ส่วนนักพรตน้อยจากสำนักเหมาซาน– โม่วู๋เตานั้น กลับยิ่งน่าสนใจมากกว่าใครๆ!
โม่วู๋เตาอยู่กับสำนักเหมาซานมาตั้งแต่เล็กแม้ว่าเขาจะไม่สนใจ และเอาใจใส่เรื่องการฝึกวรยุทธของสำนักเหมาซานนัก แต่ดูเหมือนว่าหัวใจของเขานั้นจะเข้าถึงจิตแห่งเต๋าได้มากทีเดียว!
แม้ตามสัญชาติญาณโม่วู๋เตาจะรู้สึกหวาดกลัวต่อปีศาจภัยแล้งที่ดุร้ายตนนี้แต่เขากลับไม่ยอมหลบหนีไป และเมื่อพบวาไป๋เซียนเอ๋อกำลังตกอยู่ในอันตราย และกำลังจะเสียท่าให้กับปีศาจภัยแล้ง โม่วู๋เตาก็รีบเปิดกระสอบที่แบกมาด้วยทันที!
โม่วู๋เตาค่อยๆเปิดกระสอบนั้นออกราวกับว่ากำลังจะนำสิ่งของล้ำค่าออกจากอ้อมอกของตนเอง และภายในกระสอบใบนั้นก็มีสิ่งของอยู่ราวเจ็ดแปดอย่าง..
โม่วู๋เตาหยิบโถใบใหญ่ออกมาเป็นสิ่งแรกเขายกมือขึ้นหมุนฝาโถให้เปิดออก แล้วล้วงเอาข้าวเหนียวออกมาหนึ่งกำใหญ่ ปากก็ขมุบขมิบพึมพำออกมาเบาๆ จากนั้นจึงจัดการซัดข้าวเหนียวในกำมือนั้นใส่ร่างของปีศาจภัยแล้งทันที!
ท่าทางของโม่วู๋เตานั้นดูทะมัดทะแมงยิ่งนักและสามารถซัดข้าวเหนียวโดนร่างของปีศาจภัยแล้งอย่างแม่นยำ แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น…
“ไม่ได้ผล..”
โม่วู๋เตากระพริบตาด้วยความงุนงงอยู่นานก่อนจะพบกับความจริงว่าข้าวเหนียวเหล่านั้นไม่สามารถทำอะไรปีศาจภัยแล้งได้เลย เขากรอกตาไปมาคล้ายกำลังครุ่นิคิด ก่อนจะวางโถในมือลงแล้วล้วงเอาเหรียญทองแดงออกมาหนึ่งพวงใหญ่..
เหรียญทองแดงเหล่านี้ได้ผ่านมือผู้คนมามากมายนับไม่ถ้วนจึงย่อมมีพลังหยางที่รุนแรงของมนุษย์ห่อหุ้มอยู่ และสามารถใช้จัดการกับเหล่าภูตผีปีศาจได้..
โม่วู๋เตากำพวงเหรียญทองแดงพร้อมกับยกมือขึ้นเตรียมที่จะปาใส่ร่างของปีศาจภัยแล้งแต่กลับมีท่าทีลังเล และสีหน้าที่บ่งบอกถึงความเสียดาย จากนั้นจึงเปลี่ยนมารูดเหรียญทองแดงออกมาจากพวงเพียงแค่สองเหรียญ แล้วจัดการปาใส่ร่างของปีศาจภัยแล้งอีกครั้ง
ท่าทางของโม่วู๋เตายังคงทะมัดทะแมงเช่นเคยและเหรียญทองแดงทั้งสองเหรียญ ก็พุ่งเข้าใส่ก้นของปีศาจภัยแล้งอย่างพอดิบพอดี..
“ห๊ะ..นี่ก็ใช้ไม่ได้ผลหรือนี่!”
โม่วู๋เตาวางพวงเหรียญทองแดงลงแล้วหยิบเอาบางสิ่งบางอย่างสีดำออกมาจากกระสอบ และมันก็คือกีบเท้าลานั่นเอง..!
“แต่หากจะใช้สิ่งนี้ข้าต้องหาวิธียัดมันเข้าไปในปากของเจ้าปีศาจนั่น..”
โม่วู๋เตาทำหน้าตาคล้ายกับตัดสินใจแน่วแน่เขากำกีบเท้าลาไว้ในมือแน่นพร้อมกับลุกขึ้นยืน แต่แล้วก็ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นก่อนจะถอนหายใจออกมาเสียงดัง..
“เฮ้อ..เอากีบเท้าลาไปยัดปากเจ้าปีศาจภัยแล้งนี่นะ! ต่อให้ข้า – โม่วู๋เตาใจกล้ามากพอ แต่ก็ไร้ความสามารถที่จะทำเช่นนั้นได้แน่!”
ปีศาจภัยแล้งเคลื่อนไหวรวดเร็วเสียยิ่งกว่าแสงด้วยความสามารถของโม่วู๋เตาเวลานี้ อย่าว่าแต่จะได้เข้าใกล้ปีศาจภัยแล้งได้เลย และต่อให้สามารถเข้าใกล้ปีศาจภัยแล้งได้จริง เขาก็คงถูกมันฆ่าตายเสียก่อนที่จะได้เอากีบเท้าลายัดใส่ปากของมัน!
ยิ่งไปกว่านั้น..ที่พื้นบริเวณรอบๆตัวของปีศาจภัยแล้ง และตามร่างกายของมันนั้น ก็ปกคลุมไปด้วยสัตว์มีพิษรุนแรงมากมาย โม่วู๋เตาขยะแขยงจนไม่กล้าที่เข้าไปใกล้..
สีหน้าของโม่วู๋เตาเต็มไปด้วยความท้อแท้สิ้นหวังและได้แต่มองดูการต่อสู้ด้วยความรู้สึกเสียใจ พร้อมกับคิดว่าอาจารย์ของตนนั้นช่างกล่าวได้ถูกต้องนัก โลกภายนอกล้วนแล้วแต่อันตรายหากไร้วรยุทธ!
ต่อหน้าปีศาจภัยแล้งที่ดุร้ายโม่วู๋เตาได้แต่คิดว่าเขาเป็นศิษย์เหมาซานเพียงคนเดียวที่อยู่ที่นี่ แต่กลับไม่สามารถยื่นมือช่วยอะไรได้เลย คิดแล้วช่างน่าอับอายยิ่งนัก!
“ทั้งข้าวเหนียวและเหรียญทองแดง ล้วนแล้วแต่ไม่สามารถทำอะไรมันได้..”
โม่วู๋เตาเก็บกีบเท้าลากลับเข้าไปในกระสอบด้วยสีหน้าผิดหวัง..
ในกระสอบของโม่วู๋เตาเวลานี้ยังมีคัมภีร์อยู่สองสามเล่ม ยันต์สีเงิน แล้วก็ยันต์สีม่วง เขานั่งลงยองๆ จ้องมองยันต์ทั้งสองสีพร้อมกับเม้มริมฝีปากแน่น คล้ายกับกำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะใช้ยันต์ดีหรือไม่..
แต่ในที่สุด..โม่วู๋เตาก็กัดฟันแน่นพร้อมกับหยิบยันต์สีม่วงขึ้นมาหนึ่งแผ่น ส่วนมืออีกข้างก็ถือกระบี่ไม้ไว้ในมือ!
โม่วู๋เตาเดินตุปัดตุเป๋เข้าไปใกล้บริเวณที่ปีศาจทั้งสามกำลังต่อสู้กันเขาจ้องมองสัตว์มีพิษมากมายที่อยู่บนพื้น ในใจแทบอยากจะยกเท้าขึ้น แล้ววิ่งหนีออกไป
“ช้าก่อน..”
“สิ่งที่เจ้าถืออยู่ในมือนั้นใช้ปราบภูตผีอย่างผีดิบได้เท่านั้น ไม่น่าจะใช้ได้ผลกับปีศาจภัยแล้งที่ดุร้ายตนนี้!”
หลิงหยุนมองยิ้มๆพร้อมกับรีบร้องตะโกนห้ามโม่วู๋เตาไว้ทันที!
สำหรับหลิงหยุนแล้ว..จะแข็งแกร่งหรือไม่แข็งแกร่งนั้นไม่สำคัญ แต่การมีจิตแห่งเต๋านั้นสำคัญยิ่งนัก เพราะการฝึกตนตามแนวทางเต๋านั้น สำคัญที่สุดก็คือจิตแห่งเต๋า!
ความจริงแล้ว..ครั้งแรกที่หลิงหยุนได้พบกับโม่วู๋เตานั้น เขาได้ใช้เนตรหยิน-หยาง และจิตหยั่งรู้อันทรงพลงของตนเองสำรวจดูสิ่งของในกระสอบนั้นแล้ว จึงรู้ว่าข้างในใส่อะไรไว้บ้าง..
แต่ไม่ว่าจะเป็นข้าวเหนียวเหรียญทองแดง หรือว่ากีบเท้าลา สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นของที่ใช้สำหรับปราบผีดิบทั้งสิ้น นอกเหนือจากสิ่งเหล่านี้ก็มีคัมภีร์หลายเล่ม แล้วก็ยันต์อีกสองชนิด และนั่นทำให้หลิงหยุนค่อนข้างมั่นใจว่าโม่วู๋เตานั้นเป็นพวกที่มีนิยมขุดหาสมบัติตามหลุมศพ..
อีกทั้งยันต์สองชนิดนั้นก็ทำให้หลิงหยุนประหลาดใจอย่างมากเพราะด้วยความสามารถของโม่วู๋เตาเวลานี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะปลุกเสกขึ้นด้วยตัวเองอย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง.. ยันต์สีม่วงนั้น!
ไม่เช่นนั้นแล้ว..หลิงหยุนคงไม่เสียเวลาหยุดพูดคุยกับโม่วู๋เตา และแบกเขากลับมาที่บ้านด้วยอย่างแน่นอน!
แม้ว่าหลิงหยุนจะกำลังต่อสู้กับเหล่ายอดฝีมืออยู่แต่เขาก็สามารถเห็นการกระทำทุกอย่างของโม่วู๋เตาผ่านจิตหยั่งรู้ที่ทรงพลังของตนเองได้..
ดังโบราณว่าไว้..ในยามคับขัน ผู้คนจะสามารถเห็นจิตใจที่แท้จริงของมนุษย์ได้อย่างชัดเจน!
แม้ว่าบางครั้งโม่วู๋เตาจะน่ารำคาญอย่างมากหรือทำเรื่องที่น่าอายบ้าง แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่บุคลิกภายนอกของเขาเท่านั้น!.novel-lucky.
หลิงหยุนชื่นชมจิตใจของโม่วู๋เตานักพรตน้อยผู้นี้เป็นคนที่มีจิตใจที่ดียิ่งนัก! หลิงหยุนมองดูโม่วู๋เตา และนึกชื่นชอบเขามากขึ้นเรื่อยๆ
“ปีศาจภัยแล้งตนนี้ฝึกฝนด้วยพลังหยินและด้วยเหตุนี้สิ่งที่ใช้ปราบผีดิบได้ จึงไม่สามารถใช้กับปีศาจภัยแล้งได้ผล!”
โม่วู๋เตาถึงกับอึ้งไปพร้อมกับเอ่ยถามหลิงหยุนด้วยความตกตะลึง “พี่ชาย.. ท่าน.. ท่านรู้เรื่องพวกนี้ด้วยงั้นรึ”
หลิงหยุนกรอกตาพร้อมกับคิดในใจว่า‘ข้าพบเห็นภูติผีปีศาจมามากมายเมื่อครั้งที่อยู่ในโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่ แทบไม่ต้องพูดถึงปีศาจภัยแล้งเช่นนี้..’
หลิงหยุนจ้องมองยันต์สีม่วงในมือของโม่วู๋เตาพร้อมกับพูดยิ้มๆ “เจ้าเก็บรักษาของวิเศษพวกนั้นไว้ดีกว่า พวกเราค่อยคิดหาวิธีอื่นจัดการกับปีศาจภัยแล้งต่อไป!”
จากนั้นหลิงหยุนก็หันไปพูดกับเหมี่ยวเสี่ยวเหมา“เสี่ยวเหมา.. นี่คุณเรียกสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยพวกนั้นออกมาทำไมกัน พวกมันทำอะไรปีศาจภัยแล้งตนนี้ไม่ได้หรอก..”
ทุกชีวิตที่เกิดมาล้วนมีชีวิตเป็นของตนเองสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยเหล่านี้ก็เช่นกัน หลิงหยุนทนเห็นพวกมันต้องออกมาตายเช่นนี้ไม่ได้! อีกทั้งยังไม่เป็นการดีต่อเหมี่ยวเสี่ยวเหมาอีกด้วย..
การที่ต้องเปล่าขลุ่ยเรียกสัตว์มีพิษเหล่านี้ให้ออกมานั้นเหมี่ยวเสี่ยวเหมาจำเป็นต้องใช้พลังจิตของตนเอง และหากเธอยังขืนเป่าต่อไปจิตใจก็จะยิ่งอ่อนกำลังลงเรื่อยๆ
“ปล่อยให้พวกมันกลับไปที่เดิมของมันได้แล้ว..”
หลิงหยุนถอนหายใจขณะที่เหลือบมองใบหน้าซีดเซียวของเหมี่ยวเสี่ยวเหมาพร้อมกับคิดในใจว่า
‘ความช่วยเหลือของเจ้าในครั้งนี้ข้าจะจดจำไว้!’
เหมี่ยวเสี่ยวเหมาพยักหน้าเล็กน้อยจากนั้นจึงค่อยๆเก็บขลุ่ยที่ทำจากกระดูกเข้าไปอย่างระมัดระวัง จากนั้นร่างของเธอก็ทรุดลงในอ้อมแขนของเสี่ยวเม่ยหนิง..
ทันทีที่เสียงขลุ่ยดับลงกองทัพสัตว์มีพิษทั้งหมดก็อันตรธานหายไปทันที แม้ว่าจะบางส่วนกำลังบินอยู่ก็ตาม พวกมันก็หายวับไปในพริบตา..
“เซียนเอ๋อ..ไฟของเจ้าไม่สามารถใช้กับปีศาจภัยแล้งตนนี้ได้!”
เวลานี้เหลือเพียงแค่ปีศาจภัยแล้งตนเดียวเท่านั้นและวิชาพลังมังกรของหลิงหยุนก็ยังคงใช้ได้อีกชั่วระยะเวลาหนึ่ง เขาจึงร้องบอกไป๋เซียนเอ๋ออย่างไม่กังวลใจนัก..
ไป๋เซียนเอ๋อนั้นเป็นสุนัขจิ้งจอกไฟวิชาที่นางใช้นั้นจึงล้วนแล้วแต่ข้องเกี่ยวกับไฟทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นวิชาจิ้งจอกระเริงไฟ วิชาฝ่ามือเพลิงสวรรค์ วิชาดาบมังกรไฟ ทุกวิชาล้วนแล้วแต่ควบคุมด้วยไฟทั้งสิ้น..
ในขณะที่ปีศาจภัยแล้งตนนี้ฝึกวิชาจากพลังหยินเป็นหลักแม้ว่าจะยังฝึกไม่ถึงขั้นสูง และสำเร็จเพียงแค่ขั้นเล็กๆเท่านั้น แต่นั่นก็ทำให้มันไม่รู้สึกหวาดกลัวต่อไฟ..
อีกทั้งทุกที่ที่ปีศาจภัยแล้งผ่านไปก็จะเกิดความแห้งแล้ง ผืนดินแห้งผากไปทั่ว เช่นนี้แล้วมันจะกลัวไฟหรือความร้อนได้อย่างไรกัน
การต่อสู้ระหว่างไป๋เซียนเอ๋อกับปีศาจภัยแล้งเวลานี้จึงไม่ต่างจากการที่ฝ่ายหนึ่งคอยดูดซับเอาพลังของอีกฝ่ายหนึ่งไป ในขณะที่ฝ่ายที่ดูดซับเอาพลังจากฝ่ายตรงข้ามเข้าไป กลับจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
แต่หากเวลานี้ไป๋เซียนเอ๋อมีหางที่สี่ที่ห้า หรือว่าที่หกงอกออกมาแล้ว นางก็คงจะแข็งแกร่งกว่าปีศาจภัยแล้งมาก และไฟของนางก็อาจจะทำร้าย และสังหารปีศาจภัยแล้งได้..
ไป๋เซียนเอ๋อหายใจหอบพร้อมกับร้องบอกหลิงหยุนว่า“พี่หลิงหยุน ดูเหมือนมันจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ข้าไม่สามารถเอาชนะมันได้เลย!”
หลิงหยุนพยักหน้า“เอาล่ะ.. เจ้ากับพอลถอยออกมาพักก่อน คอยดูข้าจัดการกับมันก็พอ!”
ไป๋เซียนเอ๋อเชื่อฟังคำสั่งของหลิงหยุนและรีบใช้เก้าดาราถอยออกมาจากวงต่อสู้ทันที ส่วนพอลก็บินตามออกมาเช่นกัน..
จากนั้น..หลิงหยุนก็ทำในสิ่งที่ทุกคนต่างก็คิดไม่ถึง เขาวิ่งพุ่งตรงเข้าชนใส่ร่างของปีศาจภัยแล้งอย่างแรง!
ปัง!
ในเมื่อปีศาจภัยแล้งไม่หลบและหลิงหยุนก็ตั้งใจที่จะวิ่งชนเช่นนี้ ร่างของทั้งคู่จึงปะทะเข้ากันอย่างรุนแรง ไม่ต่างจากคนป่าที่พุ่งชนสัตว์ร้าย!
และพื้นดินในบริเวณนั้นก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง!
“นี่มันแข็งแกร่งถึงเพียงนี้เชียวรึ!”
ร่างของปีศาจภัยแล้งไม่เพียงร้อนมากแต่ยังแข็งแกร่งมากอีกด้วย! หลิงหยุนซึ่งเวลานี้มีพลังและแข็งแกร่งมากกว่าปกติถึงสิบเท่า เมื่อพุ่งชนปีศาจภัยแล้ง ไม่เพียงมันไม่เป็นอะไรแม้แต่น้อย ส่วนหลิงหยุนนั้นกลับรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาแทน!
จะตำหนิโม่วู๋เตาว่าไร้ประโยชน์ก็ไม่ถูกนัก..เพราะปีศาจภัยแล้งตนนี้มีลำตัวคล้ายไม้แห้ง และมีร่างกายที่แข็งแกร่งราวกับทองแดงที่หนา อีกทั้งยังสามารถเคลื่อนที่ได้รวดเร็วเสียยิ่งกว่าแสง และดูเหมือนจะไม่รู้จักความเจ็บปวด และความตายอีกด้วย!
ปีศาจภัยแล้งคำรามออกมาด้วยความโกรธเมื่อร่างของตนเองถูกศัตรูพุ่งเข้าชนเช่นนี้เสียงคำรามด้วยความโกรธของมันดังมากขั้นเรื่อยๆ
“ถ้าเช่นนั้นก็ลิ้มรสหมัดของข้าเสียหน่อย!”
ปัง!
หลิงหยุนใช้หมัดปีศาจเถียนกังบวกกับความแข็งแกร่งจากวิชาพลังมังกร ทำให้หมัดของเขาเวลานี้มีน้ำหนักถึงแปดสิบตัน และมันก็กำลังพุ่งเข้าใส่ร่างของปีศาจภัยแล้งอย่างรวดเร็ว แต่มันก็ไม่เป็นอะไร..
แต่ถึงแม้ว่าปีศาจภัยแล้งจะมีข้อได้เปรียบมากมายแต่จุดอ่อนของมันอย่างหนึ่งก็คือ มันไม่มีสมองที่สามารถคิดหลบหลีก หรือหลบหนีได้ มองผิวเผินแล้วยังแย่กว่าสัตว์ทั่วไปเสียอีก..
นั่นเพราะปีศาจภัยแล้งไม่ใช่สิ่งมีชีวิต..
จากนั้น..กระบี่โลหิตแดนใต้ก็ปรากฏขึ้นในมือของหลิงหยุน!
เคร้ง!
หลิงหยุนฟันกระบี่โลหิตแดนใต้เข้าที่ลำคอของปีศาจภัยแล้งอย่างแรงแต่ก็ไม่ต่างจากมีดที่ฟันลงไปบนเหล็กเนื้อแข็งชั้นเยี่ยม ร่างของหลิงหยุนถึงกับกระดอนออกมา และเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทั้งบริเวณ
ปีศาจภัยแล้งถูกหลิงหยุนทุบตีครั้งแล้วครั้งเล่าก็ได้แต่โมโห มันส่งเสียงคำรามออกมาพร้อมกับพุ่งเข้าใส่ร่างของหลิงหยุนอย่างรวดเร็ว!
หลิงหยุนเงื้อกระบี่ในมือขึ้นพร้อมกับฟันลงกลางศรีษะของปีศาจภัยแล้งอีกครั้ง!
แต่กลับไม่สามารถทำอะไรปีศาจภัยแล้งได้มันคว้าแขนของหลิงหยุนได้ และจับร่างของหลิงหยุนโยนออกไปทันที!
ร่างของหลิงหยุนลอยละลิ่วออกไปไกลก่อนจะร่วงลงกระแทกกับพื้น และรู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก..
“เหตุใดจู่ๆมันจึงแข็งแกร่งขึ้นมากมายถึงเพียงนี้ได้”