บทที่ 621 ขอความช่วยเหลือ

Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน

บทที่ 621 ขอความช่วยเหลือ

 

หลังจากที่ได้ใช้เวลาสองสามชั่วโมงในการปรุงยาแล้ว หวังซูเหรินก็พลันลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “ข้าต้องการคําแนะนําจากท่านอาจารย์ ข้าจักกลับมาในภายหลัง”

 

หลังจากที่ประกาศเหตุผลที่จะต้องไปแล้ว เธอก็รีบไปเคาะประตูห้องของเธอเองทันที

 

“เข้ามาข้างใน” เสียงของซูหยางดังขึ้นในสองสามอึดใจให้หลัง

 

จากนั้นหวังซูเหรินก็เข้าไปในห้องและปิดประตูตามหลัง

 

“เรามารีบทําอย่างนั้นกันก่อนที่พวกเขาจะสงสัย” หวังชูเหรินพูดในขณะที่เธอเริ่มถอดเสื้อผ้า

 

“เจ้าจักกลัวอะไรเช่นนั้น เจ้ากังวลว่าพวกเขาอาจจะหยุดเคารพเจ้าหรืออะไรทํานองนั้นรี” ซูหยางเลิกคิ้ว

 

“มิใช่เช่นนั้น ท่านอาจจะยังมเข้าใจเพราะว่าเจ้านั้นมาจากสํานักที่ฝึกวิชาคู่ แต่สําหรับยุทธภพโดยปกติแล้ว การมีความสัมพันธ์กันระหว่างอาจารย์กับศิษย์นั้นเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจ” เธออธิบายถึงความกังวลของเธอกับเขา

 

“อา ข้าเข้าใจแล้ว” ซูหยางพยักหน้าหลังจากที่ได้ยินคําพูดของเธง

 

“แต่เพียงเพราะว่ามันน่ารังเกียจก็มิได้หมายความว่ามันผิดศีลธรรมหรือมิอาจที่จะยอมรับได้ ข้าได้ทําหลายสิ่งหลายอย่างที่ผู้คนมิได้ยอมรับไปจนถึงสิ่งที่ทําให้คนเกลียดข้าจนถึงแก่น แต่ข้าก็มิได้สนใจในความคิดเห็นของคนเหล่านั้นและก็ยังทําทุกสิ่งตามที่ข้าต้องการ” ซูหยางยักไหล่

 

“อะไรกันแน่ที่ท่านทํา” เป็นตาของหวังซูเหงินที่ต้องเลิกคิ้ว สายตาของเธอเต็มไปด้วยความสนใจ

 

“สิ่งต่างๆที่ข้าได้ทํามาเป็นเวลาหลายปี ก็คือการร่วมฝึกกับสาวสวย” เขาตอบอย่างใจเย็น

 

“เอ๋ ทําไมคนจึงเกลียดท่านกับการทําอะไรเช่นนั้น”

 

“เจ้ามเข้าใจเพราะว่าเจ้ามิเคยอยู่ในสถานที่แบบนั้น แต่ที่นั่นมีหญิงที่คนมากมายถือว่า ศักดิ์สิทธิ์และมิควรจะไปทําให้แปดเปื้อน แน่นอนว่าในเมื่อข้าเป็นคนที่เกลียดการที่มีคนบอกว่า ต้องทําและไม่ทําอะไร ข้าเข้าไปหาและร่วมฝึกกับหญิงเหล่านั้นซึ่งเป็นต้นเหตุของความชั่วร้าย”

 

“ทําไมข้ามประหลาดใจเลย…” หวังซูเหรินกล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม

 

“ข้าเป็นคนขี้หึงมากกว่าที่เจ้าคิด ชูเหริน ย้อนกลับไปเมื่อวันนั้น เมื่อตอนที่ข้าเห็นสาวสวยคนใดที่ยังมีมีใครเด็ดดม ข้าก็จักทํางานในทันทีและทําให้เธอกลายเป็นของข้า ส่วนสําหรับผู้ที่มีคู่ครองแล้วนั้นถ้าพวกเขามิถือ ข้าก็มิเกี่ยงเช่นเดียวกัน”

 

หวังซูเหรินพูดไม่ออก เมื่อฟังดูเหมือนว่าไม่มีหญิงคนไหนปลอดภัยภายใต้ฟากฟ้านี้หากว่ามีเขาอยู่ใกล้ๆ

 

“ช่างมันเถอะ มาที่นี่สิ เจ้าจักเป็นหวัดถ้าเจ้ายังคงยืนเปลือยอยู่ที่นั่น” ซูหยางกล่าวพร้อมรอยยิ้ม

 

สองสามอึดใจให้หลัง ซูหยางก็สอดใส่แท่งแกร่งของเขาเข้าไปในร่องหลืบของเธอและเริ่มกระแทกกระทั้นเธออย่างรุนแรง

 

“ไม่มีปัญหากับการปล่อยเสียงของเจ้าออกมา ข้าได้ล้อมห้องนี้ไว้ด้วยค่ายกลกั้นเสียงเรียบร้อยแล้ว” ซูหยางกล่าวกับเธอหลังจากที่เห็นว่าเธอนั้นพยายามยับยั้งเสียงของตัวเองไว้อย่างเต็มที่

 

อาาาาา

 

หวังซูเหรินพลันครางออกมาเสียงดังหลังจากที่ได้ยินคําพูดของเขา

 

และแม้ว่าเธอจะกังวลในเรื่องเวลาในตอนแรก แต่เมื่อซูหยางได้เริ่มสัมผัสร่างของเธอ หวังซูเหรินก็ลืมทุกสิ่งทุกอย่างไปอย่างรวดเร็วและเพียงให้ความสนใจแต่เพียงการดื่มสัมผัสรสของความสุขสม

 

เวลาล่วงเลยไปอย่างรวดเร็ว หนึ่งชั่วโมงให้หลัง ซูหยางก็ปล่อยปราณหยางเข้าไปในร่างของเธอ

 

“อาาาาาาว” ร่างกายของหวังซูเหรินสั่นกระตุกอย่างรุนแรงขณะที่ถ้ําของเธอนั้นหลั่งทะลักน้ํารักออกมา

 

“ข้ามสามารถที่จะกลับออกไปแบบนี้ได้ ซูหยาง…. พวกเขาจักต้องรู้ในทันทีว่าพวกเรานั้นทําอะไรกัน…” หวังเหรินกล่าวหลังจากนั้นพร้อมกับร่างกายที่ยังเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ

 

“เช่นนั้นก็อย่าซุกซ่อนมันไว้” เขากล่าวด้วยรอยยิ้มลึกลับ “พวกเขาจักต้องพบเห็นความจริงมิช้าก็เร็วอยู่ดี”

 

เมื่อได้ยินคําพูดของเขา หวังชูเหรินก็ถอนใจ และเธอก็กลับไปยังห้องปรุงยาสองสามนาที่ให้หลัง เมื่อได้จัดแจงแต่งตัวแล้ว

 

อย่างไรก็ตามกลับไม่มีใครในห้องปรุงยามีปฏิกิริยาเมื่อเธอกลับคืนไปยังห้องปรุงยา ราวกับว่าพวกเขานั้นไม่ได้รับรู้ว่าเธอได้หายไปทั้งชั่วโมง ในเมื่อพวกเขานั้นต่างหมกมุ่นอยู่กับการฝึกฝนของตนเองอย่างหนัก

 

หวังซูเหรินแอบถอนหายใจโล่งอกหลังจากที่เห็นเป็นอย่างนี้ แล้วเธอก็กลับไปปรุงยาเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 

ครั้นเมื่อหวังชูเหรินได้ตั้งใจเต็มที่กับเตาปรุงยา คนที่เหลืออีกสามคนในห้องนั้นก็ได้เหลือบมองเธอโดยไม่แม้แต่จะหันหน้า

 

“เธอจะทําท่าเหมือนมิได้เกิดอะไรขึ้นจริงๆนะ…” ผู้อาวุโสจงคิดสงสัยในใจ

 

” พี่สาว…ก็ดูน่ารัก แต่ทําไมเธอจึงสามารถทําตัวได้เยือกเย็นเช่นนั้นหลังจากที่เกิดสิ่งนั้นขึ้น” ไค่เอียนครุ่นคิดอยู่ในใจ

 

” ” หลัวอี้เชียวพูดไม่ออกแม้กระทั่งจะคิดในใจ ในเมื่อใจของเธอนั้นเปรอะเปื้อนไปด้วย เสียงร้องครวญครางอย่างเกรี้ยวกราดของหวังซูเหรินในชั่วโมงที่ผ่านมา

 

จริงแล้ว ซูหยางได้โกหกในเรื่องค่ายกลกั้นเสียง และเสียงร้องครวญครางของหวังซูเหรินนั้นก็ ได้ยินเป็นที่ชัดเจนจากทุกคนในบ้านหลังนี้

 

ส่วนที่ว่าทําไมซูหยางจึงทําเช่นนี้นั้น นั่นก็มีอยู่สองเหตุผล

 

หนึ่งนั้นมันเป็นการฝึกฝนต่อจิตใจของเธออย่างมีประสิทธิภาพ และอีกอย่างนั้นเขาเพียงแค่อยากจะเห็นปฏิกิริยาของเธอยามเมื่อเธอตระหนักว่าเกิดอะไรขึ้นจริงๆ

 

โชคร้ายสําหรับซูหยางและเป็นโชคดีสําหรับหวังซูเหริน คนทั้งสามที่ได้ยินเสียงร้องคราง ตัดสินใจที่จะทําท่าเหมือนกับว่าไม่ได้เกิดอะไรขึ้น ดังนั้นหวังซูเหรินจึงสามารถที่จะฝึกฝนการปรุงยาของเธอได้อย่างเป็นสุขตลอดทั้งวัน

 

สองสามวันหลังจากนั้น ซูหยางก็กล่าวกับพวกเขาว่า “ข้าจักมิเก็บพวกเจ้าไว้นานกว่านี้ และเจ้าสามารถที่จะฝึกฝนต่อไปยังที่พักของพวกเจ้าได้ ถ้าหากว่ามีคําถามใด เจ้าสามารถที่จะติดต่อข้าผ่านหวังซูเหรินได้”

 

จากนั้นเขาก็หันไปมองผู้อาวุโสจงกับหลัวอี้เชียวแล้วกล่าวว่า “ข้าจักไปยังสวนธรรมชาติศักดิ์สิทธิ์อีกครั้งในอีกหนึ่งเดือนให้หลัง เพื่อดูพัฒนาการของพวกเจ้ากับแบบฝึกหัดนี้ ถ้าเจ้ายังมิสามารถที่จะบรรลุมาตราฐานของข้า เจ้าคงรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ใช้ไหม”

 

หลัวอี้เชียวพยักหน้าด้วยท่าทางเคร่งเครียด “ข้าจักมิสร้างความผิดหวังให้กับท่านอาจารย์”

 

“ดี” เขาพยักหน้าแล้วหันไปดูไค่เอียนก่อนที่จะพูดขึ้น “ข้าต้องการให้เจ้าได้ฝึกวิชาควบคุมเพลิงต่อไป และภายในเวลาหนึ่งเดือน ข้าจักเริ่มการฝึกฝนเจ้า ถ้าเจ้าแสดงผลได้ไม่เป็นที่น่าพอใจ ข้าก็จักปล่อยเจ้าไปเช่นกัน เจ้าเข้าใจหรือไม่”

 

“เจ้าค่ะ ท่านอาจารย์” ไค่เอียนกล่าวด้วยสีหน้าเด็ดเดี่ยว

 

จากนั้นซูหยางก็นําไค่เอียน ผู้อาวุโสจง และหลัวอี้เซียวกลับไปยังบ้านของตัวเองด้วยยานบินก่อนที่จะกลับไปยังนิกายดอกบัวเพลิง

 

“ท่านจะทําอะไรต่อไปตอนนี้” หวังซูเหรินถามเขา

 

“ข้ากําลังจะไปยังสํานักหงส์สวรรค์เพื่อดูว่าไปลี่ฮัวนั้นเป็นอย่างไร” เขากล่าว

 

“ข้าเข้าใจ.. ถ้าเช่นนั้นพบกันภายหลัง

 

“เดี่ยว ก่อนที่เจ้าจะไป ข้าต้องการความช่วยเหลือ” ซูหยางหยุดเธอไว้

“ท่านต้องการความช่วยเหลือจากข้างั้นรี” หวังซูเหรินเลิกคิ้วด้วยท่าทางประหลาดใจแกมดีใจ :

 

เขาพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ข้ากําลังจะกลืนกินเมล็ดเพลิงนรกในเร็วๆนี้ และข้าต้องการเจ้าให้ช่วยเหลือข้ารวบรวมคู่”

 

“ท่านกําลังจะกลืนกินเมล็ดเพลิงนรก นั่นเป็นเรื่องบ้าบินแม้จะเป็นท่านก็ตาม” หวังชูเหรินกล่าวด้วยดวงตาเบิกกว้าง

 

“มิต้องกังวล ข้ามีวิธีนับอนันต์ที่จะทําให้มันอยู่ภายใต้การควบคุมของข้า”

 

“ถ้าเช่นนั้นท่านหมายถึงอะไรกับเรื่องคู่” เธอถาม

 

“แน่นอนว่าต้องเป็นคู่ร่วมฝึก ครั้นเมื่อข้ากลืนกินเมล็ดเพลิงนรก ร่างกายของข้าจักมิสามารถควบคุมความปรารถนาได้และจะเปี่ยมไปด้วยพละกําลัง และหากว่าข้ามิได้ปลดปล่อยพลังนั่น ร่างกายของข้าก็จะระเบิด”

 

“ท่านเรียกอะไรแบบนั้นว่า “อยู่ภายใต้การควบคุม” อย่างงั้นเรอะ แล้วเหล่าศิษย์จากนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยล่ะ ท่านมีคู่ร่วมฝึกมากมายที่นั่น”

 

เขาส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “พวกเธอนั้นยังไม่เพียงพอ”

 

“ถ้าเช่นนั้นคู่ฝึกกี่คนที่ท่านต้องการ และอะไรที่ข้าสามารถช่วยเหลือได้”

 

“ข้าต้องการคู่ร่วมฝึกอย่างน้อยหนึ่งพันคน และเจ้าสามารถช่วยได้ด้วยการรับสมัครพวกเธอให้ข้า” เขากล่าว

 

“ท่านต้องการข้าให้ช่วยรับสมัครคู่ฝึกนะ แล้วก็พันคนอีกด้วย” หวังชูเหรินกรามร่วงค้างด้วยความแตกตื่น ในเมื่อเธอไม่สามารถที่จะจินตนาการว่าจะมีวันแบบนี้มาถึง

 

“นั่นมง่ายกว่าถ้าท่านทําด้วยตัวเอง ข้ามั่นใจว่านั่นย่อมมิขาดหญิงข้างนอกนั่นที่ปรารถนา และยินดีที่จะมอบร่างกายให้กับท่านเพียงแค่ขอร้อง” หวังซูเหรินกล่าวกับเขา

 

“เชื่อข้า มันมิได้ผลดีไปกว่าเมื่อมันกระจายออกไปจากปากของคนอื่นแทนที่จะเป็นจากปากข้า นี่มิใช่ครั้งแรกที่ข้าทําเช่นนี้” เขาตอบด้วยรอยยิ้ม

 

“และหาใช่ว่าข้าขอให้เจ้าเดินทางไปรอบโลกเพื่อที่จะทําเช่นนี้ ข้าเพียงแค่ต้องการที่จะให้เจ้าบอกเหล่าศิษย์ในนิกายดอกบัวเพลิงว่า ข้าในตอนนี้กําลังมองหาหญิงที่ยินดีจะร่วมฝึกกับข้า”

 

“แน่นอนว่า ข้ามิได้ขอพวกเขาให้เสียสละร่างกายเปล่าๆ พวกเธอจะได้ประโยชน์จากมันด้วยเช่นกัน”

 

“ท่านจะจ่ายให้กับพวกเธอร์” หวังซูเหรินเลิกคิ้วด้วยท่าทางสงสัย

 

“อะไรนะ แน่นอนว่ามิใช่ ถ้าข้ากําลังมองหาหญิงโสเภณี ข้าย่อมมิจําเป็นต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า” ซูหยางถอนใจ

 

” ขอโทษ แต่ว่าท่านกําลังจะทําอะไร”

 

“หลังจากที่ข้ากลืนเมล็ดเพลิงนรก ปราณหยางของข้าจักมิต่างไปจากสมบัติล้ําค่า ในเมื่อมันจักบรรจุไปด้วยพลังวิญญาณที่ทรงพลังที่จักให้ประโยชน์อย่างมากกับใครก็ตามที่ฝึกฝนดูครับมัน”

 

“จ-จริงรี” หวังซูเหรินมองดูเขาด้วยดวงตาเบิกกว้าง “จักสามารถให้ประโยชน์กับคนที่อยู่ในเขตปฐพีวิญญาณด้วยรี”

 

เขามองไปยังดวงตาเธอแล้วพยักหน้า “ลืมเรื่องเขตปฐพีวิญญาณไปได้เลย ปราณหยางของข้าจักให้ประโยชน์เป็นอย่างมากแม้กระทั่งคนที่อยู่ในเขตอัมพรวิญญาณ”

 

“อะไร มันมีพลังมากเช่นนั้นเลยรี ถ้าเช่นนั้นท่านต้องยอมให้ข้าร่วมฝึกกับท่านด้วย” หวังชูเหรินรีบกล่าว

 

“มิต้องกังวล เจ้าจักเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่จะได้รับมันเป็นอันดับต้นๆ” เขาหัวเราะกับความกระตือรือล้นของเธอ