บทที่ 623 อบรมไปลี่ฮัว

Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน

บทที่ 623 อบรมไปลี่ฮัว

 

หลังจากที่กลืนกินเม็ดยาแปลงโฉมและเปลี่ยนใบหน้าของเขาไปเป็นซูหยางที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว เขาก็พูดกับไปลี่ฮัวว่า “ตอนนี้เมื่อเจ้าฟื้นตัวแล้วและในเมื่อเจ้าได้เรียนวิธีการปรุงยาด้วยตัวเจ้าเอง ข้าก็จะตัดส่วนที่เป็นพื้นฐานออกไปและมุ่งเน้นในด้านฝีมือการปรุงยาของเจ้าแทน ดังนั้นข้าก็จะดูการปรุงยาของเจ้าและดูว่าเจ้าต้องการที่จะปรับปรุงอะไรบ้าง”

 

“ครั้นเมื่อเจ้าได้เข้าถึงระดับที่ยอมรับได้ในการปรุงยาแล้ว ข้าก็จักเริ่มสอนวิชาที่ก้าวหน้าไปมากกว่านี้ให้”

 

“ข้าเข้าใจแล้ว” ไปลี่ฮัวพยักหน้า

 

ในเวลาต่อมา ไปลี่ฮัวก็นําเอาซูหยางไปยังอีกอาคารที่ก่อนหน้านี้ได้ปรับปรุงใหม่ เพื่อเธอจะได้ปรุงยาที่นั่นโดยไม่ถูกศิษย์คนอื่นรบกวนและประโยชน์อื่นๆ

 

หลังจากการเตรียมการแล้ว ไปลี่ฮัวก็นั่งอยู่ตรงหน้าเตาปรุงยาและเริ่มปรุงยาระดับพื้นฐานเม็ดยาจิตแจ่มใสน้อย

 

ซูหยางจ้องมองไปลี่ฮัวด้วยสายตาอันคมกริบ มองเธอทุกการเคลื่อนไหวในขณะที่เธอปรุงยา และก็ยังคงนิ่งเฉยแม้ในขณะที่เขาพบข้อผิดพลาด

 

หนึ่งชั่วโมง สองชั่วโมง.สามชั่วโมง

 

แปดชั่วโมงอันยาวนานได้ผ่านพ้นไปนับตั้งแต่ไปลี่ฮัวเริ่มปรุงยาระดับพื้นฐานแต่เธอก็ยังไม่แสดงให้เห็นว่าจะปรุงยาได้เสร็จในเวลาอันใกล้นี้ แน่นอนว่านี้ไม่ได้หมายความว่าไปลี่ฮัวนั้นไม่มีพรสวรรค์ในด้านการปรุงยา ความจริงแล้วมันค่อนข้างจะเป็นสิ่งตรงกันข้าม ในเมื่อนักปรุงยาระดับทั่วไปในโลกนี้ปกติแล้วต้องใช้เวลามากกว่า 12 ชั่วโมงในการปรุงยาระดับต่ําสุด โดยที่บางคนจะต้องใช้เวลาทั้งวัน

 

หลังจากที่ผ่านความพยายามไปอีหนึ่งชั่วโมง สุดท้ายไปลี่ฮัวก็ดับไฟปรุงยาของเธอและเปิดฝาเตาหลังจากนั้น นําเอาเม็ดยาสีเทาจากด้านในออกมา

 

“เจ้าคิดว่าเป็นอย่างไร ซูหยาง” เธอถามเขาด้วยสีหน้าที่ค่อนข้างภาคภูมิใจ

 

แต่ทว่าซูหยางเพียงแค่เหลือบมองไปที่เม็ดยาก่อนที่จะพูดด้วยเสียงราบเรียบว่า “ทําไมเจ้าจึงต้องทําเป็นภาคภูมิใจหลังจากที่ผลิตขยะนั้นออกมา”

 

“ข-ขยะรี” ไปลี่ฮัวดวงตาเบิกกว้างด้วยความตระหนก ในเมื่อเธอไม่คาดคิดว่าเขาจะตอบด้วยท่าทางหยาบคายแบบนั้น

 

“ถ้านั่นมิใช่ขยะ ข้าก็มิรู้ว่ามันเป็นอะไร กระทั่งหมาหิวโซก็ยังมิกล้าที่จะกินเม็ดยานั่นถ้าเจ้าป้อนมัน” ซูหยางพูด

 

“เจ้ามจําเป็นจะต้องหยาบคายเช่นนั้นก็ได้” เธอกล่าวพร้อมขมวดคิ้ว

 

“หยาบคายรี ข้าเพียงบอกเจ้าตามความเป็นจริง เม็ดยาที่มิสามารถที่จะกลืนกินลงไปได้ก็มต่างไปจากขยะที่มิสามารถนํากลับมาใช้ใหม่ได้ ถ้านั่นมิเรียกว่าขยะแล้วเช่นนั้นมันคืออะไร” ซูหยางส่ายหน้าก่อนที่จะพูดต่อไปอีกว่า “ข้ามาที่นี่เพื่ออบรมเจ้า มิใช่มาสรรเสริญความล้มเหลวของเจ้า ถ้าเจ้าต้องการการตอบรับที่ดี เจ้าก็ควรจะทําอะไรที่มีค่าพอกับการชมเชย”

 

แม้ว่าไปลี่ฮัวไม่ชอบทัศนคติของเขา แต่เธอก็ไม่สามารถที่จะปฏิเสธคําพูดของเขาได้

 

“เจ้ากลับเข้มงวดมากกว่าข้าเสียอีกเมื่อมาถึงตอนอบรมศิษย์” เธอแอบถอนใจ

 

“อย่างไรก็ตามเจ้าควรจะโยนขยะนั่นไปด้านข้าง ข้าเองตอนนี้กําลังจะบอกเจ้าทุกอย่างที่เจ้าทําผิดพลาดหรือที่ควรจะทําได้ดีกว่าเดิม ดังนั้นจงมารับฟัง”

 

ซูหยางทําการอธิบายทุกข้อผิดพลาดที่เธอทํานับตั้งแต่ที่เธอนั่งลงไปจนถึงเวลาที่เธอนําเอาเม็ดยาออกมาจากเตาปรุงยาให้เธอฟัง ยามเมื่อไปลี่ฮัวได้รู้ว่าเธอได้ทําผิดพลาด ซูหยางก็เริ่มบอกเธอถึงวิธีที่เธอจะสามารถปรับปรุงหรือแก้ไขข้อผิดพลาดของเธอได้

 

หลายนาทีผ่านไป ซูหยางก็พูดกับเธอว่า “ไปลองปรุงยาจิตแจ่มใสน้อยอีกครั้ง”

ไปลี่ฮัวพยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง ก่อนที่จะไปอยู่ตรงหน้าเตาปรุงยาอีกครั้ง

 

เจ็ดชั่วโมงให้หลัง ไปลี่ฮัวก็ได้จ้องไปยังเม็ดยาสีขาวในมือของเธอด้วยสีหน้าสับสน ไม่เพียงแต่มันจะใช้เวลาน้อยกว่าสําหรับเธอในการปรุงยานี้ แต่มันก็ยังง่ายกว่าอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเปรียบเทียบกับเม็ดยาคุณภาพต่ําที่เธอปรุงไว้ก่อนหน้านี้ ยานี้ก็เกือบจะเป็นยาคุณภาพกลาง

 

“นี่เป็นไปได้อย่างไร ข้าเพียงแต่ทําตามคําแนะนําของซูหยาง ถึงแม้ว่าจะทําผิดพลาดไปบ้างสองสามครั้งระหว่างกระบวนการ แต่เม็ดยานี้ก็ยังออกมาเกือบจะมีคุณภาพกลาง” ไปลี่ฮัวคิดสงสัย ตาของตัวเอง ในเมื่อพัฒนาการของเธอนั้นปกติแล้วถือว่าเร็วเกินไป จนถึงขั้นที่ทําให้กรามค้างได้

 

เธอมองไปยังซูหยาง ซึ่งยืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบสงบด้วยสีหน้าผ่อนคลาย

 

“ถ้าเจ้าฟังการอบรมของข้าต่อไป เจ้าก็จะยิ่งพัฒนาได้เร็วยิ่งขึ้น” เขากล่าวหลังจากที่เห็นสีหน้าของเธอ

 

ไปลี่ฮัวพยักหน้าด้วยท่าทางตะลึงงัน

 

“ไปพักสักหน่อย พวกเราจะทําต่อในวันพรุ่งนี้เช้าหลังจากที่เจ้าชําระล้างร่างกายแล้ว”

 

เมื่อเธอเห็นว่าซูหยางกําลังจะจากไป ไปลี่ฮัวก็รีบตะโกนขึ้นว่า “เดี่ยว”

 

“มีอะไร” เขาหันกายกลับมาถาม

 

หลังจากที่นิ่งเงียบไปชั่วขณะ เธอก็ถามเขาด้วยสีหน้าจริงจังว่า “เจ้า เจ้าจะมิตอบสนองต่อความรู้สึกของข้าบ้าง”

 

เมื่อได้ยินคําถามของเธอ ซูหยางก็เผยรอยยิ้มเล็กน้อยก่อนกล่าวว่า “ข้าจักให้คําตอบแก่เจ้ายามเมื่อเจ้าพัฒนาไปได้มากพอ”

 

“อ-อะไรกัน นั่นมิยุติธรรมเลย” เธอรีบกล่าว

 

อย่างไรก็ตามซูหยางไม่ได้ตอบแต่ออกไปจากห้องหลังจากนั้นไม่นานนัก ปล่อยให้ไปลี่ฮัวพูดไม่ออกอยู่ตามลําพัง

 

“หรือว่าเขาจะปล่อยข้าให้ค้างคาอยู่แบบนี้ ข้ายังมิรู้เลยว่าทําไมข้าจึงชอบเขา” ไปลี่ฮัวลอบทอดถอนหายใจก่อนที่จะชําระล้างร่างกายและเข้านอน และหลับลงไปในทันทีเนื่องจากความอ่อนเพลีย

 

เช้าวันถัดมา ซูหยางก็ปรากฏกายขึ้นตรงหน้าเธออีกครั้ง

 

“ข้าจะบอกเจ้าถึงความผิดพลาดของเจ้าจากเมื่อวานนี้” ซูหยางไม่เสียเวลาและเริ่มการสอนในทันที

 

ครั้นเมื่อการสอนจบสิ้นลงแล้ว ไปลี่ฮัวก็เริ่มปรุงยาจิตแจ่มใสน้อย

 

หกชั่วโมงหลังจากนั้น ไปลี่ฮัวก็เปิดฝาเตาและนําเอายาจากข้างในออกมา

 

“เม็ดยาคุณภาพกลาง ข้าได้ประสบความสําเร็จในการปรุงยาคุณภาพกลางแล้ว” ไปลี่ฮัวเต็มไปด้วยความกระตือรือล้นในยามนั้น เมื่อมาคิดว่าตัวเธอเองนั้นสามารถที่จะปรุงยาคุณภาพกลางหลังจากที่ใช้เวลาเพียงวันเดียวกับซูหยาง จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเธอได้รับการอบรมจากเขาเป็นเวลาทั้งปี เธอจะก้าวหน้าไปได้ไกลถึงไหน

 

“เจ้าเป็นอะไร เด็ก อย่าเพิ่งด่วนดีใจเกินไป มันเป็นเพียงแค่เม็ดยาคุณภาพกลางยังไม่พูดถึงว่าเม็ดยาเองก็เป็นเพียงแค่ระดับพื้นฐาน” ซูหยางส่ายหน้าให้กับเธอ

 

“เจ้าพูดถูก ข้ามิควรจะดีใจเกินไปในเรื่องนี้” ไปลี่ฮัวไม่ได้ปฏิเสธคําพูดของเขา ทั้งยังเห็นด้วยกับคําพูดของเขาอีกด้วย

 

จากนั้นเธอก็จ้องมองเขาอย่างเงียบๆ เห็นชัดว่ากําลังรอให้การสอนได้เริ่มต้นขึ้น

 

“แม้ว่าวิชาของเจ้าได้พัฒนาขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับเมื่อวานนี้ แต่ก็ยังมีข้อผิดพลาดหลายอย่างในการควบคุมเปลวเพลิงของเจ้าและสิ่งอื่นๆ” ซูหยางกล่าวก่อนที่จะให้คําชี้แนะมากกว่านั้นกับเธอ

 

ในเวลาต่อมา ไปลี่ฮัวก็เริ่มปรุงยาอีกครั้ง

 

พวกเขาทั้งสองคนนั้นดําเนินการไปในรูปแบบนี้ต่อไปเป็นเวลาอีกสองสามวัน จนกระทั่งไปลี่ฮัวสามารถปรุงยาคุณภาพสูงของยาจิตแจ่มใสน้อยได้โดยไม่มีพลาด

 

“ข้ามิคิดว่าข้าจักกลายเป็นนักปรุงยาเลย อย่าว่าแต่ปรุงยาคุณภาพสูง ในเมื่อมันมิเคยได้ผ่านมาในใจของข้ามาก่อน” เธอพูดด้วยสายตาดื่มต่ํา ขณะที่เธอจ้องมองไปยังเม็ดยาสีขาวที่วางอยู่ในมือขอเธอ เมื่อเปรียบเทียบกับเมื่อสองสามวันก่อนแล้ว ผลลัพธ์นี้ก็ต่างกันเหมือนกับกลางคืนกับกลางวัน

 

“ตอนนี้เมื่อข้าสามารถที่จะปรุงยาระดับพื้นฐานด้วยผลลัพธ์ที่เยี่ยมยอดได้คงที่แล้ว ข้าควรจะขยับไปปรุงยาระดับคัมภีร์หรือไม่ในตอนนี้” เธอถามเขาหลังจากที่ผ่านไปได้ชั่วขณะหลังจากนั้น

 

“เจ้าคิดว่าเจ้าเชี่ยวชาญยาระดับพื้นฐานเพียงเพราะว่าเจ้าสามารถที่จะปรุงยาแบบเดิมซ้ําไปซ้ํามาด้วยผลลัพธ์ที่ดีงั้นรี เจ้าจักสามารถเริ่มทํายาระดับคัมภีร์ได้ก็ต่อเมื่อเจ้าสามารถที่จะปรุงยาระดับพื้นฐานมากกว่าสิบชนิดด้วยผลลัพธ์แบบเดียวกันเท่านั้น”

 

“สิบตํารับยางั้นรี ข้าจักได้รับตํารับย้าเช่นนั้นมาจากไหนกัน ข้ามีเพียงแค่ตํารับยาเดียวที่ตัวข้า ยาจิตแจ่มใสน้อย และก็มิมีใครที่ขายตํารับยาที่ไหน” ไปลี่ฮัวกล่าวกับเขา

 

“เจ้ากําลังคิดว่าเจ้าพูดอยู่กับใคร”

 

จากนั้นชูหยางก็พลันสะบัดชายเสื้อ เป็นเหตุให้ม้วนคัมภีร์มากกว่าร้อยกองอยู่บนพื้น

 

“พ-พวกนี้คือ…” ไปลี่ฮัวมองไปยังกองกระดาษที่อยู่ตรงหน้าพร้อมกับกลืนน้ําลายอย่างหวาดหวั่น

 

ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นตํารับยาระดับพื้นฐาน ข้าต้องการให้เจ้าสามารถที่จะปรุงมันออกมาอย่างน้อยครึ่งหนึ่งของพวกนี้โดยให้ได้คุณภาพสูงอย่างสม่ําเสมอ”

 

“ครึ่งหนึ่ง” ไปลี่ฮัวปากอ้าค้างเมื่อได้ยินคําพูดของเขา นานแค่ไหนที่จะต้องใช้กี่เดือน กี่ปี

 

“เจ้านั้นหมิ่นพรสวรรค์ของตัวเองอยู่ ไปลี่ฮัว” ซูหยางพลันกล่าวกับเธอ

 

ม-หมายความว่าอย่างไรเช่นนั้น

 

“มิใช่ทุกคนที่จะสามารถเรียนการปรุงยาด้วยตัวเองได้ และสามารถที่จะปรุงยาคุณภาพสูงได้ภายในอีกหนึ่งสัปดาห์ให้หลัง แม้ว่าข้าได้ช่วยเจ้า การพัฒนาของเจ้าก่อนหน้านั้นส่วนใหญ่แล้วล้วนเกิดจากพรสวรรค์ของเจ้า”

 

“ซูหยาง” ไปลี่ฮัวสามารถที่จะรู้สึกว่าใบหน้าของเธอนั้นร้อนขึ้นเมื่อเผชิญกับการจ้องมองอย่างแน่วแน่ของเขา นี่เป็นครั้งแรกของเธอที่ได้รับคําชมจากเขาหลังจากที่ผ่านมาหลายวันจากการดุว่าตรงๆอย่างเข้มงวดจากเขา

 

“ถ้าเป็นเจ้า เจ้าควรจักสามารถที่จะเชี่ยวชาญเม็ดยาพวกนี้ได้ในเวลามินาน” ซูหยางกล่าวด้วยเสียงมั่นใจ

 

หลังจากที่เงียบไปอีกสักพัก ไปลี่ฮัวก็มองเขาด้วยสีหน้าเด็ดเดี่ยว และกล่าวขึ้นว่า “ถ้าข้าเชี่ยวชาญตํารับยาทั้งหมดนี้แล้ว เจ้าจักให้คําตอบแก่ข้าหรือไม่”

 

“ข้าสัญญา” เขาพยักหน้า

 

“สัญญาแล้วนะ”

 

ข้าจักมาที่นี่สัปดาห์ละครั้งเพื่อดูความก้าวหน้าของเจ้า ถ้าเจ้าต้องการอะไร เจ้ารู้ว่าจะหาข้าพบได้ที่ไหน”

 

“ขอบคุณ ซูหยาง” เธอกล่าวด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน

 

“มิต้องกล่าวถึงมัน”

 

“เช่นนั้นถ้าเจ้าต้องการอะไรจากข้า บอกให้ข้ารู้”

 

“คําขอร้องรี ข้าพอดีมีอยู่อย่าง” เขาพลันกล่าวขึ้น

 

“เจ้าต้องการอะไรจากข้ารี”

 

“เอ้อ มันเป็นอย่างนี้”

 

จากนั้นซูหยางก็ทําการอธิบายสถานการณ์ของเขากับเมล็ดเพลิงนรกให้กับเธอและความต้องการที่จะหาคู่ฝึกหลังจากนั้นอย่างไร สร้างความงุนงงให้กับไปลี่ฮัวที่แน่นอนว่าไม่ได้คาดคิดว่าจะมีคําขอร้องแบบนี้ ทั้งยังรู้สึกเสียใจที่ให้ข้อเสนอเช่นนั้นกับเขาตั้งแต่แรก

 

“ให้ข้ารับสิทธิ์นี้ เจ้าต้องการให้ข้า เจ้าสํานัก ให้ช่วยเจ้ารับสมัครคู่ฝึกภายในสํานักของข้าให้แก่เจ้างั้นรี” ไปลี่ฮัวถามเขาหลังจากนั้น

 

“นั่นถูกต้องแล้ว” ซูหยางพยักหน้ารับหน้าตาเฉย ปล่อยให้เธอพูดไม่ออก