เพียงแค่เคลื่อนไหวไม่กี่ครั้งหลิงหยุนก็สามารถจัดการกับนักบวชเลี่ยยื่อ และซือกงวู่จี๋ได้ในคราวเดียว และด้วยความเร็วที่ไวกว่าแสงของหลิงหยุนนั้น เขาใช้เวลาไปกับกระบวนการทั้งหมดนั้นไม่ถึงหนึ่งนาทีด้วยซ้ำไป
เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นภายในเวลาที่รวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อและเกินความคาดหมายของทุกคนเป็นอย่างมาก!
ในตอนแรกที่หลิงหยุนชกซือกงวู่จี๋จนกระเด็นลอยละลิ่วออกไปและจับร่างของนักบวชเลี่ยยื่อโยนตามออกไปนั้น เฉินเจี้ยนกุ่ยยังคงงุนงงอยู่ และสมองของเขาก็ยังไม่สามารถปะติดปะต่อเรื่องราวได้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกันแน่!
แต่ทันทีที่ได้ยินเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดของคนทั้งคู่ดังขึ้นเฉินเจี้ยนกุ่ยก็รับรู้ได้ถึงความผิดปกติทันที และรีบกระพือปีกใหญ่ยักษ์ของตนเองพุ่งหนีขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว เฉินเจี้ยนกุ่ยคิดเพียงแค่ว่าต้องหนีไปจากที่นี่ให้ได้เร็วที่สุดเท่านั้น เพราะรู้ว่าตนเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลิงหยุนในเวลานี้!
แต่เมื่อรอจนกระทั่งถึงตอนนี้แล้วจึงคิดที่จะหนี..เฉินเจี้ยนกุ่ยยังคิดว่าตนเองจะสามารถหนีรอดได้อีกอย่างนั้นหรือ
เวลานี้หลิงหยุนมีจิตหยั่งรู้ที่ทรงพลังกว่าเดิมมากถึงสิบเท่าระหว่างที่จัดการกับนักบวชเลี่ยยื่อและซือกงวู่จี๋อยู่นั้น จิตหยั่งรู้ของเขาก็จับอยู่ที่ร่างของเฉินเจี้ยนกุ่ยด้วย ทุกการเคลื่อนไหวของเฉินเจี้ยนกุ่ย จึงล้วนแล้วแต่อยู่ในการรับรู้ของหลิงหยุนทั้งสิ้น!
ในเมื่อหลิงหยุนลงทุนใช้วิชาพลังมังกรซึ่งเป็นไพ่ตายเพื่อให้ตนเองมีศักยภาพในการต่อสู้เพิ่มจากเดิมถึงสิบเท่าเช่นนี้ หากเขายังปล่อยให้เฉินเจี้ยนกุ่ยหนีรอดไปได้ เขาก็ไม่ควรจะชื่อหลิงหยุนอีกต่อไป!
เฉินเจี้ยนกุ่ยนั้นเป็นแวมไพร์และข้อได้เปรียบเพียงอย่างเดียวของมันเวลานี้ก็คือ ปีกที่สามารถพาร่างของมันทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าได้ และในเวลานั้นร่างของเฉินเจี้ยนกุ่ยก็ได้ขึ้นไปอยู่บนอากาศห่างจากพื้นดินไปราวเจ็ดสิบเมตรแล้ว แต่ถึงกระนั้นปีกใหญ่ยักษ์ของมันก็ยังคงกระพือไม่หยุด เพื่อที่จะพยายามพาร่างของตนเองให้บินขึ้นไปสูงที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้!
แต่ครั้งนี้..เฉินเจี้ยนกุ่ยไม่กล้ากลายร่างเป็นค้างคาวตัวเล็ก ที่ถึงแม้ว่าจะสามารถบินหลบหนีได้รวดเร็วยิ่งขึ้นก็ตาม แต่นั่นกลับจะเป็นอันตรายมากยิ่งกว่า เพราะมันหมายถึงการที่เฉินเจี้ยนกุ่ยจะสูญสิ้นพลังการป้องกันตัวเองไปอย่างสิ้นเชิง อีกทั้งเขายังคงไม่ลืมความน่าสะพรึงกลัวของคันธนูทอง และลูกธนูเงินของหลิงหยุน!
และหากถูกหลิงหยุนจู่โจมด้วยคันธนูทองและลูกธนูเงินจริงๆ การกลายร่างเป็นค้างคาวตัวเล็ก จะยิ่งทำให้เฉินเจี้ยนกุ่ยตกอยู่ในอันตรายที่มากกว่าเดิม!
เจสเตอร์รีบบินตรงเข้าไปหาหลิงหยุนทันทีพร้อมกับร้องตะโกนบอกหลิงหยุนว่า
“เจ้านาย..ขึ้นมาบนหลังเจสเตอร์ได้เลย!”
หลิงหยุนหันหน้าไปมองพร้อมกับยิ้มให้และสั่งว่า “ไม่จำเป็น.. เจ้าอยู่ที่นี่กับพอลคอยช่วยน้าหญิง!”
เมื่อเฉินเจี้ยนกุ่ยเห็นสถานการณ์เริ่มไม่ดีและคิดที่จะหนี เฉี่วยหยิงกงเองก็คิดไม่ต่างกัน.. แต่ฉินตงเฉี่วยนั้นไม่ยอมให้เขาหนีไปได้ง่ายๆอย่างแน่นนอน และรีบพุ่งเข้าไปขวางไว้ทันที
หลิงหยุนพูดจบก็กระเท้าทั้งสองข้างลงกับพื้นดังปัง!ก่อนที่ร่างของเขาจะลอยละลิ่วขึ้นไปกลางอากาศ พร้อมกับหมุนตัวพุ่งตรงเข้าหาร่างของเฉินเจี้ยนกุ่ยทันที!
หลิงหยุนกระโดดขึ้นไปอย่างสุดกำลังร่างของเขาลอยละลิ่วขึ้นไปกลางอากาศสูงถึงสองร้อยเมตร แต่ถึงกระนั้นความเร็วที่พุ่งขึ้นก็ยังไม่ลดลงเลยแม้แต่น้อย และสามารถไล่ตามร่างร่างของเฉินเจี้ยนกุ่ยได้ทันเวลา..
“ตามข้ากลับลงไปข้างล่างได้แล้ว!”
หลิงหยุนหมุนตัวขึ้นไปยืนอยู่บนแผ่นหลังของเฉินเจี้ยนกุ่ยจากนั้นจึงร้องตะโกนบอก พร้อมกับกำหมัดชกลงไปที่กลางแผ่นหลังของเฉินเจี้ยนกุ่ยอย่างแรง หมัดที่ทรงพลังยิ่งกว่าพายุเฮอริเคนของหลิงหยุน ซัดเข้าใส่ร่างของเฉินเจี้ยนกุ่ยอย่างไม่ปราณี..
“อ๊าก..”
เสียงกรีดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดดังก้องไปทั่วท้องนภาแล้วร่างของเฉินเจี้ยนกุ่ยก็ร่วงตกลงมาจากท้องฟ้าราวกับนกปีกหัก!
และจู่ๆกระบี่โลหิตแดนใต้ก็โผล่ออกมาจากมือของหลิงหยุน!
และในขณะที่ร่างของเฉินเจี้ยนกุ่ยกำลังร่วงลงสู่พื้นดินนั้นหลิงหยุนก็จัดการฟันกระบี่สีดำลงไปบนปีกทั้งสองข้างของมันทันที..
“อ๊าก”
เฉินเจี้ยนกุ่ยตกลงมาจากท้องฟ้าด้วยความรวดเร็วอีกทั้งยังถูกชกด้วยกำปั้น และถูกตัดปีกทั้งสองข้างทิ้ง มันจึงได้แต่กรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดอย่างที่สุด..
ตุ้บ!
ร่างใหญ่ยักษ์ไร้ปีกของเฉินเจี้ยนกุ่ยร่วงลงกระแทกกับพื้นดินอย่างแรงจนพื้นดินบริเวณนั้นกลายเป็นหลุมขนาดใหญ่ ทั้งดินและหินต่างก็กระเด็นกระดอน และกระจายไปทั่วทั้งบริเวณ..
ร่างของเฉินเจี้ยนกุ่ยนั้นตกลงไปกลางป่าทึบและร่างของหลิงหยุนที่ร่วงตามลงมานั้น ก็ไปยืนเหยียบอยู่บนแผ่นหลังของเฉินเจี้ยนกุ่ยอย่างพอดิบพอดี..
หลิงหยุนย่อตัวลงนั่งยองๆอยู่บนแผ่นหลังของเฉินเจี้ยนกุ่ยพร้อมกับพูดขึ้นว่า..
“คนแซ่เฉิน..ยังมีอีกหลายเรื่องที่เจ้ายังไม่รู้ และคิดไม่ถึง!”.novel-lucky.
ก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะเริ่มลงมือต่อสู้กันนั้นเฉินเจี้ยนกุ่ยที่มั่นอกมั่นใจว่าฝ่ายของตนจะต้องได้รับชัยชนะนั้น ได้บอกกับหลิงหยุนว่า ยังมีอีกหลายเรื่องที่หลิงหยุนยังไม่รู้ และคิดไม่ถึง!
ในเวลานั้นหลิงหยุนเพียงแค่ยิ้มและไม่ตอบโต้อะไร แต่ในเวลานี้เขาได้ยืมคำพูดประโยคนั้นมาใช้พูดกับเฉินเจี้ยนกุ่ยเสียเอง!
หลังจากที่พูดจบแล้ว..หลิงหยุนก็ลุกขึ้นยืน และจัดการกระทืบเท้าลงบนแผ่นหลังของเฉินเจี้ยนกุ่ยอีกครั้ง ก่อนจะก้าวลงไป แล้วยกเท้าข้างหนึ่งขึ้นเตะร่างของเฉินเจี้ยนกุ่ยอย่างแรง..
“อ๊าก..”
ร่างของเฉินเจี้ยนกุ่ยลอยละลิ่วออกไปทันทีก่อนที่จะไปตกอยู่ข้างๆร่างของซือกงวู่จี๋ที่นอนอยู่ในสวนด้านหลังของบ้านเลขที่-1
ครั้งนี้ไม่เพียงกระดูกสันหลังของเฉินเจี้ยนกุ่ยแตกหักแต่กระดูกส่วนอื่นๆก็หักด้วยซึ่งก็ไม่รู้ว่ามีส่วนใหนบ้าง ในขณะที่ปีกใหญ่สองข้างก็ถูกตัดขาด เฉินเจี้ยนกุ่ยจึงนับว่าได้รับบาดเจ็บสาหัสมากพอควร..
แต่หากเปรียบเทียบกับอาการบาดเจ็บของยอดฝีมือทั้งสองคนก่อนหน้านี้แล้วอาการบาดเจ็บของเฉินเจี้ยนกุ่ยเวลานี้จึงนับว่าเล็กน้อยกว่ามาก..
ครั้งนี้เฉินเจี้ยนกุ่ยจะได้เข้าสู่แวมไพร์ขั้นเคานต์แล้วและแม้ว่าการฟื้นฟูร่างกายของแวมไพร์ขั้นเคานต์จะค่อนข้างทำได้รวดเร็วอย่างน่าอัศจรรย์ แต่ครั้งนี้เฉินเจี้ยกุ่ยก็คงต้องใช้เวลานานกว่าจะฟื้นตัวได้ดังเดิม..
หลิงหยุนเคลื่อนไหวอีกครั้งและร่างของเขาก็ไปปรากฏอยู่ที่สวนภายในบ้าน ท่ามกลางการต่อสู้ระหว่างเฉี่วยหยิงกงกับฉินตงเฉี่วย..
เฉี่วยหยิงกงถูกฉินตงเฉี่วยกับเจสเตอร์ล้อมไว้และได้พยายามที่จะฝ่าวงล้อมของทั้งคู่ออกไปให้ได้ แต่ก็ยังไม่สามารถทำได้อย่างที่ต้องการ
“น้าหญิง..พอได้แล้ว เดี๋ยวลมปราณของมันจะหมดเสียก่อน!”
หลิงหยุนจ้องมองร่างที่อ่อนแรงของเฉี่วยหยิงกงแล้วรีบหันไปบอกฉินตงเฉี่วยกับเจสเตอร์ให้ถอยออกไป
หลิงหยุนจะปล่อยให้เฉี่วยหยิงกงใช้พลังปราณจนหมดได้อย่างไรกันเล่าในเมื่อเวลานี้เฉี่วยหยิงกงเปรียบเสมือนถังเติมลมที่หลิงหยุนเตรียมไว้ให้ตนเอง หากเฉี่วยหยิงกงใช้พลังปราณไปจนหมดสิ้น แล้วหลิงหยุนจะใช้ประโยชน์อะไรจากเขาได้อีกเล่า?
ฉินตงเฉี่วยดูเหมือนจะมองออกว่าหลิงหยุนกำลังคิดที่จะทำอะไรนางจึงได้แต่ถอนหายใจพร้อมกับพึมพำออกมา
“เจ้าเด็กดือ..เจ้านี่มันช่างร้ายกาจเสียจริงๆ”
แต่ถึงกระนั้นฉินตงเฉี่วยกับเจสเตอร์ก็กระโดดถอยหลบออกไปทันที..
ปัง!
หลิงหยุนฟาดฝ่ามือขวาลงไปที่ไหล่ของเฉี่วยหยิงกงพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“เสียใจด้วย..เมื่อครู่ข้าใช้กำลังไปมาก คงต้องขอยืมพลังปราณของเจ้าไปใช้ก่อน!”
พลังปราณในร่างของเฉี่วยหยิงกงไหลตามพลังดูดที่รุนแรงของหลิงหยุนออกไปทันทีโดยที่เขาเองก็ไม่สามารถที่จะขัดขืนอะไรได้เลยแม้แต่น้อย!
“ไม่นะ!”
เฉี่วยหยิงกงจ้องมองใบหน้าที่ดูราวกับปีศาจชั่วร้ายของหลิงหยุนด้วยความหวาดผวา..เขาไม่เคยรู้สึกหวาดกลัวอะไรเช่นนี้มาก่อนเลยในชีวิต น้ำเสียงของเฉี่วยหยิงกงที่กรีดร้องออกมานั้นเต็มไปด้วยความท้อแท้ และสิ้นหวัง..
แต่นับว่ายังโชคดีที่เฉี่วยหยิงกงจะได้รู้สึกหวาดกลัวเช่นนี้เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้นเพราะจะไม่มีครั้งต่อไปอีกแล้ว!
หลิงหยุนแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและท้อแท้สิ้นหวังของเฉี่วยหยิงกง เขาจับไหล่ของเฉี่วยหยิงกงพร้อมกับยกร่างของมันขึ้นสูงจากพื้น ก่อนจะเอื้อมมือข้างซ้ายขึ้นไปวางทาบไว้ที่จุดตันเถียนของเฉี่วยหยิงกง และเริ่มดูดพลังปราณจากร่างของเฉี่วยหยิงกงทันที..
‘หนึ่ง..สอง.. สาม..’ หลิงหยุนนับอยุ่ในใจไปเงียบๆ
และยังไม่ทันนับถึงห้าด้วยซ้ำไปพลังปราณในร่างของเฉี่วยหยิงกงก็ถูกหลิงหยุนดูดเข้าไปจนหมดสิ้น
ภายใต้พลังดูดลมปราณที่เร็วกว่าเดิมถึงสิบเท่านั้นไม่เพียงทำให้หลิงหยุนสามารถดูดพลังปราณได้อย่างรวดเร็ว แต่ความสามารถในการหลอมรวมเข้ากับพลังหยิน และหยางในร่างกายของหลิงหยุนก็รวดเร็วขึ้นถึงสิบเท่าด้วยเช่นกัน!
อีกทั้งเฉี่วยหยิงกงผ่านการต่อสู้มานานพลังปราณภายในร่างกายจึงเหลือไม่มากนัก แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีเหลือเลย..
“มีเพียงแค่น้อยนิดเท่านี้เองรึ!”
หลิงหยุนบ่นพึมพำอย่างไม่พอใจพร้อมกับถอนหายใจออกมาเบาๆจากนั้นจึงทิ้งร่างของเฉี่วยหยิงกงไว้ที่สวนอย่างไม่แยแส..
หลังจากที่หลิงหยุนใช้วิชาพลังมังกรภายในเวลาเพียงแค่สองนาที ทั้งซือกงวู่จี๋ นักบวชเลี่ยยื่อ เฉินเจี้ยนกุ่ย และเฉี่วยหยิงกงนั้น ได้รับบาดเจ็บสาหัสสามราย ส่วนอีกรายนั้นหมดสภาพอย่างสิ้นเชิง!
หลิงหยุนประกาศกร้าวก่อนหน้านี้แล้วว่า..ทุกคนจะต้องชดเชยให้กับความโกรธของเขาในครั้งนี้!
และเวลานี้ก็ถึงคราวของปีศาจภัยแล้ง..
ทั่วทั้งบริเวณบ้านในตอนนี้มีทั้งเสียงหายใจหอบ และเสียงหัวใจเต้น ไป๋เซียนเอ๋อกำลังใช้ดาบมังกรไฟที่มีเปลวเพลิงร้อนแรงลุกโชนสู้กับปีศาจภัยแล้งอยู่..
ทางด้านไวส์เคานต์พอลกับเจสเตอร์นั้นหลังจากที่จัดการมัดซือกงวู่จี๋กับนักบวชเลี่ยยื่อแล้ว ก็รีบเข้าไปช่วยไป๋เซียนเอ๋อจัดการกับปีศาจภัยแล้งทันที
เวลานี้ปีศาจทั้งสามตนอย่างแวมไพร์กับปีศาจจิ้งจอกต่างก็กำลังร่วมมือกันใช้วิชาของตนเองเข้าจัดการกับปีศาจภัยแล้งที่แข็งแกร่งอยู่..
แต่ถึงกระนั้น..ก็เห็นได้ชัดว่าในการต่อสู้ครั้งนี้ ปีศาจภัยแล้งยังคงเป็นฝ่ายเหนือกว่าปีศาจสามตนมาก!
ส่วนเหมี่ยวเสี่ยวเหมากับโม่วู๋เตานั้นต่างก็ใช้วิธีการของตนเองเข้าช่วยเหลือด้วยเช่นกัน!
เหมี่ยวเสี่ยวเหมานั้นใช้วิธีที่แปลกประหลาดยิ่งนักนางไม่ได้กระโดดเข้าร่วมวงในการต่อสู้เช่นคนอื่นๆ แต่ยังคงยืนนิ่งและเอาแต่เป่าขลุ่ยวิเศษในมือ
ความจริงแล้ว..เหมี่ยวเสี่ยวเหมาเกรงว่าหลิงหยุนจะไม่สามารถรับมือกับศัตรูที่แข็งแกร่งนั้นได้ จึงได้ใช้ขลุ่ยวิเศษเป่าเรียกแมลงมีพิษให้ออกมา เพื่อหวังช่วยหลิงหยุนต้านศัตรูที่แข็งแกร่งเหล่านั้น..
แต่ปรากฏว่าเหตุการณ์กลับตาลปัตรหลิงหยุนสามารถจัดการกับยอดฝีมือที่แข็งแกร่งทั้งสี่คนได้อย่างง่ายดาย แมลงมีพิษที่นางเป่าเรียกมานั้นจึงไม่ได้ใช้ประโยชน์ เหมี่ยวเสี่ยวเหมาจึงพุ่งเป้าไปที่ปีศาจภัยแล้งแทน..
ในช่วงกลางฤดูร้อนเช่นนี้ท่ามกลางป่าทึบบนเขาที่อยู่รอบๆบ้านเลขที่-1 จึงมีแมลงและสัตว์มีพิษหลากหลายชนิดอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นแมลงป่อง งูพิษ ผึ้ง แม้แต่ยุงที่มีพิษ และเวลานี้สัตว์มีพิษทั้งหลายเหล่านั้น ก็ได้มารวมตัวกันอยู่ที่สวนด้านหลังของบ้านเลขที่-1 แต่ทั้งหมดนั้นกลับพุ่งเข้าใส่ร่างของปีศาจภัยแล้งเพียงตนเดียว..
เวลานี้ไม่ว่าจะเป็นที่พื้นดินตามร่างกาย ศรีษะ หรือว่าแขนขาของปีศาจภัยแล้ง ล้วนแล้วแต่มีสัตว์ที่เต็มไปด้วยพิษเหล่านั้นเกาะอยู่เต็มไปหมด และนั่นยิ่งทำให้ปีศาจภัยแล้งดูน่าหวาดกลัว และน่าสยดสยองมากยิ่งขึ้น ราวกับเป็นปีศาจที่หลุดออกมาจากขุมนรกก็ไม่ปาน..
แต่ถึงกระนั้นสัตว์มีพิษเหล่านี้ก็ทำอันตรายได้เพียงแค่คนธรรมดาเท่านั้นแม้แต่ซือกงวู่จี๋ก็ยังสามารถรับมือได้ แล้วมีหรือที่ปีศาจที่ร้ายกาจอย่างปีศาจภัยแล้งจะอนาทรร้อนใจกับสัตว์มีพิษตัวเล็กเหล่านี้..
ร่างไร้วิญญาณที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นนั้นบางส่วนก็ถูกไฟของไป๋เซียนเอ๋อเผาไหม้ ยอดฝีมือบางคนที่นอนบาดเจ็บอยู่ถูกพอลกับเจสเตอร์เหยียบตายไปบ้างก็มี และปีศาจทั้งสามตนนี้ก็ไม่ได้หวาดกลัวสัตว์มีพิษเหล่านี้เช่นกัน
แต่ถึงแม้สัตว์มีพิษเหล่านี้จะไม่สามารถทำอันตรายปีศาจภัยแล้งได้แต่ก็สามารถชะลอการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วของมันให้ช้าลงได้บ้าง
หลิงหยุนได้แต่ยืนมองพร้อมกับส่ายหน้ายิ้มๆก่อนจะพึมพำออกมาเบาๆ
“เฮ้อ..นี่น่ะหรือคือการต่อสู้ของสิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์..”