จ่านป่ายพยักหน้าพูด “ว่ามาเถอะ คุณจะเอายังไง”
“อัญมณีนี้เป็นของดี” หญิงงามในชุดโบราณพูดในขณะที่กำลังเล่นกำไลข้อมือทองคำสีดำประดับพลอย
ซีเหมินจินเหลียนจำได้ว่ากำไลทองคำดำนี้น่าจะมาจากบริษัทอัญมณีสักแห่งในตัวเมือง ในตอนแรกเธอดูด้วยความสนอกสนใจและเคยถามราคา อีกฝ่ายตั้งราคาไว้แต่บอกว่าไม่ได้ขายสินค้า
“แต่ของพวกนี้มีเก็บไว้สักชิ้นสองชิ้น นำมันออกไปใส่โชว์สักครั้งก็พอแล้ว” หญิงงามในชุดโบราณขมวดคิ้้วเรียวบางน้อยๆ พร้อมถอนหายใจออกมา “น่าเสียดาย ว่ากันว่าฆ้องที่ขโมยมาไม่สามารถเคาะได้ ส่วนเครื่องประดับที่ถูกขโมยมาก็ไม่สามารถสวมใส่ได้เช่นกัน”
“คุณรู้ก็ดีแล้ว!” จ่านป๋ายยิ้มอย่างเยือกเย็น
“เพราะว่าใส่ไม่ได้ อย่างนั้นพวกเราจึงอยากนำสิ่งของแลกเปลี่ยนเป็นเงินสด” หญิงงามในชุดโบราณพูด “พอเป็นแบบนี้แล้ว พวกเราก็สามารถนำเงินไปซื้อเครื่องประดับอัญมณีได้อย่างเปิดเผยโจ่งแจ้ง คุณจินเหลียน คุณว่าถูกไหม?”
“ถูกค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพูด “นี่ก็เป็นตรรกะทั่วไป”
หญิงงามถือโอกาสถอดกำไลในข้อมือออกและพูดว่า “คุณจินเหลียนก็รู้ใจดีจริงๆ” พูดพลางเธอก็นำกำไลในมือคล้องใส่ไปในข้อมือของซีเหมินจินเหลียน “สวยมาก คุณจ่าน คุณว่าไหมล่ะ?”
“จินเหลียนสวยอยู่แล้ว” จ่านป๋ายพูดอย่างใจเย็น
“ใช่เลย!” หญิงงามในชุดโบราณพูด “คนสวย ก็ยิ่งต้องเสริมแต่งไปด้วยเครื่องประดับที่ประณีตล้ำค่า! คุณดูนี่สิ กำไลวงนี้กับคุณจินเหลียนก็ช่างเข้ากันได้ดีอะไรขนาดนี้?”
“ฉันชอบหยกค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพูดพลางค่อยๆ ถอดกำไลวงนั้นออกมาจากข้อมือและนำไปวางไว้บนโต๊ะพร้อมยื่นส่งกลับไปให้ “คุณคงไม่ได้คิดที่จะขายของที่ขโมยมาให้กับพวกเราใช่ไหมคะ?”
หญิงงามในชุดโบราณปรบมือเบาๆ พลางชื่นชม “คุณจินเหลียนฉลาดอย่างที่คิดไว้จริงๆ”
“แต่ทำไมฉันถึงได้รู้สึกว่าคุณกำลังทำเหมือนกับฉันเป็นคนโง่?” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้าพูด “ตัวเองฉลาด แต่ก็อย่าคิดว่าคนอื่นๆ บนโลกเขาจะโง่สิคะ? ของที่ปล้นมาจะเอามาขายฉันหรือ? คุณกลัวเรื่องเดือดร้อน ก็ไม่คิดว่าฉันจะกลัวเรื่องเดือดร้อนบ้างหรือไง?”
หญิงงามในชุดโบราณถอนหายใจออกมา “ที่ฉันเรียกคุณมาก็เพราะคิดถึงปัญหานี้ ถ้าพวกคุณมีปัญหา พวกเราก็คงหนีไม่พ้นหรอก!”
“คุณรู้แล้วก็ดี!” จ่านป๋ายพยักหน้าพูด “ตลอดเวลาที่ผ่านมา การทำธุรกิจสนใจแต่เรื่องผลประโยชน์ ไม่เคยสนใจเรื่องคุณธรรม ถ้าผมเดือดร้อย สุดท้ายก็ต้องดึงคุณลงไปในเหวด้วยกัน!”
“ฉันต้องการที่จะหาผู้ซื้อที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมถึงสองอย่าง อย่างแรกคือในมือมีเงินทุนเพียงพอและเหลือใช้ที่จะซื้อเครื่องประดับเหล่านี้ อย่างที่สองคนที่มีลู่ทางในการขายของที่ขโมยมาอย่างสมบูรณ์แบบ ไม่มีปัญหาเกิดขึ้น!” หญิงงามในชุดโบราณยิ้ม “คุณจ่าน สำหรับคนอื่น เรื่องพวกนี้เป็นประเด็นร้อนแรงที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในสังคม แต่สำหรับคุณแล้วนี่ยังเทียบไม่ได้กับเนื้อติดมันเลย คุณน่าจะกินมันต่อไป คุณจินเหลียนเปิดบริษัทจิวเวอรี่ ขอแค่เก็บอัญมณีพวกนี้ไว้แล้วส่งไปขายที่ต่างประเทศ คงไม่น่ากังวลเรื่องช่องทางการขายหรอกมั้ง?”
ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้า ต่างประเทศ? ถ้าหากเป็นร้อยปีก่อน การคมนาคมไม่ได้เจริญเหมือนสมัยนี้ ข้อมูลข่าวสารยังไม่ได้แพร่หลายทั่วโลก สินค้าจากทางใต้ไปขายทางเหนือยังพอมีทางเป็นไปได้ แต่ตอนนี้ถ้าหากจะใช้วิธีขายของที่ขโมยมา เท่ากับว่าเป็นการรนหาที่ตาย นอกจากนี้นี่ยังเป็นคดีปล้นอัญมณีมีผลกระทบเลวร้าย คงจะต้องเข้าหูตำรวจนานาชาติแน่ เธอไม่อยากจะหาเรื่องใส่ตัวสักหน่อย
“ฉันเรียกพวกคุณมาร่วมงาน แน่นอนว่าก็ต้องช่วยพวกคุณคิดหาช่องทางการขายสินค้าที่สมบูรณ์แบบไว้หมดแล้ว!” หญิงงามพูด
“น่าจะเพราะว่าช่องทางการขายนั้นไม่ได้ราบรื่นอะไรสินะ ไม่อย่างนั้นคุณจะมาร่วมมือกับพวกเราทำไม?” จ่านป๋ายพูด
“พวกเราต้องการบริษัทจิวเวอรี่สักแห่ง เพราะถ้าหากพวกเราขายเอง คงไม่มีเงินสดมาหมุนเวียน พวกเราต้องการเงินสดก้อนใหญ่ ตอนนี้…” หญิงงามในชุดโบราณส่ายหน้าพูด
“แล้วถ้าพวกเราไม่ตกลงที่จะร่วมงานด้วยล่ะ?” ซีเหมินจินเหลียนถามกลับ
“คุณต้องตกลงอยู่แล้ว!” หญิงงามในชุดโบราณพูดอย่างมั่นใจ
“คุณเอาอะไรมามั่นใจ?” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้า “ทำไมฉันต้องร่วมมือด้วย เงินสดที่มีอยู่ในตอนนี้ย่อมดีกว่าซื้อเครื่องประดับอัญมณีที่ขายได้ยากอีก หนำซ้ำนี่ก็กำลังเป็นประเด็นที่พูดถึงกันอยู่”
หญิงงามในชุดโบราณขมวดคิ้ว ได้แต่มองจ่านป๋าย ในเมื่อจ่านป๋ายมาแล้วก็เท่ากับว่าเขาคิดจะร่วมมือแล้ว
“ในนามของผู้ประมูลบริษัทจินติ่ง อยากจะนำอัญมณีเหล่านี้ขนย้ายไปต่างประเทศ คงไม่มีปัญหาอะไรหรอกใช่ไหม?” หญิงงามในชุดโบราณพูด “ตอนแรกคุณจ่านใช้การประมูลจินติ่งไปไม่รู้เท่าไหร่ในการชะล้างสินค้าผิดกฎหมาย!”
จ่านป๋ายไม่พูดอะไรอีก หญิงงามในชุดโบราณจึงพูดขึ้นว่า “นอกจากนี้ คุณจ่านกับการประมูลใต้ดินในยุโรปมีความสัมพันธ์กันมาตลอด เครื่องประดับชั้นนำบางชิ้นในชุดนี้สามารถส่งไปประมูลได้ ส่วนเพชรที่เจียระไนออกมาลักษณะธรรมดาก็นำมาตกแต่งทำเครื่องประดับต่างๆ แล้วค่อยขายน่าจะไม่มีปัญหาอะไร คงไม่มีใครคอยสงสัยแหล่งที่มาของเพชรที่มาจากบริษัทจิวเวอรี่ชั้นนำหรอก คุณจินเหลียนน่าจะนำเพชรนำเข้ามาจากคุณชายใหญ่จ่านใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นขอแค่คุณชายใหญ่จ่านเปิดบิลสร้างจำนวนปลอมแปลงขึ้นมา เพชรของคุณก็จะถูกตามหลักกฎหมาย”
ซีเหมินจินเหลียนยังคงส่ายหน้า พระเจ้า นี่เป็นการปล้นกันชัดๆ…
“อัญมณีเหล่านี้มูลค่าทั้งหมดเท่าไหร่” จู่ๆ จ่านป๋ายก็ถามขึ้น
“เท่านี้!” หญิงงามยกสองนิ้วขึ้นและส่ายไปมา
ซีเหมินจินเหลียนแอบสูดหายใจ ไม่รู้จะพูดอะไรออกมาดี ราคาเท่านี้ในเวลารวดเร็ว เธอจะไปหาเงินสดออกมามายมายจากที่ไหน
“พวกเรามีสินค้าที่ขโมยมาได้ แน่นอนว่าไม่สามารถขายได้ในราคาเดิม!” หญิงงามในชุดโบราณพูดน้ำเสียงนิ่ง “เพราะฉะนั้นพวกเรามาเจรจาธุรกิจกันดีกว่า กำไรห้าสิบเปอร์เซ็นต์ เพราะพวกคุณก็ต้องรับผิดชอบความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น! อีกทั้งครั้งนี้พวกเรายังขโมยอัญมณีมาถึงสิบสามแห่ง ทั้งหมดล้วนเป็นของบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่ที่แยกมาจากธุรกิจของตระกูลอวิ๋นทั้งนั้น ฉันว่าคุณจินเหลียนน่าจะยินดีที่จะคิดบัญชีกับคุณนายซูใช่ไหม?”
“แน่นอนอยู่แล้ว!” ซีเหมินจินเหลียนกะพริบตาและพยักหน้าลง “ชัยชนะฉันไม่ต้องการ แต่ฉันจะทำให้เธอโชคร้ายแน่ๆ”
“ฉันหวังว่าพวกเราจะสามารถร่วมงานกันได้ในระยะยาว เพราะฉะนั้นพวกเราจึงให้คุณนายซูเดิมพันทรัพย์สิน!” หญิงงามในชุดโบราณพูด
“ไม่ใช่ว่าเดิมทีพวกคุณก็ร่วมมือกับคุณนายซูหรอกเหรอ?” จู่ๆ จ่านป๋ายถามขึ้น
“ในเมื่อเป็นการร่วมมือกัน ก็ต้องมีฝ่ายหนึ่งที่ทำผิดสัญญา ส่วนอีกฝ่ายก็ไม่ใช่คนโง่!” หญิงงามในชุดโบราณพูดขึ้น “ที่บริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่สามารถมีวันนี้ได้ คุณจ่านก็น่าจะรู้ว่าพวกเราก็ช่วยเหลือไว้เยอะ แต่เธอคิดว่าตัวเองปีกกล้าขาแข็งก็เลยพลิกสีหน้า ถ้าอย่างนั้นก็ต้องขอโทษด้วย ก็อย่างที่คุณจินเหลียนพูดไว้ ไม่มีใครโง่ เธอคิดว่าขอแค่มีคุณนายอวิ๋นอยู่ เธอก็จะรู้สิ่งของที่อยู่ในตำนาน ฝันหวานไปหน่อยมั้ง!”
“อะไรนะ?” ซีเหมินจินเหลียนถามแปลกใจ “หาของอะไรในตำนานนะ?”
“คุณจินเหลียน หรือว่าบรรพบุรุษของคุณก็ไม่ได้บอกไว้ ของที่คุณกำลังตามหา ก็ไม่ได้มีแต่ตระกูลของคุณที่กำลังตามหาหรอกนะ?” หญิงงามในชุดโบราณพูด