บทที่ 536 ก็แค่เงินไม่ใช่เหรอ

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

“สามสิบเอ็ดล้าน…..สามสิบห้าล้าน……”

แม้ว่าคนเสนอราคาจะมีจำนวนไม่น้อยแต่ราคาที่พวกเขาเพิ่มกันก็เป็นราคาหนึ่งล้านหยวนที่ต่ำที่สุด เป็นคำติดปากที่ทำให้บรรยากาศในงานมีสีสัน

เพราะว่าพวกเขารู้ดีว่าเป็นไปได้อย่างมากที่เจ้าของสร้อยคอรักนิรันดร์เส้นนี้จะเป็นตู้เคอหลิน

“ห้าสิบล้าน!”

เมื่อเห็นว่าการเสนอราคาเพิ่มขึ้นถึงสี่สิบล้าน ตู้เคอหลินก็ออกเสียงประมูลไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังและเพิ่มราคาเข้าไปอีกสิบล้าน

ทันใดนั้นก็ได้เกิดเสียงปรบมือดังขึ้นสนั่น การเสนอราคาของตู้เคอหลินนั้นได้ให้คำยืนยัน

“คุณชายตู้ก็คือคุณชายตู้ มีเงินมากก็มีอิทธิพลมากจริงๆ”

“ประมูลทีก็ปาไปสิบล้านหยวน หรูหราฟุ่มเฟือยจริงๆ”

“ดูเหมือนว่าสร้อนคอรักนิรันดร์นี้จะต้องตกไปอยู่ในมือของคุณชายใหญ่ตู้เป็นแน่!”

ตู้เคอหลินเป็นคนหยิ่งผยองแต่จะตรงไปตรงมากับคนของเขา มีคนจำนวนไม่น้อยในที่แห่งนี้ที่ต่างคว้าโอกาสประจบสอพลอเอาไว้และสร้างความประทับใจให้แก่ตู้เคอหลิน พยายามปีนป่ายต้นไม่ใหญ่ต้นนี้

“เฮ้ ในเมื่อนายนั่งอยู่ที่ตรงนี้แล้วก็ต้องแสดงความสามารถออกมาหน่อยสิ”

ตู้เคอหลินไม่ได้สนใจพวกประจบสอพลอเลยแม้แต่น้อย เขาหันไปหาเย่เทียนและพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “ตอนนี้แค่ห้าสิบล้าน นายคงไม่ได้เสนอราคาไม่ไหวแล้วหรอกนะ?”

คิ้วของเฉินหวั่นชิงขมวดแน่นในทันที เธอดึงมือเย่เทียนพร้อมกับส่ายหัวอย่างลับๆ

ไม่ใช่ว่าเธอไม่ชอบสร้อยคอรักนิรันดร์แต่การต้องใช้เงินถึงห้าสิบล้านเพื่อซื้อมานั้นมันดูฟุ่มเฟือยไปหน่อยและเธอเองก็รู้สึกยอมไม่ได้

“ภรรยา ฉันหาแหวนที่เข้ากับเธอไม่ได้มาสักพักแล้วและสร้อยคอเส้นนี้ก็เข้ากับเธอพอดี อย่ามาห้ามฉัน”

เย่เทียนยิ้มพร้อมกับส่ายัหวให้เฉินหวั่นชิงและเสนอราคาออกไปโดยไม่ลังเล “หกสิบล้าน!”

ดวงตาที่สวยงามของเฉินหวั่นชิงจ้องมองมาที่เย่เทียนอย่างหลงใหล เมื่อครั้งตอนแต่งงาน ด้วยการกดดันของเฉินหวั่นชิง ทั้งสองจึงทำได้เพียงจดทะเบียนสมรสกันและไม่มีแม้แต่การจัดงานแต่งงานเกิดขึ้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการแลกแหวนแต่งงานแต่อย่างใด

เชื่อว่านี่คงเป็นเรื่องที่น่าเสียใจสำหรับผู้หญิงทุกคน แต่หากต้องใช้เงินหลายสิบล้านเพื่อชดเชยความเสียใจนี้ เฉินหวั่นชิงก็รู้สึกว่ามันจะแพงเกินไป

แต่เมื่อมองไปที่ใบหน้าที่แข็งกร้าวของเย่เทียน เฉินหวั่นชิงเองก็ไม่กล้าที่จะเข้าไปขวาง

เธอเป็นผู้หญิงฉลาด เมื่อก่อนเธอไม่ชอบเย่เทียนและมักจะไม่ไว้หน้าเขาเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้คน แต่ตอนนี้เธอได้เปิดใจให้กับเย่เทียนไปแล้วโดยสิ้นเชิงและใส่ใจในเรื่องนี้อย่างไม่ต้องสงสัย

ไม่ว่ายังไงซะ การที่เย่เทียนได้เสนอราคานี้ก็ได้ทำให้เหล่าผู้คนที่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านถึงกับอุทานออกมา กระซิบกระซาบคุยถึงที่มาของเย่เทียน กล้าดียังไงถึงได้มาแข็งข้อกับตู้เคอหลิน

“พี่ชาย นายนี่พูดไม่ผิดจริงๆ ของที่มอบให้กับผู้หญิงของตน ขอเพียงแค่เธอมีความสุข จะจ่ายเงินเท่าไหร่ก็คุ้มค่า”

ตู้เคอหลินกวาดตามองเย่เทียนอย่างยั่วยุพร้อมกับพูดอย่างเฉียบแหลมว่า “คนอย่างฉันน่ะขาดทุกอย่าง ยกเว้นเงินนะ”

เมื่อพูดจบ ตู้เคอหลินก็หันไปให้ความสนใจกับผู้ประกาศประมูลอีกครั้งพร้อมกับยกมือขึ้นและเสนอราคา “แปดสิบล้าน!”

เพียงแต่ตู้เคอหลินไม่สนใจเรื่องเงินแล้วเย่เทียนต้องเป็นคนสนใจด้วยงั้นเหรอ?

ตามแนวคิดของเขา เงินถือเป็นของนอกกาย การฝึกฝนเท่านั้นที่เป็นรากฐานของชีวิตที่แท้จริง!

เย่เทียนยักไหล่พร้อมกับยกมือขึ้นอย่างไม่แสดงความอ่อนแอให้คนประกาศการประมูล “ร้อยล้าน!”

รอยยิ้มบนใบหน้าของคนประกาศการประมูลนั้นบานสะพรั่ง ร่างกายของเขาสั่นสะท้านไปด้วยความตื่นเต้น การประมูลนี้จะต้องกลายเป็นข่าวใหญ่อย่างแน่นอนและตัวตนของเขาจะต้องพลอยได้ดีไปด้วย!

“หนึ่งร้อยล้าน!หนึ่งร้อยล้านเต็มๆเลยนะครับ!”

ผู้ดำเนินการประมูลตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น “ยังมีใครอีกไหมครับ?มีใครต้องการเพิ่มราคาอีกไหม?”

ด้วยการแข่งขันช่วงสั้นๆสองครั้งก็ส่งผลให้ราคาประมูลสูงไปถึงหนึ่งร้อยล้านแล้ว สิ่งนี้ทำให้ผู้คนที่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านต่างพากันกระวนกระวายใจ แม้แต่ตาก็ไม่กล้าที่จะกะพริบตาเพราะกลัวว่าหากพลาดไปแม้แต่วินาทีเดียว พวกเขาคงรู้สึกเสียดายไปตลอดชีวิต

“แม่งเอ๊ย!ชายหนุ่มคนนั้นเป็นใครกันน่ะ?แม้แต่เงินร้อยล้านก็ไม่กะพริบตาเลยสักนิด”

“ไม่ว่าชายหนุ่มคนนั้นจะเป็นใคร แต่การที่เขากล้ามาสู้กับตู้เคอหลินบนเกาะนกนางนวลเช่นนี้ ไม่แน่ว่าอาจจะไม่มีชีวิตเหลือให้ได้ใช้อีกต่อไป”

“มันพูดยาก ภูมิหลังของชายหนุ่มคนนั้นต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ ต่อให้ตู้เคอหลินจะหยิ่งยโสมากกว่านี้ก็เกรงว่าคงไม่กล้าทำตามอำเภอใจนักหรอก”

“พูดมากไปทำไมกัน ยังไงซะใครประมูลชนะก็ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเราอยู่แล้ว ฉันล่ะดีใจที่ได้มาที่นี่ ไม่เช่นนั้นคงพลาดการแสดงชุดใหญ่ไปแล้วล่ะ”

ในโซนD เจ๊หยกจับแขนของเซ่อันแน่น ความดูถูกดูแคลนที่หล่อนมีต่อเย่เทียนก่อนหน้านี้ได้หายไปอย่างสมบูรณ์

นี่คือเงินหนึ่งร้อยล้าน เฉินหวั่นชิงเองก็ไม่ได้ร่าเริงขนาดนั้น นี่บ่งบอกได้ชัดเลยว่าเย่เทียนไม่ใช่ผู้ชายที่เกาะผู้หญิงกินอย่างที่หล่อนจินตนาการไว้

“小 เสี่ยวอัน รอการประมูลจบแล้ว นายลองดูซิว่าสามารถเชิญเขามาทานข้าวด้วยได้ไหม ฉันอยากจะขอโทษเขาเป็นการส่วนตัว”

แม้ว่าจะไม่รู้ว่าเย่เทียนหรือตู้เคอหลินจะเป็นคนชนะการประมูลในครั้งนี้ แต่เจ๊หยกก็รู้ดีเลยว่าการที่เย่เทียนจะทำอะไรตนนั้นคงเป็นเรื่องที่ทำได้ไม่ยากเลยล่ะ

การแสดงออกของเซ่อันดูจริงจังขึ้น การแสดงออกที่แข็งแกร่งของเย่เทียนนั้นได้พิสูจน์การคาดเดาก่อนหน้านี้ของเขาไปเป็นที่เรียบร้อยอย่างไม่ต้องสงสัย

แต่ที่นี่ไม่ใช่เจียงหนัน ตู้เคอหลินเป็นคุณชายใหญ่ที่ถูกเลี้ยงมาอย่างนิสัยเสีย เรียกได้ว่าโตแต่ตัว ใครจะไปรู้ล่ะว่าเขาจะทำอะไรออกมายามโกรธเคือง

หากถึงตอนนั้นจริงๆ ไม่รู้ว่ากองกำลังเบื้องหลังของเย่เทียนจะตำหนิที่เขาพาเย่เทียนกับเฉินหวั่นชิงมาที่เกาะนกนางนวลหรือไม่

“เรื่องนี้ค่อยว่ากัน!”

เมื่อคิดถึงตรงนี้ เซ่อันก็ได้แต่ส่ายหัวอย่างขมขื่น “ตอนนี้ฉันหวังแค่เพียงว่าเขาจะไม่สู้กับตู้เคอหลินอีกต่อไป มิเช่นนั้นหากเขาไปทำให้ตู้เคอหลินขุ่นเคือง ไม่แน่ว่าชีวิตน้อยๆของเขาอาจปลิวไปเลยก็ได้”

ในอีกด้าน เมิ่งซ่วนและเหอหยุนต่างตะลึงตาค้างเป็นที่เรียบร้อย ตกตะลึงจนแม้แต่พูดอะไรออกมาไม่ได้

“นี่ นี่มันเป็นไปได้ยังไง?”

เหอหยุนได้จมดิ่งอยู่ในความสงสัยนี้ มันชัดเจนว่าเย่เทียนไม่ได้เป็นผู้ชายที่เกาะผู้หญิงกินแม้แต่น้อย

หล่อนเพียงแค่ถูกความอิจฉาริษยาครอบงำแต่ไม่ได้หมายความว่าหล่อนจะโง่ หากเย่เทียนเป็นแค่คนที่เกาะผู้หญิงกิน ทำไมเขาถึงมีสิทธิที่จะใช้เงินจำนวนมากมาประมูลของกันและท่าทางของเฉินหวั่นชิงก็ดูเชื่อฟังเสียด้วยสิ

“เหอะ!ถึงแม้ว่าเขาประมูลสร้อยคอได้แล้วยังไงล่ะ ไม่ได้ยินสิ่งที่คนรอบๆเขาพูดกันหรือไง?”

“ตู้เคอหลินเป็นถึงคนของตระกูลตู้แห่งเมืองจิน บนเกาะนกนางนวล เขามีความสามารถที่ไม่ธรรมดาเลยล่ะ หากเย่เทียนไปยั่วยุเขาล่ะก็จะมีจุดจบที่ดีได้อย่างไรกัน?”

เมิ่งซ่วนกัดฟันแน่น ไม่อยากจะเชื่อความจริงที่เกิดขึ้นเลยสักนิด เพราะว่าหากยอมรับนั่นก็แปลว่าตนเองด้อยกว่าเย่เทียนในทุกๆทาง?

เมื่อเหอหยุนได้ยินเช่นนั้นจึงได้พยักหน้าอย่างครุ่นคิด เห็นด้วยกับความคิดของเมิ่งซ่วน

ดังคำกล่าวที่ว่า :พลังมังกรก็ไม่อาจสยบคนพาล!

แม้ว่าเย่เทียนจะเป็นมังกรก็จริงแต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับงูเจ้าถิ่นอย่างตู้เคอหลิน เกรงว่าคงทำได้เพียงก้มหัวให้

“เอาล่ะ ยังไงซะก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเรามากอยู่แล้ว รอดูการแสดงก็แล้วกัน!”

เมิ่งซ่วนยิ้มเยาะ เขาชมการแสดงนี้อย่างไม่กลัวเรื่องใหญ่อะไร แทบอยากจะเห็นเย่เทียนตายอยู่บนเกาะนกนางนวลแห่งนี้…..