EG บทที่ 712 บ้างก็หัวเราะ บ้างก็ร้องไห้ 2

 

ตอนนี้เป็นเวลากลางคืนในโตเกียวและฮ่องกง และเป็นเวลาเช้าในสหรัฐอเมริกา ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาเปิดทำการซื้อขายแล้ว

 

เมื่อวานนี้หลังจากหุ้นของบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ลดลง แต่หุ้นก็ปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยก่อนที่ตลาดปิด แต่พอตลาดเปิดในวันนี้ ราคาหุ้นก็ยังคงลดลงเหมือนเดิม ซึ่งยากที่จะควบคุมไม่ให้เกิดการขายอันเนื่องมาจากการตื่นตระหนกได้

 

นักลงทุนสหรัฐอเมริกาที่ซื้อหุ้นของบริษัทพวกนี้ก็เริ่มขายหุ้นทิ้งเช่นกัน แต่เมื่อวานสายเกินไปแล้วและไม่ได้จัดการขายหุ้นก่อนที่ตลาดจะปิด ดังนั้นเมื่อตลาดเปิดในวันนี้ พวกเขาเริ่มขายหุ้นทิ้ง พวกเขาต้องการหยุดการขาดทุนให้ได้มากที่สุด แต่ถ้าพวกเขาซื้อหุ้นพวกนี้เมื่อสองสัปดาห์ก่อน พวกเขาจะไม่ขาดทุน

 

บริษัทต่างๆ พยายามอย่างดีที่สุดเพื่อรักษาเสถียรภาพของหุ้น และเริ่มปั๊มเงินทุนจำนวนมากเพื่อผลักดันราคาหุ้น นักเก็งกำไรและนักลงทุนรายย่อยบางรายก็เข้าสู่ตลาดเช่นกัน พวกเขาต้องการซื้อหุ้นพวกนี้ในราคาต่ำและหวังว่าจะทำกำไรได้สูง ขนาดรัฐบาลญี่ปุ่นก็มีส่วนร่วมในการช่วยดึงราคาหุ้น แต่ตอนนี้หุ้นของบริษัท เคมีพวกนั้นก็เริ่มดิ่งลงเช่นกัน

 

เหตุการณ์นี้เหมือนกับเมื่อวานเด๊ะ มีการขายหุ้นทิ้งจำนวนมากและไม่มีสัญญาณเตือนใดๆ

 

ในตอนแรก หลายคนกำลังเฉลิมฉลอง หุ้นของบริษัทพวกนี้มีศักยภาพและหลายคนก็กำลังรอโอกาสที่จะเป็นเจ้าของ ตอนนี้มีหุ้นจำนวนมากในตลาดและทุกคนก็รีบซื้อ

 

แต่ในไม่ช้าพวกเขาก็ตระหนักว่าราคาหุ้นพวกนี้เริ่มลดลง ซึ่งลดลงเร็วกว่าเมื่อวานอีก ทุกคนสับสนไปหมดกับสถานการณ์นี้

 

แม้แต่วอร์เรน บัฟเฟตต์ก็ยังงง ทำไมคนจำนวนมากถึงขายหุ้นของบริษัทพวกนี้ทิ้ง เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับหุ้นของบริษัทอิเล็กทรอนิกส์พวกนั้นหรือเปล่า?

 

หลังจากการตรวจสอบแล้ว เขาพบว่าคนที่ขายหุ้นพวกนั้นทิ้งมาจากฮ่องกงและมาเก๊า คนพวกนี้เป็นคนพวกเดียวกันกับเมื่อวานหรอ?

 

ถ้าจะบอกว่าคนพวกนี้ควบคุมตลาด ก็คงเป็นไปไม่ได้ ราคาหุ้นของบริษัทพวกนี้เพิ่มขึ้นก็เพราะว่าผู้ถือหุ้นของบริษัท คนกลุ่มนี้แค่ซื้อหุ้นเท่านั้นและไม่ได้ทำอะไรเลย!

 

วอร์เรน บัฟเฟตต์ขมวดคิ้ว คนพวกนี้รู้ว่าหุ้นของบริษัทจะเพิ่มขึ้นและร่วมมือกันซื้อหุ้นด้วยกันงั้นหรอ? แต่ทำไมพวกเขาขายหุ้นทิ้งทั้งหมดในคราวเดียวล่ะ? พวกเขาน่าจะค่อยๆ ขายหุ้นทิ้งทีละนิดไม่ใช่หรอ? แบบนั้นน่าจะเป็นวิธีที่ถูกต้องและราคาหุ้นก็ยังคงมีเสถียรภาพอยู่ และพวกเขาจะทำกำไรได้มากกว่า

กำไรของพวกเขาจะลดลงเมื่อพวกเขาขายหุ้นทิ้งจำนวนมากในครั้งเดียว นอกเสียจากว่าพวกเขาทำสิ่งนี้โดยเจตนา ว่าแต่มันมีเบื้องหลังอะไรอีก? พวกเขาจะซื้อหุ้นพวกนั้นกลับคืนอีกหรอ? แต่นั่นจะถือว่าเป็นการควบคุมตลาด!

 

แต่วอร์เรน บัฟเฟตต์ไม่รู้ว่ามันไม่ใช่เพราะคนพวกนี้ต้องการให้ราคาหุ้นลดลง แต่เป็นเพราะคนพวกนี้ไม่เข้าใจตลาดเป็นอย่างดี พวกเขาต้องการถอนเงินสดออกอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม พวกเขาได้เงินมาเพียงพอแล้ว ตราบใดที่มีการขายหุ้นอยู่ พวกเขาก็จะทำกำไรได้

 

แม้ว่าโบรกเกอร์ของพวกเขาจะบอกว่านี่ไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง แต่คนพวกนี้ก็ไม่ฟังา พวกเขารู้แค่ว่าใครก็ตามที่ขายหุ้นทิ้ก่อนจะทำกำไรได้มากที่สุด!

 

เมื่อเฝิงหยู่รู้สถานการณ์นี้ เขาก็พูดไม่ออก เขายังคงต้องนำคนพวกนี้ไปต่อสู้กับนักเก็งกำไรต่างประเทศในอีก 2 ปีข้างหน้า หากคนพวกนี้หายไปในช่วงเวลาสำคัญ เขาและตระกูลฟู่จะติดกับอยู่ในตลาด

 

เฝิงหยู่ไม่เคยได้ยินเรื่องราวของคนพวกนี้ที่มีวิสัยทัศน์ไม่กว้างไกลมาก่อนเมื่อชาติที่แล้วของเขา เป็นเพราะว่ารัฐบาลจีนอัดฉีดเงินจำนวนมากเข้าไปในตลาดงั้นหรอ?

 

ฟู่หยงฉีรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะควบคุมคนพวกนี้และนี่คือเหตุผลที่เขาบอกให้เฝิงหยู่ขายหุ้นทิ้งโดยเร็วที่สุด แต่เขาไม่คิดว่าคนพวกนั้นจะเร็วกว่าพวกเขาเสียอีก

 

คนพวกนั้นทำกำไรได้มากกว่าตระกูลฟู่และเฝิงหยู่ แต่เฝิงหยู่ไม่สนใจ สิ่งนี้อาจเพิ่มความไว้วางใจของคนพวกนี้ และพวกเขาอาจทำตามคำแนะนำของเขาในอนาคต

 

ทุกคนช่วยเพิ่มราคาของหุ้นพวกนั้น หากไม่ได้พวกเขามาร่วมในการดำเนินการครั้งนี้ ราคาหุ้นพวกนั้นก็จะลดลงไปอีก

 

แต่นี่ก็เป็นเรื่องดีเช่นกัน บริษัทญี่ปุ่นพวกนั้นจะประสบปัญหาอีกครั้ง นี่คือสิ่งที่เฝิงหยู่ต้องการ ความผิดพลาดครั้งก่อนทำให้บริษัทพวกนั้นเสียหายอย่างหนักและส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่นทั้งหมด

 

เรื่องเดิมเกิดขึ้นอีกครั้งและเศรษฐกิจของญี่ปุ่นก็ประสบกับปัญหาอีกครั้ง แม้ว่าจะไม่รุนแรงเท่าปีก่อน แต่บางบริษัทก็ล้มละลาย บางทีอาจจะกระตุ้นให้เกิดการฆ่าตัวตายอีกรอบก็ได้

 

มีสถิติที่แสดงให้เห็นว่าคนญี่ปุ่นมีอัตราการฆ่าตัวตายสูงสุดและมีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกปี

 

บริษัทพวกนั้นจะใช้เงินทุนส่วนใหญ่เพื่อสร้างเสถียรภาพให้แก่หุ้นและจะไม่มีเงินทุนเพิ่มเติมสำหรับการวิจัยและพัฒนา ซึ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ดีสำหรับการพัฒนาบริษัทเฟิงหยู่อิเล็กทรอนิกส์

 

แค่เรื่องนี้เพียงเรื่องเดียว เฝิงหยู่ก็ไม่ขาดทุนแล้ว ผลตอบแทนที่ได้รับจากความก้าวหน้าในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภคนั้นสูงมาก

 

เมื่อตลาดปิดทำการ หุ้นของบริษัทเคมีพวกนั้นก็ตกลงฮวบฮาบและทำให้หน่วยงานกำกับดูแลในสหรัฐอเมริกาเริ่มให้ความสนใจ หลังจากการตรวจสอบแล้ว พวกเขาก็รู้ว่านี่คือการดำเนินการร่วมกัน

 

แต่สิ่งที่พวกเขาทำนั้นไม่ใช่การควบคุมหุ้นพวกนั้น ไม่กี่คนที่ขายหุ้นของพวกเขาทิ้งก่อนนั้นกำลังจะขายหุ้นเพื่อประโยชน์ของตัวเอง พวกเขาไม่ได้พยายามเพิ่มผลกำไรให้ได้มากที่สุด

 

แต่ทำไมนักลงทุนพวกนี้ถึงทำแบบนี้? พวกเขาไม่ได้มีปัญหากับบริษัทพวกนั้นซักหน่อย

 

ในไม่ช้าหน่วยงานของสหรัฐก็รู้ว่านักลงทุนพวกนี้มาจากฮ่องกงและมาเก๊า เป็นไปได้มั้ยว่านักธุรกิจร่ำรวยและมีอำนาจพวกนั้นจะร่วมมือกัน? ฮ่องกงมีสัดส่วนของนักธุรกิจร่ำรวยและมีอำนาจมากที่สุดในโลก

 

ไม่กี่วันต่อมา เฝิงหยู่และตระกูลฟู่ก็ขายหุ้นที่เหลือของบริษัทพวกนั้น ฟู่หยงฉีลงทุนเงินของเขากลับคืนสู่ตลาดซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ส่วนเฝิงหยู่ก็เข้าซื้อหุ้นไมโครซอฟท์และบริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ ต่อ

 

ตอนนี้กฎของเฝิงหยู่คือถ้าไม่มีอะไรจะซื้อ ก็ให้ซื้อไมโครซอฟท์ อย่างไรก็ตาม ไมโครซอฟท์จะบินทะยานขึ้นสูงในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ เขาจะสามารถทำเงินได้แม้จะนอนเฉยๆ อยู่ก็ตาม

……

 

หุ้นของบริษัทญี่ปุ่นลดลงมากกว่า 20% อย่างน้อยการลดลงของหุ้นของพวกเขาก็หยุดลง และพวกเขาก็โล่งใจมาก วอร์เรน บัฟเฟตต์ไม่ได้ขายหุ้นของเขาทิ้ง เขาคุ้นเคยกับการลงทุนระยะยาวและรู้ว่าสุดท้ายแล้วหุ้นพวกนี้ก็จะเพิ่มขึ้นอีก

 

นักลงทุนหลายคนเห็นวอร์เรน บัฟเฟตต์ยังคงถือหุ้นของบริษัทพวกนั้นอยู่ พวกเขาก็กลับมามีความมั่นใจอีกครั้ง พวกเขาหยุดขายหุ้นด้วย และบางคนก็ใช้โอกาสนี้ในการซื้อหุ้นเพิ่ม

 

คนพวกนี้แหละที่ช่วยให้เฝิงหยู่และคนอื่นๆ ออกจากตลาด เฝิงหยู่ไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลย พวกเขาควรขอบคุณวอร์เรน บัฟเฟตต์จริงๆ

 

บริษัทญี่ปุ่นพวกนั้นควรขอบคุณวอร์เรน บัฟเฟตต์ด้วยเช่นกัน หากวอร์เรนไม่ได้ถือหุ้นของพวกเขาเอาไว้และช่วยเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนกลับคืนมา หุ้นก็จะลดลงไปอีก!

 

ตระกูลฟู่ทำกำไรได้มากที่สุดในการลงทุนครั้งนี้ ตามมาด้วยเฝิงหยู่ แต่ถ้าหากคำนวณตามรายบุคคล เฝิงหยู่ก็ทำเงินได้มากที่สุด นักธุรกิจร่ำรวยและมีอำนาจมากหลายคนคิดว่าพวกเขาได้รับผลตอบแทนสูง แต่เมื่อเทียบกับเฝิงหยู่แล้ว พวกเขาก็ยังห่างชั้นอีกเยอะ

 

คิริเลนโกซึ่งอยู่ในมอสโกโทรหาเฝิงหยู่เพื่อขอบคุณเขา เขาก็ร่วมลงทุนเงินจำนวนมากในการดำเนินการครั้งนี้ด้วยเหมือนกันและทำกำไรได้มากด้วย…….