ตอนที่ 340 ฉันยอมแพ้
“พวกคุณสองคนพอทีเถอะ เห็นพวกคุณรักกันชื่นมื่นอย่างนี้มากเกินไป ชักรู้สึกเอียนแล้ว” หลานเย่หมิงเลิกคิ้วขึ้นพลางนึกในใจ ก่อนนี้อีลั่วเสวี่ยงอยู่กับ เฉวียนหมิง ไม่เห็นหวานชื่นกันขนาดนี้
เวลานี้เหมือนกำลังตกอยู่ในห้วงเสน่หาที่ร้อนแรง จนพวกเขาเห็นแล้วก็อยากมีแฟนบ้าง อยากรับรู้สายตาของคนอื่นและความเอาใจใส่ระหว่างกัน
เฉวียนหมิงเลิกคิ้วขึ้น แม้ว่าใบหน้านี้จะยังคงไร้ความรู้สึก แต่สีหน้าอ่อนโยนลงมาก “ถ้าขัดตา คุณไม่ต้องดูก็ได้ เราไม่ได้บังคับคุณ”
ได้ คุณชนะ หลานเย่หมิงชูแก้วเหล้าขึ้นอย่างยอมนับถือ แล้วดื่มเหล้าที่เหลือจนหมด
และเป็นตอนนี้เองที่ซีเหมินหลงเซี่ยวขึ้นยืนบนเวที่ด้านหน้าสุดของบริเวณงาน ยืนตรงหน้าไมโครโฟน แสงไฟในงานเลี้ยงมืดลง มีข้อความแถวหนึ่งปรากฏขึ้นบนจอภาพข้างหลังเขา
งานระดมทุนจัดสรรหุ้นบริษัทไหลย่าสาขามือง F เหมือนที่ซีเหมินหลงเซี่ยวพูดไว้ในงานเลี้ยงครั้งก่อน จะนำหุ้นร้อยละหกสิบออกมา ถึงตอนนั้นจะแบ่งออกเป็นกี่ส่วนก็ขึ้นกับผู้เสนอราคาแล้ว
“นี่เป็นการทำอะไรหรือคะ?” อีลั่วเสวี่ยแปลกใจ ซีเหมินหลงเซี่ยวบอกว่าจะรุกเข้ามาในกิจการเครื่องหยก ดูแล้วคงจะไม่ใช่ กลับจะเปิดร้านสาขาที่นี่ ทำให้แปลกใจ
หรือเป้าหมายเขายังคงเป็นแหวนหยกวงนี้ของเธอ โชคดีที่ตอนที่เธอเจอกับซีเหมินหลงเซี่ยว ขณะที่จับมือกัน เธอสวมแหวนหยกที่เจ้าลูกบอลเงินทำเลียนแบบ ไม่เช่นนั้นเมื่อกี้ที่จับมือกัน เขาอาจจะดูออกแล้ว
น่ารำคาญจริง หรือว่าต่อจากนี้ทุกครั้งที่เจอคนผู้นี้เธอต้องเปลี่ยนสวมแหวนปลอมหรือ?
เฉวียนหมิงตีหลังมืออีลั่วเสวี่ยเบาๆ “เดี๋ยวคุณก็จะรู้แล้ว”
หลังจากเฉวียนหมิงพูดจบ บริกรในงานก็แจกเอกสารให้ผู้เข้าร่วมงาน ดูเหมือนบริกรเหล่านี้จะรู้จักคนที่มางาน ดังนั้นจะดูหน้าคนก่อนแจก พอมาถึงตรงหน้าอีลั่วเสวี่ยก็ยื่นเอกสารให้เฉวียนหมิงโดยตรง
“ดูสิ” เฉวียนหมิงเปิดเอกสาร อาศัยแสงไฟที่สว่างพอ ตัวหนังสือที่เล็กเท่ายุงเข้าสู่สายตาอีลั่วเสวี่ย
นี่เป็นเอกสารที่เกี่ยวกับการจัดสรรหุ้นและหนังสือสัญญาความรับผิดชอบที่เกี่ยวข้อง จุดมุ่งหมายอยู่ที่ฝ่ายที่อำนาจการซื้อหุ้นครั้งนี้กับบริษัทของซีเหมินหลงเซี่ยว เป็นหนังสือสัญญากับไหลย่ากรุ๊ป
ความจริงแล้วหุ้นของทุกบริษัทไม่ได้ซื้อขายกันในตลาดหุ้น แต่มีการจัดสรรกันแล้วในสังคมไฮโซ ต่อให้มอบออกมา แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด
อย่างน้อยหุ้นที่อยู่ในมือของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ย่อมมากกว่าหุ้นที่ปล่อยมามากมายนัก
ไม่นานนักทั้งคู่ก็อ่านข้อดีและความรับผิดชอบที่เกี่ยวข้องในเอกสาร พออ่านจบอีลั่วเสวี่ยก็ขมวดคิ้ว อ่านเอกสารแล้วดึงดูดใจคนมาก แต่ความจริงมีข้อดีไม่มาก
ไหลย่ากรุ๊ปเป้าหลักคือเครื่องสำอางระดับโลก มีลูกค้ามาก แต่ครั้งนี้มีผู้ถือหุ้นมาก ถึงจะทำกำไรได้ พอได้ปันผลก็ได้ไม่เท่าไหร่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงไหลย่ากรุ๊ปที่ถือหุ้นร้อยละสี่สิบ พวกเขาต่างหากที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
อีกอย่างพวกเขาเป็นผู้สนองสินค้า ผลประโยชน์ที่พวกเขาจะได้รับนั้น คำนวณดูแล้วที่จริงไม่เหมาะสมเลย
เฉวียนหมิงเม้มปากเมื่อเห็นอีลั่วเสวี่ยคิ้วขมวด “อาเสวี่ย ตามความเห็นคุณ เราควรเข้าร่วมหุ้นไหม?”
สอบถามเธอ เขาถึงกับถามเธอ นี่หมายความว่าให้เธอเป็นคนตัดสินใจ คำพูดเขาทำให้อีลั่วเสวี่ยชะงัก ขณะเดียวกันพลอยทำให้หนานหลิวเฟิงรวมทั้งหลานเย่หมิงและเว่ยเหลียนเฉิงผงะด้วย
คืนนั้เฉวียนหมิงจะมอบอำนาจการตัดสินใจให้เธองั้นหรือ ถ้าเกิดเธอตัดสินใจไม่เอา เขาจะยอมทิ้งการแข่งขันหรือ?
“ไม่เป็นไรหรอก แค่บอกความเห็นของคุณก็ได้” ได้เงินน้อยลงก็ไม่เป็นไร เขาสามารถไปหาเงินที่อื่นได้ เมื่อเทียบกับการที่ต้องแบ่งเงินกับคนอื่น สู้หาเงินเองไม่ได้ ไม่ต้องกลัวว่าถูกหลอก ตนเองตั้งพนักงานของตนเองได้ ยังดูแลบัญชีด้วยตัวเอง
ตอนที่ 341 คุณไม่สบอารมณ์ ผมเองก็ไม่ชอบ
ในเมื่อเฉวียนหมิงพูดเช่นนี้ อีลั่วเสวี่ยจึงไม่จำเป็นต้องปิดบังแล้ว “ที่จริงฉันรู้สึกว่าการจะเข้าหุ้นด้วยหรือไม่ ไม่สำคัญ เฉวียนกรุ๊ปเราไม่ขาดเงินเล็กน้อยเท่านี้”
แม้จะมีคำกล่าวที่ว่าไม่ควรวางไข่ทั้งหมดไว้ในตะกร้าใบเดียว ถ้าลงทุนในไหลย่ากรุ๊ปกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ แต่ละปีมีเงินปันผลไม่น้อย
แต่ปัญหาก็คือด้านบัญชี ผลประกอบการไม่ว่ากำไรหรือขาดทุนล้วนกุมอยู่ในมือของไหลย่ากรุ๊ป และในฐานะบริษัทแม่ไหลย่ากรุ๊ปเป็นผู้รับพนักงาน พวกเขาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ย่อมเป็นผู้ประกาศผลประกอบการ
นั่นก็คือไม่ว่าพวกเขาจะประกาศว่าอย่างไรก็ต้องเป็นไปตามนั้น การดำเนินงานทางการค้าตามปกติ พวกเขาไม่อาจยื่นมือเข้าไปได้ มีเพียงเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่ที่ต้องประชุมเพื่อขอมติจากผู้ถือหุ้นเท่านั้น
พอถึงตอนนั้นฝ่ายนั้นแบ่งเงินให้พวกเขาเท่าไหร่ก็คือเท่านั้น แน่นอนว่าไหลย่ากรุ๊ปเป็นเค้กที่ไม่เลว ย่อมได้กินแน่นอน แต่คนอย่างซีเหมินหลงเซี่ยว เธอไม่อยากร่วมมือด้วยเป็นพิเศษ
แม้ว่าที่ร่วมมือกับเขาจะเป็นเฉวียนกรุ๊ปแห่งตระกูลเฉวียนของเฉวียนหมิง แต่ผู้ชายอย่างซีเหมินหลงเซี่ยวมีความเป็นมาที่ไม่ธรรมดา ทั้งที่สถานที่ประมูลใต้ดินยังต้องการชิงแหวนหยกของเธอให้ได้ เธอไม่ต้องการให้วันหนึ่งเพราะเรื่องนี้ ทำให้ซีเหมินหลงเซี่ยวพุ่งเป้ามาที่เฉวียนกรุ๊ปของเฉวียนหมิง
เฉวียนหมิงผงกศีรษะ “ที่อาเสวี่ยพูดก็คือสิ่งที่ผมอยากพูด งั้นเราไม่เข้าร่วมหุ้น”
สองคนนี้พูดเพียงสองประโยคก็ตัดสินใจเรื่องในคืนนี้แล้ว นี่ทำให้หนานหลิวเฟิงกับพวกพลอยได้รับผลพวงไปด้วย ต่างรู้สึกแปลกใจ ไม่เข้าร่วมหุ้นแล้ว ในเมื่อเฉวียนกรุ๊ปละทิ้งการเข้าร่วมหุ้นกับไหลย่ากรุ๊ป พวกเขาย่อมมีโอกาสชนะมากขึ้น
แต่เขาถึงกับยอมปล่อยมือ เพราะคำพูดประโยคเดียวของเธอ หนานหลิวเฟิงรู้สึกคับข้องใจมาก นี่ไม่ใช่แค่รักเท่านั้น แต่เป็น…แต่เป็นการยอมสยบ!
อีลั่วเสวี่ยประหลาดใจ “ฉันก็แค่พูดความเห็นของฉันเท่านั้น คุณไม่จำเป็นต้อง…”
“ไม่ อาเสวี่ย คุณอย่าโทษตัวเอง นี่ก็เป็นสิ่งที่ผมตัดสินใจเช่นกัน” เฉวียนหมิงพูดจบก็ปิดหนังสือเอกสาร แล้วขยับเข้าชิดอีลั่วเสวี่ยมากขึ้น ให้เธอยืนพิงอ้อมอกเขา
“พวกคุณสองคนนั้นตัดสินใจไม่ซื้อหุ้นแล้วหรือ?” หลานเย่หมิงคิดไม่ออกจริงๆ พ่อค้าเห็นทางได้กำไรแต่กลับไม่เอา น่าแปลก เดิมทีเฉวียนหมิงกับซีเหมินหลงเซี่ยวก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แต่กลับไม่ร่วมมือด้วย ไม่เข้าใจจริงๆ
เฉวียนหมิงพยักหน้า “จะโกหกหรือไง คุณเองก็เห็นแล้วไม่ใช่หรือ?” ไม่เพียงเห็น ยังได้ยินที่ทั้งคู่คุยกัน ยังอุตส่าห์ถามอีก
มุมปากหลานเย่หมิงกระตุก แล้วสั่นหัวไปมา เขาอาจจะดื่มมากไปแล้ว ตั้งสติหน่อย บางทีอาจจะดีขึ้น
หลังจากที่ปล่อยเวลาให้ทุกคนได้อ่านเอกสารแล้ว ซีเหมินหลงเซี่ยวจึงเริ่มแนะนำ สุดท้ายจึงแจกเครื่องเสนอราคาให้ผู้ร่วมงาน เครื่องนี้ถึงตอนนั้นจะแสดงชื่อผู้เสนอราคา หลายคนที่เสนอราคาสูงสุดก็จะเป็นผู้ร่วมหุ้นของพวกเขา
“ทุกท่านเริ่มได้แล้วครับ” ซีเหมินหลงเซี่ยวพูดจบก็ยิ้มร่า แล้วยื่นไมโครโฟนให้อีกคน ดูแล้วน่าจะเป็นเลขาของเขา ให้เขามากำกับงานนี้ซึ่งดูเหมือนวิธีระดมทุน
พอซีเหมินหลงเซี่ยวเสร็จงานก็กลับเข้าไปพักในห้อง หลังงานระดมทุนแล้วยังมีงานเลี้ยงรับรอง แล้วพื้นที่งานจะเหลือไว้ให้กับผู้ร่วมมือในอนาคต
ทุกคนเริ่มเสนอราคาแล้ว ส่วนเฉวียนหมิงพอได้รับเครื่องเสนอราคาก็วางลงข้างๆ มีคนมากมายอยากมางานนี้เพื่อช่วงชิง แต่เขากลับวางมืออย่างง่ายดาย ถ้าคนที่ไม่มีโอกาสมาร่วมงานรู้เข้า คงจะแค้นใจจนกระอักเลือดแน่
“พวกคุณทิ้งไปจริงๆหรือ?” หลานเย่หมิงถือเครื่องเสนอราคาเดินมา แล้วถามเบาๆ คนที่ฉลาดปราดเปรื่องอย่างเฉวียนหมิง เขาไม่เชื่อหรอกว่าแค่คำพูดประโยคเดียวของอีลั่วเสวี่ยก็จะละทิ้งโอกาสที่จะร่วมมือ