บทที่ 2170+2171

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2170 เด็กน้อย เจ้าลงมือได้แล้ว 3

จูผอหลงนั้นดิ้นรนไปมาอยู่รอบหนึ่งก็ฉีกทำลายตาข่ายนี้ไม่ได้…

แน่นอนว่าชายชาตรีแปดคนที่คอยดึงตาข่ายไว้ตลอดเวลาก็ถูกเหวี่ยงไปมาจนหน้าแดงก่ำ ถูกจูผอหลงกระชากจนล้มกลิ้งไม่เป็นท่า…

ส่วนอีกสี่คนถือกระบี่ยาวในมือเหินทะยานขึ้นเป็นครั้งคราว ทิ่มแทงจูผอหลงในตาข่ายอย่างดุดัน…

ทั้งสิบสองคนร่วมแรงร่วมใจกัน ด้วยการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี

กู้ซีจิ่วมองลงไปด้านล่างครู่หนึ่งแล้วหันหน้าเอ่ยถามตี้ฝูอี

“พวกเราไม่ช่วยหรือ?”

เธอไม่ค่อยได้พบเห็นคนภายนอกและรู้สึกดีมาก เมื่อเห็นใบหน้ามอมแมมของสิบสองคนนั้นที่ถูกจูผอหลงเหวี่ยงไปมา จึงรู้สึกทนไม่ไหวอยู่บ้าง อยากจะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ

ตี้ฝูอีส่ายหน้าเล็กน้อย

“ไม่จำเป็น อีกสักครู่ค่อยว่ากัน”

จิตใจมนุษย์ไม่อาจคาดคะเน คนเหล่านั้นเตรียมการป้องกันพวกเขาไว้อย่างดี หากพวกเขาลงไปช่วยเหลือยามนี้ มีแต่จะทำให้อีกฝ่ายต่อต้าน…

สายตาเขาเฉียบแหลม มองแค่เพียงไม่นานก็ดูออกว่าคนเหล่านี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจูผอหลงตัวนี้แม้แต่น้อย เมื่อถึงเวลาสำคัญเขาค่อยลงมือก็ยังไม่สาย

เขาคาดการณ์ได้แม่นยำยิ่งนัก ผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วยาม ทั้งสิบสองคนนั้นก็ถูกเหวี่ยงจนอ่อนเปลี้ยเพลียแรง ทว่ากลับไม่ได้ทิ้งบาดแผลไว้ให้จูผอหลงนั้นแม้แต่น้อย

กู้ซีจิ่วเคยเตือนพวกเขาให้แทงเข้าที่ตาข้างซ้ายของจูผอหลงด้วยความหวังดี ทว่าพวกเขาพยายามเท่าใดก็แทงไม่โดนสักที…

ทั้งสิบสองคนนี้ก็นับได้ว่าเป็นยอดฝีมือ ตัดต้นไม้ยักษ์ที่แข็งแรงต้นหนึ่งให้ล้มครืนได้ในครั้งเดียว ทว่าผิวหนังของ     จูผอหลงทนทานยิ่งกว่าต้นไม้ยักษ์ บวกกับที่มันกลิ้งไปมาบนพื้นอย่างบ้าคลั่ง ทำให้ฝ่ามือของทั้งแปดคนที่ดึงรั้งตาข่ายไว้หลั่งโลหิต แต่ก็ยังควบคุมมันไว้ไม่ได้…

เห็นได้ชัดว่าจูผอหลงถูกขังอยู่ในตาข่ายจนทนไม่ไหวแล้ว จู่ๆ เสียงกรีดร้องบิดเบี้ยวก็ดังขึ้น มันกระพรือปีกทั้งสองข้างแล้วเหินทะยานขึ้นไปทันที!

พละกำลังของมันแกร่งกล้ายิ่งนัก นำพาคนทั้งแปดที่ดึงตาข่ายอยู่เหินทะยานขึ้นไปเช่นกัน…

คนเหล่านี้ตกตะลึงจนหน้าเปลี่ยนสี อีกสี่คนที่เหลือก็ไม่สนใจจะใช้กระบี่ยาวอีกต่อไปแล้ว รีบไปช่วยดึงตาข่ายไว้เช่นกัน…

ในที่สุดจูผอหลงที่เหินทะยานขึ้นไปสูงหนึ่งจั้งก็ถูกดึงลงมาอย่างรุนแรง!

ยามจูผอหลงร่อนลงบนพื้นก็กลิ้งหลุนๆ ล้มทับทั้งสิบสองคนในทันที หนึ่งในนั้นมีสตรีนางหนึ่งพละกำลังอ่อนแรง มือพลันลื่นหลุด ปล่อยตาข่ายออกจากฝ่ามือนางไป…

จูผอหลงก็ฉลาดหลักแหลมยิ่งนัก รีบพุ่งเข้าไปทางคนนี้ทันที!

คนผู้นั้นส่งเสียงกรีดร้อง ส่วนศีรษะของจูผอหลงหลุดออกมาจากตาข่ายได้แล้ว อ้าปากกว้างงับไปทางสตรีนางนั้นทันที…

ฟันอันแหลมคมอยู่เบื้องหน้า สตรีนางนั้นตกใจกลัวจนหลับตาลง เมื่อฟันแหลมคมกำลังจะงับศีรษะนาง เสียงสายลมพลันพัดผ่าน ร่างสตรีนางนั้นก็โบยบินไปอย่างกะทันหันประหนึ่งขี่เมฆาลอยล่อง ฝีเท้าพลันหยุดชะงักราวกับเหยียบย่ำลงบนของแข็งอะไรสักอย่าง

“ยืนให้ดี!”

มีซุ่มเสียงสายหนึ่งดังขึ้นข้างหู

นางลืมตาขึ้นโดยสัญชาตญาณพบว่าตัวเองยืนอยู่บนต้นไม้ต้นหนึ่งพอดี ข้างกายเป็นสตรีอาภรณ์สีฟ้าอ่อนนางหนึ่ง

เครื่องหน้างดงามดังภาพวาด หว่างคิ้วกล้าแกร่งเหนือผู้อื่น ผิวพรรณสีน้ำตาลอ่อนสุขภาพดี นั่นก็คือหนึ่งในคนว่างงานสองคนที่รับชมอยู่ด้านข้างเมื่อสักครู่

เห็นได้ชัดนัก สตรีนางนี้ช่วยเหลือนางไว้ในยามคับขัน

“ขอบคุณ…”

สตรีนางนี้ยังคงตื่นตะลึงไม่หาย กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

คนที่ช่วยนางย่อมเป็นกู้ซีจิ่ว เธอใช้วิชาเคลื่อนย้ายพริบตาเพื่อช่วยคนในเสี้ยวนาทีหนึ่ง ทว่าความสนใจของเธอในยามนี้ไม่ได้พุ่งไปที่สตรีที่เธอช่วยเอาไว้ แต่เป็นเบื้องล่าง…

สตรีที่ถูกช่วยเหลือก็มองลงไปเบื้องล่าง สีหน้าพลันแปรเปลี่ยน!

จูผอหลงตัวนั้นเป็นอิสระแล้ว!

ตาข่ายกลไกร่วงหล่นจากร่างมัน ยามนี้มันยืนตระหง่านน่าเกรงขามอยู่ตรงที่เดิม ทว่าอีกสิบเอ็ดคนที่เหลืออยู่กลิ้งไปมา ล้มลุกคลุกคลานบนพื้น ยังลุกขึ้นไม่ได้ชั่วขณะหนึ่ง…

หลังจากจูผอหลงเป็นอิสระแล้วก็ไม่ได้รีบร้อนวิ่งหนีไป ดวงตาทั้งคู่แดงก่ำ เส้นขนทั้งร่างลุกตั้ง ปีกก็แผ่ขยายออกไป

————————————————————————————-

บทที่ 2171 เด็กน้อย เจ้าลงมือได้แล้ว

ชัดเจนยิ่งนัก มันโมโหแล้ว!

“กรรซ์…”

จูผอหลงคำรามเสียงแหลม ปีกไหวกระพือ ไอหมอกสีแดงจางๆโหมออกมารอบกายมันปานพายุไต้ฝุ่น หมุนเข้าใส่คนเหล่านั้น!

ทุกที่ที่เฉียดผ่าน ต้นไม้จะหักโค่น ราวกับถูกพายุไต้ฝุ่นระดับสิบสองพัดถล่ม

ส่วนสิบเอ็ดคนนั้นที่เพิ่งตะเกียกตะกายลุกขึ้นมาจากพื้นหน้าเปลี่ยนสีกันหมดแล้ว! รีบหลบเลี่ยงออกไปสารพัดทิศทาง…

เมื่อจูผอหลงตัวนี้เป็นอิสระ ก็ราวกับมังกรเจียวลงจากเขา หมายจะสังหารผู้ที่ปองร้ายมันเสีย ร่างกายใหญ่โตที่อยู่ท่ามกลางพายุไต้ฝุ่นของมันพุ่งเข้าหาชายคนหนึ่งในบรรดานั้น…

คนผู้นั้นเพิ่งถูกพายุไต้ฝุ่นพัดจนล้มคว่ำ ยังไม่ทันได้ลุกขึ้น ก็มองเห็นกรงเล็บใหญ่โตของจูผอหลงตัวนั้นตะปบลงมาทางเขาแล้ว!

อุ้งเท้าของจูผอหลงตัวนี้มีขนาดเท่าบุ้งกี๋ เมื่อกรงเล็บนี้ตะปบลงมา สามารถฉีกคนผู้นี้ออกเป็นชิ้นๆ ได้เลย!

คนผู้นี้อยากจะหลบก็ไม่ทันการแล้ว จึงสิ้นหวังทันที

ทันใดนั้นพลันมีร่างคนผู้หนึ่งแวบเข้ามา เกิดเสียงดังปัง เงาร่างคนผู้นั้นเตะลงบนสะโพกของจูผอหลง…

ไม่น่าเชื่อว่าร่างกายของจูผอหลงที่ใหญ่โตถึงเพียงนั้นจะถูกลูกเตะนี้เตะจนพลิกหงายไป!

คนที่ตกอยู่ในอันตรายย่อมมีปฏิกิริยาตอบสนองว่องไวเช่นกัน กลิ้งตัวออกไปสิบแปดตลบทันที จากนั้นก็ดีดตัวขึ้นมาดุจปลาไน

เขาเก็บชีวิตกลับมาได้แล้ว หัวใจเต้นโครมคราม มองไปที่เงาร่างคนผู้นั้นตามสัญชาตญาณ พบว่าเป็น ‘คนว่างงาน’ ที่ถูกเขาตักเตือนไป

…บุรุษคนนั้นหล่อเหลาอย่างยิ่ง

บุรุษว่างงานคนนั้นมองเขาอย่างเฉยชาแวบหนึ่ง

“ตอนนี้จูผอหลงตัวนี้ยังใช่ของพวกเจ้าอยู่หรือไม่?”

บุรุษที่ประสบภัยคนนั้นหน้าซีดเผือด ยามนี้พรรคพวกของเขากำลังถูกจูผอหลงไล่ล่าจนล้มลุกคลุกคลานอยู่ อย่าได้พูดถึงการล่าสังหารจูผอหลงเลย เกรงว่าชีวิตของพวกเขาก็คงต้องสละไว้ที่นี่แล้ว!

“จูผอหลงตัวนี้เป็นของท่านผู้สูงศักดิ์แล้ว! รีบลงมือเถิด…”

บุรุษที่ประสบภัยเป็นหัวหน้าของกลุ่มนี้ เลือกเส้นทางที่ถูกต้องที่สุดทันที

คนอื่นๆ ที่ถูกจูผอหลงไล่ล่าอยู่ก็พากันตะโกนเช่นกัน

“พวกเราไม่ต้องการมันแล้ว! ท่านผู้สูงศักดิ์ลงมือเถิด…”

“ช่วยด้วย…”

ตี้ฝูอีกระตุกมุมปากนิดๆ หันกลับไปส่งสัญญาณให้กู้ซีจิ่ว

“เด็กน้อย เจ้าลงมือได้แล้ว”

กู้ซีจิ่วพลันส่ายโงนเงน หวิดจะร่วงตกจากต้นไม้

เธอเหลือบมองตี้ฝูอีแวบหนึ่ง เจ้าคนผู้นี้เปลี่ยนคำเรียกขานเธอมากมายนัก ซีจิ่ว เสี่ยวซีจิ่ว หนนี้แม้แต่คำว่า ‘เด็กน้อย’ ที่เลี่ยนเอียนถึงเพียงนี้ก็ยังหยิบออกมาใช้!

ประหลาดนัก เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าคำเรียกขานนี้เลี่ยนยิ่ง แต่พอออกมาจากปากเขา ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะใจสั่น เกิดความรู้สึกเศร้าหมองประการหนึ่งขึ้นมาอย่างน่าประหลาด

แน่นอนว่าความเศร้าหมองนี้มีเพียงแวบเดียวเท่านั้น วินาทีถัดมาความสนใจของเธอก็ถูกจูผอหลงดึงดูดไปแล้ว

“ช่วยด้วย…”

หญิงสาวคนหนึ่งเกือบถูกจูผอหลงกระชากแผ่นหลังแล้ว หวีดร้องเสียงแหลมด้วยความตระหนก กู้ซีจิ่วใช้วิชาเคลื่อนย้ายลากนางขึ้นมาบนต้นไม้

หญิงสาวนางนั้นยังไม่ทันได้สติกลับมา กู้ซีจิ่วก็เคลื่อนย้ายลงไปอีกครั้งแล้ว ขวางอยู่เบื้องหน้าจูผอหลงตัวนั้นทันที คมกระบี่ในมือชี้เข้าใส่

“เจ้าหมู คู่ต่อสู้ของเจ้าคือข้า!”

น้ำเสียงกระจ่างชัด ราวกับแว่วขึ้นริมหูของทุกคน

ด้วยเหตุนี้ ทั้งสิบสองคนที่เพิ่งรอดพ้นอันตรายมาจึงได้เห็นฉากที่ตระการตายิ่งนัก

เด็กสาวในชุดสีฟ้าอ่อนนางนั้นดุจโบยบิน เหินร่อนขึ้นๆ ลงๆ อยู่รอบกายจูผอหลงที่กระทำการทารุณพวกเขาอย่างน่าสังเวชยิ่งนักตัวนั้น…

ผ่านไปไม่ถึงหนึ่งถ้วยชา กระบี่ล้ำค่าในมือของเด็กสาวผู้นั้นก็แทงเข้าที่ตาซ้ายของจูผอหลง

สุ้มเสียงของจูผอหลงเปลี่ยนเป็นโหยหวนน่าเวทนา ในที่สุดก็ล้มลงไป

ทุกคนตะลึงงัน!

พวกเขาวางแผนแล้ววางแผนอีก พยายามสุดชีวิตก็ยังจับจูผอหลงไม่ได้ ไม่น่าเชื่อว่าจะถูกเด็กสาวที่ผอมบางอ่อนแอคนหนึ่งสังหารได้อย่างง่ายดาย…

วรยุทธ์เช่นนี้…

สายตามากมายร่อนลงบนร่างกู้ซีจิ่ว ฝูงชนอ้าปากค้างเล็กน้อย ต่างก็พูดไม่ออก

—————————————–