“นี่…”
เมื่อเห็นกระบี่ยาวเล่มนั้น อู่หลิวเฟิงก็ตกตะลึงทันที ใบหน้าของเขาในตอนนี้แสดงถึงความประหลาดใจอย่างที่สุด
ในฐานะเซียนกระบี่ เขาสามารถมองเห็นถึงความผิดปกติเหนือธรรมดาของกระบี่ตรงหน้าได้ตั้งแต่แวบแรก กระบี่ที่พวกเขาส่งไปเป็นของกำนัลเพื่อแสดงความยินดีกับผู้นำเรือนเฟิงเสวี่ยก่อนหน้านี้ แม้ว่าจะทรงพลัง ทว่าด้วยน้ำหนักของมันที่มากเกินไป มันก็ยังไม่ดีพอที่จะเรียกได้ว่าเป็นกระบี่ชั้นเลิศและยังคงมีบางอย่างที่ขาดหายไปเช่นกัน
ตอนนี้เมื่อมันได้รับการปรับปรุงพัฒนาโดยฉินอวี้โม่ อู่หลิวเฟิงก็รู้สึกได้ว่าส่วนที่ขาดหายไปก่อนหน้านี้ได้รับการเติมเต็มแล้ว
บัดนี้กระบี่เล่มนี้ทั้งแหลมคมและปราดเปรียวกว่าเดิมมาก และมันมีคลื่นพลังที่แผ่ออกมาอย่างชัดเจนกว่าก่อนเช่นกัน
เมื่อเปรียบเทียบกับสิ่งที่เคยเป็นเพียงอาวุธธรรมดาก่อนหน้านี้ กระบี่ตรงหน้าเขาถือเป็นกระบี่ที่เปี่ยมไปด้วยพลังวิญญาณและมีคุณสมบัติคู่ควรที่จะเรียกว่า ‘กระบี่ชั้นเลิศ’ อย่างแท้จริง
“ผู้นำเรือนเฟิงเสวี่ยเป็นช่างหลอมที่มากฝีมือจริง ๆ การที่สามารถปรับปรุงพัฒนากระบี่ธรรมดาจนยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้ได้ หากมิใช่เพราะมันเป็นกระบี่ที่ข้าคุ้นเคย ข้าคงมิอาจจินตนาการได้เลยว่ามันจะเป็นเล่มเดียวกันกับที่เราส่งไปให้เรือนเฟิงเสวี่ยก่อนหน้านี้”
หลังจากส่ายศีรษะเบา ๆ ด้วยความตกตะลึงและจนปัญญา อู่หลิวเฟิงก็กล่าวชื่นชมฉินอวี้โม่อย่างจริงใจ ไม่แปลกใจเลยที่บุตรชายของเขาจะแสดงท่าทีและเอ่ยวาจาชื่นชมสตรีผู้นี้อย่างออกนอกหน้า นางเป็นคนที่ยอดเยี่ยมและน่าสนใจอย่างแท้จริง
“อะไรกัน ? ท่านผู้นำอู่พอใจกับกระบี่ที่ข้าปรับปรุงมาอย่างนั้นรึ?”
ฉินอวี้โม่ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยทว่าแท้จริงแล้วนางยังไม่พึงพอใจกับกระบี่เล่มนี้มากเท่าที่ควร ก่อนหน้านี้นางใช้วัสดุที่ดีจำนวนมากด้วยหวังว่าจะหลอมมันให้กลายเป็นกระบี่ที่มีจิตวิญญาณของตนเอง ทว่านางก็ต้องล้มเหลว เพราะว่าพลังของนางยังน้อยเกินไป
แม้ว่าในตอนนี้กระบี่เล่มนี้จะถือว่าเป็นอาวุธระดับวิจิตรขั้นพิภพ ทว่ามันก็ยังขาดจิตวิญญาณไปและไม่ได้พัฒนาคุณสมบัติพิเศษของตนเองขึ้นมาจึงทำให้มูลค่าของมันลดลงไปมาก
“ยิ่งกว่าพึงพอใจเสียอีก นิกายอู่ซานของเราชื่นชอบกระบี่มาเสมอและตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ เราก็ได้หลอมกระบี่ดี ๆ ออกมาเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ไม่เคยมีกระบี่เล่มใดที่จะมีพลังวิญญาณมากไปกว่ากระบี่ในมือของท่าน ผู้นำเรือนเฟิงเสวี่ยเป็นช่างหลอมมากฝีมืออย่างแท้จริง ความสามารถของท่านอยู่เหนือกว่าความคาดหมายของข้าเสียอีก”
ถึงแม้อู่หลิวเฟิงกล่าวด้วยวาจาแสดงความสุภาพ ทว่ามันก็มีความจริงปะปนอยู่เช่นกัน นิกายอู่ซานชื่นชอบและให้ความสำคัญกับกระบี่เป็นอย่างยิ่งและแน่นอนว่าพวกเขาก็มีกระบี่ที่ล้ำเลิศ ยกตัวอย่างเช่นกระบี่ในมือของอู่หลิวเฟิงที่ถือว่ามีคุณสมบัติที่ดีกว่ากระบี่ที่ปรับปรุงใหม่ในมือของฉินอวี้โม่เสียอีก
“ข้าได้ยินมาว่าผู้นำเรือนเฟิงเสวี่ยมีกระบี่ที่เบาอย่างมากซึ่งมีชื่อว่ากระบี่ปีกจักจั่น ไม่ทราบว่าข้าจะขอชมมันให้เป็นบุญตาได้รึไม่ ?”
หากกล่าวถึงกิริยาท่าทางของอู่หลิวเฟิงก่อนหน้านี้ เขาก็ยังคงมีกิริยาท่าทางที่ยกตนเหนือกว่าฉินอวี้โม่ ทว่าตอนนี้ทัศนคติเหล่านั้นแทนที่ด้วยทัศนคติของการหารือระหว่างคนระดับเดียวกันและเขาไม่กล้าวางมาดใหญ่โตอีกต่อไป
“ฮ่า ๆ ๆ แน่นอนว่าไม่มีปัญหา”
ฉินอวี้โม่หัวเราะเบา ๆ และกระบี่ปีกจักจั่นเบาบางปรากฏขึ้นกลางอากาศ
เมื่อมันปรากฏขึ้นมา กลิ่นอายของความรู้สึกเหยียดหยามที่มีต่ออู่หลิวเฟิงก็เด่นชัดจนเขาสามารถสัมผัสได้ จิตวิญญาณของกระบี่ปีกจักจั่นเล่มนี้ชัดเจนอย่างไร้ข้อกังขา
เมื่ออู่หลิวเฟิงมองเห็นการเคลื่อนไหวดั่งสิ่งมีชีวิตของกระบี่ปีกจักจั่นนี้ เขาก็หวาดหวั่นต่อฉินอวี้โม่มากยิ่งขึ้น เขาอยู่ในดินแดนเทพมายาแห่งนี้มานานและไม่เคยพบช่างหลอมที่ทรงพลังเพียงนี้มาก่อน
แม้ว่าช่างหลอมระดับปรมาจารย์จะพบได้ทั่วไป ทว่าคนเหล่านั้นก็ยังขาดสิ่งหนึ่งที่ฉินอวี้โม่มี นั่นก็คือความจริงใจ
“มันเป็นกระบี่ที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ”
อู่หลิวเฟิงยิ้มและกล่าวกับฉินอวี้โม่ด้วยแววตาชื่นชมอย่างเต็มเปี่ยม
“ฮ่า ๆ ๆ ผู้นำอู่ไม่ต้องถ่อมตนถึงเพียงนี้หรอก ข้าเชื่อว่ากระบี่ของท่านก็ไม่ธรรมดาเลย”
ฉินอวี้โม่ยิ้มบาง ๆ นางทราบข้อมูลเกี่ยวกับบุรุษตรงหน้าพอสมควร แน่นอนว่านางทราบดีว่าเขามีกระบี่ที่ดีเลิศอยู่ในมือและมันถือเป็นสมบัติล้ำค่าของนิกายอู่ซาน
หลังจากเก็บกระบี่ปีกจักจั่นของตน ฉินอวี้โม่ก็ลุกขึ้นยืนและกล่าวขึ้นเบา ๆ “ข้าทราบดีว่าวันนี้ท่านผู้นำอู่เชิญข้ามาพบเพื่ออะไร ไม่ทราบว่าหลังจากที่ได้พูดคุยกันนี้ท่านมีความคิดเห็นอย่างไร ?”
นางไม่เสแสร้งแสดงท่าทีนอบน้อมอีกต่อไปและเบื่อหน่ายกับการอ้อมค้อมไปมา ฉินอวี้โม่เป็นคนตรงไปตรงมาอยู่เสมอ แน่นอนว่านางไม่ต้องการเสียเวลาไปกับเล่ห์เหลี่ยมหรือแผนการของอีกฝ่าย
เมื่อได้ยินวาจาชัดเจนและไม่อ้อมค้อมของฉินอวี้โม่ อู่หลิวเฟิงก็ยิ้มอย่างสุภาพและกล่าวตอบ “ผู้นำเรือนเฟิงเสวี่ยพูดเรื่องอะไรเล่า ? ข้าเชิญท่านมาพบวันนี้เพียงเพื่อทักทายเท่านั้น”
ทว่าตอนนี้หัวใจของเขาก็เริ่มหวาดหวั่นและไม่แน่ใจแล้วว่าการร่วมมือกับเฝินเมี่ยเทียนจะเป็นทางเลือกที่ดีหรือไม่
ฉินอวี้โม่ผู้นี้ยากเกินหยั่งถึงอย่างแท้จริงและรับมือได้ยากยิ่งนัก หากเขาตัดสินใจเป็นปฏิปักษ์กับนาง อู่หลิวเฟิงไม่มั่นใจในชัยชนะแม้แต่น้อย
“ฮ่า ๆ ๆ ผู้นำอู่ สำหรับเรื่องบางเรื่อง อย่ามองเพียงแค่ผิวเผินเลย การผนึกกำลังของดินแดนทางเหนือจะเกิดขึ้นในไม่ช้าก็เร็ว หากท่านต้องการกลายเป็นผู้ปกครองของดินแดนทางเหนือ ท่านต้องมีพลังอำนาจและอิทธิพลในระดับหนึ่ง ไม่ว่าผู้ใดมีความคิดหรือแผนการอย่างไร การพิจารณาไตร่ตรองให้รอบคอบก่อนลงมือทำย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่า รวมถึงการพิจารณาว่าเหมาะสมกับตำแหน่งนั้นหรือไม่ มิฉะนั้น ต่อให้วันหนึ่งท่านได้ครองตำแหน่งนั้นตามที่ต้องการ ท้ายที่สุดท่านก็อาจจะถูกโค่นล้มโดยผู้ที่แข็งแกร่งกว่า”
ฉินอวี้โม่ยิ้มมุมปากและกล่าวต่อ “เอาล่ะ วันนี้ข้าจะไม่รบกวนท่านอีกต่อไป ดาบเล่มนี้ก็ถือว่าเป็นของขวัญจากที่ข้าที่มอบให้กับนิกายอู่ซาน ข้าทราบว่าผู้นำอู่เป็นคนชาญฉลาดและคงจะตัดสินใจเลือกในสิ่งที่ถูกต้อง”
หลังจากกล่าวจบ นางก็เดินนำฉินเฟิงและคนอื่น ๆ ออกไปจากคฤหาสน์ที่พักของนิกายอู่ซานอย่างไม่ลังเล และทันทีที่ก้าวออกไป นางและทุกคนก็เข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัวและหายตัวไปต่อหน้าทุกคน
“ท่านพ่อ…”
ก่อนที่อู่ถงจะได้ออกไปส่งแขก เขาก็เห็นฉินอวี้โม่และคณะเดินทางหายวับไปตรงหน้าแล้ว เขาขมวดคิ้วมุ่นทันทีและมองอู่หลิวเฟิงราวกับต้องการพูดบางอย่าง
“ถงเอ๋อร์ ไม่ต้องพูดอะไรหรอก ผู้นำเรือนเฟิงเสวี่ยไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ ยิ่งไปกว่านั้น ดูจากอายุของนางก็น่าจะยังเยาว์วัยนัก ในอนาคตเจ้าจะได้พบกับนางอีกบ่อยครั้ง”
ภายในเวลาเพียงชั่วขณะ อู่หลิวเฟิงก็วางแผนภายในใจ คำพูดทิ้งท้ายของฉินอวี้โม่เจือความข่มขู่ไม่น้อย ทว่าทั้งหมดเป็นความจริงที่มิอาจหลีกเลี่ยง แม้เขามีความคิดที่จะผนึกอำนาจของดินแดนทางเหนือ แต่ดินแดนแห่งนี้ก็ไม่ได้สงบและราบรื่นอย่างที่เห็น ไม่ว่าผู้ใดจะได้เป็นผู้ปกครองของดินแดนนี้ มันก็ยากที่จะรักษาตำแหน่งนั้นไว้อย่างมั่นคงหากปราศจากความแข็งแกร่งและพลังอำนาจที่แท้จริง
และหลังจากที่ได้สนทนากันเมื่อครู่ เขาก็สัมผัสได้ว่าฉินอวี้โม่ไม่ธรรมดาอย่างแท้จริง แม้นางจะมีพลังเพียงขอบเขตเซียนขั้นเก้า แต่นางก็ยังเป็นถึงปรมาจารย์ช่างหลอมมากฝีมือ ยิ่งไปกว่านั้น ฉินเฟิงผู้ที่แอบคุ้มกันฉินอวี้โม่อยู่อย่างเงียบ ๆ ก็มีความแข็งแกร่งที่พอ ๆ กับตัวเขา อีกทั้งยังมีซวงเสวี่ย เหมาซานและคนอื่น ๆ ที่แสดงความจงรักภักดีต่อฉินอวี้โม่อย่างชัดเจน
อู่หลิวเฟิงรู้จักซวงเสวี่ยเป็นอย่างดี การที่คนผู้นั้นแสดงท่าทีจงรักภักดีอย่างชัดเจนเช่นนั้นมิใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ง่ายเลย
การทำให้ซวงเสวี่ยและเหมาซานภักดีได้อย่างจริงใจแสดงให้เห็นว่าฉินอวี้โม่เป็นคนที่ยอดเยี่ยมและควรค่าแก่การเคารพนับถืออย่างแท้จริง
เฝินเมี่ยเทียน—ผู้นำหุบเขากรุ่นกำยานทั้งชั่วร้ายและเจ้าเล่ห์จอมแผนการ หากอู่หลิวเฟิงร่วมมือกับเขา มันก็ไม่ต่างจากการเจรจากับเสือเพื่อขอหนังเสือและมันจะนำไปสู่บทลงเอยที่ไม่ดีแน่
* 与虎谋皮 เจรจากับเสือเพื่อขอหนังเสือ เปรียบเทียบการเจรจากับคนร้าย ย่อมไม่ได้ผลประโยชน์ตามที่หวังไว้
เพราะเหตุนั้น ไม่ว่าเพื่อนิกายอู่ซานหรือเพื่อตัวเขาเอง อู่หลิวเฟิงก็มั่นใจเกี่ยวกับหนทางที่ตนเองควรเลือก
“ถงเอ๋อร์ สั่งให้ทุกคนที่คอยจับตาดูเรือนเฟิงเสวี่ยถอนกำลังกลับมาและเจ้าสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและผูกมิตรกับผู้นำเรือนเฟิงเสวี่ยได้ ข้าเชื่อว่าหลังจากนี้จะเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่กับดินแดนทางเหนือของเรา”
เขากล่าวกับบุตรชายอีกครั้งด้วยสีหน้าแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง เขาเชื่อว่าจะมีเหตุการณ์ครั้งใหญ่เกิดขึ้นในงานชุมนุมดินแดนเหนือที่กำลังจะมาถึง และดินแดนทางเหนือซึ่งเคยแบ่งแยกกันในอดีตจะเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ !
อู่ถงโล่งใจอย่างยิ่งเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาไม่ต้องการสู้กับฉินอวี้โม่ทว่าก็มิอาจขัดคำสั่งของบิดาได้เช่นกัน บัดนี้เมื่ออู่หลิวเฟิงตัดสินใจเช่นนี้ แน่นอนว่าเขาก็มีความสุขอย่างที่สุด
“ขอรับ ท่านพ่อ !”
อู่ถงพยักหน้าและหันหลังกลับเพื่อออกไปดำเนินตามคำสั่ง
อู่หลิวเฟิงมองแผ่นหลังที่จากไปอย่างรวดเร็วของบุตรชายและอดถอนหายใจไม่ได้ เขาคาดเดาความคิดของอู่ถงได้พอสมควร เพียงแต่ไม่ทราบว่ามันจะเป็นสิ่งที่ดีหรือสิ่งที่เลวร้ายสำหรับอู่ถง
แม้ว่าบุตรชายของเขาถือเป็นมังกรในหมู่ผู้คนและเป็นบุคคลที่น่าภูมิใจอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม สตรีอย่างฉินอวี้โม่ดูจะมิใช่คนที่บุตรชายของเขาจะสามารถยืนเคียงข้างกายได้
อู่หลิวเฟิงส่ายศีรษะเบา ๆ และไม่คิดเกี่ยวกับมันอีกต่อไป สำหรับเรื่องของคนหนุ่มสาว เขาจะปล่อยให้พวกเขาจัดการด้วยตัวเอง ตัวเขาก็มีอายุมากแล้วและไม่สามารถจัดการปัญหาทุกอย่างได้…
ภายในห้องพัก ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ กลับถึงโรงเตี๊ยมแล้วและไม่สนใจเรื่องเกี่ยวกับนิกายอู่ซานอีก
พวกนางเชื่อว่าอู่หลิวเฟิงชาญฉลาดและจะตัดสินใจเลือกทางที่ถูกที่ควร ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้นิกายอู่ซานร่วมมือกับหุบเขากรุ่นกำยานจริง นางและทุกคนก็ไม่หวาดหวั่นและสิ่งนั้นจะไม่ส่งผลอะไรต่อพวกนาง เพราะเหตุนั้นจึงไม่มีผู้ใดกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้
ภายในชั่วพริบตา วันของงานชุมนุมเพื่อชิงความเป็นใหญ่ในดินแดนทางเหนือก็มาถึง
ระหว่างช่วงนี้ ขุมกำลังทั้งหมดในดินแดนทางเหนือรวมถึงผู้นำขุมกำลังทั้งหมดล้วนปรากฏตัวในเมืองฉางอานแล้ว
เมืองฉางอานในวันนี้ก็คึกคักและมีชีวิตชีวาเป็นพิเศษ
โรงเตี๊ยมที่ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ พักอยู่เต็มไปด้วยแขกผู้พักอาศัย อีกทั้งยังมีผู้คนแวะเวียนเข้าออกอย่างต่อเนื่องในทุกวันซึ่งเป็นบรรยากาศที่คึกคักอย่างยิ่ง
“ท่านผู้นำ สายลับจากนิกายเพลิงแดงเดือดและนิกายอู่ซานที่คอยจับตาดูพวกเราได้ถอนกำลังกลับไปหมดแล้ว และตอนนี้ไม่มีใครจับตาดูหรือตามสะกดรอยเราอีกต่อไป”
ซวงเสวี่ยได้รับข่าวจากสำนักงานใหญ่ของเรือนเฟิงเสวี่ยและแจ้งให้ฉินอวี้โม่ทราบพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า
“ฮ่า ๆ ๆ พวกเขาฉลาดอย่างที่คิดไว้”
ฉินอวี้โม่หัวเราะเบา ๆ เวลานี้ทัศนคติของนิกายเพลิงแดงเดือดและนิกายอู่ซานประจักษ์ชัดเจนแล้ว
“ตอนนี้คู่ต่อสู้สำคัญของเราคือหุบเขากรุ่นกำยาน ตราบใดที่เราจัดการพวกเขาในงานชุมนุมดินแดนเหนือนี้ เรือนเฟิงเสวี่ยของเราก็จะทะยานขึ้นไปสู่ความรุ่งเรืองได้”
เหมาซานยิ้มด้วยท่าทางตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาตั้งตารอวันนี้มานานยิ่งนัก
“อย่าประมาทไป งานนี้มีขุมกำลังมากมายและพวกเขาไม่ธรรมดาอย่างที่เห็น ข้าเชื่อว่าจะต้องมีหลายขุมกำลังที่ปกปิดความแข็งแกร่งที่แท้จริงไว้ หากยังไม่ทราบกฎเกณฑ์ของงานชุมนุม เราจะวางใจไม่ได้”
ฉินเฟิงกล่าวย้ำเตือนทุกคนมิให้วางใจจนเกินไป
ในอดีตที่ผ่านมา กฎเกณฑ์ของงานชุมนุมดินแดนทางเหนือมักจะแตกต่างกันออกไป กฎของงานครานี้ก็ยังไม่ได้รับการเปิดเผยและก็ยังไม่มีใครล่วงรู้ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ดินแดนทางเหนือก็มิใช่สถานที่เล็ก ๆ และมันกว้างใหญ่กว่าดินแดนอ้างว้างก่อนหน้านี้หลายเท่าตัวนัก หากกล่าวว่าไม่มีขุมกำลังใดที่ทรงพลังและปิดบังความแข็งแกร่งที่แท้จริงไว้ ฉินเฟิงก็ไม่เชื่ออย่างแน่นอน
ทุกคนพยักศีรษะและตระหนักว่าวาจาของเขาสมเหตุสมผลอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตาม พวกเขาทั้งหมดเตรียมความพร้อมไว้แล้ว ระหว่างช่วงที่ผ่านมานี้ ฉินอวี้โม่ก็ได้เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับพวกเขาเป็นอย่างมาก ในงานชุมนุมดินแดนเหนือครานี้ พวกเขาจะได้โอกาสแสดงฝีมือให้ทุกคนได้เห็น
“อีกอย่าง… ท่านทราบรึไม่ว่าใครเป็นกรรมการตัดสินในครานี้ ?”
ฉินอวี้โม่ยิ้มและเอ่ยถามด้วยความสนใจ นางรู้สึกมาตลอดว่าจะได้พบคนคุ้นเคยในงานชุมนุมดินแดนเหนือครานี้
“ฮ่า ๆ ๆ จะว่าไปแล้ว ผู้ที่ทำหน้าที่ตัดสินในครานี้ก็น่าสนใจมากทีเดียว”
ซวงเสวี่ยเผยรอยยิ้มบนใบหน้า เขาได้สืบเรื่องนี้มาแล้วและกำลังจะกล่าวแนะนำออกมา
.