AST
บทที่1789 – รู้สึกผ่อนคลายแม้เพียงชั่วครู่
การพูดคุยผ่านไปในชั่วพริบตาวันเวลาก็ก้าวเข้าสู่ช่วงเที่ยงชิงสุ่ยได้จัดเตรียมของขวัญมอบให้กับทุกคนในตระกูล บรรดาผู้ใหญ่จะได้รับของขวัญที่เกี่ยวข้องกับน้ำหอมเป็นส่วนใหญ่
ทุกคนไม่ได้กังวลเรื่องเงินใดๆทั้งสิ้นเนื่องจากตอนนี้ตระกูลของเขาคือตระกูลที่มั่งคั่งทำการค้าที่แสนร่ำรวย หรือยังได้รับการยกย่องจากโลกภายนอก ชิงสุ่ยจึงไม่จำเป็นต้องทำอะไรเพิ่มเติมเพื่อให้ตระกูลร่ำรวยไปกว่านี้อีกแล้ว
ชิงอี้ใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในการมองดูลูกหลานด้วยสายตาที่พึงพอใจทุกอย่างเป็นไปได้เพราะชิงสุ่ย สวนพ่อของเขา เหยียนจงเยว่ ชายผู้นี้มักจะเดินทางไปกลับระหว่างมหาทวีปมังกรอหังกาลและมหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำอยู่เป็นประจำ โดยที่เขาจะพักอยู่แต่ละทวีปเป็นเวลาประมาณครั้งละ 3-4 เดือน ตัวของเขานั้นรักชิงอี้เป็นอย่างมาก แต่เขาก็ไม่อาจลาจากมหาทวีปมังกรอหังกาลที่เขาอยู่อาศัยมาได้ แน่นอนว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องผิดแปลกอะไร
ชิงอี้เองก็ไม่ต้องการอะไรเลยเธอรู้ดีว่าเหยียนจงเยว่ต้องอยู่ในที่ที่เขาอยู่เพื่อทำสิ่งสำคัญ จักรวรรดิเหยียนยังคงต้องการตัวเหยียนจงเยว่ ดังนั้นเธอจึงเลือกสนับสนุนเหยียนจงเยว่ในทุกก้าวเดินที่เขาตัดสินใจ
เหยียนจงเยว่รู้ดีว่าชีวิตนี้ของเขาไม่อาจอยู่ได้อย่างสุขสบายแต่แม้ว่าภารกิจภายในจักรวรรดิเหยียนจะเต็มไปด้วยความยุ่งยากและมีตารางงานที่ยาวเหยียด เหยียนจงเยว่ก็ยังคงปลีกเวลากลับมาดูแลตระกูลชิงได้
เวลาตั้งแต่ที่ชิงสุ่ยก้าวข้ามจากโลกใบก่อนเข้ามาสู่โลกใบนี้ผ่านมาก็หลายทศวรรษแล้วลูกชายคนโตและลูกสาวคนโตอย่างชิงซุนและชิงหยิน ตอนนี้ทั้ง 2 คนเองก็มีอายุเกือบจะ 30 ปี ส่วนตัวของเขาเองก็มีอายุได้เกือบประมาณ 50 ปี แต่ตัวเลขที่แน่นอนเป็นสิ่งที่เขาแทบจะไม่ได้จำเลย มันจึงกลายเป็นตัวเลขที่ถูกลืมเลือน
โลกแต่ละใบย่อมมีกฎเกณฑ์ของตนเองผู้ที่แข็งแกร่งก้าวข้ามพลังระดับปราณนักบุญพิโรธจะเลิกสนใจอายุของตนเอง เพราะว่าพวกเขาจะมีอายุที่ยืนยาวมากกว่า 1000 ปี
ในตอนเเรกความตั้งใจหลักของชิงสุ่ยที่ต้องการฝึกฝนพลังขึ้นไปอยู่ในระดับสูงเพื่อยืดอายุขัยของตนและจะได้นำพลังมาเพื่อหาวิธีสร้างยาเม็ดทองคำเซียนเทียนไว้ใช้ยืดอายุบรรดาผู้หลักผู้ใหญ่ในหมู่บ้านชิง
ปัจจัยหลักๆก็เพื่อยืดอายุแม่ของเขาถ้าหากชิงอี้ไม่ได้รับพลังในการฝึกฝน ป่านนี้เธอคงมีลักษณะคล้ายกับหญิงชรา แต่เพราะพลังของยาเม็ดและพลังปราณ มันจึงทำให้เธอสามารถคงไว้ซึ่งรูปลักษณ์อ่อนยาว ไม่ต่างอะไรจากตอนที่ชิงสุ่ยยังเป็นเด็ก
ปู่ของเขาเองก็เช่นกันแม้ว่าเขาจะบรรลุระดับพลังเทวะเซียนเทียนตอนที่แก่ชราซึ่งแน่นอนว่าเขาคงไม่อาจย้อนคืนรูปลักษณ์ในวัยหนุ่มได้ แต่อย่างน้อยเขาก็ยังคงรูปร่างหน้าตาเหมือนเดิมโดยไม่แก่ชรามากกว่าที่เป็นอยู่
ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมาชิงสุ่ยรู้สึกไม่พึงพอใจที่ปู่และแม่ของเขายังคงติดอยู่ในระดับพลังเทวะเซียนเทียนเขาต้องการให้ทั้งสองคนก้าวขึ้นสู่ระดับพลังปราณนักบุญพิโรธ เพื่อหวังว่าทั้งสองจะอยู่กับเขาไปอีกตราบนานเท่านาน
ดังนั้นเขาจึงพยายามคิดหาวิธีแม้จะรู้ดีว่าการจะทำให้คนคนนึงพัฒนาขึ้นสู่ระดับปราณนักบุญพิโรธได้มันเป็นอะไรที่ยาก และจนกระทั่งตอนนี้เขาเองก็ไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับตัวยาใดๆทั้งสิ้นที่จะพัฒนาให้คนๆหนึ่งก้าวขึ้นสู่ระดับพลังปราณนักบุญพิโรธโดยตรง
แน่นอนว่าไม่มีอะไรยากเกินไปไม่อยู่ภายใต้โลกใบนี้คงมีแค่คนที่ไม่ละเอียดอ่อนเท่านั้นที่หาไม่เจอ ชิงสุ่ยเชื่อมั่นในวลีนี้มาก เขาต้องการทำลายโซ่ตรวนที่ขวางกั้นจิตใจของเขา แม้ว่าตอนนี้เขาจะยังไม่สามารถทำมันได้แต่เขาเชื่อว่าเวลาจะช่วยสร้างความหวังให้กับเขา
ตัวของเขาเองก็ไม่แน่ใจนักว่าพลังในปัจจุบันของเขาจะเทียบเท่ากับพลังปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่2 ได้หรือไม่ แต่มันก็คงไม่ห่างไกลจากระดับพลังงานมากนัก เพราะปัจจุบันเขาเองก็ครอบครองพลังถึงระดับ 140000 เต๋า
หลังจากที่ทุกคนได้รับของกำนัลจากชิงสุ่ยไม่ว่าจะเป็นยาเม็ด ศาสตราวุธหรือเคล็ดวิชา ทุกคนก็กลับเข้าสู่ความสงบและนั่งพูดคุยกันอย่างสนุกสนานอีกครั้ง บรรยากาศอันแสนอบอุ่นเช่นนี้เป็นสิ่งที่ชิงสุ่ยไม่ได้พบเจอมานาน สิ่งที่ดึงดูดทุกคนให้กลับมารวมตัวกันได้คือเขาเองที่เป็นเสาหลักของบ้าน
หลังจากรับประทานอาหารมื้อกลางวันชิงสุ่ยก็เริ่มวางแผนจะนำคนอื่นกลับมายังที่บ้านของเขา สิ่งแรกที่เขาคิดคือเขาต้องการจะเดินทางไปยังนิกายบงกชเทวะ ซึ่งเป็นสถานที่ที่ติ๊เฉิน ติ๊ชิง ห่ายต่งชิง เหวินเหรินอูซวง ชิงเป่ย หลวนหลวน และอวี้ชาง พักอาศัย
บรรดาหญิงจะถูกแบ่งแยกออกไปฝึกฝนตามสถานที่ที่แตกต่างกันมากมาย
แน่นอนว่านิกายแข็งแกร่งที่ยืนหยัดอยู่ได้ภายในมหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำโดยพละกำลังของหญิงสาวมีอยู่เพียงไม่กี่แห่งสิ่งที่เห็นได้ชัดตอนนี้จะมีเพียงแค่ นิกายบงกชเทวะ หุบเขาร้อยบุบผาสำนักสวรรค์เร้นลับ เทือกเขาปู๋โถว และพันธมิตรของตระกูลชิง พระราชวังจอมอสูร
ทันทีที่เขาเดินทางมาถึงนิกายบงกชเทวะเขาก็หวนคืนภาพความทรงจำ สถานที่แห่งนี้ยังคงเป็นภูเขาที่เต็มไปด้วยร่องรอยของผู้คน แต่ชิงสุ่ยรู้สึกว่ามันพัฒนาขึ้นจากแต่ก่อน
บนผนังของภูเขายักษ์เต็มไปด้วยพืชพรรณนานาชนิดที่ขึ้นปกคลุมยากซับซ้อนหากไม่ได้ตั้งใจสังเกตก็คงมองไม่เห็นผนังถ้ำที่ซ่อนอยู่ภายใน ชิงสุ่ยไม่ได้มาที่นี่นานมากๆแต่เขายังคงจดจำความรู้สึกครั้งแรกที่มาถึงได้เป็นอย่างดี เขาจ้องมองไปรอบรอบพร้อมจดจำบรรยากาศที่แสนคุ้นเคย