พลังอำมหิต โดย Ink Stone_Fantasy
พอได้ยินว่าฝั่งพ่อตาจะเป็นคนออกเงินให้ เยี่ยเทียนจึงรู้สึกสดชื่นขึ้นมาหน่อย เขาเคยให้คำแนะนำเรื่องธุรกิจแก่อวี๋เฮ่าหรานมากมาย ถ้าคิดค่าจ้างตามอัตราปกติของเยี่ยเทียนแล้ว ค่าคำปรึกษาเหล่านั้นคงเป็นเงินหลายล้านอยู่ ซื้อเสื้อผ้าให้เยี่ยเทียนแค่นี้ยังถือว่าน้อยไป
คนที่สามารถเปิดร้านในที่แบบนี้ได้ วิสัยทัศน์ต้องดีกว่ายามเฝ้าประตูคนนั้นไม่รู้กี่เท่า แม้ว่าเยี่ยเทียนแต่งตัวเชยๆ แต่เจ้าของร้านที่เป็นชาวต่างชาติยังให้การต้อนรับเขาอย่างยิ้มแย้ม พูดภาษาจีนอย่างคล่องแคล่วว่า “คุณผู้หญิงกับคุณผู้ชายท่านนี้ ต้องการดูเสื้อผ้าแบบไหนครับ?”
อวี๋ชิงหย่าชี้ไปที่เยี่ยเทียนตอบว่า “ชุดสูทสีดำ ที่เย็บด้วยมือ แล้วก็เนคไทสีแดง ใช่แล้ว เยี่ยเทียน ตัดชุดเจ้าบ่าวแบบจีนให้เธออีกชุดดีกว่า ฝีมือการตัดเย็บของช่างที่นี่ดีมากเลยนะ…”
“ได้สิ ฉันชอบชุดแบบจีน!” เยี่ยเทียนพยักหน้า เอาเป็นว่าพ่อตามอบให้ จะปฏิเสธไม่ได้
“นี่เป็นบัตรสมาชิก คุณช่วยวัดตัวให้เขาเร็วหน่อย ให้เสร็จทันในอีกสามวัน ตอนเช้าของวันนั้นฉันจะมารับชุด!” อวี๋ชิงหย่ายื่นบัตรสมาชิกให้ผู้จัดการร้านชาวต่างชาติ
ฟังอวี๋ชิงหย่าพูดจบ คนต่างชาติถลึงตาทีหนึ่ง แล้วสั่นหัว “คุณผู้หญิงครับ คือ…มันเร่งเกินไป โดยปกติร้านของเราต้องใช้เวลาจองตัดชุดก่อนหนึ่งเดือน อีกอย่างกระบวนการตัดชุดก็ต้องตัดที่ต่างประเทศ ถ้าภายในสามวันมันเป็นไปไม่ได้!”
อวี๋ชิงหย่าหัวเราะออกมา “ร้านดังขนาดนี้สามารถเร่งงานได้ ฉันคิดว่าคุณควรจะดูประเภทของบัตรสมาชิกใบนี้ซะก่อน…”
อวี๋ชิงหย่าเคยฟังบิดาเล่าว่า ร้านนี้ที่บอกว่าตัดเย็บที่ต่างประเทศนั้นเป็นแค่การยกระดับแบรนด์ร้านให้ดูดีเท่านั้น อวี๋เฮ่าหรานยังเคยสั่งตัดชุดเสร็จภายในสองวันเลย
“แน่นอนว่า ทุกอย่างต้องมีข้อยกเว้น”
ผู้จัดการร้านก้มมองดูชนิดและข้อมูลบนบัตรแล้วจึงยิ้มออกมา พูดกับอวี๋ชิงหย่าว่า “ความปรารถนาของลูกค้าเป็นหน้าที่ของพวกเรา ผมคิดว่าเราทำตามที่คุณลูกค้าต้องการได้ครับ แต่ว่าคุณผู้หญิงการเร่งตัดชุดภายในสามวันนั้นต้องจ่ายถึงหนึ่งแสนเชียวนะครับ!”
“ไม่มีปัญหา ต้องเร่งให้เสร็จทั้งสองชุด รีบวัดตัวให้เขาเถอะ!”
อวี๋ชิงหย่าตกลง ไม่ว่าจะหมั้นหรือแต่ง หญิงสาวก็หวังว่าจะมีเพียงแค่ครั้งเดียวในชีวิต ต่อให้ต้องจ่ายมากกว่านี้ เธอก็ไม่ปฏิเสธ
ได้ยินราคาจากปากของผู้จัดการ เยี่ยเทียนอดอุทานออกมาไม่ได้ “จ้างพระต่างชาติมาสวดมนต์นี่ดีจริง วันหลังฉันต้องไปเที่ยวต่างประเทศบ้างแล้ว!”
ถ้าไม่ต้องคำนึงถึงความรู้สึกของชิงหย่ากับหน้าตาของพ่อฝ่ายหญิง เยี่ยเทียนคงจะไปแถววัดเฉิงหวงเพื่อหาซื้อชุดสูทราคาไม่กี่ร้อยก็พอ ราคาแพงขนาดนี้ จะกินเลือดกินเนื้อกันหรือยังไง!”
ผู้จัดการชาวต่างชาติที่วัดตัวให้เยี่ยเทียนอยู่นั้นไม่เข้าใจความหมายของเขา ตีหน้าสงสัยถามว่า”พระ อ๋อ คุณผู้ชาย ร้านเราไม่ได้ตัดชุดพระนะครับ ความปรารถนาข้อนี้ของลูกค้า กระผมคงทำให้ไม่ได้!”
“รู้แล้ว คุณช่วยรีบหน่อยได้ไหม เรายังต้องไปซื้อของอีกมาก!” เยี่ยเทียนได้แต่ยิ้มแห้ง อวี๋ชิงหยาที่รออยู่ข้างๆแอบขำออกมา
สั่งชุดเสร็จแล้ว อวี๋ชิงหย่าพาเยี่ยเทียนไปที่ศูนย์การค้าใหญ่ ที่ร้านรองเท้าหนังเธอซื้อรองเท้าหนังให้เยี่ยเทียนคู่หนึ่ง แล้วก็เสื้อเชิ้ตสีขาวที่ใส่ไว้ด้านใน กว่าจะกลับไปถึงบ้าน ทั้งรถก็เต็มไปด้วยของที่ซื้อให้เยี่ยเทียนทั้งนั้น
บ่ายวันถัดมา เยี่ยตงผิงมาถึงเซี่ยงไฮ้ เขายังสงสัยในการตัดสินใจของเพื่อนเก่าอยู่ไม่คลาย เมื่อได้คุยกับเพื่อนเก่าเป็นการส่วนตัวแล้ว ก็ไม่พูดอะไรอีก
อิทธิพลของตระกูลซ่ง เยี่ยตงผิงรู้ซึ้งดีกว่าอวี๋เฮ่าหราน ตอนนั้นมักดูในโทรทัศน์ว่าคนจับนกเป็ดน้ำคู่รักแยกออกยังไง ไม่อย่างนั้นป่านนี้ครอบครัวของเขาอาจจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
ดังนั้นเยี่ยตงผิงรู้สึกไม่พอใจคนตระกูลซ่ง แต่ก็ไม่อยากจะไปหาเรื่องด้วย เขาหวังเพียงว่า ลูกชายหมั้นหมายแล้วไปจากเซี่ยงไฮ้ เรื่องพวกนี้ก็จะจบลง
คืนนั้นอวี๋เฮ่าหรานจัดงานเลี้ยงต้อนรับเพื่อนเก่าและผู้ที่กำลังจะดองญาติไปพร้อมกัน แต่เขาคออ่อนเหมือนเดิม รวมทั้งลูกสาวที่กำลังจะแต่งออกไป จึงอารมณ์ไม่ดีนัก ดื่มเพียงไม่กี่แก้วก็ล้มตัวลงบนเตียงหลับไป
อวี๋เฮ่าหรานดื่มจนเมา งานเลี้ยงจึงสิ้นสุดลง เยี่ยเทียนกับพ่อชงน้ำชา นั่งอยู่ในสวนวิลล่า เทศกาลปีใหม่เพิ่งผ่านไป ยังได้ยินเสียงพลุดอกไม้ไฟดังอยู่ภายนอก
“พ่อ ตอนบ่ายพ่อคุยอะไรกับลุงอวี๋น่ะ?” เยี่ยเทียนถามตามตรง เขาดูออกว่าทั้งลุงอวี๋และพ่อพอคุยกันแล้วอารมณ์กลับไม่ค่อยดีทั้งคู่
“ไม่มีอะไร แค่เรื่องธุรกิจเอง…”
เยี่ยตงผิงโบกมือ ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าหยิบเอากล่องเครื่องประดับออกมาสองกล่อง “กำไลอันนั้นเป็นสมบัติตกทอดของตระกูลเรา แม่ของแกไม่มีวาสนาจะได้ใส่มัน เอาไว้เมื่อถึงเวลา แกมอบให้ชิงหย่าด้วย…”
เยี่ยเทียนรับเครื่องประดับไว้ แล้วชี้ไปที่ของอีกชิ้น “พ่อ แล้วนั่นอะไร?”
“นั่นเป็นแหวนเพชรคู่ ตอนนี้วัยรุ่นฮิตใส่แหวนกัน พ่อลงจากเครื่องบินแล้วไปซื้อที่ร้านเหล่าเฟิ่งเสียงมาโดยเฉพาะ…”
ปกติแล้วเยี่ยตงผิงยุ่งแต่กับการค้า ไม่ค่อยได้ใส่ใจเรื่องของลูกชายมากนัก การหมั้นของลูกชายครั้งนี้ เขาตั้งใจว่าถึงต่อให้ขุดสมบัติครอบครัวออกมาทั้งหมดก็จะทำ แหวนเพชรคู่นี้เขาซื้อมาด้วยราคาสองแสนกว่า การเงินในบ้านที่เพิ่งจะเริ่มดีขึ้น ตอนนี้กลับมาตึงเครียดอีกครั้ง
“แหวน? ขอบคุณมากครับพ่อ…”
เยี่ยเทียนเคยพาอวี๋ชิงหย่าไปที่ร้านเหล่าเฟิ่งเสียงแล้วครั้งหนึ่ง แม้แหวนเพชรเม็ดเท่าขี้ตายังราคาตั้งหลายหมื่น เงินในกระเป๋ามีไม่ถึง เขาจึงได้แต่สัญญากับชิงหย่าว่า วันหน้าจะต้องซื้อเพชรเม็ดเท่าไข่นกกระทาให้อวี๋ชิงหย่าสวมได้แน่นอน
แต่เยี่ยเทียนคิดไม่ถึงเลยว่าพ่อของเขาจะเตรียมไว้ให้แล้ว แหวนเพชรคู่นี้ดูราคาไม่น่าจะต่ำกว่าสองแสน
เยี่ยเทียนพอจะรู้ว่าช่วงนี้การเงินของพ่อค่อนข้างจะตึงเครียด มองดูพ่อที่จอนผมเปลี่ยนเป็นสีขาวแล้วยังต้องมาลำบากเพื่อลูกอีก ในใจรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก
เยี่ยตงผิงหัวเราะแล้วลูบหัวลูกชายเบาๆ “เอาเถอะ เก็บไว้ให้ดี บ้านอวี๋เป็นคนมีหน้ามีตาในเซี่ยงไฮ้ เราจะขี้เหนียวไม่ได้!”
“พ่อ วางใจเถอะ บ้านเยี่ยของเราถึงจะเหมือนเมื่อก่อน แต่ก็ไม่ยอมให้ใครมาทำอะไรได้ง่ายๆหรอก!”
เยี่ยเทียนรับปาก เก็บเครื่องประดับใส่กระเป๋า แล้วเปลี่ยนเรื่องคุย “พ่อ พ่อว่าคนที่ชื่อซ่งเสี่ยวเจ๋อนั่นมีเจตนาอะไรหรือเปล่า?หรือว่าเขาชอบชิงหย่าจริง?”
“แกว่าอะไรนะ?!”
เยี่ยตงผิงที่กำลังยกชาขึ้นดื่ม พอได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียนก็มือสั่นทำน้ำชาหกใส่หน้าอกตัวเอง “เยี่ยเทียน แก… แกรู้เรื่องนี้ได้ยังไง?เหล่าอวี๋บอกว่าไม่ได้เล่าให้แกฟังหนิ!”
เยี่ยตงผิงรู้จักลูกชายดี โดยเฉพาะวิธีการบางอย่างของผู้เป็นลูก ถ้าหากเยี่ยเทียนอยากได้อะไรสักอย่าง ในโลกนี้คงไม่มีใครห้ามเขาได้
แต่สิ่งที่เยี่ยตงผิงกลัวก็คือสิ่งนี้เช่นกัน ความสามารถของคนมีขีดจำกัด ถ้าเยี่ยเทียนทำเกินเหตุจนทำให้เป็นจุดสนใจของทางการ ต่อให้เขามีสิบกรอย่างทศกัณฑ์ก็ช่วยไม่ได้
“พ่อ เรื่องที่ผมอยากรู้น่ะ ใครจะปิดบังผมได้?”
เยี่ยเทียนหัวเราะแล้วพูดต่อ “เรื่องนี้ถ้าเป็นเหตุบังเอิญก็แล้วไป แต่ถ้ามีคนวางแผนทำลายบ้านเราล่ะก็ ผมจะทำให้มันรู้สึกเสียใจที่เกิดมาบนโลกนี้ แค่พวกตระกูลซ่ง รุ่งเรืองมาเป็นร้อยปี คงถึงเวลาพินาศของพวกเขาแล้ว!”
เมื่อได้รับรู้เรื่องราวความบาดหมางในอดีตของตระกูลเยี่ยกับตระกูลซ่ง เยี่ยเทียนรู้สึกคับแค้นใจ แต่ก็ไม่ได้ไปตัดสินว่าตอนนั้นใครผิดใครถูก เพราะมันเป็นบุญคุณความแค้นของคนรุ่นก่อน จนถึงสองพ่อลูกตอนนี้ก็สมควรจะยุติลงได้แล้ว
แต่วันนี้เยี่ยเทียนทำนายชะตาตัวเองแล้วพบว่ามีอันตรายบางอย่างกำลังย่างกรายมาสู่ตัวเขา ถึงจะบอกว่าหมอดูห้ามดูดวงตัวเอง แต่ด้วยพลังวิชาของเขาก็สามารถรับรู้ได้ถึงภยันตรายที่กำลังมาเยือน
จุดเริ่มต้นของภัยร้ายก็คือจากคนที่ชื่อซ่งเสี่ยวเจ๋อคนนั้น เยี่ยเทียนเดาออกว่าที่ซ่งเสี่ยวเจ๋อมาตามจีบชิงหย่านั้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เพราะมีเป้าหมายคือตัวเยี่ยเทียน
แต่โบราณมา หมอดูฮวงจุ้ยส่วนใหญ่จะไม่ค่อยสุงสิงกับใคร และมีความคิดอ่านต่างจากคนทั่วไป ส่วนใหญ่ไม่ยอมให้ใครเอาเปรียบมีแต่จะเอาเปรียบคนอื่น นักพรตเฒ่าเมื่อก่อนก็เป็นแบบนี้ แล้วยังเคยฆ่าคนมาไม่น้อย
แต่ตอนนั้นเป็นกลียุค เลยไม่มีใครไปตามเอาผิดนักพรตเฒ่า หลี่ซ่านหยวนรู้ถึงความอำมหิตในใจของเยี่ยเทียน กลัวว่าอนาคตจะฆ่าคนเป็นผักปลา จึงนำพาเยี่ยเทียนเข้าสู่วิถีเต๋า เพื่อดัดนิสัยฝึกจิตใจให้อ่อนลง
แต่ตอนนี้เยี่ยเทียนไม่สามารถควบคุมพลังความโหดร้ายในใจของตัวเองได้
การที่เขาสูญเสียมารดาไปตั้งแต่เล็ก เป็นฝีมือคนตระกูลซ่ง เพราะตระกูลซ่งทำให้พ่อของเขาต้องโดดเดี่ยวมาตลอดยี่สิบกว่าปี!แล้วก็เป็นตระกูลซ่งอีกเช่นกัน ที่ตอนนี้จะกลับมาจัดการกับเขา เยี่ยเทียนพยายามกดข่มความเคียดแค้นในใจ แต่ควบคุมไม่ไหวจนระเบิดออกมา
ปลายราชวงศ์ชิง มีหมอดูที่มีวิชาอาคมกลุ่มหนึ่งในยุทธภพใช้วิธีเปลี่ยนแปลงทางมังกรเพื่อเปลี่ยนดวงเมือง ตอนนี้วิชาของเยี่ยเทียนไม่ได้ด้อยกว่าคนพวกนั้น ถ้าเขาอยากจะให้ตระกูลซ่งพังพินาศ ก็จะไม่เพียงพูดแต่ลมปาก เพียงแต่อาจมีสิ่งแลกเปลี่ยนบ้าง เยี่ยเทียนจะต้องทำให้สำเร็จ
เห็นลูกชายยิ้มเย็นแบบนั้น เยี่ยตงผิงหวั่นใจ รีบเตือนลูกชายว่า “เยี่ยเทียน แก…แกใจเย็นก่อน อย่าทำเรื่องโง่ๆเป็นอันขาด คนๆนั้น อาจจะไม่ได้พุ่งเป้ามาที่แกก็ได้!”
“พ่อ จะใช่หรือไม่ผมรู้ดีอยู่แก่ใจ พ่อวางใจเถอะ นักปราชญ์ไม่ยืนอยู่บนคมหอกแห่งอันตราย ผมจะไม่ยอมถูกเอาเปรียบอยู่ฝ่ายเดียวแน่…”
เยี่ยเทียนรู้ว่าตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อร้อยปีก่อน ยุคสมัยของจอมยุทธเจ้าสำราญหมดไปแล้ว เยี่ยเทียนเองก็ไม่ใช่คนชอบใช้กำลัง ในโลกของหมอดูฮวงจุ้ย คนธรรมดานั้นไม่อาจเข้าถึง
“แก…แกเจ้าเด็กบ้า แกไม่ได้ฟังที่ฉันพูดเหรอ?!”
เห็นท่าทางใจลอยของลูกชาย เยี่ยตงผิงพอจะรู้ว่าคำพูดของเขาไม่ได้เข้าหูของลูกชายสักประโยค ตอนนี้คงกำลังคิดวิธีเล่นงานฝ่ายตรงข้ามอยู่
“ได้ พ่อบอกแกก็ได้!”
เมื่อเห็นว่าห้ามลูกชายไม่ได้แล้ว เยี่ยตงผิงถอนใจออกมา เล่าให้ลูกชายฟังต่อ “แม่ของแกน่ะสองปีมานี้ก็ติดต่อฉันอยู่ตลอด เขากำลังพยายามให้ครอบครัวของเราได้อยู่ร่วมกันอีกครั้ง แกอย่าทำให้เสียเรื่องเชียว!”