บทที่ 612 เปลี่ยนใหม่ทุกวัน

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

บทที่ 612 เปลี่ยนใหม่ทุกวัน
“ยอดเยี่ยม” ดักลาสพยักหน้าด้วยท่าทางสบายใจอย่างยิ่ง “มีใครอีกหรือไม่ที่อยากจะร่วมการสำรวจครั้งแรกนี้”

“ในเมื่อมันเกี่ยวโยงกับปริศนาลี้ลับของวิญญาณ ข้าก็ย่อมต้องไปเยี่ยมชมดูสักครั้งให้ได้” เคลาส์ ปรมารจารย์แห่งรสายนเวท แย้มยิ้ม จากสองเสาหลักแห่งการสรรค์สร้าง ลูเซียนได้เปิดเผยปริศนาเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของสสารไปแล้วส่วนหนึ่ง แต่ความลับมากมายเกี่ยวกับดวงวิญญาณนั้นยังคงซุกซ่อนอยู่ภายในเมฆหมอกหนาทึบ ในฐานะนักเวทชั้นตำนานผู้มุ่งมั่นกับการสร้างสิ่งมีชีวิตที่มีปัญญาชาญฉลาด เขาจึงต้องการเห็นเตาหลอมวิญญาณมาโดยตลอด

หลังจากที่ลูเซียนและเคลาส์ขันอาสา วิเซนเต เจ้าแห่งผีดิบก็เอ่ยขึ้นเสียงแผ่วว่า “อาณาจักรแห่งวิญญาณคือสิ่งที่ข้าสนใจมาโดยตลอด ข้าหวังใจจะได้เห็นเตาหลอมวิญญาณในเร็ววัน”

เมื่อได้ยินว่าวิเซนเตตั้งใจจะร่วมด้วย เฟอร์นันโดก็หัวเราะขันและเอ่ยเสียงดัง “เจ้าจงใจลบความทรงจำของอะดอลที่เกี่ยวกับมาสเกลีนและไวเค็น และยังปิดบังความลับเกี่ยวกับความเป็นอมตะอีกด้วย เราจะไว้ใจให้เจ้าคอยระวังหลังให้เราได้อย่างสะบายใจเช่นนั้นหรือ”

เขาเป็นคนอารมณ์ฉุนเฉียวง่ายและพูดจาตรงไปตรงมาอยู่เสมอ หาได้เกรงกลัวว่าจะไปทำให้ผู้ใดโกรธเคือง

เจ้าแห่งผีดิบส่งเสียงขึ้นจมูก “ลูกศิษย์แสนดีของเจ้าก็เก็บเรื่องนี้เป็นความลับมานานไม่ใช่หรือ”

ลูเซียนคงจะล่วงรู้ว่าความลับแห่งความเป็นอมตะถูกเก็บซ่อนไว้ในโลกแห่งวิญญาณก่อนหน้าเขาเสียอีก

“ยามนั้น เขายังเป็นเพียงนักเวทชั้นกลาง ส่วนเจ้าน่ะเป็นถึงมหาจอมเวทแล้วในตอนที่เจ้าล่วงรู้ความลับนี้ เจ้าจะเอาตนเองไปเปรียบเทียบกับเขาได้อย่างไรกัน เหตุใดเจ้าไม่ไปแข่งกับนักเวทฝึกหัดเพื่อดูว่าใครจะร่ายคาถาได้เร็วกว่ากันเลยเล่า” เฟอร์นันโดคำรามเสียงต่ำ พร้อมกับที่สายฟ้าแล่บแปลบปลาบรอบกายเขา

ดักลาสส่ายหน้ายิ้มๆ เฟอร์นันโดเป็นผู้ที่มีอคติมาแต่ไหนแต่ไร และมีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่จะตะคอกใส่ลูกศิษย์ตนเองได้ “เอาล่ะๆ วิเซนเต เพราะเจ้าเล่นเล่ห์กลกับความทรงจำของอะดอล เจ้าจึงต้องสาบานให้สัจจะเวทมนตร์เพื่อเข้าร่วมการสำรวจนี้ และเจ้าก็ต้องจ่ายค่าปรับเป็นเวทมนตร์หรือพิธีกรรมชั้นตำนานที่มีมูลค่าทัดเทียมกันด้วย”

“ต้องส่งความทรงจำทั้งหมดของอะดอลมาให้ด้วย” เฟอร์นันโดไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ

วิเซนเตสูดหายใจเข้าลึก ดวงไฟสีแดงเต้นวูบไหวอยู่ในดวงตาเขา “ก็ได้!”

ตามจริงแล้ว การเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับจากคนอื่นๆ หาใช่เรื่องใหญ่อันใด มันย่อมไม่มีผู้ใดคาดถึง และเขาก็จะสามารถตักตวงผลประโยชน์จากโลกแห่งวิญญาณได้มากขึ้นในภายหลัง แต่ผู้ใดเลยจะล่วงรู้ได้ว่า ลูเซียนเองก็รู้เรื่องนี้และยังถึงกับพูดมันออกมาอีกด้วย

นี่เขาไม่รู้หรืออย่างไรกันว่าความลับแห่งความเป็นอมตะนั้นหมายถึงอะไร นั่นคือเป้าหมายสูงสุดของเหล่าผู้ศึกษาวิญญาณและสสารเลยเชียว เพราะไม่ว่าความปรารถนาใดก็จะได้รับการเติมเต็ม!

“ข้าเองก็อยากเข้าร่วมด้วย บางครั้งการแปลงกายและภาพมายาก็อาจช่วยให้ทุกคนหลบเลี่ยงภัยร้ายได้” เอริก้า ปรมจารย์แห่งการแปลงกายเอ่ยขึ้น

ดักลาสพยักหน้าเบาๆ “ข้ายินดีอย่างยิ่งที่เจ้าอาสาเข้าร่วมการสำรวจครั้งนี้ แต่ในเมื่อยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องเตรียมการให้พร้อม เราจึงจะออกเดินทางในอีกสองเดือน ลูเซียน ข้าเพิ่งเข้าใจเกี่ยวกับกาลและอวกาศมากขึ้น เรามาพยายามพัฒนา ‘จันทรากาล’ ของเจ้าให้กลายเป็นอุปกรณ์ชั้นตำนานระดับสองกันเถอะ”

“ขอบคุณขอรับ ท่านประธาน” ลูเซียนไม่ปฏิเสธ เขาคงจะใช้เวลาเป็นปีหากเขาอยากจะพัฒนา ‘จันทรากาล’ ด้วยตนเอง แต่ ณ เวลานี้ ยิ่งเขาแข็งแกร่งมากขึ้นเพียงใด เขาก็จะยิ่งปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น ถ้าเพื่อตัวเขาและครอบครัวที่เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น ก็ไม่มีความจำเป็นใดที่จะปิดซ่อนพลังชั้นตำนานอย่าง ‘ผู้สังเกตการณ์กาลและอวกาศ’ จากท่านประธาน

“เอาล่ะ คนที่เข้าร่วมการสำรวจครั้งแรกกลับไปเตรียมตัวได้เลย” ดักลาสประกาศปิดประชุม

ประตูมิติสู่ดินแดนอื่นภายในหอคอยเวทมนตร์อัลลิน…

หลังจากบังเกิดแสงสว่างวูบ นิก้าในชุดคลุมสีดำก็ก้าวออกมา เส้นผมที่เคยยุ่งเหยิงของเขากลับดูเรียบร้อยขึ้นกว่าเมื่อสองปีก่อน และเขาก็หาใช่คนประหลาดหรือคนบ้าอีกต่อไปแล้ว เด็กชายอากิเดินตามเขามาติดๆ พลางมองสำรวจห้องโถงอันว่างเปล่าด้วยความสนใจยิ่ง

“ยินดีต้อนรับสู่อัลลิน ข้าคือทอมป์สัน เป็นสมาชิกคณะกรรมการกิจการ” ทอมป์สันทักทายทั้งสองด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอยู่อีกฝั่งหนึ่งของประตูมิติ

เขาได้ยินมาว่านักเวทผู้นี้มีพรสวรรค์ด้านพลังจิตอย่างน่าทึ่ง นิก้าเพิ่มพูนพลังจนกลายเป็นนักเวทระดับห้าหลังจากเรียนรู้ศาสตร์ต่างๆ เพียงสองปี นอกจากนี้ ลูเซียนยังเป็นผู้ชี้แนะแนวทางให้กับเขามาก่อน ทอมป์สันจึงต้องมาต้อนรับเขาด้วยตนเอง

การควบคุมสีหน้าของนิก้าก็แตกต่างเมื่อก่อนมาก ความเหม่อลอยและความคุ้มคลั่งได้หายไปแล้ว เขาถามกลับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ท่านทอมป์สัน ที่แห่งนี้คืออัลลิน นครลอยฟ้าใช่หรือไม่ขอรับ”

เขาเดินทางมาถึงโอเอซิสเมทารินหลังจากเดินทางรอนแรมมานานกว่าหนึ่งเดือน แล้วจากนั้นก็ใช้เวลาอีกครึ่งปีเพื่อข้ามมหาสมุทร ก่อนที่เขาจะมาถึงหอคอยสาขาของสภาเวทมนตร์ภายในมิติใหม่นั้น ด้วยมีพลังจิตที่น่าอัศจรรย์ใจ ทำให้เขาเป็นที่ชื่นชอบของนักเวทระดับสูงในหอคอยเวทมนตร์ และกักตัวเขาไว้ข้างกายพร้อมกับสอนสั่งองค์ความรู้ด้านเวทธาตุ หลังจากที่ความรู้ความเชี่ยวชาญทางด้านอาร์คานาของเขาเพิ่มขึ้น เขาก็ถูกส่งตัวมายังอัลลินเพื่อศึกษาต่อ

“ทัศนียภาพของเมืองลอยฟ้าจะงดงามที่สุดหากมองจากด้านนอก” ทอมป์สันชี้ไปทางประตู “ข้าจะนำทางเจ้าไปยังฝ่ายบริหารจัดการนักเวท”

“ข้าขอถามได้หรือไม่ว่า ท่านมหาจอมเวทลูเซียน อีวานส์ อยู่ที่นี่หรือเปล่า” นิก้าถามด้วยความคาดหวัง เขาได้ทราบแล้วตำแหน่งที่ใช้เรียกนักปราชญ์คือมหาจอมเวท

ทอมป์สันส่ายหน้า “ท่านมหาจอมเวท ‘ผู้บัญชาอะตอม’ อยู่ในอัลลิน แต่ท่านยุ่งเกินกว่าจะพบคนนอกในตอนนี้ เจ้าอาจจะได้พบท่านในอนาคต”

“น่าเสียดายจริงๆ” นิก้าค่อนข้างผิดหวัง เขาอยากจะขอบคุณท่านอีวานส์สำหรับการชี้แนะ ซึ่งทำให้เขาได้เห็นแสงสว่างแห่งรุ่งอรุณท่ามกลางกระแสธารคุ้มคลั่งแห่งความมืดมิด “ท่านทอมป์สันขอรับ ข้าจะเข้าเรียนในวิทยาลัยเวทมนตร์โฮลต์ได้เมื่อไหร่หรือ”

ทอมป์สันเดาะลิ้นส่งเสียงจึ๊กจั๊ก “เจ้าจะเข้าเรียนที่วิทยาลัยได้ก็ต่อเมื่อเจ้าสอบผ่านการสอบเข้าวิทยาลัยเวทมนตร์ขั้นสูง หรือก็คือ เจ้าต้องรอให้มีการจัดการสอบขึ้นในวันที่เจ็ดเดือนมิถุนายนปีหน้า เจ้าควรจะหาอะไรทำในระหว่างนั้นนะ แต่ว่า ที่นี่มีตำรามากมายเกี่ยวกับอาร์คานาและเวทมนตร์ เจ้าสามารถเรียนรู้ได้จากทุกที่”

“เช่นนั้น ท่านทอมป์สันขอรับ ท่านมีภารกิจอะไรที่ให้เวลาว่างมากกว่าและเหมาะแก่การศึกษาอาร์คานาและวิเคราะห์เวทมนตร์หรือไม่ขอรับ” นิก้าตั้งใจที่จะหาเงินเพื่อใช้จ่ายและศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง

ทอมป์สันหัวเราะอีกครา “ทางสภาจะมอบคะแนนอาร์คานาให้เจ้าจำนวนหนึ่ง โดยอิงตามระดับเวทมนตร์และอาร์คานาของเจ้า ส่วนเรื่องภารกิจนั้น เจ้าสามารถเป็นอาจารย์ได้ อาจารย์เป็นที่ต้องการอย่างมากเพราะเรามีโรงเรียนและสำนักอยู่มากมาย และงานนี้ก็มีเวลาว่างมากเช่นกัน”

“ก็ได้ขอรับ” นิก้ามองไปทางอากิ ในใจรู้สึกว่าการทำงานเป็นอาจารย์คงจะค่อนข้างง่ายทีเดียว

ทอมป์สันเดินนำนิก้าและอากิก้าวเข้าไปในลิฟต์เวทมนตร์และตรงไปยังฝ่ายบริหารจัดการนักเวทที่ชั้นหนึ่ง

“ท่านทอมป์สันขอรับ ทุกชั้นมีจุดประสงค์พิเศษหรือไม่ขอรับ” อากิถามด้วยความสงสัยใคร่รู้ เขาคุ้นชินกับลิฟต์แล้วหลังจากอยู่ที่หอคอยสาขาของสภาเวทมนตร์มาสักพัก หาได้กรีดร้องโวยวายเหมือนอย่างตอนใช้ลิฟต์เป็นครั้งแรกอีกต่อไป

ทอมป์สันชี้ไปยังชั้นที่อยู่ตรงข้าม “บังเอิญว่าชั้นนี้เป็นหนึ่งในชั้นที่คณะกรรมการกิจการใช้…”

“‘ห้องปฏิบัติการสังเคราะห์สิ่งมีชีวิต’ ของท่านแกสตันอยู่ที่ชั้นนี้…”

“ว้าว ห้องปฏิบัติการสังเคราะห์สิ่งมีชีวิตงั้นหรือขอรับ” เด็กชายอากิมีท่าทางตื่นเต้น นิก้าเองก็มองไปยังที่แห่งนั้นด้วยความอยากรู้อย่างยิ่งยวด

“ท่านแกสตันได้สร้างคุณงามความดีที่สั่นสะเทือนไปทั้งวงการสิ่งมีชีวิต ท่านได้นำเสนอกรอบความคิดของโครงสร้างเวทธาตุ สนับสนุนว่าธรรมชาติของสิ่งต่างๆ หาได้เกี่ยวข้องกับตัวเลขและคุณสมบัติของอะตอมเพียงเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับโครงสร้างของมันอีกด้วย” ทอมป์สันได้รับประโยชน์มากมายจากทฤษฎีนี้ จึงอธิบายเพิ่มเติม

“โครงสร้าง…” นิก้าที่เพิ่งจะเข้าใจพื้นฐานของศาสตร์ต่างๆ จึงยังมึนงงกับกรอบความคิดอันล้ำสมัยเหล่านี้

ทอมป์สันชี้ไปยังชั้นที่อยู่ฝั่งตรงข้ามอีกครา “สถาบันอะตอมที่แสนโด่งดังอยู่ที่ชั้นนี้”

“สถาบันอะตอมหรือขอรับ” นิก้าได้รู้มาว่าสถาบันอะตอมที่ท่านอีวานส์เป็นผู้ก่อตั้งด้วยตนเองเป็นสถาบันที่ขับเคลื่อนสภาเวทมนตร์ไปข้างหน้าราวกับหัวรถจักร ตั้งแต่ตอนที่เขายังอยู่ในหอคอยสาขาในอีกมิติหนึ่ง

เมื่อผนวกรวมกับความชื่นชมที่มีต่อลูเซียนซึ่งมีอยู่แต่แรก ในใจนิก้าจึงเต็มไปด้วยความชื่นชมสรรเสริญและตื่นเต้น อากิถึงกับวิ่งไปเกาะราวและมองผ่านเกราะแห่งแสงเพื่อสังเกตชั้นนั้น

“ความจริงแล้ว ยังมีห้องปฏิบัติการเกี่ยวกับฮอร์โมนและจิตวิทยาตั้งอยู่บนชั้นนี้อีกด้วย” จากนั้นทอมป์สันก็แนะนำชั้นถัดไป “‘ห้องปฏิบัติการพันธุกรรม’ ที่ท่านฟิลิเปเพิ่งก่อตั้งขึ้นร่วมกับนักเวทไม่กี่คนจากสำนักศาสตร์มืดอยู่ที่ชั้นนี้ ว่ากันว่าพวกเขาได้รับการสนับสนุนอย่างมหาศาลจากเหล่าชนชั้นสูง แต่ยังไม่มีความสำเร็จใดๆ ปรากฏให้เห็น”

เนื่องจากมิติของนิก้ายังไม่มีการเริ่มต้นศึกษาเรื่องพลังโลหิต เขาจึงยิ่งมึนงงเกี่ยวกับเรื่องเหล่านั้น และทำได้เพียงเหลือบมองด้วยความสงสัยใคร่รู้

“ว้าว!”

เมื่อรถไฟหัวจักรเวทมนตร์เคลื่อนตัวออกจากอัลลินและมุ่งหน้าลงสู่พื้นดินโดยฝ่ากลุ่มเมฆบนท้องนภาสีฟ้าสดใส เด็กชายอากิก็ไม่อาจควบคุมตัวเองได้อีกต่อไปและอุทานออกมาเสียงดัง แข้งขาของเขาสั่นเทา แต่เขาไม่กล้าหลับตาลง เกรงว่าจะอดชื่นชมภูเขาลูกเล็กๆ แม่น้ำ ป่า และคฤหาสน์ทั้งหลายด้านล่างนี้

มันช่างน่าหวาดกลัวและน่าตื่นเต้นมากจริงๆ!

น้าแย้มยิ้มขณะร่ายเวทมนตร์ให้อากิเพื่อให้เด็กชายคลายความกลัวลง ส่วนตัวนิก้านั้น เขาคุ้นชินกับสถานการณ์นี้แล้วหลังจากที่เรียนรู้วิธีการบิน

หลังจากที่พวกเขามาถึงสถานี อากิก็เกาะอาจารย์ตนด้วยใบหน้าซีดเซียวและแข้งขาที่สั่นพับๆ ทั้งยังไอโขลกด้วยความคลื่นเหียนไม่หยุด

นิก้าส่ายหน้าแล้วหันไปมองป้ายรอบๆ “หลานเซียง…” ภารกิจของเขาคือการทำงานเป็นอาจารย์ในสำนัก ‘หลานเซียง’ ที่ก่อตั้งขึ้นเป็นแห่งแรก

แม้ว่าเขาจะเป็นนักเวทระดับห้าแล้ว แต่ระดับอาร์คานาของเขายังไม่แตะที่ระดับหนึ่งเลย การสอนลูกศิษย์ จะช่วยให้เขาเพิ่มพูนความเชี่ยวชาญทางอาร์คานาได้ง่ายขึ้น เขาจึงค่อนข้างพอใจกับภารกิจนี้ แต่สิ่งที่น่าพึงพอใจที่สุดก็คือทางสำนักมีห้องทดลองเวทมนตร์ให้เขาใช้

ไม่นาน เขาก็พบเกวียนที่ทางสำนักหลานเซียงส่งมารับ แล้วมันก็พาเขาไปยังทิศตะวันออกของเมือง

สำนักหลานเซียงนี้ดูเงียบสงบแต่ไม่ทึบทึม ตัวอาคารดูสว่างสดใส ราวระเบียงสีเงินและสวนที่เต็มไปด้วยพืชพันธุ์งอกงามก็สร้างบรรยากาศแสนรื่นเริง

เกวียนกำลังจะเคลื่อนผ่านประตูเข้าไป และตอนนั้นเอง นิก้าก็พลันได้ยินเสียงดังกระหึ่ม เขาหันศีรษะกลับไป ก็เห็นว่ามีกล่องสีฟ้าใบใหญ่ยักษ์กำลังวิ่งมาทางเขา จากการมองด้วยพลังจิตแล้ว กล่องใบนี้ดูเหมือนว่าจะสร้างมาจากโลหะล้วน มันหาได้มีม้าเกล็ดมังกรลากจูงหรือพ่นไอน้ำออกมา และมันก็ดูเหมือนกับอสูรกายโลหะแสนดุร้าย

“ท่านนิก้าขอรับ นี่คือหนึ่งในพาหนะรุ่นแรกๆ สำหรับการขนส่งสาธารณะที่ทางศาลากลางผลิตขึ้น พวกมันถูกพัฒนาขึ้นโดยท่านอีวานส์ ร่วมกับท่านเคลาส์ ผู้ปรับปรุงแก้ไขรถไฟหัวจักรเวทมนตร์ให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น ท่านทั้งสองทำให้มันสามารถเคลื่อนตัวไปโดยไม่ต้องใช้ราง แต่ท่านทั้งสองคิดว่ามันยังดูเทอะทะและส่งเสียงดังเกินไป” ในฐานะคนของสำนักหลานเซียง คนขับเกวียนจึงค่อนข้างรอบรู้

ขณะที่กล่องสีฟ้าจอดลงตรงอีกด้านหนึ่ง เด็กวัยรุ่นชายหญิงก็ทยอยเดินลงมา นิก้าอดไม่ได้ที่จะเอ่ยชื่นชมด้วยความจริงใจ “นี่คือสวรรค์แห่งเวทมนตร์อย่างแท้จริง…”

หลังจากที่เขาเดินเข้ามาในสำนัก นิก้าก็เห็นป้ายประกาศสีแดงเด่นสะดุดก่อนสิ่งอื่นใด “ยินดีต้อนรับท่านนายกรัฐมนตรีรัสเซล!”

“การแข่งขันควบคุมอุปกรณ์แปรธาตุครั้งแรกกำลังจะเริ่มขึ้น!”

นิก้ารู้สึกว่าป้ายเหล่านี้ช่างขัดหูขัดตานัก ก่อนที่เขาจะพบว่ามีรูปปั้นหินมากมายตั้งอยู่ในสวน และมีตัวอักษรสลักอยู่ตรงฐาน

“รูปปั้นเหล่านั้นคือนักเวทผู้ยิ่งใหญ่ที่สร้างคุณงามความดีให้แก่อาร์คานาและเวทมนตร์อย่างใหญ่หลวง ตรงฐานคือคำพูดที่พวกท่านเคยกล่าวไว้ขอรับ” คนขับเกวียนเอ่ยแนะนำ

นิก้าเดินไปดูรูปปั้นทีละตัวด้วยความอยากรู้อยากเห็น

‘เดอร์ริก ดักลาส: อนาคตของเราอยู่ในจักรวาลอันไร้ที่สิ้นสุด’

‘ลูเซียน อีวานส์: ดวงตาจะหลอกลวงท่าน หูจะหลอกลวงท่าน ประสบการณ์จะหลอกลวงท่าน เช่นเดียวกับจินตนาการของท่าน แต่คณิตศาสตร์ไม่มีวันหลอกผู้ใด’

‘ยาโรรัน แฮธทาเวย์ ฮอฟเฟนเบิร์ก: แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จดีกว่าเอาแต่พูด’

………………………………………