ตอนที่ 644 รีบหาที่ตาย
ผู้อาวุโสเฉินทำหลายสิ่งหลายอย่างเพื่อครอบครัวมาตลอดตั้งแต่เขายังเป็นหนุ่ม เป็นเพราะเขาที่ทำให้ตระกูลเฉินมีอำนาจและความนับหน้าถือตาอย่างเช่นทุกวันนี้ แม้แต่ลูกสาวคนโตของเขายังทำดีที่สุดเพื่อสืบทอดตำนานอันรุ่งโรจน์ของครอบครัว
อนิจจา ทั้งหมดนั้นกับสูญเปล่าเมื่อตกมาอยู่ในมือของถงเยียน ในโลกนี้มีผู้ชายมากมายแต่เธอกลับเลือกไปตกหลุมรักคนไร้หัวใจจากครอบครัวหลิน ถ้าหากมันเป็นเพียงแค่ความรักชั่วครู่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งแต่หญิงสาวกลับเลือกที่จะยอมมอบชีวิตทั้งชีวิตให้กับผู้ชายคนนั้น
เธออ่อนต่อโลกจริงจนคิดได้เพียงแค่ว่าเธอจะยังคงเป็นที่รักเหมือนอย่างเช่นที่เป็นอยู่ทุกวันนี้หลังจากเธอแต่งงานไปแล้วอย่างนั้นหรือ
คงใช้เวลาไม่นานก่อนที่ฝูงหมาป่าจากตระกูลหลินจะหันมารุมขย้ำเธอ
พวกนั้นอาจปั้นหน้ายิ้มแย้มเมื่ออยู่กับเธอตอนนี้เพราะอิทธิพลของตระกูลเฉินและตระกูลถง แต่เมื่อผู้อาวุโสเฉินจากไปและตำแหน่งประธานาธิบดีเปลี่ยนมือแล้วละก็ ชะตากรรมของเธอจะเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
อีกด้านหนึ่ง ตระกูลถงนั้น…
ต่างจากตระกูลเฉิน ตระกูลถงนั้นมีความสุขด้วยจำนวนลูกหลานมากมาย ถงเยียนอาจเป็นคุณหนูของบ้านในตอนนี้ แต่ในวัฒนธรรมของจีน ลูกสาวที่แต่งงานไปแล้วจะไม่ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของบ้านนั้นอีกต่อไป
หลังจากแต่งงาน ถงเยียนจะกลายเป็นคนของตระกูลหลิน ดังนั้นตระกูลถงจะไม่เสียเวลากับเธออีกต่อไปและไม่ทำลายความคาดหวังของคนของตัวเองด้วยการไปช่วยตระกูลหลิน หลังเวลาผ่านไปสักพัก พวกเขาอาจจะถึงขนาดลืมการมีตัวตนอยู่ของถงเยียนไปเลยก็ได้
ดังนั้นการเคลื่อนไหวครั้งล่าสุดของถงเยียนไม่เพียงแต่จะทำร้ายตัวเธอเอง แต่ยังทำร้ายคนทั้งตระกูลเฉินอีกด้วย!
แต่กระนั้นก็ยังพอมีด้านดีอยู่บ้างเช่นกัน แต่มันเป็นประโยชน์แต่กับตระกูลหลิน เพราะถงเยียนแทบจะขายตัวเองและตระกูลเฉินเพื่อช่วยให้ตระกูลหลินบรรลุเป้าหมายของพวกเขา!
ยิ่งไปกว่านั้น เดิมทีถงเยียนอยู่ข้างผู้ชนะ เธอสามารถอยู่ข้างสนามและเฝ้ามองการพังพินาศของตระกูลหลินแต่ตอนนี้เธอกลับเต็มใจที่จะยอมรับความโกรธเคืองของตระกูลสี เธอสามารถใช้ชีวิตอย่างสุขสงบแต่เธอกลับเจตนาเลือกเส้นทางแห่งความพินาศ ดังนั้นถงเยียนไม่เพียงแต่ทำร้ายตัวเองและครอบครัวของเธอแล้ว เธออาจจะไม่เหลืออะไรเลยด้วยซ้ำ…
ผู้อาวุโสสีไมได้รู้สึกเวทนาถงเยียน แต่เขารู้สึกสงสารผู้อาวุโสเฉิน
…
เมื่อกลับมาถึงบ้าน ผู้อาวุโสสีถอนหายใจเฮือกใหญ่ขณะอธิบายถึงสถานการณ์ทุกอย่าง เขารู้สึกสลดใจต่อสิ่งที่ผู้อาวุโสเฉินต้องเผชิญ
“ตาแก่นั่นเป็นคนที่ควรได้รับการเคารพ แต่ชีวิตการทำงานของเขากำลังจะสูญเปล่าเพราะข้อบกพร่องที่ชื่อว่าถงเยียน เด็กคนนั้นกำลังจะทำลายตระกูลเฉินทั้งตระกูลด้วยมือของตัวเอง” ผู้อาวุโสสีคร่ำครวญ
มู่ไป๋ไม่มีเวลามาสนใจเรื่องความเป็นอยู่ของครอบครัวอื่น โดยเฉพาะคนที่ครั้งหนึ่งเคยวางแผนการชั่วร้ายกับชีวิตของซิงเหอ
“พูดอีกแง่คือตระกูลเฉินยังคงไม่พอใจตระกูลหลินอยู่มากใช่ไหมครับ พวกเขาไมได้อยากจะยอมรับการหมั้นในครั้งนี้ใช่ไหม” มู่ไป๋ไล่เรียง
ผู้อาวุโสสีพยักหน้า “ถูกต้อง ถึงแม้ถงเยียนและหลินเซวียนจะได้เสียกันแล้วแต่ตาแก่เฉินก็ไม่ได้อยากจะยอมรับ แต่เฉินหรูยืนกรานให้เขาตอบตกลง ในเมื่อเฉินหรูและถงเยียนยอมรับเรื่องนี้ แล้วตาแก่อย่างเขาจะทำอะไรได้”
“ต้องมีอะไรผิดปกติกับเฉินหรูแน่นอน” ซิงเหอตั้งข้อสังเกต “เธอรู้ดีว่าการแต่งงานเข้าตระกูลหลินของถงเยียนจะทำลายชีวิตลูกสาวของตัวเองแต่เธอดูไม่กังวลเรื่องนี้เลยสักนิด ดังนั้นมันต้องมีความลับที่น่าอัปยศบางอย่างระหว่างเธอกับตระกูลหลินอยู่แน่ๆ”
“ความลับแบบไหนกัน” ผู้อาวุโสสีเอ่ยถามอย่างลอยๆ
ซิงเหอตอบ “นั่นยังคงเป็นปริศนา แต่ถึงยังไงมันจะต้องถูกเปิดเผยในที่สุด พวกเขากำลังจะจัดงานหมั้นใช่ไหมคะ เราควรจะไปร่วมงานเพื่อสอดแนมดูสักหน่อย”
มู่ไป๋ยิ้ม “ผมก็รู้สึกแบบเดียวกัน ดูเหมือนเราจะต้องเตรียมตัวสำหรับการปรากฏตัวครั้งใหญ่เสียหน่อย งานหมั้นครั้งนี้พลาดไม่ได้”
ซิงเหอยิ้มกลับ “แน่นอน เพราะงานนี้อาจจะเป็นงานที่ช่วยเร่งความตายให้พวกนั้นก็ได้”
“ถ้าอย่างนั้นคุณสนใจจะเป็นคู่ควงของผมไหมครับ” มู่ไป๋เอ่ยถามพร้อมรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม
ตอนที่ 645 งานหมั้น
ผู้อาวุโสสีหัวเราะอย่างมีความสุขเมื่อเห็นการเย้าแหย่ของมู่ไป๋และซิงเหอ เขายินดีเป็นอย่างมาก แม้ว่าการล้างแค้นของตระกูลสีจะไม่บรรลุเป้าหมาย แต่เขาก็ยังมองเห็นความหวังสำหรับอนาคตของตระกูลสี
เมื่อเทียบกับถงเยียนแล้ว ซิงเหอนั้นเฉลียวฉลาดและนำแต่ความโชคดีมาให้แก่ตระกูลสี เขาเชื่อมั่นว่าถ้าซิงเหอแต่งงานกับมู่ไป๋อีกครั้ง ชีวิตของพวกเขาจะมีแต่ดีขึ้นเพราะพวกเขาอยู่ระดับเดียวกันและจะช่วยเกื้อหนุนให้อีกฝ่ายเติบโตขึ้นไปเรื่อยๆ
ทันใดนั้นผู้อาวุโสรู้สึกอยากจะอวดผู้อาวุโสเฉิน ผู้อาวุโสเฉินนั้นพูดผิด ไม่เพียงแต่เขาจะมีบรรดาหลานชายที่เพียบพร้อมเท่านั้น หลานสะใภ้ของเขาก็ยังเป็นที่สุดของที่สุดอีกด้วย!
ผู้อาวุโสเฉินคงได้โกรธจนไอเป็นเลือดแน่หากรู้ว่าเขากำลังคิดเช่นนี้อยู่…
…
เพื่อเป็นการแสดงความจริงใจ ตระกูลหลินช่วยถงเยียนและหลินเซวียนด้วยการเป็นเจ้าภาพในการจัดงานหมั้นอย่างรวดเร็ว ผู้ทรงอิทธิพลทุกคนถูกเชิญมาร่วมในงานร่วมถึงตระกูลสีด้วย ตระกูลหลินจำเป็นต้องเชิญพวกเขาเพราะการไว้หน้าเป็นสิ่งที่สำคัญในสังคมชาวจีน
ตระกูลสีเองก็ตอบรับคำเชิญพร้อมกับสายตาอยากรู้อยากเห็น แต่ถึงกระนั้นผู้อาวุโสสีไม่ได้เป็นผู้เข้าร่วม มีเพียงซิงเหอและมู่ไป๋ที่เข้าร่วมงาน
เมื่อพวกเขาทั้งสองคนเดินทางมาถึง พวกเขารู้อยู่แล้วว่าจะต้องมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าของสมาชิกตระกูลหลินแต่แฝงไปด้วยความไม่จริงใจ ตระกูลสีของพวกแกไม่ใช่เหรอที่วางแผนจะทำลายตระกูลหลินของพวกเรา? ขอโทษทีนะเพราะไม่ใช่แค่พวกเราจะรอดจากการโจมตีของพวกแกได้แล้วพวกเรายังอยู่ในช่วงขาขึ้นอีกครั้งด้วย ดังนั้นแผนการของพวกแกได้ล้มเหลวไปแล้วและในอนาคตคงบอกได้ยากว่าตระกูลไหนกันแน่ที่จะพังพินาศ!
ตระกูลหลินมั่นใจว่างานหมั้นในครั้งนี้จะเปลี่ยนชะตากรรมของพวกเขาไปอีกด้านหนึ่ง แผนของพวกเขากลับมาสู่ทางเดิมและพวกเขาจะได้โลกมาไว้ใต้การครอบครองในไม่ช้า!
เมื่อถึงเวลานั้น พวกเขาจะบดขยี้ตระกูลสีให้เป็นผุยผง ดังนั้นทัศนคติของพวกเขาที่มีต่อซิงเหอและมู่ไป๋นั้นเต็มไปด้วยความหยิ่งยโส เกือบทุกคนที่เข้ามาทักท้ายพวกเขานั้นเข้ามาเพื่อโอ้อวด
ผู้อาวุโสหลินถามด้วยน้ำเสียงโอ้อวด “ทำไมท่านสีถึงไม่มาล่ะ ฉันคิดว่าเขาจะเสียอีก เขาแก่เกินกว่าจะมาร่วมงานมงคลแล้วงั้นหรือ”
มู่ไป๋จับใจความคำพูดที่เหน็บแนมนั้นได้ อีกฝ่ายกำลังบอกใบ้ว่าที่ผู้อาวุโสสีไม่มาร่วมงานเพราะเขาอับอายเกินกว่าจะมาโชว์หน้าของเขาหลังจากที่ตระกูลสีได้รับความพ่ายแพ้
มู่ไป๋ตอบกลับด้วยรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความหมาย “คุณปู่บอกว่าท่านไม่ต้องเสียเวลาให้กับการแสดงที่ไร้ประโยชน์แบบนี้เพราะบอกไม่ได้ว่าการแต่งงานจะลงเอยด้วยดีหรือเปล่าน่ะครับ”
ผู้อาวุโสหลินเองก็จับใจความได้เช่นกัน มู่ไป๋กำลังถากถางวัตถุประสงค์ของงานหมั้นในครั้งนี้ว่าทั้งหมดอาจเป็นเพียงการแสดงที่เปล่าประโยชน์ก็ได้
สายตาที่ผ่านการคิดคำนวณของผู้อาวุโสหลินส่องประกายและกล่าวว่า “เขาพูดถูกนะ ไม่มีใครบอกได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต แต่ถึงอย่างนั้น บางสิ่งก็ได้ถูกกำหนดไว้บนฟ้าแล้ว ดังนั้นบางคนก็ควรที่จะเลิกดิ้นรนแล้วยอมแพ้ได้แล้ว”
มู่ไป๋ยิ้มมุมปาก “น่าสนใจดีนะครับที่ท่านผู้อาวุโสหลินคิดแบบเดียวกับผม คนบางคนควรที่จะยอมแพ้ได้เสียที”
ผู้อาวุโสหลินหัวเราะลั่น “งั้นเราจะได้เห็นกันว่าสิ่งที่เราคาดการณ์ไว้นั้นจะถูกต้องหรือไม่ แต่ฉันหวังว่าเจ้าจะดูแลร่างกายของตัวเองให้ดีเสียก่อน ไม่งั้นฉันกลัวว่าเจ้าอาจจะไม่รอดอยู่จนถึงวันที่จะได้เห็นผลลัพธ์พวกนั้น”
มู่ไป๋โต้กลับ “ขอบคุณที่เป็นห่วงนะครับ แต่ท้ายที่สุดผมก็ยังหนุ่ม ร่างกายนี้จะยังอยู่กับผมไปอีกหลายสิบปี ถ้ายังไงแล้วผมรู้สึกเป็นกังวลกับสภาพร่างกายของท่านผู้อาวุโสหลินมากกว่า”
“อย่างนั้นรึ งั้นเราจะได้เห็นกันว่าใครจะอยู่ได้นานกว่ากัน” ผู้อาวุโสหลินหยุดยิ้มและเดินจากไป
แววตาของมู่ไปเยือกเย็นและไม่สามารถคาดเดาได้