม่ถ้วนตกลงมา กลิ่นหอมของกลีบดอกไม้ก็จางลงเรื่อย ๆ… เรื่อย ๆ…

โชคดีจริง ๆ ที่ปรุงยาน้ำนี้เผื่อเอาไว้ ใบหน้าของมู่เฉียนซีเปลี่ยนไปราวกับว่านางไม่ได้ถูกกลีบดอกไม้เหล่านี้รบกวนจิตใจเลย

หวงหนีถึงกับขมวดคิ้วแน่น เอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ “เป็นไปได้ยังไง ?! นี่เจ้า…”

“ถ้าหากเจ้ามีวิธีอื่น บางทีเจ้าอาจสามารถพลิกสถานการณ์กลับมาชนะได้ แต่การใช้กระบวนท่านี้ เจ้าถูกกําหนดไว้แล้วว่าจะไม่มีโอกาสชนะ” มู่เฉียนซีแค่นเสียงเย็นชา

“อ๊าาาา!” ทันใดนั้น หวงหนีเอามือกุมศีรษะและตะโกนออกมา

“เจ็บ ๆ ๆ หัวข้าเจ็บมาก เจ้าทําอะไรกับข้า ? อ๊าาาา!” หวงหนีตะโกนดังก้อง

“ผนึกมังกรวารี!”

มู่เฉียนซีไม่ตอบคำถาม นางใช้กระบวนท่าที่สบาย ๆ ทําให้หวงหนีผู้ซึ่งตอนนี้สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ตกลงจากเวทีประลองไป

มู่เฉียนซีชนะอีกครั้ง นางมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะได้ฝึกบำเพ็ญในชั้นที่เจ็ดแล้ว

เพราะมู่เฉียนซีวิปริตเกินไป ศิษย์พี่หลายคนจึงรู้สึกขายหน้าและเริ่มกลัวขึ้นมาว่ามู่เฉียนซีจะมาท้าสู้ พวกเขาตัดสินใจไปขอกำลังช่วยเหลือ

เงาร่างสีเงินเดินออกมาจากห้องฝึกบำเพ็ญบนชั้นที่เก้า ศิษย์เก่าของสำนักส่วนในหลายคนรีบล้อมรอบเขาราวกับหนูที่ได้เห็นข้าวชั้นดี

“ศิษย์พี่ซวนอี้ เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”

“ศิษย์พี่ซวนอี้ ช่วงนี้สำนักศึกษาของเราเกิดเรื่องใหญ่แล้วขอรับ”

“ศิษย์พี่ซวนอี้โปรดช่วยพวกเราด้วยขอรับ”

ซวนอี้ขมวดคิ้วถาม “เกิดเรื่องอะไรขึ้น ?”

“เมื่อเร็ว ๆ นี้สำนักศึกษาของเรามีศิษย์ใหม่ที่เก่งกาจมากเข้ามา เข้ามายังไม่ถึงสามเดือน ตอนนี้มันท้าทายมาถึงชั้นที่เจ็ดของหอรวมวิญญานแล้วขอรับ”

“ศิษย์เก่าอย่างพวกเราพ่ายแพ้ให้กับมันอย่างน่าอนาถ ช่างน่าอับอายยิ่งนัก ตอนนี้ผู้ที่จะสามารถเอาชนะมันผู้นั้นได้คงมีเพียงศิษย์พี่ซวนอี้เท่านั้นแล้วขอรับ”

“ศิษย์พี่ซวนอี้ต้องเอาชนะและฟื้นความยิ่งใหญ่ของพวกเราศิษย์เก่านะขอรับ!”

เห็นได้ชัดว่าซวนอี้ไม่สนใจเรื่องเช่นนี้ เขาถามขึ้น “ข้าให้พวกเจ้าสืบเรื่องว่ามีใครบุกเข้ามาในสํานักศึกษาหรือไม่ พวกเจ้าสืบได้หรือยัง ?”

คืนนั้น เขาปล่อยให้ขโมยจอมวายร้ายหนีไปได้

พวกเขาตอบกลับไปว่า “ศิษย์พี่ซวนอี้ ข้าคิดว่าศิษย์พี่เข้าใจผิดแล้ว คงไม่มีใครสามารถเข้ามาในสำนักส่วนในของพวกเราได้แน่”

“ใช่! บางทีอาจเป็นพวกซุกซนไม่เข้าเรื่อง ศิษย์พี่อย่าเก็บมาใส่ใจเลย ตอนนี้มู่เฉียนซีต่างหากล่ะที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่ของพวกเรา”

ซวนอี้อึ้งไปครู่หนึ่ง “มู่เฉียนซี… อืม… ฟังจากชื่อแล้วเหมือนว่าจะเป็นสตรี นี่พวกเจ้าแพ้ให้กับสตรีรึ ?”

ใบหน้าของพวกเขาแดงระเรื่อ “มู่เฉียนซีเป็นหญิงไม่ธรรมดา ยิ่งกว่านั้นคือนางอายุเพียงสิบหกปี! พวกข้าก็ไม่รู้เช่นกันว่านางปีศาจนี่มาจากไหน”

“เฮ้อ! ศิษย์พี่ซวนอี้ ทั้งสํานักศึกษาคงมีเพียงศิษย์พี่เท่านั้นแล้วที่จะสามารถรับมือกับปีศาจนางนี้ได้ ศิษย์น้องมู่เฉียนซีผู้นั้นเป็นเด็กสาวที่มีใบหน้างดงามมาก”

“ใช่เลย! ศิษย์พี่ซวนอี้ฝึกบำเพ็ญอย่างใจเย็นมาก็หลายปี ข้างกายไม่มีแม้แต่สตรีสักคน”

“เด็กสาวอายุประมาณสิบหกปีรึ ?” ซวนอี้ตะลึงงัน เมื่อเขานึกถึงหญิงสาวแปลกประหลาดที่น้ำเสียงแฝงไปด้วยความเกียจคร้านในค่ำคืนนั้น มาตอนนี้ก็เกือบจะผ่านมาหนึ่งปีแล้ว

“ฮ่า ๆ ๆ! ศิษย์พี่ซวนอี้สนใจนางแล้ว”

ทุกคนหัวเราะ

“ข้าจะนัดประลองกับมู่เฉียนซีเพื่อดูว่านางจะแปลกประหลาดสักแค่ไหน” ซวนอี้เอ่ย

ในเมื่อมีข้อสงสัย ก็ถึงคราต้องไปพิสูจน์ด้วยตัวเอง

……

มู่เฉียนซีในห้องฝึกบำเพ็ญชั้นเจ็ดได้รับคำท้าทายที่น่าตกใจ

“ฮืม… ศิษย์สายตรงของอาจารย์ใหญ่จากชั้นที่เก้าท้าทายข้า ข้าไม่ได้มาหาเขา แต่เขากลับมาหาข้าเอง” มู่เฉียนซีพึมพํา “ผู้อาวุโสสูงสุดบอกว่าข้าไม่มีทางเอาชนะเขาได้ แต่ในเมื่อเขาปรากฏตัวมาท้าก่อน เช่นนั้นก็มาดูกันว่าเขาจะร้ายกาจสักแค่ไหน”

มู่เฉียนซีตอบตกลงรับคำท้าประลองครั้งนี้ เรื่องนี้ทําให้ทั่วทั้งสํานักศึกษาเกิดความโกลาหลอย่างมากทันที

“ศิษย์ใหม่วิปริตผู้นั้นยอมรับคําท้าของรุ่นพี่ซวนอี้ นางบ้าไปแล้วแน่ ๆ!”

“สวรรค์! นี่ต้องเป็นการต่อสู้ที่สุดยอดอย่างแน่นอน!”

ผู้อาวุโสสูงสุดรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้ทราบข่าวนี้ ดูเหมือนว่าการต่อสู้ของทั้งสองคนจะเกิดขึ้นเร็วกว่าที่เขาคาดไว้

เขาส่ายศีรษะพลางกล่าว “สาวน้อยผู้นี้เอาชนะคู่ต่อสู้ได้มาโดยตลอด ทำให้นางแพ้ไปสักหนึ่งรอบก็ไม่เลว อย่างไรเสียในการประลองจะชนะหรือแพ้ก็มีความเป็นไปได้ทั้งนั้น”

ไม่ใช่ว่าผู้อาวุโสสูงสุดไม่รักศิษย์ เพียงแต่รู้สึกว่าสาวน้อยผู้นี้ควรพ่ายแพ้บ้าง หากราบรื่นเกินไปก็ง่ายที่จะทะนงตน

แต่ความคาดหวังของผู้อาวุโสสูงสุดจะสําเร็จหรือไม่ ?

ตอนนี้ที่นั่งชมการประลองของหอรวมวิญญาณคลาคล่ำไปด้วยผู้คน เมื่อร่างสีเงินสูงยาวปรากฏขึ้น ทุกคนต่างก็ตื่นเต้น

“เป็นศิษย์พี่ซวนอี้ ศิษย์พี่ซวนอี้ปรากฏตัวแล้ว!”

“ศิษย์พี่ซวนอี้รูปงามเกินไป ข้าใจละลาย…”

“เขาหล่อเหลามากจริง ๆ…”

เสียงกรีดร้องชื่นชมจากบรรดาศิษย์หญิงทั้งหลายแหล่ดังระงมอย่างไม่ขาด แต่มู่เฉียนซีกลับมาช้า

นางกล้าดียังไง ?!

มู่เฉียนซีมิได้รีบร้อน เมื่อนางปรากฏตัว นางอยากจะเห็นว่าศิษย์สายตรงของอาจารย์ใหญ่ผู้นี้จะหน้าตาเป็นอย่างไร แต่ทันทีที่เห็นนางถึงกับต้องตกตะลึง

เป็นเขา! ชายหนุ่มรูปงามที่จับตัวนาง หาว่านางเป็นขโมยในคืนนั้น

“เจ้าหัวขโมย ในที่สุดข้าก็หาเจ้าเจอแล้ว” ซวนอี้จ้องมู่เฉียนซีตาเขม็ง เขาไม่เคยคิดเลยว่าศิษย์ใหม่จะกล้าบุกเข้าไปในห้องหนังสือของอาจารย์ใหญ่ ดังนั้นเขาจึงคิดว่าเป็นคนนอก

คิดไม่ถึงเลยว่าขโมยที่เขาตามหามาตลอด จะใกล้ตัวเช่นนี้

มู่เฉียนซียิ้ม “โอ๊ะ! ที่แท้เจ้าคือศิษย์พี่ซวนอี้นี่เอง บังเอิญจริง ๆ”

“เป็นศิษย์สํานักศึกษาซวนเสีย บุกเข้าไปในห้องตำราของอาจารย์ใหญ่เพื่อขโมย ต่อให้เจ้าเป็นลูกศิษย์ของผู้อาวุโสสูงสุดข้าก็ไม่อาจปล่อยไปง่าย ๆ ได้”

มู่เฉียนซีถาม “ศิษย์พี่ซวนอี้ แต่ของของอาจารย์ใหญ่ก็ไม่มีชิ้นใดที่หายไปใช่ไหมล่ะ ?”

“นั่นเป็นเพราะข้ารู้ตัวได้ทันและไม่ยอมให้เจ้าทําสําเร็จต่างหากล่ะ”

“ข้าแค่เดินผ่านเพราะความอยากรู้อยากเห็นและไปดูก็เท่านั้น เชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่เจ้า ถ้าเจ้าไม่เชื่อนั่นก็ช่วยไม่ได้” มู่เฉียนซีโบกมือ

“ฮึ่ม! อย่าคิดว่าเจ้ามีผู้อาวุโสสูงสุดคอยหนุนหลังแล้วข้าจะปล่อยขโมยอย่างเจ้าไป”

เจ้าหมอนี่กัดไม่ยอมปล่อย มู่เฉียนซีเองก็จนปัญญา นางกล่าว “ศิษย์พี่ซวนอี้ เจ้ากล้าเดิมพันกับข้าหรือไม่ ?”

“เจ้าจะเล่นกลอะไรอีก ?” ซวนอี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย

“เดิมพันว่าใครจะเป็นผู้ชนะในการประลองครั้งนี้ ถ้าข้าชนะ เรื่องเมื่อครั้งก่อนของข้าจะถูกตัดทิ้งไปและเจ้าต้องรับปากว่าจะช่วยข้า หากข้าแพ้ ข้าจะอาสาออกจากสํานักศึกษาซวนเสียเพื่อที่เจ้าจะได้ไม่ต้องกังวลว่าข้าจะไปทําเรื่องไม่ดีที่สํานักศึกษาซวนเสีย” มู่เฉียนซีกล่าวเสียงขรึม

หากนางสามารถจากไปโดยสมัครใจ ผู้อาวุโสสูงสุดก็มิอาจเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้ ซวนอี้รู้สึกว่าการเดิมพันครั้งนี้ช่างดีจริง ๆ

เขาพยักหน้า “ตกลง ข้ารับปากเจ้า”