ตอนที่ 218 แรงกระแทกของวิญญาณ / ตอนที่ 219 วิญญาณถังเวย

จอมใจจ้าวพิษ

ตอนที่ 218 แรงกระแทกของวิญญาณ 

 

 

 

 

 

ถังเวยพยักหน้า เขาพูดคำพูดเหล่านี้กับเธอรอบหนึ่งแล้ว ส่วนตัวนางต้องเรียนรู้ที่จะไว้ใจเถิงอวิ๋น เขาเงยหน้าขึ้นมองถังเฉียน แล้วกำชับนางว่า 

 

 

“เจ้าจงเตรียมตัวรับแรงกระแทกของวิญญาณ” 

 

 

แรงกระแทกของวิญญาณ? 

 

 

นี่เป็นคำศัพท์ใหม่อีกแล้ว มือถังเฉียนกดลงตรงตำแหน่งที่เถิงอวิ๋นบอกนาง นิ้วมือรู้สึกเจ็บเล็กน้อยเหมือนถูกแทง เมื่อก้มหน้าลงก็เห็นเลือดหยดหนึ่งหยดลงในน้ำสีแดง นางยิ่งจ้องมองก็ยิ่งรู้สึกว่าน้ำกลายเป็นน้ำวน ดิ่งลึกลงไปทุกที 

 

 

“เวยเอ๋อร์”  

 

 

ถังเฉียนรู้สึกเหมือนในสมองเกิดเสียงระเบิดขึ้น ร่างโงนเงน ล้มลงบนพื้นสีเขียว แล้วทรุดนั่งลงบนพื้น นางเห็นถังเวยกำลังวิ่งไม่หยุด ดูเหมือนมีคนกำลังไล่ตามนาง แต่มองไม่เห็นคนที่อยู่ข้างหลังนาง แล้วนางก็กระโจนลงไปจากหน้าผา 

 

 

“ยังไม่ตามไปอีก” 

 

 

ขณะที่ถังเฉียนกำลังตกใจแทบแย่ จู่ๆ ก็มีชายคนหนึ่งโผล่ขึ้นที่ข้างตัว ใช้มือข้างหนึ่งดึงตัวนางขึ้น จากนั้นก็ไล่ตามไปอย่างรวดเร็ว แล้วกระโดดลงไปตรงจุดที่ถังเวยกระโดด 

 

 

ความรู้สึกว่ากระโดดลงไปนี้เสมือนจริงมาก ขณะนี้ถังเฉียนรู้สึกเวียนหัว เถิงอวิ๋นดึงตัวนางราวกับพาสัมภาระไปด้วย 

 

 

“เวียนหัวเหลือเกิน ปวดหัวเหลือเกิน!”  

 

 

ที่เถิงอวิ๋นพูดอย่างไม่ใส่ใจว่าครั้งแรกย่อมเป็นเรื่องปกติ แม้จะพูดเช่นนี้ แต่เธอยังรู้สึกไม่สบายตัวมาก แต่คำพูดประโยคต่อมาทำให้นางมีกำลังใจขึ้น 

 

 

“รีบลุกขึ้น เราต้องตามให้ทัน เวลานี้เจ้ากำลังผ่านประสบการณ์ทั้งหมดของฮุ่ยฮุ่ย ถ้าอยากให้นางเจ็บปวดน้อยลง ก็ต้องดูโลกของนางให้ละเอียด” 

 

 

ถังเฉียนตะเกียกตะกายลุกขึ้น ไล่ตามร่างถังเวยที่ลอยไป เห็นนางกอดท่อนไม้ลอยไปถึงแม่น้ำสายหนึ่งนอกหมู่บ้านเล็กๆ แล้วมีคนจับปลาใจดีช่วยนางขึ้นจากน้ำ 

 

 

“ที่แท้นางถูกรับเลี้ยงไว้ นางคงเป็นน้องสาวเจ้าสิ นางชื่ออะไร” 

 

 

ทันใดนั้นเถิงอวิ๋นก็เอ่ยถาม ถังเฉียนไม่รู้ว่าควรตอบดีหรือไม่ แต่เปลี่ยนไปเป็นฉากอื่นอย่างฉับไว เป็นตอนที่ถังเวยถูกถามชื่อ 

 

 

“เร็วหน่อย ไม่เช่นนั้นอาจจะพลาดอะไรบางอย่างได้” 

 

 

ถังเฉียนบอกทันที 

 

 

“เวยเอ๋อร์! ถังเวย!” 

 

 

เถิงอวิ๋นยิ้ม แล้วพูดว่า 

 

 

“ที่แท้เจ้าก็ไม่ใช่ลูกสาวฮว่าเหยียน ข้านึกแล้วว่ารุ่นนี้ของสกุลฮว่าไม่มีสาวน้อยอายุเท่านี้ หลายวันก่อนส่งป้ายหยกมา ข้ายังนึกว่าจำผิดไป สกุลถัง? สามเผ่าบนไม่มีแซ่นี้ เจ้าคงเป็นคนของห้าเผ่าล่างสินะ” 

 

 

ถังเฉียนไม่พูดอะไร เรื่องนี้เป็นความลับของนาง ไม่เกี่ยวกับอาการป่วยของถังเวย นางรู้ว่าเมื่อครู่เถิงอวิ๋นจงใจใช้ความกังวลของนางที่มีต่อถังเวย เขาฉลาดมาก ดูออกแต่แรกแล้วว่าพวกนางสองคนมีความเกี่ยวข้องกัน 

 

 

“สายตาท่านไม่ผิด ความคิดเชื่อมโยงก็ไม่เลว ถึงข้าจะไม่พูดท่านก็ดูออกได้ ถ้าเช่นนั้นท่านเดาเองเถอะ” 

 

 

ถังเฉียนไล่ตามไป อยู่ในโลกนี้ไม่มีใครมองเห็นพวกเขาได้ ต่อให้เป็นถังเวยก็ทำได้เพียงเดินไปข้างหน้าตามที่นางเคยเดินทีละก้าว ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้และจะไม่คิดถึงเรื่องอื่น 

 

 

“ร้องเรียกชื่อนาง ถ้านางสามารถตื่นขึ้นตอนนี้ เรื่องภายหลังก็จะง่ายขึ้น ให้นางนึกชื่อตัวเองออก บางทีก็อาจจะดีขึ้น เจ้าต้องสังเกตสถานที่ที่นางเปลี่ยนไป” 

 

 

ถังเฉียนพยักหน้า แสดงว่านางรู้แล้ว ถังเวยนั่งกอดขาตัวเอง ร้องไห้จนตาบวมแดง นางตะโกนไม่หยุด 

 

 

“ท่านพี่ ช่วยข้าด้วย อย่านะ หมอผีจะฆ่าข้า หมอผีจะฆ่าข้า…” 

 

 

ถังเฉียนได้ยินก็รู้สึกเศร้าใจ บางทีคนที่ฮว่าเหยียนส่งไปอาจทำให้นางตกใจกลัว 

 

 

“ครั้งก่อนก็เป็นเช่นนี้ ดูเหมือนหมอผีตามฆ่านาง แต่ความทรงจำส่วนนี้ ได้มาถึงตรงนี้ แต่ความจำข้างหน้า ล้วนแต่ไม่เห็น” 

 

 

การตกลงไปเมื่อครู่เป็นจุดเริ่มต้นความทรงจำของถังเวย ความจำก่อนหน้านี้ทั้งหมดหายไปแล้ว 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 219 วิญญาณถังเวย 

 

 

 

 

 

“แม่หนู เจ้าชื่ออะไร บ้านอยู่ที่ไหน เราจะได้ส่งเจ้ากลับบ้านได้ถูก” 

 

 

ป้าคนนั้นถามด้วยความสงสาร ยังเตรียมอาหารให้นางด้วย ถังเฉียนเห็นเช่นนี้ก็กลั้นน้ำตาไม่อยู่ แต่นางไม่อยากให้เถิงอวิ๋นเห็นนางทุกข์ใจ 

 

 

ภาพฉากต่างๆ ผ่านไปเร็วมาก ล้วนเป็นการใช้ชีวิตของนางในครอบครัวนี้ สองผัวเมียดูแลนางเหมือนลูกสาวแท้ๆ แม้จะไม่ใช่ชีวิตที่เลิศหรู แต่ก็พยายามทำให้นางเท่าที่ทำได้ 

 

 

เถิงอวิ๋นพูดข้างตัวนาง 

 

 

“ถังเวยหน้าตาคล้ายเจ้ามาก คนที่เคยเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเจ้าล้วนต้องสงสัยความเกี่ยวข้องของพวกเจ้า โดยเฉพาะที่หว่างคิ้วที่มักจะอมทุกข์” 

 

 

ถังเฉียนไม่พูดอะไร เพียงแต่ติดตามภาพเหล่านั้นต่อไป ในนั้นมีคนของเถิงเฟิงมาถึงที่นี่ เห็นภาพเช่นเดียวกับที่ถังเฉียนเห็น นางใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ท่าทางเหมือนไม่อยากรบกวนนาง แล้วคนของเถิงเฟิงได้มอบเงินจำนวนหนึ่งให้ครอบครัวนี้เพื่อให้พวกเขามีชีวิตที่สุขสบายขึ้น  

 

 

แต่เพราะเงินก้อนนี้ที่ก่อปัญหา ทำให้มีคนหวังจะชิงเงิน อันธพาลใหญ่ของหมู่บ้านนั้นจึงคอยที่จะจ้องเล่นงานพวกเขา ถังเฉียนเห็นแล้วก็นึกแค้นใจ ความอึดอัดในทรวงอกทำให้นางที่อยู่ในโลกแห่งจิตใจนั้นยิ่งหายใจไม่ออก 

 

 

“ผ่อนคลายหน่อย เรื่องก็ผ่านไปแล้ว เจ้ารู้สึกเครียดเช่นนี้จะยิ่งจะทำให้ถังเวยไม่สบาย” 

 

 

เถิงอวิ๋นพูดเตือนด้วยความหวังดี ถังเฉียนพยายามไม่มองภาพที่ทำให้นางรู้สึกเศร้า ลุงป้าคู่นี้ดีต่อถังเวยด้วยใจจริง กลัวว่านางจะถูกอันธพาลใหญ่รังแกจึงซ่อนนางไว้ในห้องใต้ดิน เตรียมว่าอีกสองสามวันจะพานางไปจากที่นี่ ไปอาศัยอยู่กับญาติ 

 

 

ถังเฉียนกับเถิงอวิ๋นตามถังเวยมาอยู่ในห้องใต้ดิน แต่คิดไม่ถึงว่าขณะที่มืดค่ำผู้คนหลับใหล นิกายเทพมังกรมาที่หมู่บ้านแห่งนี้เพื่อตามหาของบางอย่าง และสังหารทุกคนที่เจอ ลุงป้าคู่นี้ก็ไม่รอดชีวิต   ถังเวยเห็นด้วยตาตนเอง เมื่อฟื้นขึ้นก็ป้ำๆ เป๋อๆ พูดติดอ่าง 

 

 

“ชั่วเวลาเมื่อครู่ ข้าขยายใหญ่หลายครั้งแล้ว แต่ฉากห้องใต้ดินที่นางถูกซ่อนไว้นั้นมีจำกัด แน่ใจได้ว่าวิญญาณนางอาจถูกคร่าไปในตอนนี้ เวลานี้ดูแล้วเราคงจะต้องใช้วิญญาณอีกดวงทำให้บริสุทธิ์เสียก่อน ตัดวิญญาณอื่นออกไปแล้วเสริมลงไปในร่างนาง ทำเช่นนี้แล้วนางก็จะสามารถกลับเป็นปกติได้” 

 

 

ถังเฉียนฟังแล้วก็รู้สึกแปลกมาก จะทำให้วิญญาณบริสุทธิ์ได้อย่างไร 

 

 

“เมื่อคนคนหนึ่งเกิด วิญญาณจะบริสุทธิ์มาก แล้วถูกโลกนี้ทำให้แปดเปื้อน ขอเพียงเราทำให้วิญญาณคืนสู่สภาพเดิม ทุกอย่างก็จะง่าย” 

 

 

ถังเฉียนคิดทบทวนก็ยังไม่ค่อยเข้าใจนัก 

 

 

“ข้าต้องการพาเจ้ากลับไปในเสี้ยวเวลานั้นที่นี่ นับครั้งไม่ถ้วน จนรู้เวลาที่แม่นยำที่สุด จากนั้นใช้อีกวิญญาณหนึ่งเติมลงไป นางก็จะค่อยๆ เติบโตขึ้น ค่อยๆ กลับคืนเป็นปกติ” 

 

 

หลังจากที่เถิงอวิ๋นอธิบาย ถังเฉียนรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน 

 

 

“วิญญาณคนคนหนึ่งจะปล่อยให้เจ้าจัดวางตามใจชอบเช่นนี้หรือ” 

 

 

เถิงอวิ๋นสั่นศีรษะแล้วว่า 

 

 

“ใช่ว่าจะข่มเหงพวกเขาได้ง่ายๆ เพียงแต่เราต้องหาวิญญาณที่ค่อนข้างอ่อนแอ ทั้งต้องมีอายุใกล้เคียงกับน้องสาวเจ้า ชีวิตและประสบการณ์คล้ายกัน วิญญาณแบบนี้จึงจะประกันว่าจะเข้ากันได้ดี” 

 

 

ถังเฉียนยังไม่วางใจ จึงถามอีกว่าจะสามารถหาวิญญาณเดิมของถังเวยคืนมาได้หรือไม่ เถิงอวิ๋นสั่นศีรษะ เห็นได้ชัดเจนว่าที่พวกนั้นทำเป็นการใช้เครื่องมือวิเศษเพื่อชิงวิญญาณไป เกรงว่าเวลานี้วิญญาณนางคงถูกบดจนละเอียดในเครื่องมือวิเศษนั่น หรือถูกหลอมรวมกับวิญญาณอื่นไปแล้ว 

 

 

“หรือนี่คือเหตุผลที่เจ้าไม่ยอมช่วย” 

 

 

เนื่องจากไม่สามารถทำได้ เขาจึงต้องหาข้ออ้าง