บทที่ 538 หัวหน้าผู้อยู่เบื้องหลังของบริษัทหรูอ

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

“รบกวนช่วยฉันส่งหวั่นชิงกลับโรงแรมด้วย”

แม้ว่าเย่เทียนจะสนใจหัวหน้าผู้อยู่เบื้องหลังของเสี้ยงเหวินแต่เขาเองก็จะต้องจัดการเฉินหวั่นชิงเสียก่อนและคนที่ดีที่สุดที่จะพาไปอย่างไม่ต้องสงสัยเลยก็คือช่างภาพเซ่อันนี่เอง

“คุณเย่ ตู้เคอหลินเป็นคุณชายใหญ่ที่นิสัยเสีย เรื่องในวันนี้เขาคงไม่ยอมวางมือเป็นแน่ ผมว่าพวกคุณควรจะออกจากเกาะนกนางนวลให้เร็วที่สุดคงเป็นการดี!”

ไม่ทันรอเซ่อันตอบ เจ๊หยกก็แทบรอไม่ไหวที่จะออกเสียงพูดเตือน

“คุณเย่ คุณเฉิน เจ๊หยกพูดถูก”

เซ่อันพยักหน้าด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม “ชื่อเสียงของตู้เคอหลินบนเกาะนกนางนวลแห่งนี้ไม่ดีนัก หากวันนี้เขาเสียหน้าขนาดนี้ เขาก็คงจะต้องหาวิธีแก้แค้นคุณเป็นแน่”

“ไม่เป็นไรหรอก หากเขากล้าเข้ามายุ่งวุ่นวาย ฉันเองก็มีวิธีจัดการเขาเช่นกัน!”

เย่เทียนผู้มีความมั่นใจในฝีมือตัวเองก็ไม่ได้เอามาใส่ใจ

เมื่อมองไปเห็นท่าทางที่ไร้ความกลัวของเย่เทียน สีหน้าของเซ่อันก็ดูแปลกใจขึ้นเล็กน้อย

เป็นไปได้ไหมว่าถึงแม้ว่าชีวิตที่อยู่บนเกาะนกนางนวลที่ดูไม่คุ้นเคยแต่เย่เทียนก็ไม่ได้รู้สึกว่าตู้เคอหลินเป็นสิ่งคุกคาม?

เขาไปเอาความมั่นใจมากมายมาจากไหน?เป็นคุณชายใหญ่ของมหาเศรษฐีจากแห่งใดกัน?

“ฉันเข้าใจแล้ว”

เซ่อันจ้องมองไปที่เย่เทียนจนเมื่อรู้สึกว่านี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น เขาจึงได้พยักหน้าตอบรับ “เช่นนั้นพวกเราจะพาคุณเฉินกลับไปก่อน คุณเองก็ระวังตัวด้วย”

หลังจากที่รอส่งเฉินหวั่นชิงสามคนนั้น เย่เทียนก็ได้เดินตามเสี้ยงเหวินไปที่ห้องดีลักซ์ชั้นบนสุดของโรงแรมเฟยเฟิง

“คุณเย่ หัวหน้าได้รออยู่ด้านในแล้ว เช่นนั้นผมขอไม่เข้าไปกับคุณนะครับ”

เสี้ยงเหวินเคาะประตูด้วยความเคารพและหลังจากได้คำตอบรับจากด้านใน เขาก็ได้ช่วยผลักประตูพร้อมกับทำท่าทางผายมือเชิญชวน เห็นได้ชัดว่าไม่ต้องการที่จะเข้าไปด้วย

เย่เทียนพยักหน้าเล็กน้อย และเข้าไปในห้องโดยไม่ลังเล

ท้ายที่สุดมันเป็นห้องดีลักซ์ที่ด้านในตกแต่งได้อย่างเรียบง่ายและหรูหรา มีชายวัยกลางคนที่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวนั่งอยู่บนโซฟาตัวนุ่มและด้านหน้าของเขามีชุดน้ำชากังฮูเต้วางอยู่

ชายวัยกลางคนมีใบหน้าที่เด็ดเดี่ยว ศีรษะโกนผมเสียจนสะอาดสะอ้าน กล้ามเนื้อของเขาปูดโปนขึ้นในเสื้อเชิ้ตสีขาว เมื่อมองดูก็รู้แล้วว่าคงเป็นหัวหน้าที่แตกต่างจากคนทั่วไป เขาเป็นคนที่ออกกำลังเป็นประจำ

ที่จริงแล้วคนมีเงินส่นมากมักจะหันไปสนใจความเพลิดเพลิน น้อยคนนักที่จะออกกำลังกายจนเป็นชายวัยกลางคนที่มีรูปร่างแข็งแกร่งเช่นนี้

“คุณเย่ มันช่างเป็นละลาบละล้วงที่เชิญคุณมาอย่างกะทันหันเช่นนี้ หวังว่าคงจะถูกตำหนิ”

เมื่อเห็นเย่เทียนปรากฏขึ้น ชายวัยกลางคนก็ไม่รอช้าที่จะลุกยืนขึ้น “ผมชื่อหลู่อี้ และดูท่าน่าจะอายุเยอะกว่าคุณไม่น้อยเลย หากคุณไม่ว่าอะไรเรียกผมว่าพี่ชายก็ได้นะครับ”

“ประธานหลู่ไม่ทราบว่าที่ท่านเรียกผมมา มีเรื่องอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าครับ?”

เย่เทียนยักไหล่พร้อมกับนั่งลงบนโซฟาอย่างเกียจคร้าน

“ในเมื่อคุณได้ทำการประมูลสร้อยคอรักนิรันดร์แล้ว เช่นนั้นคุณก็คือลูกค้าผู้มีเกียรติของบริษัทเราครับ”

หลู่อี้ขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่จากนั้นไม่นานก็ได้คลายออกพร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้มว่า “หากน้องชายเย่รู้สึกว่าต้องการ ผมสามารถจัดหาคนไปส่งพวกคุณที่สนามบินได้นะครับ”

“ผมต้องขอบคุณประธานหลู่สำหรับความหวังดีนะครับ แต่ว่า……”

เย่เทียนส่ายหัวปฏิเสธความหวังดีของหลู่อี้ พร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คนเกรดต่ำอย่างตู้เคอหลิน ผมไม่เอามาอยู่ในสายตาหรอกครับ!”

“เอ๊ะ?!”

การแสดงออกที่ดูแข็งแกร่งของเย่เทียนทำให้หลู่อี้ตกใจ เขาถอนหายใจอย่างลับๆ ชายหนุ่มคนนี้มาจากไหน นึกไม่ถึงว่าจะหยิ่งผยองเช่นนี้ มีความมั่นใจมากเกินไปหรือเปล่า?

“น้องเย่ ฉันไม่รู้ว่าคุณรู้แน่ชัดไหมแต่ตู้เคอหลินเป็นลูกชายคนเดียวของตู้เฮิงฉุนของตระกูลตู้แห่งเมืองจินเชียวนะ บนเกาะนกนางนวลแห่งนี้เขามีอำนาจมากเลยล่ะ”

หลู่อี้กวาดตามองเย่เทียนจากบนลงล่างพร้อมกับพูดโน้มน้าว “แน่นอนว่าฉันเองก็เชื่อว่าคุณคงไม่ใช่คนธรรมดา แต่บนเกาะนกนางนวลแห่งนี้ก็ถือว่าคุณเป็นคนนนอก จะทำการอะไรก็คงลำบากอยู่ไม่น้อย”

“ประธานหลู่ พวกตระกูลตู้ไม่ใช่สิ่งที่จะไปหาเรื่องได้ง่ายๆก็จริง เป็นไปได้ไหมว่าท่านรู้สึกว่าตระกูลเย่ของผมหาเรื่องได้ง่าย?”

รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นมาจากมุมปากของเย่เทียน “ทุกๆคนล้วนแต่อยู่ที่เมืองจิน หากตู้เคอหลินต้องการมายุ่มย่ามจริงๆก็คอยดูว่าใครจะเสียเปรียบกว่ากัน!”

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาอ้างบารมีของตระกูลเย่ หากมีแค่เขาคนเดียวก็คงไม่ต้องทำเรื่องให้วุ่นวายขนาดนี้ หากตู้เคอหลินอยากมาจริงๆ อยากมากก็แค่ถูกตีอย่างทรมานก็แค่นั้น

แต่ตอนนี้ยังมีเฉินหวั่นชิงอยู่ เขาไม่อยากจะทำเรื่องหยาบคายอะไรต่อหน้าเฉินหวั่นชิง การที่พูดเรื่องตระกูลเย่ออกมาก็เพราะว่าเชื่อว่าต่อให้ตู้เคอหลินที่เป็นคนรุ่นที่สองจะไม่มีสมองยังไงแต่ก็คงต้องรู้จักหัดชั่งน้ำหนักพิจารณาด้วย

เมืองจิน!

ตระกูลเย่!

หลู่อี้จับใจความสำคัญของเย่เทียนได้ในทันที รูม่านตาของเขาหดลงพร้อมกับมองมาที่เย่เทียนอย่างซับซ้อน

ที่เมืองจินมีคนจำนวนไม่น้อยที่ใช้ตระกูลเย่แต่คนที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นคนตระกูลเย่จริงๆมีเพียงแค่หนึ่งคนเท่านั้น!แต่ปัญหาสำคัญเลยก็คือหลู่อี้ไม่มีความประทับใจในตัวเย่เทียนเลยแม้แต่น้อย!

“น้องเย่ แม้ว่าฉันจะไม่ค่อยได้ติดต่อกับตระกูลเย่ในเมืองจินมากนักแต่จากคนแวดวงเดียวกัน ฉันแทบจะไม่ได้ยิน…….”

หลู่อี้จงใจพูดอึกอักเพราะกลัวว่าหากพูดออกไปแล้วจะทำให้เย่เทียนไม่พอใจได้

“ในเมื่อท่านพูดว่าแทบจะไม่ได้อยู่ในแวดวงเดียวกัน เช่นนั้นก็สันนิษฐานว่าท่านเองก็รู้ดีว่าเมื่อไม่กี่ปีก่อนตระกูลเย่ได้ขับไล่คนออกมาใช่ไหม?”

เย่เทียนจะไม่เข้าใจความหมายของหลู่อี้ได้อย่างไร เช่นนั้นเขาจึงหยิบกาน้ำชาพร้อมกับเทน้ำชาให้ตัวเอง

“เอ๊ะ?!”

ดวงตาของหลู่อี้เบิกตากว้างในทันที เรื่องในตอนนั้นเป็นเรื่องที่ดังเกริกก้องในเมืองจิน เขาจะไม่รู้ได้อย่างไร

แต่เมื่อเห็นท่าทางที่สงบของเย่เทียนแล้ว เขาเป็นคนที่ถูกขับไล่ออกมาจริงหรือ?หากไม่ใช่แล้วทำไมตระกูลเย่ต้องทำขนาดนั้นด้วย?

“ประธานหลู่ พวกเราก็เคยเจอกันมาก่อนและผมก็ดื่มชาแล้ว หากไม่มีเรื่องอะไรแล้วผมขอตัวก่อน”

เย่เทียนไม่สนใจว่าหลู่อี้จะคิดอะไรอยู่ เขายืนขึ้นพร้อมจัดคอเสื้อให้ตรง “หากได้ล่ะก็รบกวนช่วยไปจัดการตู้เคอหลินให้หน่อย ผมไม่อยากทำให้เป็นเรื่องใหญ่”

“น้องเย่ คุณเย่ วางใจได้เลย อีกสักครู่ฉันจะให้เสี้ยงเหวินไปหาตู้เคอหลิน”

สติขอหลู่อี้กลับมา พยักหน้าด้วยใบหน้าที่จริงจัง

แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจแน่ชัดว่าเย่เทียนถูกตระกูลเย่ขับไล่จริงหรือไม่ แต่เขาก็ยังจัดคนไปบอกตู้เคอหลิน สำหรับเขาแล้วมันไม่ได้ทำให้สูญเสียอะไร เป็นเรื่องเล็กน้อยจนแทบไม่ต้องออกแรง

ท้ายที่สุดแล้วหากความสัมพันธ์ของเย่เทียนและตระกูลเย่จะไม่เหมือนที่ข่าวลือว่าเอาไว้ แสดงว่านี่เกี่ยวข้องกับเย่เทียนอย่างไม่ต้องสงสัย

มุมปากของเย่เทียนอดไม่ได้ที่จะขดรอยยิ้มออกมา เขาจะไม่รู้ได้ยังไงว่าหลู่อี้คิดอะไรอยู่

แม้ว่าหลู่อี้จะบอกว่าแทบไม่ได้อยู่ในแวดวงเดียวกันแต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่าแวดวงใหญ่อย่างเมืองจินก็ยังมีแวดวงเล็กๆที่แตกต่างกันอยู่ด้านใน

หลู่อี้เป็นบุคคลแวดวงระดับสอง แน่นอนว่าต้องการเข้าไปเป็นแวดวงชั้นหนึ่งเป็นแน่ หากไต่ระดับมาถึงตระกูลเย่ได้คงจะต้องทำได้เร็วอย่างไม่ต้องสงสัย

แน่นอนว่าหากไม่เกิดอะไรที่ไม่คาดฝันขึ้น เย่เทียนก็คงไม่ได้รังเกียจที่จะช่วยเหลือเขา ลึกๆภายในใจก็ยังคงมีความคิดริเริ่มที่จะทำอยู่

เขาต้องการสายเลือดที่ไม่มีความสัมพันธ์ใดๆกับเหล่าญาติพี่น้อง ถึงแม้เย่เทียนจะไม่ได้รับการสนับสนุนจากตระกูลเย่แต่เขาก็เป็นมังกรเหมือนกัน!

แม้กระทั่งตระกูลเย่เองก็ต้องยอมจำนนต่อหน้าเขา!