บทที่ 2166+2167

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2166 ร่วมมือ 3

แต่สัตว์ร้ายตัวอื่นๆ ในป่าไม่ได้โชคดีเช่นนี้ เดิมทีพวกมันต่อสู้กันอยู่ เมื่อมีเสียงแหลมนี้กรีดร้องขึ้นมา สัตว์ร้ายเหล่านี้ก็ราวกับถูกสกัดจุด ยืนสั่นสะท้านอยู่ที่เดิม ไม่กล้าขยับหนีเลยสักก้าว

ไอหมอกที่ห่อหุ้มสิ่งมีชีวิตสีแดงฉานตัวนั้นไว้ ลอยไปทางสัตว์ร้ายเหล่านั้นปานพายุหอบหนึ่ง…

ได้ยินเพียงเสียงร้องโหยหวนของสัตว์ร้ายนับไม่ถ้วนแว่วอยู่ท่ามกลางไอหมอก…

หลังจากไอหมอกผ่านพ้นไป จุดที่แต่เดิมเคยมีสัตว์ร้ายยืนอยู่ก็เหลือเพียงซากกระดูก

สีหน้ากู้ซีจิ่วแปรเปลี่ยนเล็กน้อย นี่มันตัวอะไร?! ร้ายกาจเกินไปแล้ว!

เธอพลันสัมผัสได้ว่าร่างของตี้ฝูอีที่อยู่ด้านหลังเคร่งตึงขึ้นมา คล้ายว่าจะค่อนข้างกังวลเช่นกัน เธอหันกลับไป มองเห็นดวงตาของตี้ฝูอีจ้องเขม็งอยู่ที่ทิศทางนั้น นัยน์ตามีแสงคุโชน ไม่คล้ายว่ากังวล แต่คล้ายว่าตื่นเต้น…

“นั่นคืออะไร? เจ้ารู้จักสิ่งนั้นหรือ?”

ตี้ฝูอีส่ายหน้า

“ไม่รู้จัก”

“เช่นนั้นเจ้าตื่นเต้นอะไร?”

“บนร่างสิ่งนี้มีพลังวิญญาณ! เจ้ารออยู่ตรงนี้ ข้าจะไปจับมัน!”

เรือนกายตี้ฝูอีพลันเหินทะยาน พุ่งออกไปปานลูกธนู โผเข้าใส่สิ่งมีชีวิตสีแดงฉานตัวนั้น!

ผ่านไปครู่หนึ่ง กู้ซีจิ่วก็พบว่าตี้ฝูอีกำลังต่อสู้โรมรันอยู่กับสิ่งมีชีวิตสีแดงตัวนั้น…

กู้ซีจิ่วเม้มปาก เคลื่อนย้ายเข้าไปหาเช่นกัน เพียงแต่เธอไม่ได้เข้าประชิดตี้ฝูอีกับสัตว์ร้ายสีแดงอย่างสมบูรณ์ แต่ร่อนลงยังบริเวณใกล้ๆ พวกเขาแล้วชมการต่อสู้ เตรียมพร้อมหากตี้ฝูอีเกิดเพลี่ยงพล้ำ เธอสามารถจะเข้าไปช่วยเหลือได้ อย่างน้อยเธอก็ยังลากเขาหลบหนีไปได้…

เนื่องจากเข้ามาใกล้แล้ว ในที่สุดกู้ซีจิ่วจึงได้เห็นรูปลักษณ์ของเจ้าสิ่งนั้นชัดๆ แล้ว ใจเต้นกระหน่ำเล็กน้อย

นี่มันตัวอะไร?

เจ้าสิ่งนั้นคล้ายหมูทว่ามิใช่หมู รูปร่างอ้วนกลม แต่ลวดลายบนกายสีโลหิตกลับคล้ายเสือดาว ส่วนหัวคล้ายกับมังกรในตำนานเล่าขาน ปากพ่นไอหมอกได้ บนร่างยังปีกเล็กๆ คู่หนึ่งด้วย กระพือไปตามการต่อสู้ของมัน ทุกครั้งที่กระพือปีก รอบกายจะเกิดไอหมอกขึ้นมาชั้นหนึ่ง…

ไอหมอกนั้นมิใช่สีขาวน้ำนม แต่เป็นสีเขียวอ่อนจาง ทุกสถานที่ที่เฉียดผ่าน ต้นไม้ใบหญ้าจะเหี่ยวเฉาลงในทันที

ไอหมอกนี้เป็นพิษ!

กู้ซีจิ่วเกรงว่าตี้ฝูอีจะพลาดท่า สายตาจึงไม่ละจากร่างเขาเลย…

ตี้ฝูอีคงจะกินยาต้านพิษไว้ก่อนแล้ว ดูเขาไม่กริ่งเกรงพิษนั้นเลย เหินทะยานขึ้นๆ ลงๆ อยู่รอบสัตว์ประหลาดสีโลหิตตัวนั้น ภายใต้แสงจันทร์ เสื้อคลุมเขาพัดไหวดั่งระลอกคลื่น ตัวคนดุจต้นอวี้ไหวตามลม ทุกกระบวนท่าล้วนเต็มไปด้วยความงดงามที่สอดรับกันประการหนึ่ง และในท่วงท่าที่เปี่ยมด้วยความงามนี้ก็ดุร้ายยิ่งนักเช่นกัน บีบให้สัตว์ประหลาดสีโลหิตตัวนั้นถอยร่นไปเรื่อยๆ…

กู้ซีจิ่วถอนหายใจอย่างโล่งอก มองจากสถานการณ์แล้ว ไม่ต้องให้เธอออกโรงเขาก็น่าจะจัดการสัตว์ประหลาดตัวนี้ได้

หนึ่งคนหนึ่งสัตว์ร้ายต่อสู้กันอย่างละลานตา กู้ซีจิ่วถอยหลังกลับไปยังต้นไม้สองสามต้นเงียบๆ เลี่ยงไม่ให้ถูกลูกหลงจากการต่อสู้อันดุเดือดนี้

ผ่านไปหนึ่งเค่อ กู้ซีจิ่วขมวดคิ้วนิดๆ แล้ว

เจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้หนังหนาเกินไปแล้ว!

กระบี่ล้ำค่าในมือตี้ฝูอีฟันลงบนร่างสัตว์ประหลาดตัวนั้นไม่ต่ำกว่าสิบครั้งแล้ว ทว่าแม้แต่รวยขีดข่วนสักสายก็ทิ้งไว้ไม่ได้เลย

เจ้าสิ่งนี้น่าจะมีจุดอ่อนกระมัง?

กู้ซีจิ่วตริตรองอยู่ในใจ สายตาไม่ละจากสัตว์ประหลาดตัวนั้น

ผ่านไปครู่หนึ่ง เธอพลันตะโกนขึ้นมา

“ลองแทงที่ตาซ้ายของมันดู!”

สัตว์ประหลาดตัวนี้ปล่อยให้ตี้ฝูอีฟันลงบนส่วนต่างๆ มีเพียงยามที่ตี้ฝูอีจะโจมตีนัยน์ตาซ้ายเท่านั้น มันจะป้องกันตามสัญชาตญาณทุกครั้ง…

ตี้ฝูอียังไม่ทันได้ทำการเคลื่อนไหวอื่นใด เสียงตะโกนนี้ของกู้ซีจิ่ว จึงดึงดูดให้สัตว์ประหลาดตัวนั้นพุ่งเข้ามา!

สัตว์ประหลาดตัวนั้นกรีดร้องคราหนึ่ง พุ่งเข้ามาหากู้ซีจิ่ว!

สัตว์ประหลาดตัวนี้เคลื่อนไหวว่องไวยิ่ง แทบจะมาถึงพร้อมเสียงเลย…

เพียงแต่ถึงแม้มันจะว่องไวมากพอ แต่สุดท้ายก็ไวสู้วิชาเคลื่อนย้ายของกู้ซีจิ่วไม่ได้

สัตว์ประหลาดตัวนั้นเห็นอยู่ชัดๆ ว่าตะปบอุ้งเท้าใส่เด็กสาวที่ยืนอยู่บนต้นไม้แล้ว กลับคาดไม่ถึงว่าจะตะปบใส่ความว่างเปล่า มันฉวยได้เพียงใบไม้กำใหญ่เท่านั้น…

————————————————————————————-

บทที่ 2167 ร่วมมือ 4

“กรรซ์…”

สัตว์ประหลาดตัวนั้นลากเสียงยาวดังตัวนางฮวาต้าน[1] โกรธจนขนทั้งตัวลุกตั้งขึ้นมา

สายตาทั้งคู่มองไปทั่วสารทิศ ตามหาเด็กสาวที่มีกลิ่นหอมอวลคนนั้น…

“เจ้าหมู ข้าอยู่นี่!”

เสียงตะโกนแจ่มชัดแว่วดังมาจากสถานที่ไม่ไกล สัตว์ประหลาดตัวนั้นพลันหันไปมอง เห็นกู้ซีจิ่วยืนอยู่บนกิ่งก้านสาขาของต้นไม้ยักษ์อีกต้นหนึ่ง ยิ้มกรุ้มกริ่มจ้องมองมันอยู่…

“กรรซ์…”

สัตว์ประหลาดตะปบอย่างรุนแรงอีกครั้งหนึ่ง…

ในชั่วพริบตาอุ้งเท้าของมันก็จะฉีกกู้ซีจิ่วให้ขาดเป็นชิ้นๆ แล้ว กลับนึกไม่ถึงว่าจะมีลำแสงเย็นเยือกสายหนึ่งสว่างวาบ…

“ฉึก!”

ลำแสงเย็นวาบทะลวงเข้าตาซ้ายของสัตว์ประหลาด สายโลหิตพุ่งกระฉูดสาดกระเซ็น

สัตว์ประหลาดล้มลงพื้นเสียงดังตึง กระตุกอยู่สองสามครั้งแล้วหยุดเคลื่อนไหวในที่สุด

กู้ซีจิ่วแย้มยิ้มด้วยความยินดี

“เป็นอย่างไรบ้าง? ข้ากับเจ้าร่วมมือกันเป็นอย่างดีใช่ไหมล่ะ?”

ขณะที่เธอกำลังจะถลาลงไปเพื่อเชยชมรางวัลแห่งชัยชนะ

ตี้ฝูอีพลันดึงรั้งนางไว้

“ช้าก่อน!”

ยังต้องรออะไรอีก?

กู้ซีจิ่วฉงนงงงวย ทว่าไม่นานเธอก็เข้าใจแล้ว

ตี้ฝูอีหักกิ่งไม้โยนลงไปส่งๆ สัตว์ประหลาดที่เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าคล้ายสิ้นชีพไปแล้วกลับกระโดดขึ้นมา งับกิ่งไม้แหลกละเอียดเป็นผุยผงในทันใด…

กู้ซีจิ่วตกตะลึง

“…เจ้านี่มันแกล้งตายเป็นด้วยหรือนี่?!”

เธอยังพูดไม่ทันจบ สัตว์ประหลาดตัวนั้นก็ล้มลงดังตึงอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้ก็ไม่ขยับเขยื้อนอีกเลย

ในที่สุดตี้ฝูอีก็เอ่ยปาก

“ไม่ใช่แกล้งตาย แค่เป็นแสงตะเกียงสุดท้ายก่อนจะดับวูบ ฟื้นคืนสติมาชั่วขณะหนึ่งก็เท่านั้น เอาล่ะ พวกเราลงไปกันได้แล้ว!”

เขาพากู้ซีจิ่วถลาลงไป

หลังจากนั้นกู้ซีจิ่วก็เห็นตี้ฝูอีใช้กระบี่เจาะควานสมองของสัตว์ประหลาดอย่างช่ำชอง หยิบเอาผลึกสีแดงก้อนหนึ่งออกมาจากด้านบนของมัน…

ผลึกแดงฉานดังสุริยัน สีแดงเพลิงสะท้อนแสงไปรอบด้าน

และในที่สุดตี้ฝูอีก็รับรู้ได้ถึงพลังวิญญาณที่หายไปเนิ่นนานจากผลึกแดงนี้!

สิ่งนี้มีพลังวิญญาณอยู่มากมายจริงๆ!

ตี้ฝูอีพรูลมหายใจ ประคองสิ่งนั้นไว้บนฝ่ามือ แล้วดึงฝ่ามือของกู้ซีจิ่วเข้ามา

“มาสิ พวกเรามาดูดกลืนมันพร้อมกัน!”

สิ่งนี้มีพลังวิญญาณอยู่ไม่น้อย ตี้ฝูอีคาดว่าเมื่อใดที่ดูดกลืนมันแล้ว เขาก็จะฟื้นคืนพลังวิญญาณที่ใช้ไปวันนี้ได้ ต่อให้ฟื้นคืนได้ไม่เท่าเมื่อก่อน แต่อย่างน้อยที่สุดก็จะเปิดช่องมิติเก็บของได้อย่างง่ายดาย…

สายตากู้ซีจิ่ววาบไหวเล็กน้อย จู่ๆ ก็ดึงมือกลับไป

“ไม่ เจ้าดูดกลืนเองจะดีกว่า”

ตี้ฝูอีตกตะลึงมองนาง

“พลังวิญญาณบนผลึกแดงบริสุทธิ์ยิ่งนัก ข้าเคยทดลองแล้ว ไม่มีไอชั่วร้ายใดๆ เจ้าดูดกลืนโดยใช้วิธีที่ข้าเคยสอนให้เจ้า ไม่มีทางมีผลข้างเคียงใดๆ”

กู้ซีจิ่วส่ายหน้า แววตาจ้องมองเขา

“ไม่ วันนี้เจ้าใช้พลังวิญญาณไปมากที่สุด แทบจะเปิดช่องมิติเก็บของไม่ได้แล้ว ผลึกแดงนี้จะเพิ่มพูนพลังวิญญาณที่ใช้ไปของเจ้าได้พอดี…”

ตี้ฝูอีตะลึงงัน เขานึกไม่ถึงว่านางจะดูออกทั้งหมดแล้ว…

นางยังคงสัมผัสไวเหนือธรรมดาจริงๆ เลย!

เขาแย้มยิ้ม จับมือนางแล้วพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“ซีจิ่ว ภัยพิบัติครั้งนี้ไม่อาจอาศัยเพียงกำลังของข้า ยังต้องให้เจ้าแข็งแกร่งขึ้นมา! มาเถอะ ดูดกลืนมันด้วยกันกับข้า…”

เมื่อเรื่องราวดำเนินมาถึงจุดนี้ กู้ซีจิ่วย่อมไม่อาจปฏิเสธได้ ดูดกลืนพลังวิญญาณบนผลึกแดงนั้นด้วยกันกับตี้ฝูอี…

ผ่านไปครึ่งชั่วยาม ผลึกสีแดงสดแปรเปลี่ยนเป็นสีเทาหมองหม่น ความมันวาวด้านบนก็เลือนหายไปแล้ว

กู้ซีจิ่วกับตี้ฝูอีลืมตาขึ้นมาพร้อมกัน

ตี้ฝูอีจ้องมองดวงหน้าแดงระเรื่อของนาง

“รู้สึกอย่างไรบ้าง?”

กู้ซีจิ่วสูดหายใจเล็กน้อย ตอบกลับเขาสองคำ

“สุดยอด!”

เธอรู้สึกได้ถึงพลังวิญญาณที่ไหลเวียนในร่างกายอย่างมีชีวิตชีวา เส้นโลหิตกลับมากระชุ่มกระชวยใหม่อีกครั้งประหนึ่งดินแดนรกร้างที่ได้รับความชุ่มชื้น…

ร่างกายก็คล้ายจะเบาขึ้นหลายจิน!

————————————————————————————-


[1] ตัวนางฮวาต้าน คือ ตัวละครผู้หญิงในการแสดงงิ้ว ซึ่งอยู่ในวัยสาว แรกรุ่น อุปนิสัยสดใสร่าเริง การร้องและเจรจาใช้เสียงดัด บทนี้ยังรวมไปถึงคนใช้คนสนิทของนางเอก ที่คอยรับใช้ติดตามตัวคุณหนูตลอดเวลา