“ขอโทษนะคะ คุณปู่ของฉันให้กำเนิดคุณพ่อฉันแค่คนเดียว ฉันจึงไม่เคยรู้ว่าฉันมี ‘ลุงป้าน้าอา’ ที่ไหน” ถังซีมองคนเหล่านั้นอย่างเหยียดหยาม “พวกคุณมาที่นี่แต่เช้า เพื่ออ้างสิทธิ์ความเป็นเครือญาติเหรอ”
ถังเจี๋ยเหรินรู้ว่าถังซีปากคมขนาดไหน เขาจึงไม่คุยกับถังซี แต่หันไปหาถังเจิ้นหวาและกล่าวอย่างเย็นชา “คุณลุงครับ บริษัทนี้เป็นของตระกูลถัง ถังซีต้องแต่งงานไม่ช้าก็เร็ว จากนั้นเธอก็จะไม่ได้เป็นสมาชิกตระกูลเราอีกต่อไป คุณลุงจะให้เอ็มไพร์กรุปตกไปอยู่กับบุคคลภายนอกไม่ได้นะครับ ถ้าถังซีเป็นผู้สืบทอดเอ็มไพร์กรุป เอ็มไพร์กรุปก็จะตกไปอยู่ในมือคนนอก!”
“ใช่ครับ คุณลุง มีแต่พวกเราเท่านั้นที่ตั้งใจพัฒนาเอ็มไพร์กรุปให้เจริญก้าวหน้าด้วยดี เอ็มไพร์กรุปควรเป็นของตระกูลเรา ไม่ควรถูกคนนอกมาฮุบเอาไป!” ถังเย่าเหรินกล่าวขณะจ้องหน้าถังซี
ถังซีกวาดตามองคนโลภเหล่านี้พร้อมกับหัวเราะเยาะ เธอขยับยิ้มมุมปาก “นี่ คุณคิดว่าพวกคุณเป็นใครเหรอ คิดว่าจะมาฉกทรัพย์สินของตระกูลฉันไปได้ด้วยคำพูดคำโง่ๆ แบบนี้เหรอ ฮ่า ฮ่า… พวกคุณคิดว่าฉันตายไปแล้วหรือไง”
ถังเจิ้นหวาซึ่งมีท่าทีไม่แยแส จู่ๆ ก็หน้าเข้มขึ้นทันทีเมื่อได้ยินถังซีกล่าวคำว่า ‘ตายไปแล้ว’ ท่านจ้องมองคนเหล่านั้นเขม็ง กล่าวอย่างเย็นชา “ฉันรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจหายแล้ว และพักฟื้นจนหายดีในช่วงสองปีที่ผ่านมา ยังไงก็ตาม อย่ามาที่อุทยานเอ็มไพร์อีก ที่นี่ไม่ต้อนรับพวกเธอ หากมีปัญหาอะไรก็ไปคุยกับฉันตอนที่ฉันไปบริษัท และสำหรับเอ็มไพร์กรุปนั้น… ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อซีซี ตราบใดที่ซีซีมีความสุข ฉันไม่สนใจหรอกว่าใครจะเข้ามาดูแลเอ็มไพร์กรุป”
“คุณลุงครับ คุณลุงพูดกับพวกเราแบบนี้ได้ยังไง เอ็มไพร์กรุปเป็นสมบัติของตระกูลถัง และถังกรุปมีส่วนเป็นอย่างมากในการช่วยพัฒนา…” ถังหมิงเหรินขมวดคิ้ว จ้องมองถังเจิ้นหวาด้วยสีหน้าบึ้งตึง “คุณลุงไม่ยุติธรรมกับพวกเราอย่างนี้ได้ยังไง!”
“ซีซีเป็นหลานสาวฉัน แน่นอนว่าเธอต้องเป็นผู้สืบทอดทรัพย์สมบัติทั้งหมดของฉัน” ถังเจิ้นหวาหยุดชั่วครู่ จ้องมองคนเหล่านั้น แล้วกล่าวอย่างเย็นชา “สำหรับเธอ ถ้าคิดว่าฉันไม่ยุติธรรม ฉันจะแยกถังกรุป ออกจากเอ็มไพร์กรุป และขายหุ้นถังกรุปที่ฉันถืออยู่ก็ได้ เธออยู่ในส่วนของถังกรุป และถังกรุปจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเอ็มไพร์กรุปอีกต่อไป เธอคิดว่ายังไงล่ะ”
ทุกคนตกตะลึงกับคำพูดของถังเจิ้นหวา ถังกรุปมีอะไรเทียบได้กับเอ็มไพร์กรุป! ถังกรุปยังดำรงอยู่ได้ก็เพราะถังเจิ้นหวาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ถ้าถังเจิ้นหวาขายหุ้นทั้งหมดที่ถืออยู่ ถังกรุปก็จะถูกคู่แข่งกลืนกินในไม่ช้า! พวกเขาไม่มีทางยอมรับข้อเสนอนี้อย่างแน่นอน!
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ถึงแม้พวกเขาจะถือหุ้นเอ็มไพร์กรุปคนละเพียงเล็กน้อย แต่ทุกคนก็ใช้ชีวิตได้อย่างร่ำรวยหรูหราด้วยหุ้นจำนวนนี้ และหากตาเฒ่าตายไปเมื่อใด เด็กน้อยคนนี้จะไม่มีอะไรมารับมือกับใครในหมู่พวกเขาได้เลย! ในเมื่อพวกเขาฆ่าเธอได้ครั้งหนึ่งแล้ว ทำไมจะฆ่าเธออีกเป็นครั้งที่สองไม่ได้ เมื่อทั้งสองคนเสียชีวิต เอ็มไพร์กรุปก็จะตกเป็นของพวกเขา!
คนเหล่านี้ต่างคิดคำนวณในใจ แต่กล่าวออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ว่า “คุณลุงครับ เราคิดว่าแบบนี้ไม่ถูกต้องนะครับ เราเป็นครอบครัวเดียวกัน เราไม่ควรแยกออกจากกัน”
“เธอน่าจะคิดว่าพวกเธอโชคดีเท่าไรแล้วที่ฉันไม่ได้ขี้โมโหเหมือนเมื่อก่อน” ถังเจิ้นหวากวาดตามองพวกเขาและกล่าวว่า “ถ้าเป็นสมัยนั้นฉันคงไล่พวกเธอออกหมด ที่มาพูดกับฉันแบบนี้”
เมื่อได้ยินคำพูดของถังเจิ้นหวา ถังเย่าเหรินก็นิ่งไป เขาหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะกล่าวขึ้น “คุณลุงอย่าเข้าใจพวกเราผิดสิครับ เราเป็นครอบครัวเดียวกัน เราควรรักและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ช่วงที่ผ่านมาคุณพ่อผมว่างอยู่ ทำไมคุณลุงไม่ไปเที่ยวกับท่านล่ะครับ ก็อย่างที่คุณลุงบอก คุณลุงวางมือเรื่องบริษัทให้ซีซีได้แล้ว คุณลุงสุขภาพไม่ดี เมื่อเป็นอย่างนี้คุณลุงก็ควรออกไปรับอากาศบริสุทธิ์ ซึ่งจะเป็นผลดีต่อสุขภาพของคุณลุงนะครับ”
“ก็อย่างที่เธอว่า ฉันสุขภาพไม่ดี ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับฉัน ฉันกลัวว่าพ่อเธอจะถูกกล่าวหาว่าฆ่าพี่ชายของตัวเองน่ะสิ เพราะฉะนั้นฉันไม่ควรไปกับเขาจะดีกว่า” ถังเจิ้นหวามองคนเหล่านั้นอย่างเย็นชา “เรากำลังจะทานอาหารเช้ากัน พวกเธอยังไม่กลับกันอีกเหรอ”
ถังหมิงเหรินอึ้ง “…”
ถังเย่าเหรินอึ้ง “…”
ถังเจี๋ยเหรินพูดไม่ออก “…”
ตามมารยาทแล้ว ท่านควรเชิญพวกเขาทานอาหารเช้าด้วยไม่ใช่หรือ
คนเหล่านี้ไม่รู้ว่านับตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา เมื่อถังเจิ้นหวาได้รับรู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเขาทำกับถังซี ท่านก็มองพวกเขาเป็นศัตรู ท่านพยายามสงบสติอารมณ์อย่างเต็มที่แล้ว ไม่ได้รีบร้อนตัดรอนพวกเขา ทั้งๆ ที่คนเหล่านี้สร้างความขุ่นเคืองให้อย่างมาก จนอาการป่วยของท่านเกือบจะกำเริบขึ้นมาอีก! แล้วพวกเขาคิดได้อย่างไรว่าท่านจะเชิญพวกเขาทานอาหารเช้าด้วย
คาดหวังมากเกินไปแล้ว
พี่น้องตระกูลถังจากไปด้วยความอับอาย ถังซีมองหน้าเฉียวเหลียงซึ่งเดินเข้ามาบอกว่า “ผมรู้แล้วว่าข่าวออกมาจากที่ไหน ฉินกรุปเป็นคนปล่อยข่าว”
เมื่อถังซีได้ยินแบบนี้ ประกายเย็นเยือกก็วาววับไปทั่วดวงตา เธอหรี่ตาลง “คนพวกนี้โง่บัดซบจริงๆ … ฉินซินหยิ่ง เธอคิดว่าเธอจะทำให้ฉันจนตรอกได้งั้นเหรอ”
“ซีซี ปู่ขอโทษ ปู่นำปัญหานี้มาให้หลาน” ถังเจิ้นหวารู้สึกผิด ท่านตบหลังมือถังซีเบาๆ ถังซียิ้ม พยุงท่านไปที่ห้องทานอาหารพร้อมกับกล่าวว่า “คุณปู่พูดอะไรแบบนั้นคะ หนูดีใจที่ตอนนี้สุขภาพคุณปู่ดีขึ้นแล้ว และคุณปู่ก็ไม่ได้ทำให้หนูเดือดร้อนอะไรเลยค่ะ!”
ถังจงเตรียมอาหารสองแบบไว้ให้พวกเขา แบบหนึ่งปรุงพิเศษสำหรับถังเจิ้นหวา อีกแบบเป็นอาหารเช้าธรรมดา เมื่อมองดูอาหารสีเขียวตรงหน้าถังเจิ้นหวาก็เม้มริมฝีปาก แล้วนั่งลงทานอาหารเช้าโดยไม่ปริปาก
เมื่อเห็นถังเจิ้นหวาทานอาหารเช้าแต่โดยดี ถังจงก็ประหลาดใจมาก ปกตินายท่านมักจะบ่นสักพักก่อนทานอาหาร แต่ทำไมเช้านี้ท่านถึงยอมทานง่ายๆ
เป็นเพราะ… ถังจงมองถังซี แล้วฉีกยิ้มกว้าง
“ไม่ต้องกังวลนะคะ คุณปู่ หนูจะดูแลสุขภาพคุณปู่เองค่ะ” แล้วจู่ๆ ถังซีก็วางตะเกียบลงและหันไปมองถังเจิ้นหวา “หนูจะไม่ยอมให้ใครใช้คุณปู่เป็นเครื่องมือทำร้ายหนู และหนูจะไม่ยอมพ่ายแพ้ต่อพวกเขา”
“ดีมาก” ถังเจิ้นหวายิ้มและพยักหน้า แต่ท่านคิดว่าถังซีแค่ปลอบใจท่าน โรคหลอดเลือดหัวใจมีอัตราการเสียชีวิตสูงสุด ท่านโชคดีที่ยังมีชีวิตอยู่มาได้หลายปี
อย่างไรก็ตาม…
ถังเจิ้นหวามองหน้าถังซี “หนูเองก็ต้องทานอาหารให้มากกว่านี้หน่อย วันนี้หนูต้องมีงานยุ่งทั้งวันแน่ ตอนนี้นักข่าวคงมารอหนูอยู่ที่ประตูบริษัทแล้วล่ะ วันนี้หนูจะต้องลงสนามต่อสู้กับเรื่องอะไรต่างๆ อย่างหนัก”
ถังซียิ้มอย่างไม่ใส่ใจ “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรค่ะ คุณปู่ ไม่ต้องห่วงนะคะ หนูจัดการได้ค่ะ” และขณะนั้นประกายเยือกเย็นก็วาบวับในดวงตาเธออีกครั้ง เธอตักโจ๊กทานคำหนึ่งแล้วหัวเราะเยาะ “พวกเขาคิดว่าจะเอาชนะหนูได้ง่ายๆ เหรอ คิดผิดเสียแล้ว! หนูยังไม่ได้เริ่มลงมืออะไรเลย คนพวกนั้นก็ทนรอไม่ไหวแล้ว”
หลังจากทานอาหารถังซีกับเฉียวเหลียงก็ไปบริษัท ถังเจิ้นหวากับถังจงออกไปส่งพวกเขา
ถังจงมองตามหลังคนทั้งคู่แล้วขมวดคิ้วด้วยความวิตกกังวล มีบางอย่างในใจแต่เขาไม่รู้ว่าควรพูดดีหรือไม่…
ถังเจิ้นหวามองหน้าถังจงและเลิกคิ้ว “มีอะไรเหรอ”
ถังจงมองดูร่างของทั้งคู่ที่กำลังห่างออกไปแล้วหันไปหาถังเจิ้นหวา กล่าวขึ้นอย่างลังเลว่า “นายท่านครับ ท่านไม่เห็นหรือว่าบอดีการ์ดที่คุณหนูพามาด้วยครั้งนี้ ไม่ใช่คนที่ปรากฏในข่าวเมื่อคราวที่แล้ว และยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนคุณหนูจะอยู่กับบอดีการ์ดคนนี้ในห้องพักเมื่อคืน…” เมื่อนึกถึงความเป็นไปได้ที่ถังซีอาจจับปลาสองมือ ถังจงก็กล่าวออกมาด้วยความวิตกกังวล “ท่านแน่ใจหรือครับ ว่าควรปล่อยให้เธอทำตัวแบบนี้”
หากผู้คนรู้เรื่องอื้อฉาวเรื่องนี้ของคุณหนู คงไม่ดีต่อชื่อเสียงของเธอแน่!