“เฮ้เฮ้ สองคนนั้นคือใครกันน่ะ?ทำไมผู้ช่วยหญิงถึงนำทางไปที่โซนVIPกันล่ะ?”
“การประมูลนี้จัดขึ้นโดยบริษัทหรูอี้ประมูลจำกัด ต้องการจะนั่งโซนVIPจะต้องมีมูลค่าสินทรัพย์ไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันล้าน เกรงว่าหนุ่มสาวพวกนี้คงเป็นลูกๆของพวกมหาเศรษฐีที่มาเล่นอะไรกันล่ะสิ?”
“มีอะไรน่าแปลก เดิมทีเกาะนกนางนวลก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอยู่แล้ว ทุกๆปีก็ไม่รู้ว่ามีลูกๆของพวกมหาเศรษฐีมาเล่นกันที่นี่เท่าไหร่”
เมื่อเห็นว่าผู้ช่วยหญิงกำลังนำทางเย่เทียนทั้งสองคนนี้ไปทางโซนVIP ผู้คนก็อดไม่ได้ที่จะแสดงความคิดเห็นกัน
“เขา พวกเขาจะไปที่โซนVIPได้ยังไงกัน?!”
ดวงตาของเมิ่งซ่วนจับจ้องไปที่ตรงนั้น เดิมทีเขาอยากที่จะโอ้อวดจึงต้องจ่ายเงินไปกว่าห้าล้านอีกทั้งยังต้องรับรองว่าจะประมูลของเพื่อที่จะได้นั่งโซนCอีก
แต่เขาจะไปคิดได้ยังไงล่ะว่าเย่เทียนสองคนนั้นจะได้อยู่โซนVIP นี่มันฟ้ากับดินชัดๆ ไม่มีทางเอามาเปรียบกันได้เลย!
เงินนี้ก็ถูกกำหนดว่าต้องจ่ายไว้แล้วแต่มันกลับไม่มีประโยชน์เลยแม้แต่น้อย แค่คิดก็พอรู้ได้แล้วว่าอารมณ์ของเมิ่งซ่วนจะแย่แค่ไหน
“คิดไม่ถึงเลยจริงๆว่าผู้หญิงคนนั้นจะมีเงินมากมายขนาดนี้”
มุมปากของเหอหยุนนั้นขมขื่น ในที่สุดก็ได้รู้ชัดถึงช่องว่างระหว่างหล่อนกับเฉินหวั่นชิงจึงไม่อาจนำมาเปรียบเทียบอะไรกันได้อีก
ถึงอย่างไรก็มีมูลค่าถึงพันล้านเลยนะ!สามารถรับซื้อกิจการตระกูลเมิ่งได้หลายตัวเลย!
“ชาติที่แล้วคนที่เกาะผู้หญิงกินคนนี้ได้ไปทำความดีอะไรมา ชาตินี้ถึงได้เจอแต่อะไรที่มันดีงามนัก?”
ขณะเดียวกันเมิ่งซ่วนเองก็รู้ได้ถึงช่องว่างความต่างระหว่างตนเองกับเฉินหวั่นชิงแต่สิ่งนี้เองไม่สามารถขัดขวางความรู้สึกเหนือกว่าที่เขามีต่อคนที่ชอบเกาะผู้หญิงกินอย่างเย่เทียนได้
ในอีกด้าน เจ๊หยกและเซ่อันทั้งสองคนนี้ก็มีสีหน้าท่าทางที่แตกต่างออกไป
เซ่อันเดาว่าจะเกิดสถานการณ์เช่นนี้มาก่อนแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ได้แสดงท่าทีที่ตกใจมากนัก
แต่ในทางกลับกัน โชคสุดท้ายในใจของเจ๊หยกนั้นได้แตกสลายไปอย่างสมบูรณ์ เธอส่ายหัวออกมาอย่างขมขื่น
“เสี่ยวอัน ดูเหมือนว่าการมองคนของนายจะแม่นยำไม่น้อยเลยนะ!เกรงว่ามันจะเป็นเหมือนที่นายพูดจริงๆเสียด้วยสิ ประธานเฉินหวั่นชิงผู้มีใบหน้าที่สดใสแท้จริงคือตัวรอง เย่เทียนต่างหากที่เป็นตัวหลักอย่างแท้จริง!”
“เจ๊หยก มันยังเร็วเกินไปที่จะพูดแบบนี้”
เซ่อันส่ายหัวปฏิเสธก่อนจะพูดออกมาอย่างมีนัยว่า “การคาดเดาของฉันจะแม่นหรือไม่แม่นยำนั้นคงต้องรอดูตอนประมูลถึงจะรู้ชัด!”
ท้ายที่สุดแล้วการที่ได้นั่งโซนVIPเป็นเพียงแค่การพิสูจน์ว่ามีทรัพย์สินหนึ่งพันล้านโดยที่ไม่จำเป็นต้องจ่ายอะไรเลยสักนิด แต่การจะประมูลสร้อยคอรักนิรันดร์ได้หรือไม่นั้นเป็นคนละเรื่องกัน
อย่างไรก็ตามหลังจากที่เย่เทียนและเฉินหวั่นชิงได้นั่งลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็รอไปอีกประมาณสิบนาทีกว่าที่งานประมูลจะเริ่มต้นขึ้น
ไม่พูดไม่ได้ว่า การประมูลนี้สมกับที่มีบริษัทหรูอี้ประมูลจำกัดเป็นผู้จัด ของที่นำเอามาจัดประมูลล้วนแต่เป็นของดีทั้งนั้น ซึ่งนั่นทำให้มีการเสนอราคาที่ห้ำหั่นกันเป็นอย่างมาก
เพียงแต่ว่าเย่เทียนไม่ได้สนใจในสิ่งของพวกนี้เลยแม้แต่น้อย การที่เขามาที่นี่ก็เพื่อสร้อยคอรักนิรันดร์เท่านั้น หากรักนิรันดร์ไม่ได้นำขึ้นมา เขาก็ไม่ได้มีความคิดที่จะเสนอราคาแต่อย่างใด
แน่นอนว่าหากมีสมุนไพรอะไรที่สามารถเพิ่มพูนการฝึกฝนได้หรือแม้แต่เป็นสิ่งที่เฉินหวั่นชิงสนใจ เขาเองก็เลือกที่จะลงมือ
ในเวลานี้ เมิ่งซ่วนหงุดหงิดเป็นอย่างมาก เขามัดจำเงินไปห้าล้านหยวนเพื่อเป็นหลักประกันและหากเขาไม่ทำการประมูลของล่ะก็เงินห้าล้านนั้นจะต้องสูญเปล่า
แต่ปัญหาสำคัญเลยก็คือของประมูลหลายรายการที่นำขึ้นมาก็มีราคาต่ำสุดอยู่ที่สามล้านกว่าหยวนแล้ว เขาไม่รู้จริงๆว่าควรลงมือประมูลหรือไม่
ถึงแม้ว่ารายการของที่ประมูลจะมีราคาที่แน่นอนแต่เมิ่งซ่วนก็ไม่ได้ชื่นชอบในการสะสมสักเท่าไหร่ เขาเพียงต้องการประมูลของที่ราคาต่ำที่สุดเพื่อที่จะได้เสร็จสิ้นภารกิจนี้เสียที
หากทำการประมูลตั้งแต่ต้นแล้วใครจะไปรู้ล่ะว่าการประมูลตอนท้ายจะมีราคาถูกกว่าไหม?แต่หากไม่กลัวแล้วของประมูลตอนท้ายเกิดราคาสูงกว่าล่ะจะทำยังไง?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เมิ่งซ่วนก็รู้สึกไม่พอใจเย่เทียนมากขึ้นไปอีก หากไม่ใช่เพราะเย่เทียนล่ะก็เขาจะตอบรับพี่เหวินไปทำไมกันล่ะ?จะยอมเสียเงินล้านเพื่อแย่งชิงเกียรติศักดิ์ศรีทำไมกัน?!
“เมิ่งเมิ่ง ตอนนี้พวกเราจะเอายังไงดี?หรือว่าจะต้องเสียเงินห้าล้านไปอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวอย่างนั้นหรือ?”
เหอหยุนเองก็รู้สึกเสียดายอย่างที่สุด นั่นเป็นเงินมูลค่าห้าล้านเลยนะ เอาไปซื้อกระเป๋าได้กี่ใบ เอาไปซื้อเครื่องสำอางได้กี่ชิ้น!
“จะทำยังไงได้ล่ะ เสนอราคาไปเลย!”
เมิ่งซ่วนส่ายหัวด้วยรอยยิ้มอันแสนขมขื่นพร้อมกับพูดออกมาอย่างช่วยไม่ได้ว่า “ขอเพียงแค่ราคาต่ำกว่าห้าล้าน พวกเราก็ค่อยเสนอราคาออกไป อย่างน้อยก็จะได้ประหยัดได้บ้าง!”
ในใจลึกๆแล้วเขาก็ยังคงโทษเหอหยุนอยู่ หากไม่ใช่เพราะเหอหยุนเร่งเร้าเขาเมื่อวันนั้นล่ะก็เขาก็คงไม่โกรธและพยายามรักษาศักดิ์ศรีเอาไว้?และเอาเงินห้าล้านไปมัดจำอีก?
อย่างไรก็ตามการประมูลได้ดำเนินไปอย่างราบรื่น ของประมูลแต่ละชิ้นก็ได้ถูกประมูลออกไปโดยผู้ซื้อที่แตกต่างกัน เมิ่งซ่วนเองก็ได้ซื้อภาพวาดทิวทัศน์ที่มีมูลค่าเกือบสี่ล้านหยวนมาซึ่งนั่นก็ถือได้ว่าเขาได้ทำตามข้อกำหนดของพี่เหวินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เวลาครึ่งวันผ่านไปในชั่วพริบตาและงานหลักกำลังเริ่มต้นขึ้น ที่ประตูทางเข้าก็ปรากฏชายหนุ่มคนหนึ่งที่มาถึงล่าช้าและในอ้อมแขนของเขาก็มีหญิงสาวร้อนแรงที่มีทรวดทรงองค์เอวที่เว้านูนน่าเย้ายวนใจ
“นั่นคือคุณชายใหญ่ตู้เคอหลินจากตระกูลตู้แห่งเมืองจินนี่!เขามาได้ยังไงกัน?!”
“นี่เธอโง่รึเปล่า?มาตอนนี้เกรงว่าคงมาเพื่อรักนิรันดร์เป็นแน่?”
“ดูเหมือนว่าคุณชายตู้จะเปลี่ยนแฟนสาวอีกแล้ว!เปลี่ยนแฟนไวกว่าพวกเราเปลี่ยนเสื้อผ้ากันเสียอีก!”
การปรากฏตัวของทั้งสองดึงดูดความสนใจจากผู้คนในงานทันที แต่ละคนต่างอดไม่ได้ที่จะพูดคุยถกเถียงกัน
แต่ดูจากสิ่งที่พวกเขาคุยกันนั้นก็ดูฟังไม่ยากว่าเป็นกลิ่นอายแห่งความอิจฉาริษยากันทั้งนั้น
ไม่มีอย่างอื่น ตู้เคอหลินคนนี้มีชื่อเสียงในด้านของการเป็นลูกชายผู้สุรุ่ยสุร่าย มีเงินไม่ขาดมือ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการขาดผู้หญิงเลย!
“คุณชายใหญ่ตระกูลตู้?ตู้เคอหลิน?”
เย่เทียนเหลือบมองชายหนุ่มที่เข้ามาและมุมปากก็อดไม่ได้ที่จะเกิดรอยยิ้มอันแสนชั่วร้าย
เขาไม่เคยลืมว่าตอนที่เขาอยู่ที่จ๊กกลาง คนของตู้เฉี่ยวเฉี่ยวค้นพบการมีอยู่ของรอยสักหัวกะโหลก
จากนั้นเขาก็ได้ไปศึกษาสถานการณ์ของตระกูลตู้ ตอนนี้เจ้าบ้านคือตู้เฮิงฉุน นอกจากลูกสาวอย่างตู้เฉี่ยวเฉี่ยวแล้วก็ยังมีลูกชายไร้ความสามารถอย่างตู้เคอหลินอีก!
เดิมทีเขายังคิดไตร่ตรองที่จะรอไปเมืองจินและหาโอกาสเข้าใกล้ตู้เคอหลินเสียหน่อย ดูว่าจะสามารถหาข่าวสารเกี่ยวกับแก๊งหย่งเย่ได้ไหม ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะต้องทำเร็วกว่ากำหนดเสียแล้ว!
นี่เป็นเรื่องที่ไม่มีทางเลือก ใครให้ตู้เคอหลินเป็นลูกผู้ดีมีเงินที่ทำตัวสำมะเลเทเมากันล่ะ จากสถานการณ์แหวกหญ้าให้งูตื่น เขาเป็นคนที่เข้าใกล้ได้ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัยเลยล่ะ
“เคอหลิน วันนี้คุณพาฉันมาที่นี่ต้องการจะประมูลอะไรเหรอคะ?”
หญิงสาวผู้ร้อนแรงถามตู้เคอหลินด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา การเดินทางมาที่นี่เป็นสิ่งที่ตู้เคอหลินไม่เคยบอกกับหล่อนมาก่อน หล่อนจึงคิดว่านี่อาจจะเป็นการเซอร์ไพส์ให้ก็เป็นได้ ดังนั้นหล่อนจึงรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
“นี่หล่อนไม่รู้เหรอว่าของประมูลรอบสุดท้ายในวันนี้คือสร้อยคอรักนิรันดร์น่ะ?”
ตู้เคอหลินมองไปที่หญิงสาวที่อยู่ด้านข้างอย่างเกียจคร้านพร้อมกับลากหล่อนเข้าไปยังโซนVIP
สาวผู้ร้อนแรงคนนี้ก็ถูกเซอร์ไพส์เข้าไปเต็มๆ พวกเขามาที่เกาะนกนางนวลแห่งนี้เป็นเวลาหลายวันแล้ว หล่อนจะไม่รู้ได้ยังไงกันล่ะ
“เคอหลิน นายทำตัวดีกับฉันจริงๆเลย!ฉันรักนายสุดๆไปเลย!”
หล่อนนึกว่าตู้เคอหลินจะประมูลและมอบมันให้แก่ตนจึงไม่ได้สนใจสายตาของสาธารณชนพร้อมกับกอดตู้เคอหลินอย่างตื่นเต้นและส่งจูบไปฟอดใหญ่
“เพ้อฝันอะไรตอนกลางวันกันเนี่ย?”
แต่น่าเสียดายที่ตู้เคอหลินทำลายฝันของหล่อนอย่างรวดเร็วพร้อมกับส่ายหัวและพูดว่า “จะถึงวันเกิดพี่สาวของฉันแล้ว นั่นมันเป็นของขวัญที่ฉันจะมอบให้พี่สาวต่างหาก!”
วินาทีถัดมา ตู้เคอหลินก็ไม่ได้สนใจท่าทีที่ดูอึดอัดของหญิงสาวเลยแม้แต่น้อย สายตากวาดมองไปรอบๆพร้อมกับพูดอย่างจองหองว่า “วันนี้ฉันตู้เคอหลินจะต้องชนะการประมูลสร้อยรักนิรันดร์รอบสุดท้ายนี้ให้ได้ ส่วนใครที่อยากได้ก็ต้องรู้จักประมาณตนด้วย!”