บทที่ 666 ดวงตามองไม่เห็น

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 664 ดวงตามองไม่เห็น

หวาชิงพักอยู่ในจวนอ๋องเย่ ฉีเฟยอวิ๋นจัดการให้นางพักอยู่เพียงลำพังในจู๋อวิ๋นไจทางเรือนด้านหลัง

หวาชิงยังไม่แต่งงาน พักที่เรือนจวินจื่อไม่เหมาะสมหรอก ฉีเฟยอวิ๋นเลยจัดการให้พักที่จู๋อวิ๋นไจเสียเลย

ค่ำคืนนั้นหวาชิงมีบ่าวคอยอยู่ปรนนิบัติถึงสี่คนล้วนเป็นคนที่อวิ๋นจิ่นเคยสั่งสอนและสำรวจคัดอย่างพิถีพิถัน

เสื้อผ้าของใช้ก็เป็นอวิ๋นจิ่นที่จัดการเตรียม

จวนหวาก็มีคนมาสี่คน บวกกับพลทหารของหวาชิง กล่าวตามหลักเหตุผลพักอยู่ที่นี่ได้น่าจะไม่เลวเลยทีเดียว

แต่หวาชิงพยายามอยากให้ฉีเฟยอวิ๋นอยู่เป็นเพื่อน

ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวด้วยความลำบากใจว่า“แม่ทัพน้อย ทำเช่นนี้ไม่เหมาะสมหรอกนะ?”

“มีสิ่งใดที่ไม่เหมาะสม หม่อมฉันกับพระชายาล้วนเป็นหญิง ไม่ได้มีเรื่องเลวร้าย อีกอย่างห้องที่เรือนจู๋อวิ๋นไจมากมาย เพียงแค่พักในเรือนเดียวกัน ไม่ใช่ในห้องเดียวกัน หม่อมฉันดูไม่ออกเลยว่ามีสิ่งใดที่ไม่เหมาะสมเพคะ

อีกอย่างยังหาอันเสี่ยวฮวนไม่เจอ พระราชโองการของฝ่าบาทคือต้องการให้พระชายาเย่หาอันเสี่ยวฮวนเป็นเพื่อนหม่อมฉัน หากพระชายาเป็นแจ้งรายงานอันเสี่ยวฮวน เช่นนั้นไม่ใช่ว่าเขาจะยิ่งหนีไปไกลขึ้นหรือ แล้วจะยิ่งหาเขาไม่เจอ”

หวาชิงกล่าว ฉีเฟยอวิ๋นไปไหนไม่ได้เลยไม่โต้แย้ง เพียงแค่เรียกคนไปรายงานเรื่องราวสถานการณ์ทางด้านนี้

หวาชิงอาบน้ำผลัดเปลี่ยนชุด และได้เปลี่ยนชุดผู้หญิงออกมาจากห้องด้านใน ฉีเฟยอวิ๋นนั่งนอกห้องคล้ายดั่งจิตใจไม่สงบ

เห็นหวาชิงวินาทีนั้น ฉีเฟยอวิ๋นชะงักงันอยู่เป็นเวลานาน เธอไม่เคยเห็นหวาชิงสวมใส่ชุดผู้หญิงเลย วันนี้ได้เห็นมีเพียงความสวยสง่า

ทำให้หญิงงามผู้หนึ่งล่าช้าเสียเวลา ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกอัดแน่นอย่างมาก

“พระชายาเย่”

หวาชิงลุกขึ้นช้าๆ ฉีเฟยอวิ๋นตื่นตะลึงรัศมีความสง่างามของหวาชิง

เธอลุกขึ้นกล่าวว่า“แม่ทัพน้อย”

“อืม พวกเราเล่นหมากรุกกันเถิดเพคะ”หวาชิงรู้สึกนอนไม่หลับ นางเลยอยากจะเล่นหมากรุก

ฉีเฟยอวิ๋นกลับไม่อยากเล่น แต่ยากที่จะปฏิเสธ

“เอาสิ”

ฉีเฟยอวิ๋นเดินไปเล่นหมากรุกกับหวาชิง แต่ยังไม่ทันเริ่มหนานกงเย่ก็มาถามแล้ว

“ท่านอ๋องเย่มาตามพระชายาเย่กลับเข้านอนแล้วพ่ะย่ะค่ะ”หนานกงเย่ให้อาอวี่เรียกอยู่หน้าประตู เขาจึงรอฉีเฟยอวิ๋นออกมา

“ผู้ใดร้องโหวกเหวกโวยวายอยู่ด้านนอก?”ฉีเฟยอวิ๋นจงใจถาม เธอได้ยินเสียงอาอวี่ก็รู้เลยว่าหนานกงเย่มาแล้ว

บ่าวรีบตอบกลับว่า“เป็นท่านอ๋องเย่ที่มาเพคะ ได้มาเชิญพระชายากลับไปเข้านอนเพคะ”

ฉีเฟยอวิ๋นวางหมากลงกล่าวว่า“แม่ทัพน้อย ท่านอ๋องเพิ่งจะกลับมาจากชายแดน พวกเราสองสามีภรรยายังมิได้อยู่ร่วมกัน หวังว่าแม่ทัพน้อยจะเข้าใจ ส่วนเรื่องของอันเสี่ยวฮวน ข้าไม่รู้จักเขาอย่างแท้จริง ข้าก็อยากจะถามท่านอ๋อง เรื่องของอันเสี่ยวฮวนอยู่”

“ในเมื่อท่านอ๋องเย่มาแล้ว เช่นนั้นเชิญท่านอ๋องเย่มาเล่นหมากรุกกับหม่อมฉันก็ได้ อยากจะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเขาตั้งนานแล้ว”

หวาชิงกำลังคิดอยาดจะคิดบัญชีกับหนานกงเย่ เขาก็มาเองแล้ว จะปล่อยไปได้ที่ไหนกันล่ะ

ฉีเฟยอวิ๋นกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ยิ้มเล็กน้อยกล่าวว่า“ดึกดื่นมืดค่ำ ท่านอ๋องเป็นชาย ห้องส่วนตัวแม่ทัพน้อย แน่นอนว่าไม่ดีที่จะเข้ามา”

“ไม่เป็นไรเพคะ พระชายาเย่ก็อยู่”หวาชิงมองไปทางประตูตรงที่มีบ่าวของจวนหวาอยู่ จากนั้นกล่าวว่า“ไปเชิญท่านอ๋องเย่ หากไม่มา ก็กล่าวว่าพระชายาเย่หกล้ม คิดว่าน่าจะมาแล้ว”

“เจ้าค่ะ!”

บ่าวออกไป เป็นอย่างที่คิดหนานกงเย่เข้ามา

เข้ามาแล้วเขามองพิจารณาฉีเฟยอวิ๋นขึ้นๆลงๆ

มั่นใจแล้วว่าฉีเฟยอวิ๋นมิเป็นไร หนานกงเย่จึงมองไปทางหวาชิงด้วยความไม่พอใจ

“ดูไม่ออกว่าแม่ทัพน้อยจะใช้อุบายเก่งได้ถึงเพียงนี้”หนานกงเย่เดินไปอยู่ข้างกายฉีเฟยอวิ๋น แล้วจับมือของฉีเฟยอวิ๋น กล่าวขึ้นว่า

“กลับเถิด”

หวาชิงไม่ทันกล่าวพูดอะไร หนานกงเย่ก็ได้ดึงมือของฉีเฟยอวิ๋นให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้ เตรียมตัวจะออกไปกัน

หวาชิงเลยกล่าวว่า“อย่างไรหมากกระดานนี้ต้องเล่นให้จบ หากเล่นไม่จบ ผู้ใดก็อย่าได้คิดจะไปจากตรงนี้”

หวาชิงอิงอยู่ด้านหนึ่ง มองหนานกงเย่ด้วยสายตาเรียบเฉย “แม้ว่าหม่อมฉันจะปกป้องบ้านเมืองอยู่ชายแดน แต่อยู่ที่เมืองหลวงจนกระทั่งทั่วทุกเจ็ดย่านน้ำได้รู้จักคนไม่น้อย

อยากจะเอาคนที่จวนอ๋องเย่ไปจำนวนหนึ่งยังได้เลย ท่านอ๋องเย่ไม่ส่งมอบคนออกมาหม่อมฉันก็สามารถหาเองได้ แต่หากจะไป หมากกระดานนี้ต้องแบ่งแพ้ชนะ แน่นอนชนะสามารถออกไปได้เลย หากแพ้ เช่นนั้นต้องต่อเนื่อง”

หนานกงเย่กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“แม่ทัพน้อยมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจริงๆ ข้าได้เห็นแล้ว”

“พอกันเพคะ ในเมื่อท่านอ๋องพยายามสังหารอันเสี่ยวฮวน พังบุพเพสันนิวาสของหม่อมฉัน เช่นนั้นหม่อมฉันจะก่อกวนจวนอ๋องเย่ให้เดือนร้อนอย่างหนัก ทำให้ท่านอ๋องกินนอนไม่หลับเพคะ”

“……ไร้เหตุผลสิ้นดี!”

เห็นหนานกงเย่กับหวาชิงไม่มีใครยอมใคร ฉีเฟยอวิ๋นไม่เพียงแต่ไม่กังวลใจ เธอกลับง่วงมาก ความรู้สึกง่วงแบบนั้นมาแล้วเธอไม่สามารถควบคุมได้

“ท่านอ๋อง หม่อมฉันอยากนอนสักครู่เพคะ”

ไม่รอหนานกงเย่ตอบ ฉีเฟยอวิ๋นก็หลับไปเสียแล้ว

หนานกงเย่โอบกอดฉีเฟยอวิ๋น ชะงักงันครู่หนึ่ง เขาโอบอุ้มฉีเฟยอวิ๋นแล้วคิดจะออกไป

หวาชิงได้ชักกระบี่ที่แขวนไว้บนผนังออกมา ขวางทางของหนานกงเย่ไว้ จากนั้นกล่าวว่า “ท่านอ๋องเย่ วันนี้หากหมากกระดานนี้เล่นไม่จบ ท่านอ๋องอย่าได้คิดที่จะออกไป!”

หนานกงเย่ถีบขาออกไป หวาชิงหลบได้ กระบี่ทิ่มแทงมาทางฉีเฟยอวิ๋น หนานกงเย่เกรงว่าฉีเฟยอวิ๋นจะเป็นอะไรไป เลยใช้แขนของตนขวางไว้ หนานกงเย่ได้รับบาดเจ็บที่แขนเลือดไหลอาบหยดลงพื้น

บ่าวที่อยู่หน้าประตูตกใจไม่น้อย หมุนตัววิ่งออกไปตามคน

หวาชิงกล่าวด้วยความเดือดดาลว่า“ปิดประตู ผู้ใดกล้าเข้ามา สังหารอย่าได้ลดหย่อน!”

“ขอรับ!”

ชั่วพริบตาเดียวจู๋อวิ๋นไจได้ถูกล้อมไว้ หวาชิงนึกเรื่องที่หนานกงเย่ตามสังหารอันเสี่ยวฮวน ก็แทบอยากจะฉีกหนานกงเย่

หนานกงเย่โอบอุ้มฉีเฟยอวิ๋นทั้งที่แขนได้รับบาดเจ็บ

“ได้ ข้าจะเล่นกับเจ้า หวาชิง เจ้ารอข้าเลย”

หนานกงเย่กลับไปนั่ง ในอ้อมกอดมีฉีเฟยอวิ๋นอยู่ เขานั่งครึ่งหนึ่ง แล้วอิงไปอีกด้าน ฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้หลับ เขารู้ดี

รีบร้อนอยากจะไป ก็คือคิดอยากจะไปด้วย

ครั้งก่อนอาจารย์ของฉีเฟยอวิ๋นตาย เขาไปไม่ทัน เขามีความขัดข้องแสลงใจมาตลอด

ตอนที่อวิ๋นอวิ๋นเจ็บปวดเขาไม่อยู่ ยิ่งรู้สึกอารมณ์ไม่ดีจมดิ่ง

กระหม่อมของฉีเฟยอวิ๋นมีเหงื่อออก หนานกงเย่ยิ่งไม่วางใจ เขายกมือขึ้นเช็ดซับเหงื่อที่กระหม่อมให้เธอ

หวาชิงเดินกลับไปนั่ง หยิบหมากรุกขึ้นอันหนึ่ง จากนั้นวางลง

หนานกงเย่เป็นห่วงฉีเฟยอวิ๋น แขนโอบกอดปกป้องไว้ในอ้อมกอด ชัดเจนคล้ายดั่งว่าเหมือนฉีเฟยอวิ๋นตายไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองแต่อย่างใดเลย

“ท่านอ๋อง ตาท่านแล้ว”

หวาชิงกล่าวเตือน หนานกงเย่มองกระดานหมากรุก ตรงหน้าคล้ายดั่งกองกำลังเป็นหมื่นๆพันๆ คำรามเสียงยาวขึ้นมา หนานกงเย่เข้าสู่ช่วงสับสนอลหม่านชั่วขณะ ในสมองยิ่งสับสนวุ่นวาย ลมหายใจค่อยๆลอยตัว

ด้านนอกมีคนเรียกขึ้นว่า“ท่านอ๋อง”

เวลานี้อาอวี่ถูกกดไว้ โดยพื้นฐานแล้วเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของลูกน้องหวาชิง

ตรงหน้าของหนานกงเย่มีคนพุ่งกริชลงมา เขาหนักบริเวณหน้าอก แล้วอาเจียนออกมาเป็นเลือด หรี่ตาลงครู่หนึ่ง ด้านหน้าได้มืดมิดแล้ว

หวาชิงตกใจแทบแย่ บนหมากกระดานล้วนเป็นเลือด

หนานกงเย่หลับตาลง แขนออกแรงโอบกอดฉีเฟยอวิ๋นไว้แน่น

“อวิ๋นอวิ๋น……”

หนานกงเย่ครางร้องเรียกฉีเฟยอวิ๋นเสียงต่ำ ฉีเฟยอวิ๋นไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองแม้แต่น้อย เวลานี้หวาชิงก็รู้สึกว่าแปลกแล้ว

ตรงหน้าประตูอวิ๋นจิ่นรีบพาเฟิงอู๋ชิงมา

“แม่ทัพน้อย อวิ๋นจิ่นขอเข้าพบ”

อวิ๋นจิ่นอยู่หน้าประตู มือสองข้างประสานกันโค้งเอวเคารพ

ลูกน้องของหวาชิงเข้ามารายงานหวาชิง หวาชิงยกมือขึ้นเพื่อแสดงออกว่ามิจำเป็นต้องรายงานอีก

“ท่านแม่ทัพเรื่องนี้…….”

“ให้เจ้าออกไปก็ออกไป เกิดเรื่องอะไรขึ้น ข้าจะรับผิดชอบอย่างสุดความสามารถ”หวาชิงไล่คนออกไป แล้วกล่าวอย่างต่อเนื่องว่า“ท่านอ๋องเย่ ท่านยังต้องวาง”

หนานกงเย่ได้สติกลับมาช้าๆ เขาจำหมากรุกที่อยู่บนกระดานไม่ได้แล้ว

“ให้อวิ๋นจิ่นเข้ามา เป็นดวงตาให้แก่ข้า”

หวาชิงชำเลืองมองหน้าประตู กล่าวขึ้นว่า“เชิญแม่นางอวิ๋นจิ่นเข้ามา”

อวิ๋นจิ่นเข้ามา ได้ดึงเฟิงอู๋ชิงมาด้วย แต่พอถึงหน้าประตูจึงได้ถูกคนรั้งไว้

อวิ๋นจิ่นเข้าไปเหลือบมองเฟิงอู๋ชิง เฟิงอู๋ชิงวู่วามผลักคนแล้วตามเข้าไปด้วย คนของหวาชิงจึงได้ใช้กริชนาบแนบบนคอของเฟิงอู๋ชิง

เฟิงอู๋ชิงไร้การเคลื่อนไหว คนก็ได้กระโจนออกจากประตูไป จากนั้นอาเจียนออกมาเป็นเลือดอาบอยู่บนพื้น

เวลานี้หวาชิงถึงได้มองมาที่เฟิงอู๋ชิง แล้วก็ไม่ได้สนใจ

อวิ๋นจิ่นมองเห็นท่าทางของหนานกงเย่เป็นเช่นนั้น เลยรีบวิ่งไปดู จากนั้นกล่าวว่า“ท่านอ๋อง”

“มิเป็นไร ดวงตาของข้ามองไม่เห็นแล้ว”เวลานี้หนานกงเย่ถึงได้ลืมตา หวาชิงถึงได้ระมัดระวังให้ความสนใจสังเกตว่าดวงตาทั้งสองข้างของหนานกงเย่นั้นเปล่งประกายคล้ายดั่งสัตว์ที่อยู่ในป่ายามค่ำคืนแต่ทว่าแสงสว่างโชติช่วงกลับว่างเปล่า ราวกับเหวห้วงลึก