กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 1047
กู้ชูหน่วนลูบคางตัวเอง
ฟังดูเหมือนว่าอี้หยุนเฟยจะรู้เรื่องดวงวิญญาณดวงนั้น และดวงวิญญาณนั้นมีความสำคัญกับเขามาก
มีเสียงดังขึ้นบริเวณหน้าประตูเรือนอี้หยุน
สีหน้าของอี้หยุนเฟยเปลี่ยนไปเล็กน้อย
กู้ชูหน่วนลูบศีรษะของเขาและกล่าวว่า “เจ้าพักผ่อนเยอะๆ จะได้มีเรี่ยวแรงในการเดินทางพรุ่งนี้ ข้าไม่รบกวนเจ้าแล้ว”
กู้ชูหน่วนเดินออกไปโดยไม่รอให้อี้หยุนเฟยตอบ
“ชิ้ว….”
เงาใครคนหนึ่งปรากฏขึ้นพร้อมกับคุกเข่าลงรายงาน “เยี่ยจิ่งหานเขาบอกว่าต้องการเข้าเฝ้าฝ่าบาท”
“เขาเป็นสนมคนหนึ่งในวังหลัง ข้าก็เช่นกัน ฝ่าบาทมาหาข้ายังต้องขออนุญาตเขาด้วยหรือ? ไล่ออกไป”
“ขอรับ”
ไม่ไกลจากประตูหลังของเรือนอี้หยุน
กู้ชูหน่วนเดินออกไปไม่นานก็พบเข้ากับเยี่ยจิ่งหานที่กำลังนั่งอยู่บนรถเข็นใต้ต้นไม้
นางเดินหันหน้าไปทางอื่นทันที
จากนั้นเสียงอันทุ้มต่ำของเยี่ยจิ่งหานก็ดังขึ้น
“ดึกๆ ดื่นๆ ฝ่าบาทจะไปไหนหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
เมื่อได้ยินเข้า ทำให้กู้ชูหน่วนจำเป็นต้องหันไปหา
“นอนไม่หลับก็เลยออกมาเดินเล่น เหตุใดเจ้าถึงอยู่ที่นี่?”
“บังเอิญเหลือเกิน กระหม่อมก็นอนไม่หลับ เดินไปเดินมาก็เดินมาถึงประตูหลังของเรือนอี้หยุน”
อ๋า…..
บังเอิญขนาดนั้นเลยเหรอ?
เห็นได้ชัดว่าจงใจมาหานางที่นี่ชัดๆ
เหตุผลนางถึงรู้สึกว่ากำลังถูกจับผิดอยู่ตลอดเวลา
“ในเมื่อฝ่าบาทนอนไม่หลับ งั้นกระหม่อมจะอยู่เป็นเพื่อนฝ่าบาทเอง…..”
“ไม่ต้อง ตอนนี้ข้ารู้สึกข้าง่วงเหลือเกิน ข้าจะกลับไปนอนแล้ว”
เดินไปได้ไม่กี่ก้าว กู้ชูหน่วนก็ขมวดคิ้วถาม “เยี่ยจิ่งหาน เจ้าตามข้ามาทำไม?”
“เดินเล่นนานกระหม่อมเริ่มรู้สึกง่วง เดี๋ยวกระหม่อมจะไปนอนปรนนิบัติดูแลฝ่าบาทเอง”
กู้ชูหน่วนเข็นรถเข็นของเขาไปยังที่เปล่าเปลี่ยวพร้อมกับคว้าปกคอเสื้อของเขาขึ้นมา
“เยี่ยจิ่งหาน อย่ามาเล่นตลกอะไรกับข้า เจ้าต้องการอะไรกันแน่?”
หากเป็นคนอื่นมาคว้าคอเสื้อของเยี่ยจิ่งหานแบบนี้ละก็ คงได้ไปเจอกับยมบาลไปนานแล้ว
ทว่ากลับเป็นกู้ชูหน่วนที่ทำแบบนี้ ทำให้เยี่ยจิ่งหานทำได้เพียงยกมุมปากขึ้นและกล่าวอย่างเรียบเฉย
“เป็นโสดมานานทำให้รู้สึกเหงา เลยอยากหาคนคุยด้วย”
“เจ้าป่วยใช่ไหม หากเจ้าไม่สบายก็ไปหาหมอ”
“ฝ่าบาทเชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคไม่ใช่หรือ? กระหม่อมต้องการให้ฝ่าบาทรักษาให้กระหม่อม”
“ข้าไม่รู้เลยว่าเจ้าจะเป็นคนกะล่อนปลิ้นปล้อนเช่นนี้”
“เช่นนั้นฝ่าบาทจะรับไว้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
กู้ชูหน่วนปล่อยมือที่คว้าคอเสื้อของเยี่ยจิ่งหาน จากนั้นก็ปัดมืออย่างรังเกียจพร้อมกับหันหลังให้กับเขา “คนบ้า”
“ทองคำ…..ห้าแสนตำลึง”
กู้ชูหน่วนหยุดชะงักและเปลี่ยนเป็นยิ้มทันทีพร้อมกับลากเขากลับไปยังห้องนอนของตัวเองทันที
“เมื่อกี้ข้าแค่พูดเล่นกับเจ้าเท่านั้นเอง เจ้าออกจะหล่อเหลาเช่นนี้ แถมยังมีน้ำใจกับคนอื่นเช่นนี้ เหตุใดข้าจะไม่รับเจ้าไว้ คืนนี้ข้าจะโปรดปรานเจ้าเพียงคนเดียว”
“ฝ่าบาทช่างเป็นคนมีเหตุผล”
“แน่นอนอยู่แล้ว ไม่รู้ว่าทองคำห้าแสนตำลึงเมือไรจะ…..”
“กระหม่อมจะให้ก็ต่อเมื่อกระหม่อมพอใจ”
ท่ามกลางแสงจันทร์ กู้ชูหน่วนเข็นรถเข็นไปพร้อมกับเงาหนึ่งคล้อยกับเสียงหัวเราะหยอกเย้ากันไปมา
อี้หยุนเฟยจ้องมองอย่างเหม่อลอย
เดิมทีเขาคิดว่าเยี่ยจิ่งหานอยู่ที่ประตูใหญ่และลังเลใจว่าจะให้กู้ชูหน่วนอยู่ที่เรือนอี้หยุนอยู่ข้ามคืนด้วยกันดีไหม จากนั้นจึงได้รีบวิ่งมา
ทว่ากลับทำให้เขาเห็นฉากที่น่าสะเทือนใจ
เขาถามไปยังคนที่อยู่ข้างๆ
“ตอนนี้การแข่งขันดุเดือดเช่นนั้นเลยหรือ? จ่ายห้าแสนตำลึงเพื่อให้นางอยู่ด้วยแค่หนึ่งคืน? แบบนี้ไม่เกินไปหน่อยหรือ?”
คนรับใช้กล่าวด้วยอาการตัวสั่น “ตั้งห้าแสนตำลึงเชียวนะ ต่อให้เขาจะร่ำรวยเงินทองมากแค่ไหน แต่เขามีเยอะกว่านายท่านอีกหรือ? เขา…..หรือเขาจะหลอกลวงฝ่าบาท ไม่เช่นนั้น….นายท่านก็ลงเงินหนักๆ เพื่อให้ฝ่าบาทมาค้างคืนที่เรือนอี้หยุนของเราดีไหมขอรับ?”
อี้หยุนเฟยก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน
ทันใดนั้นเองเขาก็กระทืบเท้า
“มีสิทธิ์อะไร ตอนนี้นางเป็นจักรพรรดินี ข้าเป็นหวงกุ้ยจวิน นางไม่ได้เป็นสนมของข้าสักหน่อย ตามหลักแล้วนางควรจะดูแลเลี้ยงดูข้า เหตุใดถึงเปลี่ยนเป็นข้าไปเลี้ยงดูนาง”
“แต่….แต่ฝ่าบาทไม่มีเงินนะขอรับ”