ยอดฝีมือระดับเริ่มต้นขั้นเซียงเทียน-9สองคน ยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-8 อีกทั้งยังเป็นแวมไพร์ขั้นเคานต์อย่างเฉินเจี้ยนกุ่ยอีกหนึ่งคน และเฉี่วยหยิงกงยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-8 อีกหนึ่งคน
และเวลานี้หลิงหยุนเพียงคนเดียวก็กำลังรับมือกับยอดฝีมือที่เก่งกาจพร้อมกันถึงสี่คน!
เป้าหมายของยอดฝีมือทั้งสี่ก็คือการสังหารหลิงหยุนให้ได้โดยเร็วที่สุด!
“พวกท่านต้องระมัดระวังให้มาก!หลิงหยุนเป็นคนที่คาดเดาได้ยาก และยังยากที่จะรับมืออีกด้วย พี่ชายของข้าก็เคยพลาดพลั้งให้กับมันมาแล้ว!”
เฉินเจี้ยนกุ่ยบินเข้าไปหาหลิงหยุนพร้อมกับยอดฝีมือคนอื่นๆแต่ก็ไม่ลืมที่จะร้องเตือนซือกงวู่จี๋กับยอดฝีมือที่เหลืออีกสองคนด้วย..
ประสบการณ์และบทเรียนของเฉินเจี้ยนกุ่ยนั้นล้วนต้องแลกมาด้วยเลือดเนื้อ และความเจ็บปวด! เมื่อครั้งที่สู้กับหลิงหยุนอยู่บนเขาหลงเมิ่งนั้น หลิงหยุนได้เผยไพ่มากมายในมือของเขาออกมา ทำให้สามารถสังหารเหล่าแวมไพร์ตายไปมากมาย แต่ที่น่ากลัวที่สุดก็คือวิชาพลังมังกรซึ่งเป็นไพ่ตายใบสุดท้ายของหลิงหยุน และนั่นเป็นเหตุให้หลิงหยุนสามารถสังหารเฉินเจี้ยนจื่อซึ่งเป็นยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-8 ตายได้!
ภาพการต่อสู้ที่ดุเดือดในครั้งนั้นเฉินเจี้ยนกุ่ยยังจำได้ดีตั้งแต่ต้นจนจบไม่พลาดแม้แต่ฉากเดียว และเวลานี้ภาพเหล่านั้นก็กำลังปรากฏขึ้นในหัวของเขาอีกครั้ง และความหวาดกลัวในตัวหลิงหยุนก็เริ่มแผ่ซ่านครอบคลุมจิตใจของเฉินเจี้ยนกุ่ยอีกครั้งเช่นกัน!
ซือกงวู่จี๋ได้ฟังคำเตือนของเฉินเจี้ยนกุ่ยก็ได้แต่หัวเราะออกมาเสียงดังพร้อมกับพูดขึ้นว่า..
“ฮ่า..ฮ่า.. ขอบคุณคำเตือนของคุณชายเฉินยิ่งนัก! แต่ท่านไม่ต้องกังวลใจไป คืนนี้หลิงหยุนไม่มีทางหนีพ้นเงื้อมือของข้า – ซือกงวู่จี๋ไปได้แน่!”
จากนั้นร่างของยอดฝีมือทั้งสี่ก็กระโดดเข้าไปปิดล้อมหลิงหยุนไว้ทุกด้าน!
แม้หลิงหยุนจะเผชิญหน้าอยู่กับสี่ยอดฝีมือไร้ยางอายที่ทำการปิดล้อมตนเองไว้เช่นนี้แต่เขาก็ไม่คิดที่จะหลบหนี ริมฝีปากของหลิงหยุนแสยะยิ้มออกมา แต่แววตานั้นสงบนิ่งอย่างน่าหวาดกลัว!
แทบไม่ต้องสงสัย..นี่คือศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่หลิงหยุนเคยเผชิญหน้ามา! ครั้งนี้นับว่าเป็นการต่อสู้ระหว่างความเป็นความตายอย่างแท้จริง และดูเหมือนจะเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดโหดเหี้ยมที่สุดของเขาอีกด้วย!
ครั้งนี้ไม่เพียงศัตรูของหลิงหยุนจะแข็งแกร่งมากแต่ยังไร้ยางอายอย่างที่สุดด้วย! เพียงเพื่อสังหารหลิงหยุน นักบวชผู้ทรงศีลถึงกับกล้าร่วมมือกับโอรสพรรคมารอย่างไม่รู้จักอับอาย!
แต่หลิงหยุนกลับไม่รู้สึกอะไรแม้แต่น้อยเขาไม่เพียงไม่รู้สึกคับแค้นใจ หรือแม้แต่ไม่พอใจ และเลือกที่จะเผชิญหน้ากับศัตรูอย่างสงบเยือกเย็น เพราะไม่ว่าธรรมะ หรืออธรรม ทั้งหมดที่อยู่ต่อหน้าเขาเวลานี้ล้วนแล้วแต่เป็นศัตรูที่เขาจะต้องประมือด้วยทั้งสิ้น!
แต่ถึงอย่างไรก็ตามด้วยความแข็งแกร่งของหลิงหยุนเวลานี้ เขาเองก็รู้อยู่แก่ใจดีว่าเป็นไปไม่ได้ที่ตนเองจะสามารถสังหารยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-9 ได้..
เพราะเมื่อครั้งที่อยู่บนยอดเขาหลงเหมินหลิงหยุนได้พยายามที่จะสังหารหลี่เคิ่นวู๋ เพื่อต้องการทดสอบความแข็งแกร่งของยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-9อย่างหลวงจีนเจี๋วยหยวนแห่งวัดเส้าหลิน แม้เขาจะประมือกับหลวงจีนเจี๋วยหยวนเพียงแค่ครั้งเดียว และแม้จะยังไม่รู้ผลแพ้ชนะอย่างเด็ดขาด แต่ก็พอที่จะรับรู้ถึงความแข็งแกร่งของยอดฝีมือขั้นนี้ได้แล้วบ้าง!
อีกทั้งครั้งนั้นหลวงจีนเจี๋วยหยวนเองก็ต้องการเพียงแค่ช่วยคนเท่านั้นเขาจึงเพียงแค่รับมือหลิงหยุน และยังไม่ได้ลงมือจู่โจมอย่างจริงจัง..
แต่ยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-9ทั้งสองคนนี้แตกต่างจากหลวงจีนเจี๋วยหยวน เพราะจุดประสงค์ของพวกเขาทั้งคู่คือการสังหารหลิงหยุน!
อีกทั้งจิตใจของคนทั้งคู่ยังเต็มไปด้วยความเคียดแค้นชิงชังในตัวหลิงหยุน..
การที่ยอดฝีมือเก่งกล้าทั้งสามคนร่วมมือกันจู่โจมหลิงหยุนพร้อมๆกันเช่นนี้ต่อให้ไม่สามารถสังหารหลิงหยุนได้ แต่อย่างน้อยก็ทำให้หลิงหยุนหมดโอกาสตอบโต้กลับ และทำได้ดีที่สุดเพียงแค่ตั้งรับเท่านั้น!
ที่พูดว่ายอดฝีมือเก่งกล้าทั้งสามคนนั้นเพราะหลิงหยุนไม่นับรวมเจ้าสำนักโลหิตมาร – เฉี่วยหยิงกงเข้าไปด้วย สำหรับหลิงหยุนเวลานี้ เฉีวยหยิงกงไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาด้วยซ้ำไป!
เมื่อเป็นเช่นนี้..หลิงหยุนจึงรู้ดีว่าครั้งตนเองไม่สามารถที่จะถ่วงเวลาในการต่อสู้ได้ เขาจำเป็นต้องจบทุกอย่างให้ได้ในระยะเวลาที่สั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะหากยืดเวลาการต่อสู้ออกไปนานมากเท่าไหร่ เขาก็จะยิ่งตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบมากขึ้นเท่านั้น!
อีกทั้งยังมีปีศาจภัยแล้งอีกตนที่รอให้เขาไปจัดการต่อ..
หลิงหยุนรู้ดีว่าปีศาจภัยแล้งนั้นเป็นปีศาจที่ค่อนข้างแข็งแกร่งอย่างมากและเขาเองก็เกรงว่าลำพังไป๋เซียนเอ๋อเพียงคนเดียว อาจจะไม่สามารถเอาชนะมันได้!
แม้ความกดดันในการต่อสู้ของหลิงหยุนครั้งนี้จะมีสูงมากแต่เขากลับไม่รู้สึกหวาดกลัว และยังคงเปี่ยมไปด้วยความมั่นอกมั่นใจ!
ที่หลิงหยุนรู้สึกเช่นนั้นเพราะเขายังมีไพ่อยู่ในมืออีกมากมายและไพ่ตายใบสุดท้ายของเขานั้น เขามักจะนำมาใช้เมื่อถึงคราวคับขันเท่านั้น!
และนี่ก็ถึงคราวคับขันของหลิงหยุนแล้ว..
หลิงหยุนแทบไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายลงมือจู่โจมเลยเขาเลือกที่จะใช้ไพ่ตายในทันที และนั่นก็คือวิชาพลังมังกรที่สามารถเพิ่มศักยภาพในการต่อสู้ให้กับหลิงหยุนได้จากเดิมถึงสิบเท่า!
และการที่หลิงหยุนดูดเอาพลังปราณของยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-8เข้าไปพร้อมกันถึงสองคนก่อนหน้านี้ ล้วนเป็นการเตรียมพร้อมเพื่อการนี้นั่นเอง!
ภายใต้วิชาพลังมังกรขั้นสุดพลังปราณจำนวนมหาศาลในจุดตันเถียนที่กว้างใหญ่ราวกับท้องทะเลของหลิงหยุนนั้น ก็เริ่มหมุนอย่างรวดเร็วทันที ทำให้หลิงหยุนสามารถเดินวิชาพลังลับหยิน-หยางได้รวดเร็วกว่าเดิมถึงสิบเท่า!
หากเปรียบพลังปราณในจุดตันเถียนของหลิงหยุนมากมายดั่งน้ำในท้องทะเลก็คงต้องเปรียบเทียบความเร็ว และความรุนแรงของพลังปราณกับน้ำตกที่ตกลงมาด้วยความสูงหลายพันเมตร!
พลังปราณที่หมุนอย่างรวดเร็วของหลิงหยุนนั้นจากที่เคยใช้เวลาราวห้านาทีในการที่จะเดินพลังลับหยิน-หยางได้หนึ่งรอบใหญ่ แต่เวลานี้เพียงแค่หนึ่งนาที ก็สามารถเดินวิชาพลังลับหยิน-หยางได้หลายรอบใหญ่มากแล้ว!
และจากการหมุนเวียนของพลังปราณภายในร่างกายที่รุนแรงและรวดเร็วนี้ ทำให้ศักยาภาพต่างๆในตัวของหลิงหยุนเพิ่มขึ้นจากเดิมถึงสิบเท่า ไม่ว่าจะเป็นพลังในการจู่โจมคู่ต่อสู้ พลังในการป้องกันตัว ความเร็วในการเคลื่อนที่ ทุกอย่างล้วนเพิ่มขึ้นจากเดิมถึงสิบเท่า รวมทั้งจิตหยั่งรู้ของหลิงหยุนก็ขยายเพิ่มจากเดิมอีกสิบเท่าเช่นกัน!
เวลานี้ดวงตาทั้งสองข้างของหลิงหยุนจึงไม่ต่างจากตะเกียงที่มีแสงไฟสว่างไสวและสีผิวเริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วงแดง ร่างกายพองออกอย่างเห็นได้ชัด กล้ามเนื้อต่างๆทั่วร่างกายปูดโปนคล้ายกับเกล็ดมังกร ร่างทั้งร่างดูแข็งแกร่งใหญ่โตอย่างน่ากลัว..
ยอดฝีมือทั้งสามคนถึงกับตกตะลึงทันที!
ในเมื่อหลิงหยุนได้ใช้วิชาพลังมังกรแล้วและเวลานี้ความแข็งแกร่งของร่างกายก็ได้ปรากฏต่อสายตาทุกคู่แล้ว เขาจึงต้องการที่จะรีบระบายพลังที่อัดอั้นอยู่นี้ออกอย่างเร่งด่วน..
และภายใต้จิตหยั่งรู้ที่ทรงพลังมากกว่าเดิมถึงสิบเท่านั้นฝ่ามือของซือกงวู่จี๋ที่เคลื่อนไหวอยู่ตรงหน้าหลิงหยุนนั้น กลับกลายเป็นเชื่อช้าลงอย่างเห็นได้ชัด..
หลิงหยุนแสยะยิ้มพร้อมกับร้องบอกซือกงวู่จี๋ว่า“ขอบใจเจ้ามาก!”
ซือกงวู่จี๋ถามกลับด้วยความงุนงง“นี่เจ้าพูดอะไรกัน!”
‘ขอบใจข้าเรื่องอะไรนี่หลิงหยุนมันไม่หวาดกลัวบ้างเลยงั้นรึ?’.novel-lucky.
แต่เพียงแค่พริบตาเดียว..ซือกงวู่จี๋ก็เริ่มสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของหลิงหยุนได้ในทันที เขารับรู้ได้ว่าสถานการณ์เริ่มไม่ดีแล้ว และพยายามที่จะถอยหนีให้ไกลจากหลิงหยุนมากที่สุด!
“เจ้าไม่มีทางหนีรอด!พวกเจ้าทุกคนจะต้องชดเชยความโกรธครั้งนี้ให้กับข้า!”
พูดจบ..หลิงหยุนก็พุ่งหมัดของตนเองตามร่างของซือกงวู่จี๋ไปทันที..
หมัดของหลิงหยุนในครั้งนี้นั้นรุนแรงเกินกว่าที่จะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้และทันทีที่หมัดของเขาพุ่งผ่านอากาศออกไป ก็เกิดเป็นเสียงลมดังสนั่นขึ้น ก่อนจะพุ่งตรงเข้าไปปะทะกับฝ่ามือของซือกงวู่จี๋อย่างรุนแรง!
ดาราคุ้มกายระดับสูงสุดขั้นที่สองประกอบกับกำลังแขนของยอดฝีมือขั้นปรับร่างกาย-9 ที่สามารถรับน้ำหนักได้หลายพันกิโลกรัมอยู่แล้ว แต่เวลานี้เมื่อใช้ภายใต้วิชาพลังมังกร หมัดของหลิงหยุนข้างหนึ่งจึงต้องคูณเข้าไปอีกสิบเท่า..
และปรากฏว่า..หมัดข้างหนึ่งของหลิงหยุนเวลานี้มีความรุนแรงหนักหน่วงกว่าหกสิบตันเลยทีเดียว!
และภายใต้หมัดที่มีพละกำลังมหาศาลเช่นนี้หลิงหยุนจึงไม่จำเป็นต้องใช้วิชาหมัดปีศาจเถียนกังเลย และเขาก็เชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าซือกงวู่จี๋จะไม่สามารถต้านทานพลังหมัดของเขาได้อย่างแน่นอน.
“พลังมหามาร!”
แววตาของซือกงวู่จี๋เต็มไปด้วยความหวาดผวาเขาเห็นหมัดที่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วของหลงหยุน จึงรีบใช้วิชาพลังมหามารของตนเองต้านไว้ทันที!
ในช่วงวินาทีแห่งความเป็นความตายนั้นใบหน้าของซือกงวู่จี๋เปลี่ยนเป็นสีแดงคล้ายเลือด ดวงตาก็กลายเป็นสีแดงโลหิต พร้อมกับชักฝ่ามือของตนเองกลับมาอย่างรวดเร็วก่อนจะซัดออกไปอย่างรวดเร็ว และรุนแรง!
ปัง!
เสียงหมัดของหลิงหยุนและฝ่ามือพลังมหามารของซือกงวู่จี๋ ปะทะกันดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทั้งบริเวณ และทุกคนต่างก็ได้ยินกันถ้วนหน้า..
“อ๊าก!”ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องของซือกงวู่จี๋
ร่างของเขาถูกหลิงหยุนชกกระเด็นจนลอยละลิ่วออกไปกระแทกกับต้นไม้ใหญ่หักก่อนจะลอยไปกระแทกเข้ากับกำแพงบ้านต่อ จากนั้นร่างของซือกงวู่จี๋ก็พุ่งทะลุกำแพงบ้านออกไปตกอยู่กลางป่าทึบด้านนอกทันที!
ใบหน้าของซือกงวู่จี๋ซีดเหลืองจนมีสีคล้ายกระดาษทองและกระอักเลือดออกมาใส่ชุดสีขาวสะอาดนั้นถึงสองครั้งสองครา..
เพียงแค่หนึ่งหมัดของหลิงหยุนก็สามารถทำให้ซือกงวู่จี๋ซึ่งอยู่ในขั้นเซียงเทียน-9 ถึงกับบาดเจ็บได้ในทันที
เพียะ!
เสียงแส้ปัดในมือของนักบวชเลี่ยยื่อฟาดเข้ากับไหล่ของหลิงหยุนอย่างแรง แต่เพราะหลิงหยุนสวมชุดผ้าแพรไหมดำ เขาจึงไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร เพียงแค่ผิวหนังกลายเป็นสีแดงเท่านั้น!
“จิ้งจอกเฒ่า..ถึงคราวของเจ้าแล้ว!”
ครั้งนี้หลิงหยุนเปลี่ยนจากหมัดมาเป็นกรงเล็บและใช้จับแส้ในมือของนักบวชเลี่ยยื่อไว้ทันที เพื่อไม่ให้เขาสามารถหลบหนีได้..
นักบวชเลี่ยยื่อถึงกับตระหนกตกใจสุดขีดและรีบโยนแส้ในมือทิ้งไปทันที จากนั้นจึงรีบกระโดดถอยหลังหนี แต่มีหรือที่หลิงหยุนจะยอมให้หนีไปได้
ด้วยวิชาพลังมังกรที่ทำให้ศักยภาพของหลิงหยุนเพิ่มขึ้นจากเดิมถึงสิบเท่านั้นเพียงแค่หลิงหยุนกระโดดครั้งเดียว ก็ลอยเข้าไปเกือบจะถึงร่างของนักบวชเลี่ยยื่อแล้ว และได้ยื่นมืออกไปคว้าแขนของนักบวชเลี่ยยื่อไว้ทันที!
“ไม่นะ!!”
เมื่อนึกถึงภาพของซือกงวู่จี๋เมื่อครู่นักบวชเลี่ยยื่อก็ถึงกับกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ
“ถึงคราวของเจ้าแล้ว!”
หลิงหยุนใช้ฝ่ามือรวบร่างของนักบวชเลี่ยยื่อไว้พร้อมกับจับร่างของเขาโยนข้ามกำแพงไปรวมกับร่างของซือกงวู่จี๋ในป่าทึบด้านนอก และเพียงแค่พริบตาเดียว ร่างของหลิงหยุนก็กระโดดตามไปยืนอยู่ข้างๆ ร่างของทั้งคู่แล้ว..
หลิงหยุนไม่มีทางปล่อยให้ซือกงวู่จี๋หนีรอดไปได้แต่ก็ไม่อาจปล่อยให้เลี่ยยื่ออยู่ในบ้านเพียงลำพังได้ เขาจึงต้องจับร่างของเลี่ยยื่อโยนออกมาด้วย..
ระหว่างนั้นซือกงวู่จี๋พยายามดิ้นรนที่จะหนีที่ผ่านมาเขาเองก็ยังไม่เคยพ่ายแพ้ให้กับใครมากมายเช่นนี้มาก่อน และคิดไม่ถึงว่าหลิงหยุนจะยังมีไพ่ซ่อนอยู่ในมืออีก!
แต่ยังไม่ทันที่ซือกงวู่จี๋จะได้ลุกขึ้นเขาก็ได้ยินเสียงตุ้บดังอยู่ด้านข้าง พร้อมกับร่างของนักบวชเลี่ยยื่อที่ถูกจับโยนลงกับพื้นเช่นกัน..
หลิงหยุนใช้เพียงแค่มือเปล่าก็สามารถจับร่างของนักบวชเลี่ยยื่อโยนออกไปได้ไกลถึงหนึ่งร้อยกิโลเมตร..
ภายใต้วิชาพลังมังกรที่ทำให้หลิงหยุนแข็งแกร่งอย่างที่สุดนี้เขาลงมือจัดการกับศัตรูอย่างโหดเหี้ยม และไร้ซึ่งความปราณี..
จากนั้นหลิงหยุนจึงกระโดดตามไปและเมื่อไปถึงเขาก็ยกเท้าข้างหนึ่งขึ้นเหยียบแผ่นหลังของนักบวชเลี่ยยื่อ ส่วนอีกข้างก็เหยียบอยู่บนแผ่นหลังของซือกงวู่จี๋ แล้วทั้งคู่ต่างก็ลุกขึ้นหนีไม่ได้อีก!
“ขั้นเซียงเทียน-9ช่างน่าทึ่งมากจริงๆ!”
หลิงหยุนยิ้มเยือกเย็นก่อนจะก้มลงพร้อมกับเอื้อมมือทั้งสองข้างจับแขนของนักบวชเลี่ยยื่อไว้ แล้วออกแรงดึงสุดแรง!
สิ้นเสียงฉีกขาดของกล้ามเนื้อทั้งสองครั้งแขนทั้งสองข้างของนักบวชเลี่ยยื่อก็ถูกหลิงหยุนดึงจนขาดทันที..
ช่างเป็นภาพที่น่าสยดสยองยิ่งนัก!
จากนั้นไหล่ทั้งสองข้างของเลี่ยยื่อก็มีเลือดไหลพุ่งออกมามากมายเขากรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด และในที่สุดก็สลบไป!
หลิงหยุนโยนแขนทั้งสองข้างของนักบวชเลี่ยยื่อทิ้งไปและกระบี่โลหิตแดนใต้ก็ปรากฏขึ้นมาในมือของเขาแทน..
ชัวะ..ชัวะ..
ทันทีที่กระบี่สีดำปรากฏขึ้นในมือของหลิงหยุนทั้งนักบวชเลี่ยยื่อและซือกงวู่จี๋ต่างก็ถูกหลิงหยุนตัดขาทั้งสองข้างทิ้งทันที!
ตามมาด้วยเสียงฟันชัวะ..ชัวะ.. อีกสองครั้ง และแขนทั้งสองข้างของซือกงวู่จี๋ก็หลิงหยุนถูกตัดขาดเช่นกัน!
ในเวลาเพียงแค่ชั่วพริบตาหลิงหยุนก็สามารถทำให้ยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-9 ทั้งสองคน กลายเป็นคนพิการไร้แขนไร้ขาในทันที!
เวลานี้ต่อให้ทั้งคู่เก่งกาจสักเพียงใดก็ยากทีจะหลบหนีได้อีก!
หลิงหยุนเรียกยันต์บำบัดออกมาแปดแผ่นทำการรักษาบาดแผลภายนอกให้กับคนทั้งคู่ทันที แล้วจึงหิ้วร่างของพวกมันสองคนกระโดดกลับเข้าไปในบ้าน!
แทบไม่ต้องรอให้เท้าสัมผัสพื้นหลิงหยุนก็จัดการโยนร่างของยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-9 ทั้งสองคนไปกองไว้ที่เท้าของฉินตงเฉี่วยแล้ว..
“น้าหญิงท่านช่วยข้าเฝ้าพวกมันไว้ให้ดี พวกมันสองคนยังมีประโยชน์กับข้าอยู่!”
จากนั้น..หลิงหยุนจึงเงยหน้าขึ้นไปมองเฉินเจี้ยนกุ่ยที่กำลังกระพือปีกบินหนีขึ้นไปบนท้องฟ้า ก่อนจะพูดออกมาอย่างเย้ยหยัน
“เฉินเจี้ยนกุ่ย..เจ้าคิดว่าจะหนีข้ารอดงั้นรึ”