ตอนที่ 530 เกินตัว

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 530

เกินตัว

“พี่หลานฮวา มาสิเจ้าคะ”ผิงกั่วพูดด้วยท่าทีสบายๆก่อนจะเดินเข้าไปหาพยัคฆ์อัสนีด้วยท่าทีคุ้นเคยอย่างประหลาด ทั้งๆที่หลานฮวาแทบจะไม่กล้าก้าวเข้าไปใกล้เขตอสูรผาไร้ก้นเสียด้วยซ้ำ

“เจ้าไม่กลัวหรือยังไง”หลานฮวาถามพลางมองไปในเขตอสูรผาไร้ก้น เขตแดนอสูร 5 เขตแดนที่หลอมเข้าด้วยกันเป็นค่ายกลอสูรนั้นดูเป็นดินแดนที่แปลกประหลาดมากสำหรับหลานฮวา แม้จะมองจากด้านบนก็ยังมองเห็นเหล่าอสูรในเขตภูเขาดำอย่างชัดเจน พวกมันเป็นอสูรธาตุไฟที่นอนกันอยู่ตามลาวาอย่างสบายใจ เห็นได้ชัดเลยว่าพวกมันต่างเป็นอสูรธาตุไฟชั้นสูงกันทั้งนั้น

“ข้าชินแล้วเจ้าค่ะ”ผิงกั่วตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีสบายใจ สำหรับนางแล้วเขตอสูรที่มีอสูรอยู่เต็มไปหมดนั้นเป็นสถานที่คุ้นเคยยิ่งกว่าในเมืองของมนุษย์เสียอีก แม้นางจะไม่ชินกับอากาศร้อนของเขตอสูรภูเขาดำก็เถอะ แต่เพราะนางมีพลังธาตุน้ำแข็งคุ้มกายทำให้นางไม่รู้สึกถึงความร้อนเลยแม้แต่น้อย

“เจ้าไม่เคยเข้าเขตอสูรงั้นหรือ”พยัคฆ์อัสนีว่าพลางมองไปทางหลานฮวา นางดูประหม่าและหวาดกลัวพวกอสูรอยู่ตลอดเวลาจนน่าประหลาดใจ ตอนนี้หากเป็นคนของอาณาจักรไป๋หรืออู๋หากเข้ามาในเขตอสูรก็ยังไม่หวาดกลัวเท่าหลานฮวาเลย

“จะ เจ้าค่ะ”หลานฮวาตอบด้วยท่าทีกล้าๆกลัวๆ อสูรที่พวกนางเดินผ่านแต่ละตนน่ากลัวทั้งนั้น แม้หลานฮวาจะไม่ทราบว่าพวกมันอยู่ระดับเท่าไหร่ แต่ขืนโดนพวกมันรุมเข้ามาละก็มีหวังได้ตายศพไม่สวยแน่ๆ

เปรี้ยงๆ !! ยังไม่ทันจะเดินไปได้ถึงไหน อยู่ๆสายฟ้าสองสายก็พุ่งวาบเข้ามาหาพวกหลานฮวาอย่างรวดเร็วก่อนจะเปลี่ยนรูปร่างเป็นชายหนุ่มกับหญิงสาวคู่หนึ่งดูแล้วหน้าตาเหมือนกันราวกับพี่น้องไม่มีผิด

“ท่านพ่อ ท่านลุงราชสีห์บอกว่าจะเริ่มฝึกกันแล้วให้ท่านเข้าไปช่วยด้วยขอรับ”ชายหนุ่มพูดพลางยิ้มด้วยท่าทีสบายๆ แต่ภาพเมื่อครู่ทำเอาหลานฮวาถึงกับสะดุ้ง ความเร็วของชายหนุ่มและหญิงสาวที่เหมือนจะเป็นบุตรชายและบุตรสาวของอสูรตรงหน้านั้นราวกับสายฟ้าจริงๆไม่มีผิด ความเร็วระดับนั้นนางคงตามไม่ทันแน่ๆ

“ไปบอกลุงของพวกเจ้าว่าข้าจะพาแขกไปด้วย อาจจะช้านิดหน่อย”พยัคฆ์อัสนีตอบพลางมองมาทางพวกผิงกั่วเพื่อบอกว่าตอนนี้เขตอสูรผาไร้ก้นมีแขกเข้ามา

“ขอรับ/เจ้าค่ะ”บุตรชายและบุตรสาวของพยัคฆ์อัสนีตอบก่อนจะพุ่งตัวออกไปราวกับสายฟ้าฟาดเช่นเดิม ทั้งสองเป็นบุตรของพยัคฆ์อัสนีและพยัคฆ์เมฆาต่างใช้พลังธาตุอัสนีได้อย่างชำนาญ แถมยังมีความสามารถพิเศษของพยัคฆ์เมฆาในการสลายร่างตนเองอีกด้วย ทำให้สามารถแปลงกายเป็นสายฟ้าเพื่อทำการเคลื่อนไหวได้ นั่นคือความเร็วของพวกมันจะเหมือนสายฟ้าไม่มีผิดเลยทีเดียว

“ดูเหมือนพวกเราคงต้องรีบหน่อย พวกเจ้าขี่หลังข้าไปก็แล้วกัน”พยัคฆ์อัสนีพูดจบก็แปลงกายเป็นร่างพยัคฆ์ทันทีเพราะหากเป็นร่างมนุษย์มันคงแบกทั้ง 3 ไปไม่ได้แน่ๆ

“รบกวนด้วยนะเจ้าคะ”ผิงกั่วว่าพลางกระโดดขึ้นไปบนหลังของพยัคฆ์อัสนีทันที พวกอสูรในเขตอสูรผลึกฟ้าเองก็มักจะให้นางขี่หลังเล่นเหมือนกัน ส่วนหลานฮวานั้นพอหายอึ้งจากร่างของพยัคฆ์อัสนีแล้วก็ยอมขึ้นมาบนหลังพยัคฆ์อัสนีอย่างว่าง่าย

เปรี้ยง!! ทันทีที่พยัคฆ์อัสนีออกตัว หลานฮวาก็รีบเกาะขนของพยัคฆ์อัสนีเอาไว้ทันที ความเร็วเช่นนี้คงไม่ใช่ความเร็วสูงสุดของพยัคฆ์อัสนีแน่ๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็เร็วมากสำหรับผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณธรรมดาแบบหลานฮวาอยู่ดี

“……..”เมื่อหันไปมองทางผิงกั่ว นางดูเหมือนจะเคยชินกับความเร็วเช่นนี้อยู่มาก นางกับปิงปิงแทบจะนั่งเฉยๆไม่ได้เกาะขนของพยัคฆ์อัสนีเลยแม้แต่น้อย ทำเอาหลานฮวาที่มีพลังสูงกว่าผิงกั่วอดประหลาดใจไม่ได้ ทำไมเด็กสาวที่พึ่งออกจากบ้านมาหมาดๆถึงดูคุ้นเคยกับเขตอสูรมากขนาดนี้กัน

ด้วยความเร็วของพยัคฆ์อัสนี เพียงไม่กี่อึดใจก็ผ่านเขตภูเขาดำแล้วมาถึงเมืองจำลองได้เสียที เพียงแต่เมืองจำลองยามนี้กลับดูไม่สงบเหมือนยามปกติเลย

เปรี้ยง!! ตูม!! เสียงระเบิดและเสียงปะทะดังออกมาจากภายในลานกว้างของเมืองจำลองอย่างต่อเนื่อง พร้อมร่างของอสูรขนาดใหญ่กับหญิงสาวคู่หนึ่งที่กำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดชนิดที่ว่าหลานฮวาไม่เคยจินตนาการมาก่อนว่าจะมีการต่อสู้แบบนี้เกิดขึ้นได้

เปรี้ยง!! ทวนสีแดงของต้าเฉียนกระแทกพื้นไปหลายครั้งหลังจากพยายามปาใส่น้าไก่ฟ้าที่บินอยู่ด้านบน ส่วนต้าหวานเองก็กำลังปะทะกับราชสีห์เพลิงอยู่ด้านล่าง พวกราชสีห์เพลิงและไก่ฟ้าหงอนทองนั้นอยู่ระดับบรรพกาลขั้นที่ 5 เช่นเดียวกับพวกต้าเฉียนและต้าหวานที่อยู่ระดับเจ้าสวรรค์ขั้นที่ 5 เช่นกัน ทำให้การต่อสู้นั้นสมควรจะสูสี แต่ผลที่ออกมานั้นกลับไม่ตรงตามที่คิด ต้าเฉียนและต้าหวานนั้นกำลังเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด และคนที่ลำบากที่สุดก็น่าจะเป็นต้าเฉียนผู้ใช้วิชาปาทวนนั่นเอง พอจะปาใส่น้าไก่ฟ้าก็ปาไม่โดน ไม่ใช่เพราะน้าไก่ฟ้าบินเร็วเกินไป แต่เพราะน้าไก่ฟ้ามีเพราะวายุคอยคุ้มกันนั่นเอง พอจะปาใส่ราชสีห์เพลิง พลังธาตุไฟของนางก็โดนน้าราชสีห์ดูดกลืนอีก

“ใช้ไม่ได้ พวกเจ้าต้องควบคุมพลังธาตุให้ดีกว่านี้”ราชสีห์เพลิงว่าพลางใช้หมัดเพลิงพิโรธกระแทกขนทวนสีดำของต้าหวานกระเด็นไปข้างหลัง แม้ระดับพลังจะเท่ากัน แต่ประสบการณ์และความเข้าใจด้านพลังธาตุของพวกท่านน้าสูงกว่ามาก หากต้าเฉียนใช้พลังธาตุไฟได้เหนือกว่าราชสีห์เพลิง คนที่ดูดซับพลังเพลิงของอีกฝ่ายก็สมควรเป็นต้าเฉียนแทน แม้ระดับพลังจะเป็นตัวตัดสินใจการต่อสู้ แต่การควบคุมพลังธาตุและปัจจัยอื่นๆก็ยังมีผลมากทีเดียว

“………”หลานฮวาที่นั่งอยู่บนหลังพยัคฆ์อัสนีหน้าซีดเผือดไปหมด สถานการณ์นี้มันอะไรกัน หญิงสาวทั้งสองที่ต่อสู้อยู่ปล่อยพลังออกมาเยอะมากจนน่าใจหาย หลานฮวาที่พยายามแทบตายมาหลายปีกว่าจะขึ้นระดับเจ้าสวรรค์ได้ไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าตนต้องใช้เวลาอีกเท่าไหร่ถึงจะสามารถขึ้นไประดับเจ้าสวรรค์ขั้นที่ 5 อย่างพวกต้าหวานได้ แต่ทั้งสองคนที่มีพลังระดับนั้นกลับกำลังโดนต่อว่าราวกับเป็นศิษย์ไม่ได้ความเนี่ยนะ

“น้องจูล่ง เจ้ามาซ้อมกับพวกเรานะ”ระหว่างที่หลานฮวากำลังอึ้งอยู่กับการต่อสู้ของต้าเฉียน ต้าหวานกับพวกท่านน้า อยู่ๆเสียงของเหลยหู่บุตรของพยัคฆ์อัสนีก็ดังขึ้นด้วยท่าทีร่าเริง แต่ชื่อของไป๋จูล่งที่ดังออกมานั้นกลับดึงความสนใจของหลานฮวาและผิงกั่วในทันที

“…….”ในสายตาหลานฮวานั้น ใบหน้าใสซื่อของไป๋จูล่งกลับไม่ได้ดูใสซื่อแม้แต่น้อย นางเห็นเพียงใบหน้าจอมปลอมที่ซ่อนความชั่วร้ายเอาไว้ภายใน ยามนี้นางแทบจะเรียกเอากระบี่ออกมาแล้วบุกเข้าไปโจมตีมันทันทีเสียด้วยซ้ำ หากไม่ใช่เพราะผิงกั่วที่ยิ้มกว้างอยู่ข้างๆละก็…

“ไหนพวกท่านบอกข้าว่ามีแขกไง ทำไมถึงกลายเป็นลากข้ามาฝึกซ้อมกับพวกท่านได้ล่ะ”ไป๋จูล่งว่าพลางเดินตามอวิ๋นหู่กับเหลยหู่มาด้วยท่าทีจำยอม

“เอาน่า แค่ 15 วินาทีถ้าเราจับตัวเจ้าไม่ได้เราจะปล่อยเจ้าไป”อวิ๋นหู่ว่าพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีท้าทาย พวกมันเป็นหนึ่งในอสูรที่เร็วที่สุดในเขตอสูรผาไร้ก้น ความจริงกฎเช่นนี้พวกมันควรได้เปรียบเสียด้วยซ้ำ แต่อีกฝ่ายเป็นไป๋จูล่งนี่สิ…

“ก็ได้ขอรับ”จูล่งว่าพลางเดินไปอีกฝั่งของลานกว้าง ก่อนจะนำทวนสีขาวของตนออกมา

“รับมือ”อวิ๋นหู่และเหลยหู่พูดก่อนจะพุ่งวาบเข้าใส่ไป๋จูล่งทันที ความเร็วของพวกมันไม่ต่างจากสายฟ้าฟาดเลย หลานฮวายังไม่ทันจะมองเห็นว่าเหลยหู่กับอวิ๋นหู่ก้าวเท้า ร่างของพวกมันก็เปลี่ยนเป็นสายฟ้าพุ่งไปถึงตัวจูล่งแล้ว เพียงแต่

เปรี้ยง!! ร่างสายฟ้าของพยัคฆ์เมฆาอัสนีทั้งสองพุ่งไปมารอบๆตัวจูล่งราวกับไม่ได้ตั้งใจจะจับตัวจูล่งเลย แต่หากเป็นคนที่รู้ความสามารถของจูล่งก็จะทราบทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น ด้วยความสามารถพิเศษของจูล่งที่ไม่มีใครเหมือน มันสามารถหลบการโจมตีของทั้งสองได้ราวกับไม่ได้หลบเลยแม้แต่น้อย ตั้งแต่ก่อนที่เหลยหู่กับอวิ๋นหู่คิดจะโจมตีจูล่งก็หลบไปก่อนแล้ว ทำเอาเวลา 15 วินาทีที่เหลยหู่กับอวิ๋นหู่ขอหมดลงอย่างรวดเร็วโดยที่ทั้งสองยังไม่สามารถแตะตัวจูล่งได้แม้แต่ครั้งเดียว

“……….”หลานฮวาที่มองอยู่เองได้แต่อึ้งกับภาพตรงหน้า นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกัน ไหนจะอสูรที่แข็งแกร่งพวกนั้น ไหนจะพวกหญิงสาวที่อยู่ระดับเจ้าสวรรค์ขั้นที่ 5 อีก ตกลงแล้วไป๋จูล่งเป็นใครกันแน่ถึงได้ห้อมล้อมไปด้วยตัวตนเช่นนี้ หากนางโจมตีไป๋จูล่งตอนนี้เข้า นางคงมีแต่ตายกับตายเท่านั้น ไม่ต้องพูดถึงว่าจะสำเร็จหรือไม่เลย

“จูล่ง เจ้ามีแขกมาหา”เมื่อเห็นว่าลูกฝึกซ้อมกันเสร็จแล้ว พยัคฆ์อัสนีก็พาพวกผิงกั่วเข้าไปหาทันทีทำเอาหลานฮวาที่อยู่บนหลังของมันสะดุ้งวาบด้วยท่าทีตกใจ ยามนี้นางพึ่งตระหนักว่าตนเองไม่สามารถทำอะไรจูล่งได้เลยแม้แต่ปลายนิ้วแน่ๆ แล้วนางควรจะทำเช่นไรต่อไปดี

“พี่จูล่ง”เมื่อได้เห็นพี่จูล่งของตนเอง ผิงกั่วก็แทบจะกระโดดลงไปหาจูล่งแทบจะทันที

“ผิงกั่ว เจ้าออกมาได้แล้วงั้นหรือ”จูล่งเห็นผิงกั่วกระโดดลงมาก็เข้าไปรับทัน ทำให้นางเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของไป๋จูล่งแทบจะทันที แน่นอนว่าผิงกั่วก็คิดจะเข้าไปกอดเช่นนี้แต่แรกอยู่แล้ว

“เจ้าค่ะ ท่านแปลกใจหรือเปล่า”ผิงกั่วยิ้มกว้างกอดไป๋จูล่งแน่นด้วยความคิดถึงที่มีมาตลอดหลายปี

“เจ้าเก่งมากเลย พึ่งผ่านไปไม่กี่ปีเท่านั้นเอง”จูล่งว่าพลางลูบหัวผิงกั่วที่กอดตนเองเอาไว้ไม่ยอมปล่อยด้วยท่าทีเอ็นดู

“แฮะๆ”ผิงกั่วพอได้รับคำชมก็หัวเราะออกมาเบาๆด้วยใบหน้าเขินๆ

“เจ้าเก่งมากเลยนะที่เดินทางมาถึงนี่ได้ ทำไมไม่ส่งจดหมายมาบอกล่ะ ความจริงให้ข้าไปรับก็ได้แท้ๆ”จูล่งถามด้วยท่าทีแปลกใจ มันก็ไม่นึกว่าผิงกั่วจะมาหาถึงที่นี่ทั้งๆที่หากอยากพบก็ส่งจดหมายมาบอกมันได้แท้ๆ

“ข้าอยากทำให้ท่านประหลาดใจนิดหน่อย แล้วก็ข้าได้พวกพี่เสี่ยวปิงกับพี่หลานฮวาช่วยพามาส่งด้วย”ผิงกั่วว่าพลางมองไปทางทางด้านหลังของตนเอง ที่ไหล่ของนางยังมีตุ๊กตาหิมะเสี่ยวปิงนั่งอยู่ แต่ด้านหลังของนางกลับไม่มีวี่แววของหลานฮวาเลย

“พี่หลานฮวา…..”ผิงกั่วกะพริบตาปริบๆมองไปรอบๆ หลานฮวายามนี้ไม่ได้อยู่ตรงนั้นอีกแล้ว ทันทีที่ผิงกั่วได้พบกับจูล่งนางก็กลับไปทันที หรือว่าที่นางบอกจะช่วยจนผิงกั่วได้พบจูล่งก็คือเท่านั้นจริงๆงั้นหรือ แบบนั้นออกจะน่าเสียดายไปหน่อยนะ

.

.

.

“…………”ทางด้านหลานฮวา พอได้เห็นความเป็นอยู่ของจูล่ง นางก็ถอยออกมาทันที ความแค้นในใจของนางปะทุออกมาแทบล้นอก แต่ไม่อาจทำอะไรได้

“อาจารย์ ข้าทำอะไรมันไม่ได้เลย”หลานฮวาพูดออกมาตามลำพัง ก่อนจะกำด้ามกระบี่ในมือแน่น ตัวนางเป็นใครกันคิดจะเข้าไปโจมตีจูล่งถึงในเขตอสูรผาไร้ก้น เรื่องเช่นนี้มันเป็นไปไม่ได้มาแต่แรกแล้ว

ตุบ…กระบี่ของหลานฮวาตกลงพื้นด้วยท่าทีสิ้นหวัง แบบนี้นางจะแก้แค้นได้อย่างไร