1951-1 vs 1951-2 vs 1952-1 Ink Stone_Romance
ตอนที่ 1951-1
ป๋อจิ่วแนะกลยุทธ์ให้หลินเฟิง
เหราหรง “เสียงดังชัดมาก อุตส่าห์ยอมเป็นเกย์เพื่อนาย”
โคโค่ “บอกรักสำเร็จแล้ว ควรจะเลี้ยงซักมื้อไหมอะ”
อินอู๋เย่า “เราสู้เด็กสมัยใหม่ไม่ได้จริงๆ”
หลินเฉินทาว “ยอมเป็นเกย์เพื่อนาย วันนี้เปิดประโยคนี้วนไปเลย”
เฟิงซ่าง “เปิด เปิดวนด้วย +1”
มือถือในกระเป๋าสั่นอยู่นั่น หลินเฟิงรู้ทันทีว่าในกรุ๊ปวีแชทว่ากันยังไงโดยไม่ต้องเปิดดู อยากร้องตะโกนออกมา
ในฐานะที่เป็นเพื่อนสุดสนิท ป๋อจิ่วย่อมไม่ยอมปล่อยหลินเฟิงผู้ที่น่าเอ็นดูไปอยู่แล้ว “จะเป็นเกย์ทั้งทีก็ไม่สำเร็จ งั้นวันนี้ให้จับเทพอวิ๋นล้างตัวให้สะอาดแล้วส่งเข้าห้องนายดีไหม”
หลินเฟิงไม่อยากพูด หันหน้าไป เริ่มใจเย็นขึ้น
ป๋อจิ่วกระโดดลงจากบันไดมา ชายเสื้อปลิวสะบัด ก่อนยื่นมือมาตบบ่าอีกฝ่าย เอ่ยเสียงต่ำว่า “ลองคิดถึงความแตกต่างระหว่างรุกเองหรือจะเป็นฝ่ายรับ มันเป็นการตัดสินตำแหน่งของเราเวลาอยู่บนเตียงเชียวนะ อย่าหาว่าเพื่อนสุดสนิทของนายไม่ช่วย บอกเลยว่าถ้านายเป็นคนนัดก่อน นายจะได้อยู่ด้านบนแน่…”
หลินเฟิงยังปรับอารมณ์ไม่ได้ก็ถูกกรอกหูเสียแล้ว สวมควรตายที่สุด แต่เขาฟังไปจนหมดแล้ว!
“เอ๊ะ เจ้าแบล็ก นายเป็นผู้หญิง แต่มาคุยเรื่องแบบนี้กับฉัน มันใช่ไหมเนี่ย?” เสียงพูดของหลินเฟิงยังเบาเหมือนเดิม
ป๋อจิ่วหัวเราะเสียงเบา “ก็โตๆ กันแล้ว นายอยากจะเปลี่ยนจากฝ่ายรับมาเป็นฝ่ายรุกไหมล่ะ?”
หลินเฟิงสูดลมหายใจลึก “อยาก”
“งั้นก็โอเค” ป๋อจิ่วดึงมือกลับมา “เอาละ ลองวางแผนจริงๆ จังๆ กันหน่อย ถ้าไม่เข้าใจก็ส่งวีแชทหาฉัน ตอนนี้พวกเราไปดูหนังก่อนเถอะ”
หลินเฟิงก้มหน้าอ่านกรุ๊ปวีแชทของทีมที่รุมว่าหลินเป็นฝ่ายรับกันใหญ่ จากนั้นจึงมองอวิ๋นหู่อย่างตัดสินใจได้
อวิ๋นหู่ไม่ได้ยินสิ่งที่ทั้งสองคุยกัน เพราะประโยคที่ว่า ‘ฉันอุตส่าห์ยอมเป็นเกย์เพื่อนาย นายก็ต้องให้เวลาฉันทำใจบ้างสิ” มันมากพอจะทำให้เขาดีใจจนไม่ได้ยินสิ่งใดอีก
หากไม่ใช่ว่าข้างๆ มีคนอยู่ด้วย เขาคงดันอีกฝ่ายติดกำแพงแล้วจูบให้หนำใจไปแล้ว
ฉินมั่วพอจะเดาออกว่าป๋อจิ่วพูดอะไรบ้าง จึงหันไปขยี้ศีรษะอีกฝ่ายหลังจากเจ้าหล่อนเดินกลับมาอยู่ข้างตัว “ได้ทะเล้นแล้วดีใจงั้นสิ?”
“จะเรียกว่าทะเล้นได้ยังไง ฉันกำลังช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาต่างหาก ไม่งั้นเมื่อไรจะได้เห็นฝ่ายรับหลินเจ็บเอวล่ะ” ป๋อจิ่วพูดเป็นจริงเป็นจัง แต่แววยิ้มในดวงตากลับเผยความร้ายกาจของเจ้าตัว
หลินฝ่ายรับคงไม่มีวันเข้าใจ ใครเป็นฝ่ายที่แข็งแกร่งกว่าย่อมเป็นผู้กำหนดตำแหน่งต่างหาก คนอย่างอวิ๋นหู่ไม่มีวันอยู่ด้านล่างแน่ ไม่มีวันชัวร์
หลินฝ่ายรับช่างบื้อแบ๊ว แต่เมื่อเห็นเขาพยายามจะเปลี่ยนตัวเองก็เป็นเรื่องที่น่าสนุกไม่น้อย
เมื่อคนทั้งสี่เดินออกมาจากประตูหนีไฟ ก็มีคนข้างหลังเดินชนหลินเฟิงด้วยมองไม่เห็น ทว่ากลับไม่กล่าวคำขอโทษ เดินตรงต่อไปข้างหน้าเลย
หลินเฟิงเลิกคิ้วกำลังจะเรียกให้มาขอโทษ แต่กลับเห็นชายคนนั้นลากเก้าอี้มานั่งตรงกันข้ามกับเจ้ลั่วคนสวย มุมที่นั่งอยู่ทำให้คนข้างในไม่อาจเห็นข้างนอกได้ แต่สี่คนที่อยู่ข้างนอกสามารถเห็นด้านใน
ป๋อจิ่วเห็นแล้วเลิกคิ้วขึ้น “อะไรเนี่ย?”
“ไม่เห็นในกรุ๊ปท่านเทพเหรอ?” หลินเฟิงเหลียวมอง “ลั่วลั่วกำลังนัดดูตัว”
นัดดูตัว?
…………………………………..
ตอนที่ 1951-2
ป๋อจิ่วแนะกลยุทธ์ให้หลินเฟิง
ป๋อจิ่วชะงัก รู้ทันทีว่าคงไม่มีใครอยากให้คนอื่นเห็นสถานการณ์แบบนี้ เพราะเป็นสิ่งที่ลูกผู้หญิงไม่อยากประสบพบเจอมากที่สุด โดยเฉพาะผู้หญิงประเภทเจ้ลั่ว
เธอก้าวเท้าจะเดินผ่านไป แต่คำสนทนากลับลอยเข้าหู
ผู้ชายคนนั้นมีรูปร่างหน้าตาที่จืดชืด ทว่าน่าจะมีฐานะ พอนั่งลงก็เอ่ยขึ้นว่า “แม่สื่อพูดจริงไม่ได้โม้เลย คุณลั่วสวยมาก สูงอีกต่างหาก เหมาะกับผมจริงๆ”
ลั่วลั่วยิ้มให้โดยไม่พูดอะไร เธอมองไม่ออกจริงๆ ว่าคนสูง 168 จะเหมาะกับคนสูง 169 เซนติเมตรที่ตรงไหน หรือว่าต่างกันแค่หนึ่งเซนฯ ก็ถือว่าเหมาะกันแล้ว?
ทว่าเธอยังรักษามารยาทที่มักปฏิบัติต่อคนแปลกหน้าไว้
ชายคนนั้นดื่มน้ำ แต่สายตาไม่ละไปจากตัวลั่วลั่ว ทั้งยังมองสำรวจเธอทั่วตัว “แต่ผมไม่เหมือนกับคนอื่น ผมไม่ดูหน้าตา เน้นที่บุคลิกกับการศึกษา ได้ยินว่าคุณลั่วเรียนไม่สูงสักเท่าไรใช่ไหมครับ?”
“อื้ม” ลั่วลั่วคิดว่าเธอจะกลับเมื่อไรดี
ชายคนนั้นย่นหัวคิ้ว “ถึงได้ไปเล่นเกมล่ะสิ แม่สื่อบอกผมแล้วว่างานหลักของคุณคือเล่นเกม”
ลั่วลั่วมือแข็งเกร็ง ช้อนสายตามอง “อีสปอร์ตค่ะ”
“ใช่ อีสปอร์ต” ถึงจะพูดเช่นนั้น แต่ชายคนดังกล่าวกลับทำหน้าแบบว่าไม่เห็นจะต่างกันเลย “การงานของครอบครัวค่อนข้างใหญ่โต ก่อนมาคุณคงได้ศึกษามาบ้าง แม่ผมทำงานด้านการศึกษา แถมยังมีความคิดเปิดกว้าง แต่เรื่องเล่นเกมเหมือนจะเหมาะกับผู้ชายมากกว่า เพราะวงการนี้เน้นขายหน้าตากับอายุ ได้ยินว่าในทีมคุณไม่มีลูกทีมผู้หญิงเลยใช่ไหมครับ?”
ลั่วลั่วตอบแค่ “ใช่ค่ะ”
“งั้นก็ไม่ค่อยดีเท่าไรนะ” สายตาที่มองลั่วลั่วแฝงบางอย่างราวกับกำลังสอบสวน ทั้งยังเหมือนเตือนอยู่ในที “การรักษาระยะห่างกับคนต่างเพศเป็นสิ่งสำคัญ”
ลั่วลั่วเลิกคิ้ว เธอดูสวยเป็นพิเศษในเวลาที่เฉยเมย “คุณจางหมายความว่าไงคะ?”
“คุณลั่วอย่าเข้าใจผิด ผมแค่ถามไปงั้นๆ” อีกฝ่ายยิ้ม ทำเหมือนมีอารมณ์ขัน
ลั่วลั่วหันไปส่งข้อความให้แม่สื่อ “เราไม่เหมาะสมกัน” จากนั้นจึงลุกขึ้น
แต่ไม่คิดว่าผู้ชายคนนี้จะพูดออกมาอีก “ได้ยินมาว่าคุณเล่มเกมทำเงินได้เยอะมาก แม่สื่อก็บอกผมเหมือนกัน อันที่จริงผมไม่ชอบให้ผู้หญิงออกไปเตร็ดเตร่อยู่ด้านนอกเท่าไร แต่ผมให้เกียรติผู้หญิงที่ทำงานได้ ถึงงานคุณจะไม่เป็นหลักเป็นฐานสักเท่าไร แต่ยังดีที่แม่สื่อบอกว่าคุณจะลาออกแล้ว ลาออกก็ได้ ผมเห็นหลายคนที่เล่นลีกส์อาชีพ พอเลิกเล่นแล้วก็ไลฟ์สดเล่นเกมอยู่ในบ้าน หาเงินได้เยอะเหมือนกัน ขอแค่คุณระวังเรื่องการแต่งตัวเวลาไลฟ์สดหน่อยก็แล้วกัน
ผมเป็นคนใจกว้าง เรื่องในบ้านพอจะทำความเข้าใจกันได้ สำหรับงานผมคุณก็คงเข้าใจดี อย่างป้าสะใภ้คุณที่มาจากตำบลนั่นน่ะก็มารักษากับผม ผมมีห้องสามชุดอยู่ในเมืองนี้ มีชุดหนึ่งที่เอาไว้อยู่หลังแต่งงาน คุณตกแต่งได้ตามใจชอบเลย ปกติแล้วค่าตกแต่งฝ่ายหญิงต้องเป็นคนออก คุณเล่นเกมมาตั้งหลายปีน่าจะเก็บเงินได้เยอะ เรื่องนี้คงไม่เป็นปัญหา ขอแค่ใจกว้างหน่อย
ผมออกจะสนใจตัวคุณนะ ส่วนเรื่องอื่นผมจะไปคุยกับแม่เอง คุณก็รู้นี่ว่าในสายตาของคนที่ทำงานด้านการศึกษาน่ะ วุฒิการศึกษาถือเป็นเรื่องสำคัญมาก เดี๋ยวกินข้าวเสร็จพวกเราก็ไปดูของกันหน่อย จะได้ทำความรู้จักกันให้มากขึ้น…”
“ขอโทษนะ”
…………………………………….
ตอนที่ 1952-1
องครักษ์พิทักษ์คนสวย
ลั่วลั่วขัดคำพูดอีกฝ่าย ลุกขึ้นยืน “ฉันคิดว่าเราไม่ต้องทำความรู้จักกันให้มากขึ้นหรอกค่ะ พวกเราไม่เหมาะกัน”
ฝ่ายชายไม่คิดว่าตัวเองจะโดนปฏิเสธ สองตาเบิกกว้าง ก่อนจะหายใจลึก พูดเสียงดังว่า “ก็แค่เล่นเกมห่วยๆ จะโอหังอะไรให้มาก”
ลั่วลั่วหันมามองด้วยแววตาเย็นชา “ขอบอกคุณอีกครั้งนะคะว่า ฉันเล่นกีฬาอีสปอร์ตค่ะ”
ชายคนนั้นหัวเราะ แฝงความหยามใจไว้ “คุณลั่วคงไม่รู้ว่าผมทราบเรื่องของคุณมาหมดแล้ว ผู้หญิงที่ไม่มีสถานะอะไรเลยอย่างคุณ ได้มาเล่นลีกส์อาชีพจากการเล่นเกมบ้านๆ มาก่อน ก็เพราะกล้าทำในสิ่งที่คนอื่นไม่กล้า เดี๋ยวนี้ดังแล้วนี่ แต่ใครจะรู้ว่าคุณได้เงินมายังไง เลียนแบบเทคนิคคนอื่น เกาะพวกนักกีฬาลีกส์อาชีพตัวจริง แถมอาศัยว่าตัวเองหน้าตาดีเข้าหน่อยเลยเข้าตาพวกคนไฮโซ อย่ามาพูดเลยว่าเล่นกีฬาอีสปอร์ต พูดให้น่าฟังหน่อยก็แค่พวกหากินชั้นสูงที่เล่นเกมนั่นเอง”
ด้วยเหตุที่ลั่วลั่วหน้าตาดี ตอนเธอเข้ามาในร้านจึงมีผู้คนมองมากมาย แถมแค่เห็นแวบเดียวก็รู้ว่าสองคนนี้มาดูตัวกัน คนรอบข้างจึงสงสัยใคร่รู้
ดังนั้นเมื่อฝ่ายชายพ่นคำพูดออกมาเช่นนี้ ทุกสายตาจึงจับจ้องยังตัวเธอ มีบางคนที่ชอบเล่นเกมด้วย
ตำแหน่งที่เธอนั่งทำให้พวกเขาเห็นแค่แผ่นหลัง เวลานี้ได้เห็นหน้าตาครบถ้วน แววตาจึงฉายความอยากรู้อยากเห็น
“เทพลั่วนี่นา”
“ที่เขาว่ากันในเน็ตก็เป็นจริงน่ะสิ”
“ฉันว่าแล้ว มีผู้หญิงที่เล่นเกมคนไหนบ้างที่ไม่มีจุดประสงค์แอบแฝง”
“ก็ไม่ใช่ข่าวใหม่อะไรนี่ เรื่องแอบลอกเลียนแบบเทคนิคคนอื่นมา แถมเป็นเด็กของพวกไฮโซ”
“แต่ฝ่ายประชาสัมพันธ์เก่งเนอะ ไม่มีใครรู้เลย”
เสียงซุบซิบนินทาดังขึ้น ลั่วลั่วหน้าซีด บางเรื่องไม่ว่าจะพูดหรือไม่ก็ไร้ประโยชน์ เพราะคนเลือกเชื่อแต่ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ
จนถึงตอนนี้ ลั่วลั่วก็ยังไม่ลืมถึงตอนที่เธอเข้าทีมอาชีพใหม่ๆ คนดังในวงการคนหนึ่งที่ขึ้นชื่อว่าชอบช่วยเหลือนักกีฬาหน้าใหม่นั่งอยู่ที่โต๊ะเหล้า พูดสื่อนัยว่าหากเธอยินยอม จะเอาเงินเท่าไร เส้นใหญ่แค่ไหนก็ย่อมได้
ด้วยนิสัยของเธอแล้ว ย่อมปฏิเสธแน่นอน เธอเอ่ยคำขอโทษก่อนจะเดินจากไป ทว่าคนคนนั้นเป็นคนในวงการ แถมทางคลับเป็นฝ่ายนัดแนะให้ เธอจึงสาดน้ำใส่หรือทำอย่างอื่นเหมือนในซีรีส์ไม่ได้
อันที่จริง ตอนนั้นลั่วลั่วกลัวเหมือนกัน เธอคิดไม่ถึงว่าวงการที่เธอรักจะมีเรื่องแบบนี้ด้วย มือซ้ายยังสั่นเทาในระหว่างที่ปฏิเสธอีกฝ่าย เธอคิดว่าผู้จัดการทีมรู้เรื่องนี้แล้วจะเอาเรื่องผู้ชายคนนั้นเพื่อเธอ แต่ไม่คิดว่าผู้จัดการจะพูดเพียงว่า ‘ถือว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นก็แล้วกัน ลั่วลั่ว มันจะดีต่อเธอมากกว่า’
ลั่วลั่วไม่ยอมแพ้ ยิ่งมาได้ยินคนคนนั้นว่าเธอในอินเทอร์เน็ตว่า ‘ไม่มีมารยาท ฝีมือก็ธรรมดา’ เธอจึงโต้ตอบผ่านโลกออนไลน์ไปบ้าง แต่ฝ่ายนั้นกลับเปลี่ยนเรื่องมาพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนั้น ‘เป็นผู้หญิงก็ต้องอยู่ให้เรียบร้อยหน่อย ทำตัวเปรี้ยวแบบนั้น คนอื่นจะเข้าใจผิดได้ง่ายๆ ก่อนหน้านี้แสร้งทำตัวเป็นคนเก่งแสนหยิ่ง แต่พอมาโต๊ะเหล้าก็เปลี่ยนไปทันที แต่งตัวโป๊ไม่พอ ยังยั่วยวนจนทำให้คนไม่สบายใจอีก’
……………………………………………….