ตอนที่ 664 ผลลัพธ์สุดท้าย

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

พ่ายแพ้! สำหรับซวนอี้นั้นไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน

เขาเป็นตำนานที่ไม่เคยพ่ายแพ้ของสำนักศึกษาซวนเสีย ครองอันดับหนึ่งตลอดกาล

ถึงแม้ว่ามู่เฉียนซีจะใช้เวลาไม่ถึงสามเดือนพรวดขึ้นมาถึงชั้นเจ็ดทำให้เป็นที่อกสั่นขวัญหายไปทั่ว แต่เขาก็รู้ดีว่านางมีความแข็งแกร่งแค่ไหน

ก็แค่จักรพรรดิแห่งภูตระดับสอง

มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้ ถึงตอนนั้นแล้วศิษย์พี่ซวนอี้อย่าได้เสียใจทีหลังหล่ะ!”

“ข้าไม่ใช่คนพูดจากลับกลอกไปมา และข้าก็ไม่ยอมให้ผู้หญิงเจ้าเล่ห์เช่นเจ้ากลับกลอกคืนคำด้วย!” ซวนอี้กล่าวเสียงขรึม

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันเสร็จสิ้น การประลองก็ได้เริ่มขึ้น

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทั้งสองได้ต่อสู้กัน ดังนั้นซวนอี้ไม่มีทางดูเบาศัตรูแน่นอน

ความเร็วของทั้งสองนั้นรวดเร็วมาก ในขณะที่ปะทะกันนั้นทุกคนต่างก็ตาลายไปหมด

“นานมากแล้วที่ไม่ได้เห็นผู้ใดสามารถต่อสู้กับศิษย์พี่ซวนอี้ได้อย่างตื่นตาตื่นใจเช่นนี้!”

“นั่นหน่ะสิ ปกติไม่ว่าใครที่ต่อสู้กับศิษย์พี่ซวนอี้ก็ล้วนแต่ถูกฆ่าภายในชั่วพริบตาเดียวทั้งนั้น”

รับมือกับซวนอี้ มู่เฉียนซีรู้ดีว่าการจะได้รับชัยชนะมานั้นมันไม่ง่ายเลย

นางไม่ยอมพ่ายแพ้ไปอย่างง่ายดายเด็ดขาด และจะพยายามอย่างสุดกำลังความสามารถในการประลองครั้งนี้

“ทักษะเทียนซวน!”

เผชิญหน้ากับการโจมตีอันทรงพลังเช่นนี้ ซวนอี้ก็เปิดตาข่ายกระบี่มาสกัดกั้นเอาไว้

ในขณะที่สกัดกั้นนั้น ตาข่ายกระบี่พลันเปลี่ยนเป็นตาข่ายที่แหลมคมขึ้นพุ่งไปทางมู่เฉียนซี

“แย่แล้ว!” สีหน้าของมู่เฉียนซีพลันเปลี่ยนไปทันที พลังธาตุวารีก็พุ่งออกมาอย่างบ้าคลั่ง

“โล่มังกรวารี!”

ตูม ตูม ตูม!

โล่มังกรวารีนั้นมิอาจต้านทานพลังการโจมตีของซวนอี้ได้ เจ้าหมอนี่เอาจริงแล้ว แข็งแกร่งว่าคืนนั้นมาก

กลิ่นอายของกระบี่กระโชกเข้ามา ไม่ยอมให้มู่เฉียนซีได้หลบหลีกเลย

ทุกคนต่างสูดลมหายใจเย็นเข้าปอดเฮือกใหญ่ “ศิษย์น้องมู่เฉียนซี คราวนี้ต้องพ่ายแพ้แน่แล้ว!”

“ถึงแม้ว่านางจะเก่งกาจเพียงใด แต่ระดับพลังวิญญาณของนางก็ต่ำเกินไป ห่างชั้นกับศิษย์พี่ซวนอี้มากนัก ศิษย์พี่ซวนอี้เป็นถึงจักรพรรดิแห่งภูตระดับเจ็ดเชียวนะ!”

กลิ่นอายของกระบี่นั้นตัดเส้นผมของนาง และกระทบใบหน้านาง ทิ้งร่องรอยตื้นเล็กน้อยเอาไว้ ทว่า มู่เฉียนซีตอนนี้กลับสงบอย่างน่าแปลกประหลาด

ทันใดนั้นเอง ทุกคนต่างก็รับรู้ได้ว่าอากาศทั่วทั้งลานประลองพลันเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือกขึ้น

มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “โล่วิญญาณน้ำแข็ง!”

ภายในชั่วพริบตาเดียวบริเวณรอบตัวมู่เฉียนซีก็ก่อตัวเป็นชั้นน้ำแข็งอันเย็นยะเยือกขึ้น!

แกร๊ง แกร๊ง แกร๊ง! กลิ่นอายกระบี่ของซวนอี้ถูกชั้นน้ำแข็งนี้สกัดกั้นไว้ได้แล้ว

“มู่เฉียนซีเป็นจอมภูตพลังธาตุวารี สามารถเปลี่ยนน้ำเป็นน้ำแข็งได้ ด้วยโล่น้ำแข็งนี้ นึกไม่ถึงจริง ๆ ว่าจะสกัดกั้นการโจมตีนี้ของศิษย์พี่ซวนอี้ได้”

“ถึงแม้จะทำให้น้ำก่อตัวเป็นน้ำแข็งได้ แต่พลังความแข็งแกร่งของศิษย์พี่ซวนอี้ก็สูงกว่านางมาก มู่เฉียนซีจะรับมือได้เช่นไร!”

“ในสถานการณ์ที่พลังวิญญาณห่างชั้นกันมากเช่นนี้ ถ้าหากทักษะวิญญาณแข็งแกร่งพอก็ใช่ว่าจะต้านทานไว้ไม่ได้ ทักษะวิญญาณการป้องกันนี้ ไม่รู้ว่าเป็นทักษะวิญญาณระดับใด!”

“ไม่ใช่ระดับต่ำแน่ ๆ! มิเช่นจะสกัดกั้นการโจมตีที่ห่างชั้นกันถึงห้าขั้นได้อย่างไรเล่า”

การโจมตีของตนเองถูกมู่เฉียนซีสกัดกั้นเอาไว้ได้แล้ว นี่เป็นสิ่งที่ทำให้ซวนอี้ประหลาดใจเป็นอย่างมาก

มุมปากของมู่เฉียนซียกยิ้มขึ้น หลังจากที่ได้พบกับการโจมตีนี้ของซวนอี้ เดิมทีนางคิดว่าโอกาสชนะนั้นมีน้อยมาก นึกไม่ถึงว่าสถานการณ์จะพลิกผันได้เช่นนี้ นางได้เรียนรู้ทักษะวิญญาณการป้องกันของแหวนมังกรเทพวารีอีกครั้งแล้ว

มู่เฉียนซีลูบไล้แหวนมังกรสีฟ้านั้นที่อยู่บนนิ้วมือ “มังกรวารี ขอบใจเจ้ามาก!”

“การต่อสู้สนามนี้ ถึงแม้ว่าซวนอี้จะแข็งแกร่งมากเพียงใด ข้าก็ไม่ยอมแพ้เด็ดขาด!”

โล่วิญญาณน้ำแข็งถูกยกขึ้น ร่างของมู่เฉียนซีเคลื่อนไหวออกไปอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด

“ทักษะเทียนซวน!”

“กระบี่พันเงาสังหาร!”

ปัง ปัง ปัง!

ทั้งสองได้ปะทะกับอีกครั้ง ทักษะวิญญาณอันทรงพลังได้ปะทะกันกลางอากาศ

ทางด้านพลังวิญญาณนั้นซวนอี้มีความได้เปรียบ แต่เขากลับทำร้ายมู่เฉียนซีที่อยู่ภายใต้การป้องกันของชั้นน้ำแข็งนั้นไม่ได้เลย

มู่เฉียนซีใช้โล่วิญญาณน้ำแข็งบ่อยจนทำให้ทุกคนต่างก็หมดคำพูดแล้ว “ทักษะวิญญาณที่แข็งแกร่งเช่นนี้ อีกทั้งยังใช้หลายครั้งหลายคราเช่นนี้อีก นางยังเป็นมนุษย์อยู่หรือไม่ ?”

“ต่อให้กินยาวิญญาณเข้าไปก็ไม่อาจอดทนได้นานถึงเพียงนี้กระมัง!”

เม็ดยาวิญญาณที่มู่เฉียนซีใช้นั้นล้วนแต่เป็นยาระดับสูง และมีความบริสุทธิ์มาก แน่นอนว่าต้องยืนหยัดอยู่ได้นานพอสมควร

สีหน้าของซวนอี้ยิ่งเคร่งขรึมมากขึ้นเรื่อย ๆ หญิงสาวผู้นี้เจ้าเล่ห์กว่าที่จินตนาการเอาไว้มาก

จะปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ได้ มิเช่นนั้นพลังวิญญาณของตนเองก็จะหมดลง หญิงสาวผู้นี้ก็คงจะฉวยโอกาสอีกครั้ง

“คิดจริง ๆ เหรอว่าการป้องกันของเจ้า ข้าจะทำลายมันไม่ได้ ?”

กลิ่นอายกระบี่รายล้อมไปทั่วทั้งลานประลอง ครั้งนี้ซวนอี้คิดจะใช้กระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุด

“หนึ่งกระบี่สะท้านสวรรค์!”

ภายในชั่วพริบตา กลิ่นอายกระบี่ทั้งหมดได้รวมตัวเข้าด้วยกัน มู่เฉียนซีรับรู้ได้ว่าชั้นน้ำแข็งโดยรอบได้ปรากฏรอยแตกร้าวขึ้นแล้ว!

อันตราย!

สีหน้าของมู่เฉียนซีเคร่งขรึมลง ในขณะที่กลิ่นอายกระบี่พุ่งเข้ามาที่จุดหนึ่ง มู่เฉียนซีจึงใช้พลังจิตตรึงรอยแตกนั้นเอาไว้

เพล้ง!

ผลที่ตามมาก็คือเกราะป้องกันชั้นน้ำแข็งของมู่เฉียนซีได้แตกออก มู่เฉียนซีรีบเคลื่อนไหวด้วยก้าวเท้าเงาเทวาเพื่อหลบหลีกอย่างรวดเร็ว

ฉึก!

การหลบหลีกยังไม่เร็วพอ เสื้อผ้าฉีกขาด เลือดสีแดงสดไหลออกมาจากแขน

มู่เฉียนซีกระโดดขึ้นกลางอากาศ กระบี่มังกรเพลิงถูกชักออกมาจากฝัก

“มาอีกแล้ว มู่เฉียนซีจะใช้กระบวนท่านั้นแล้ว!”

“กระบี่เล่มนี้จะหักอีกครั้งแล้ว!”

“มู่เฉียนซีคงจะเป็นนักเรียนที่เปลี่ยนกระบี่บ่อยที่สุดในสำนักศึกษาเราแล้วหล่ะ”

“มังกรเพลิงสังหาร” มู่เฉียนซีค่อย ๆ พ่นคำห้าคำออกมา

กระบวนท่านี้อีกแล้ว!

คราที่แล้วซวนอี้เสียเปรียบไปครั้งหนึ่งแล้ว ครานี้จะไม่ยอมเสียเปรียบเป็นครั้งที่สองแน่นอน!

เขาชักกระบี่ยาวสีเงินออกมา คมกระบี่ตัดผ่านอากาศ กิเลนสีเงินขนาดใหญ่ตัวหนึ่งพุ่งเข้าหามังกรเพลิงนั้น!

ปัง ปัง ปัง!

เคร้ง!

การปะทะกันครั้งนี้ แม้แต่ลานประลองก็รับไม่ไหวแล้ว

พวกเขาทั้งสองถอยหลังไปที่ขอบลานประลอง เมื่อคงที่แล้วจึงร่นตัวลงมาบนลานประลอง

แกร๊ง! กระบี่มังกรเพลิงหักลงอีกครั้ง

ร่างของมู่เฉียนซีเคลื่อนไหวไปอีกครั้ง “ทักษะเทียนซวน!’

ตูม ตูม ตูม!

ระหว่างสายฟ้ากับเปลวเพลิง พวกเขาสู้รบตบมือกันไม่รู้กี่กระบวนท่าต่อกี่กระบวนท่า

นานมากแล้วที่ไม่ได้สัมผัสกับการต่อสู้ที่ดุเดือดเช่นนี้ ซวนอี้ยิ่งเคร่งขรึมลงไปเรื่อย ๆ

เมื่อเห็นสองคนนี้แล้ว ทุกคนก็อดที่จะทอดถอนใจไม่ได้ “บ้าไปแล้ว!”

“แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!”

ในขณะที่ทั้งสองได้หยุดการเคลื่อนไหวลง ทุกคนก็ได้เห็นกระบี่ยาวสีเงินทาบอยู่ตรงคอมู่เฉียนซีแล้ว

ทุกคนต่างก็อุทานขึ้น “มู่เฉียนซีแพ้แล้ว!”

“ศิษย์พี่ซวนอี้เก่งกาจอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด!”

“มู่เฉียนซีผู้ที่ไม่เคยพ่ายแพ้ในตำนาน ในที่สุดก็ถูกศิษย์พี่ซวนอี้สยบจนได้”

“แปลกมาก! ใบหน้าของศิษย์พี่ซวนอี้มีบางอย่างที่ผิดปกติ!” ในตอนนี้เองมีคนผู้หนึ่งกล่าวขึ้นมา

ใบหน้าของซวนอี้ซีดเผือด ริมฝีปากก็ดำคล้ำ

บนแขนของเขาตอนนี้มีเข็มยาขนาดเล็กกว่าเส้นขนปักอยู่เข็มหนึ่ง

เขาโดนพิษของมู่เฉียนซีเข้าแล้ว!

ซวนอี้ขยับริมฝีปาก และกล่าวว่า “ข้า…แพ้…”

ทว่า มู่เฉียนซีกลับกล่าวแทรกขึ้นมาก่อนว่า “ผู้ตัดสิน นับว่าเสมอกันเป็นเช่นไร ?”

“ได้! เสมอกัน!” ผู้ตัดสินกล่าว

“เจ้า…” ซวนอี้มองมู่เฉียนซีด้วยความประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าเหตุใดนางถึงกล่าวเช่นนี้

ยังกล่าวไม่ทันจบ ซวนอี้ก็หมดสติล้มลงไปก่อนแล้ว

ทุกคนต่างก็อุทานขึ้นด้วยความตกใจว่า “ศิษย์พี่ซวนอี้หมดสติล้มลงไปแล้ว ถึงแม้ว่าเมื่อครู่กระบี่ของเขาจะจ่ออยู่ที่คอมู่เฉียนซี แต่เกรงว่าเขาคงไม่มีแรงจะทำร้ายมู่เฉียนซีได้แล้ว”

“หรือจะพูดอีกอย่างว่า อันที่จริงแล้วมู่เฉียนซีมีแนวโน้มที่จะชนะมากกว่า!”

“แต่มู่เฉียนซีกลับบอกกับผู้ตัดสินว่าให้เสมอกัน นางคงจะไม่ชอบคอศิษย์พี่ซวนอี้เข้าแล้วกระมัง ก็เลยตัดสินให้เสมอกันเช่นนี้!”