บทที่ 622 บอกความจริงกับเธอ

Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน

บทที่ 622 บอกความจริงกับเธอ

 

“เอาล่ะ เช่นนั้นนับว่าข้าเข้าใจในหลักส่วนใหญ่ที่ท่านต้องการให้ข้าทําแล้ว แต่ทว่าข้าก็ยังคงมีคําถามอยู่” หวังซูเหรินพูด “คู่ฝึกประเภทไหนกันที่ท่านมองหาเป็นการเฉพาะ เด็กสาวหน้าสวย ร่างกายแบบบาง หญิงที่โตเต็มสาว มีความต้องการพิเศษใดหรือไม่”

 

“ข้าดีใจที่เจ้าถาม” เขาพยักหน้าก่อนที่จะพูดต่อไปว่า “พวกเธอจะต้องมีพลังการฝึกปรืออยู่ในเขตคัมภีร์วิญญาณระดับหกเป็นอย่างน้อย มิเช่นนั้นปราณหยางของข้าก็จักเข้มข้นเกินกว่าที่พวกเธอจะดูดซับได้”

 

“ส่วนสําหรับรูปร่างหน้าตาลักษณะร่างกายนั้น ข้ามิได้เลือกมากกับการที่จะมาเป็นคู่ฝึกของข้า ดังนั้นข้าจึงมิได้ให้ความสนใจในเรื่องนี้จริงๆสักเท่าไรนัก”

 

“เช่นนั้นท่านต้องการความช่วยเหลือจากพวกเธอเมื่อไหร่ หนึ่งสัปดาห์นับจากนี้ หนึ่งเดือนนับจากนี้”

 

“หนึ่งปีถ้วนนับจากนี้” เขากล่าว

 

“ข้าเข้าใจแล้ว” หวังซูเหรินพยักหน้า

 

“เช่นนั้นข้าก็จักจากไปแล้วตอนนี้” ซูหยางพูดก่อนที่จะบินจากไปบนยานบิน

 

ยามเมื่อซูหยางออกจากนิกายดอกบัวเพลิงไปแล้ว หวังซูเหรินก็พักเป็นเวลาสองสามชั่วโมงก่อนที่จะไปพบกับเจ้าสํานักฮั่วหยวนเจี้ย

 

มีเรื่องอันใดรี ท่านผู้อาวุโสหวัง” ฮั่วหยวนเจี้ยถามเธอหลังจากที่เห็นหน้าเธอ

 

เธอพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ข้าต้องการให้ท่านเรียกประชุมศิษย์หญิงทั้งหมดที่อยู่ในระดับหกของเขตคัมภีร์วิญญาณขึ้นไป”

 

“เพียงแค่ศิษย์หญิง ท่านมีเหตุผลพิเศษใดจึงต้องการเฉพาะเพียงศิษย์หญิง” ฮั่วหยวนเจี้ยมองดูเธอพร้อมกับเลิกคิ้ว เห็นชัดว่าสงสัยกับเจตนาของเธอ

 

“ข้าเพียงแค่ต้องการคุยกับพวกเธอสองสามคํา” เธอตอบผ่านๆไป

 

“เอ้อ ข้ามถือ เมื่อไหร่ที่ท่านต้องการพบพวกเธอรี” ฮั่วหยวนเจี้ยพยักหน้ารับคํา ในเมื่อเขาไม่สามารถที่ปฏิเสธคําขอของเธอไม่ว่าเธอจะมีเหตุผลอย่างไรก็ตาม

 

“ในอีกหนึ่งชั่วโมงข้างหน้าบริเวณพื้นที่พักผ่อนของเขตศิษย์นอก”

 

“ข้าจักแจ้งให้กับเหล่าศิษย์ในทันที”

 

“ขอบคุณ” หวังชูเหรินกล่าว

 

“ข้าควรจะเป็นคนขอบคุณท่านที่ได้บริการท่าน ผู้อาวุโสหวัง นิกายดอกบัวเพลิงเจริญรุ่งเรืองก็เพราะว่ายาและชื่อเสียงของท่าน” ฮั่วหยวนเจี้ยพูด

 

“อย่าขอบคุณข้าที่ทําในสิ่งที่เป็นเรื่องปกติเช่นนั้น” หวังซูเหรินกล่าวกับเขาก่อนที่จะจากห้องนั้นไปอย่างใจเย็น

 

ครั้นเมื่อหวังเหรินจากไปแล้ว ฮั่วหยวนเจี้ยก็นําเอาป้ายหยกที่สามารถสื่อสารกับศิษย์ทุกคนในนิกายออกมาแล้วกระแอมก่อนที่จะพูดใส่มันด้วยเสียงที่ชัดเจนว่า “ศิษย์หญิงทุกคนที่มีพลังการฝึกปรือระดับหกเขตคัมภีร์วิญญาณขึ้นไป ให้ไปรวมตัวกันที่บริเวณที่พักเขตศิษย์นอกภายในหนึ่งชั่วโมง ผู้อาวุโสหวังมีบางอย่างสําคัญที่จะเปิดเผยให้ทราบ”

 

อีกหนึ่งชั่วโมงให้หลัง ศิษย์หญิงกว่า 1000 คนก็มารวมตัวกันที่สถานที่นัดหมาย จนดูเหมือนทุ่งดอกไม้

 

“เจ้าคิดว่าเรามาทําอะไรกันที่ตรงนี้” ศิษย์คนหนึ่งพูดขึ้นกับคนอื่นในขณะที่พวกเธอรอให้หวังชูเหรินปรากฏตัว

 

“ใครจะรู้ บางที เธออาจจะให้เม็ดยากับพวกเราอีกก็ได้”

 

“แต่ว่าทําไมเธอจึงต้องการแต่เพียงศิษย์หญิงเท่านั้น”

 

“บางทีมันอาจจะเป็นเม็ดยาที่ใช้ได้เฉพาะหญิงเท่านั้น”

 

สองสามนาทีให้หลัง หวังซูเหรินก็ปรากฏตัวขึ้นในที่แห่งนั้นด้วยสีหน้าเยือกเย็น

 

“ศิษย์คํานับผู้อาวุโสหวัง”

 

“คํานับผู้อาวุโสหวัง”

 

บรรดาศิษย์ที่อยู่ตรงนั้นพากันคํานับเธอด้วยความเคารพหลังจากที่สังเกตเห็นว่าเธอปรากฏตัวขึ้น

 

หวังซูเหรินพยักหน้าให้กับพวกเธอก่อนที่จะไปยืนยังแท่นสูง และจ้องมองไปยังศิษย์ทุกคนด้านล่างด้วยสายตาจริงจัง

 

เมื่อเหล่าศิษย์เห็นเช่นนั้น พวกเธอก็กลืนน้ําลายอย่างประหม่า

 

“อะแฮม”

 

หลังจากที่กระแอมเสร็จแล้ว หวังซูเหรินก็เริ่มพูด “ขอบคุณทุกคนที่มาที่นี่จากเพียงแค่ได้รับการแจ้งเพียงระยะเวลาสั้นๆ”

 

“แม้ว่านี่อาจจะฟังดูประหลาดสําหรับพวกเจ้าบางคน บางทีอาจจะถึงขั้นน่าตกใจ แต่ข้ามาที่นี่เพื่อประกาศในนามของซูหยางจากนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย”

 

เหล่าศิษย์พากันตะลึงงันหลังจากที่ได้ยินถ้อยคําของหวังซูเหริน

 

“ซูหยางรี อัจฉริยะอันดับหนึ่งที่เข้าถึงเขตอัมพรวิญญาณเมื่ออายุได้ 17 ปีนั้น”

 

“ธุระประเภทไหนกันที่คนแบบเขานั้นมีต่อพวกเรารี”

 

ขณะที่เหล่าศิษย์กําลังกระซิบกระซาบกันอยู่นั้น หวังซูเหรินก็พูดต่อไปอีกว่า “ซูหยาง ตอนนี้กําลังมองหาคู่ฝึกหญิงที่ปรารถนาจะฝึกร่วมกับเขา”

 

“เอ๋ ข้าได้ยินถูกต้องหรือไม่ ซูหยางกําลังมองหาคู่ที่จะร่วมฝึกด้วย” เหล่าศิษย์พากันมองไปยังหวังซูเหรินด้วยดวงตาเบิกกว้างเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

 

หวังซูเหรินพยักหน้าแล้วกล่าวต่อว่า “ถ้าเจ้ายินดีที่จะร่วมฝึกกับเขา ก็ให้มุ่งไปยังนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยหนึ่งปีถ้วนนับจากนี้ อย่างไรก็ตาม เจ้าต้องอยู่ที่ระดับหกเขตคัมภีร์วิญญาณขึ้นไปจึงจะเข้าร่วมได้ ยังมีอีกว่า ถ้าเจ้าได้ร่วมฝึกกับเขา พลังการฝึกปรือของพวกเจ้าจักได้ผลประโยชน์มหาศาลจากปราณหยางของเขา เพราะว่าเขาจักกลืนกินสมบัติล้ําค่าที่จักเปลี่ยนมันให้เป็นสมบัติ”

 

“จากปราณหยาง ท่านหมายความถึง… สารสีขาวของเขารี” หนึ่งในศิษย์พลันถามขึ้นด้วยท่าทางเอียงอาย

“ใช่ น้ําเชื้อของเขา” หวังซูเหรินกล่าวโดยไม่ลังเล

 

หลังจากที่ผ่านไปอีกสองสามนาที่ของความโกลาหลระหว่างศิษย์ หนึ่งในพวกเธอก็ถามขึ้นว่า “มีความต้องการอื่นใดนอกจากนั้นหรือไม่ ประเภทของหญิงที่เขากําลังมองหาเป็นแบบไหน”

 

เมื่อได้ยินคําถามของเธอ หวังชูเหรินก็ส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “ซูหยางกล่าวว่าเขาไม่ถือว่าแต่ละคนจะมีรูปร่างหน้าตาเป็นเช่นไร ตราบเท่าที่เจ้ายินดีที่จะร่วมฝึกกับเขา”

 

ศิษย์ที่หน้าตาธรรมดาที่นั่นต่างพากันตากระจ่างขึ้นมาในทันใดหลังจากที่ได้ยินคําพูดของหวังชูเหริน

 

จากนั้นหวังซูเหรินก็ทําการตอบคําถามบางคําถามที่เหล่าศิษย์ได้มีขึ้น

 

ในเวลาเดียวกันที่สํานักหงส์สวรรค์ ซูหยางก็ได้เคาะประตูบ้านไปลี่ฮัว

 

“ท่านอาจารย์ ขอบคุณที่มาที่นี่” ไปลี่ฮัวเปิดประตูในสองสามอึดใจให้หลังแล้วทําการทักทายเขา

 

“ข้าเข้าใจว่าเจ้าได้ฟื้นตัวจากเหตุการณ์นั้นแล้ว” ซูหยางกล่าวกับเธอด้วยเสียงหยอกเย้า หลังจากที่เขาเข้าไปในบ้านแล้ว

 

“ ทั้งหมดนั่นต้องขอบคุณความพยายามของท่านจึงทําให้ข้ายังมีชีวิตอยู่” ไปลี่ฮัวมีรอยยิ้มเอียงอายบนใบหน้า

 

“อย่างไรก็ตาม ก่อนที่พวกเราจะเริ่มการอบรมในวันนี้ ข้ามีบางอย่างที่สําคัญจะบอกกับเจ้า” ซูหยางพูดระหว่างที่เขาเข้าไปในห้องเธอ

 

“อะไรรึ ท่านอาจารย์” ไปลี่ฮัวมองดูเขาด้วยความคาดหวัง

 

“อะแฮ่ม…” หลังจากที่กระแอมแล้ว ซูหยางก็พูดขึ้นว่า “ข้าอาจจะพูดโกหกเจ้าไปบ้างในเรื่องตัวตนของข้า”

 

“โกหกรี” ไปลี่ฮัวเลิกคิ้วด้วยความรู้สึกเป็นลางร้ายในใจ

 

ซูหยางสัมผัสหน้ากากที่อยู่บนใบหน้าแล้วปลดมันออก เผยให้เห็นโฉมหน้าของเขาให้กับเธอ แต่ทว่าไม่เหมือนกับครั้งก่อน เมื่อใบหน้าของเขาไม่ได้ปลอมแปลงโฉม

 

ดวงตาของไปลี่ฮัวเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยหลังจากที่เห็นใบหน้าหล่อเหลาของซูหยาง แต่เธอไม่ได้พูดอะไรออกมาแม้ว่าจะผ่านไปเป็นเวลานาน

 

“ข้ามิคิดว่าเจ้าจักเชื่อข้าจริงๆเมื่อข้าพูดว่าข้าเพียงดูเหมือนซูหยางดังนั้นข้าจึงแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน” ซูหยางกล่าวด้วยรอยยิ้มกระอักกระอ่วนบนใบหน้า

 

“ฮาวา” ไปลี่ฮัวหลับตาของเธอลงและถอนหายใจยาว

 

สองสามอึดใจให้หลัง เธอก็พูดด้วยเสียงเรียบเฉยว่า “มิใช่ว่าข้าเชื่อเจ้า แต่เป็นว่าข้าต้องการที่จะเชื่อเจ้า ข้าได้มีความรู้สึกว่าเจ้าโกหกขาในเรื่องของตัวตนของเจ้า เพราะว่าสิ่งที่ซูหยินพูดในวันที่เธอพบกับเจ้าครั้งแรกในวันนั้น”

 

“โอ เจ้าพอจะอธิบายเพิ่มเติมอีกหน่อยได้หรือไม่” ซูหยางถามเธอด้วยความที่งและสนใจ

 

“มีเพียงคนโง่สมบูรณ์แบบเท่านั้นที่เชื่อว่าเจ้ามิใช่ซูหยางถึงแม้ว่าหน้าตาของเจ้าจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเดิม และที่ข้าทําตัวเหมือนกับคนโง่ก็เพราะว่าข้ามต้องการที่จะยอมรับว่า ข้าตกหลุมรักเจ้า ซูหยาง”

 

ซูหยางค่อนข้างประหลาดใจในความซื่อสัตย์ของเธอ ในเมื่อเขาไม่คาดคิดว่าไปลี่ฮัวจะบอก ความจริงกับเขาในเรื่องความรู้สึกของเธอ

 

“ข้ารู้ ข้าได้พูดไว้ว่าข้าจักมิมีวันตกหลุมรักคนแบบเจ้า แต่อนิจจา…” ไปลี่ฮัวถอนหายใจ

 

แน่นอนว่าซูหยางยังคงเยือกเย็นแม้หลังจากที่ได้ยินคําพูดของเธอ ในเมื่อนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้ยินประโยคนี้

 

“ทําไมเจ้าตัดสินใจที่จะบอกข้าในเรื่องตัวตนที่แท้จริงของเจ้า มันคงจะดีกว่าถ้าเจ้าเก็บมันไว้เป็นความลับตลอดไปเพื่อที่ว่าข้าจะได้มิรู้สึกผิดที่ชอบเจ้า” ไปลี่ฮัวพลันถามเขา

 

“เจ้าย่อมรู้ความจริงไม่ช้าก็เร็ว ดังนั้นข้าจึงเห็นว่าข้าควรจะบอกเจ้าตอนนี้เลยจะดีกว่าก่อนที่เจ้าจักรู้สึกพึงพอใจกับตัวตนปลอมของข้ามากเกินไป” เขากล่าว

 

“มิว่าอย่างไร มันจะเป็นการยากกว่าที่จะยอมรับความเป็นจริงหากข้าเก็บซ่อนมันไว้เป็นระยะเวลานานจากเจ้า”

 

“ข้าเข้าใจ…” ไปลี่ฮัวพึมพัม

 

“ตอนนี้เมื่อเจ้ารู้ความจริงแล้ว เจ้ายังคงต้องการที่จะเรียนการปรุงยาภายใต้ข้าอยู่หรือไม่” เขาถามเธอหลังจากนั้น “ข้าจักมิกล่าวโทษเจ้าแม้ว่าเจ้าตัดสินใจที่จะเลิก”

 

ไปลี่ฮัวจ้องมองเขาอย่างเงียบๆเป็นเวลาชั่วนาทีก่อนที่จะพูดว่า “ข้าได้ลงทุนไปกับการปรุงยามากเกินกว่าที่จะยอมเลิก และมิสําคัญว่าเจ้าจะเป็นใคร ตราบเท่าที่เจ้าสามารถสอนการปรุงยาให้กับข้าได้ ข้าก็มิมีเหตุผลใดที่จะเลิก”

 

“นอกจากว่าเจ้ากําลังจะบอกข้าว่าเจ้าได้โกหกฝีมือของเจ้าในด้านการปรุงยาด้วย” ไปลี่ฮัวมองดูเขาด้วยการหรี่ตา

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า ถ้าข้ามิได้มีความสามารถที่แท้จริง ทําไมข้าจักต้องรับศิษย์ด้วยล่ะ เพียงเพื่อให้โลกค้นพบว่าข้าเป็นนักปรุงยาจอมปลอมในที่สุดอย่างนั้นรี” ซูหยางพูดขณะที่เขาหัวเราะ

 

“อย่ากังวล ฝีมือของข้านั้นเป็นของจริง ถ้าเจ้าศึกษาภายใต้ข้า ข้าสามารถรับประกันได้ว่าเจ้าจักกลายเป็นนักปรุงยาที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลกนี้ได้”

 

ไปลี่ฮัวพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “อีกครั้ง โปรดดูแลข้าด้วย ท่านอาจารย์”

 

“เจ้าสามารถเรียกข้าว่าซูหยางเมื่อเราอยู่กันตามลําพัง” เขากล่าวกับเธอ “ ข้าต้องการให้เจ้าสบายใจเมื่ออยู่ข้างกายข้า”

 

“มันสายเกินไปสําหรับเรื่องนั้นแล้ว ซูหยาง” ไปลี่ฮัวกล่าวด้วยรอยยิ้มหวานอมขมกลืน

 

“อย่ากังวล นั่นจักหายไปยามเมื่อเราเริ่มอยู่เคียงข้างกันมากพอ” เขาแสดงรอยยิ้มมั่นใจบนใบหน้าหล่อเหลาของเขา

 

“อย่างไรก็ตาม เจ้าพอที่จะใช้อีกโฉมหน้าของเจ้าแม้ว่าข้าได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเจ้าได้หรือไม่ ข้าต้องการให้ตัวข้าได้รับการอบรมจากคนที่อายุมากกว่าตัวข้าแม้ว่านั่นจักเป็นเพียงแค่หน้าตาก็ตาม” เธอขอเขาในเวลาต่อมา

 

“อะไรก็ได้ที่ทําให้เจ้าสบายใจ” เขาพยักหน้าก่อนที่จะเปลี่ยนโฉมหน้าตนเองด้วยเม็ดยาแปลงโฉม