ส่วนที่ 5 ตอนที่ 58 ความใฝ่ฝันของโก่วจื่อ

เจาะเวลาสู่ต้าถัง

รอยยิ้มของโก่วจื่อนั้นเจิดจ้าและชวนมองมาก เพราะมักจะยิ้มยิงฟันจนเห็นฟันขาวๆ คนในแดนกวนจงที่จะมีฟันที่ดีเช่นนี้นั้นหาได้น้อยมาก โดยมากแล้วจะมีฟันเหลืองกันซึ่งบางทีอาจจะเป็นเพราะอาหารการกิน แต่หลักการข้อนี้ไม่ส่งผลกระทบอะไรกับโก่วจื่อเลย ฟันของเขาขาวราวกับหินหยกที่ส่องประกายเจิดจรัส การกินอาหารบำรุงร่างกายเป็นเวลาหนึ่งปีกว่าได้ทำให้เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ร่างผอมๆ เล็กๆ ได้กลายเป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลา 

 

 

หมี่จือแดนแห่งสาวงามและถั่วเต๋อแดนแห่งชายฉกรรจ์ ไม่ต้องถามไม่ต้องมองใครก็รู้ หนุ่มน้อยวัยเยาว์ควบม้าผ่าน ทำให้หมี่จือหลงใหลอย่างคลั่งไคล้ สิงโตเฝ้าอยู่หน้าบ้านแมวไม่กล้ำกราย ชายแห่งแดนถั่วเต๋อแข็งแกร่งกว่ารุ่นก่อน

 

 

นี่เป็นประโยคเนื้อร้องของเพลงพื้นบ้านในแดนกวนจง จาวฉานที่งามหยาดเยิ้มโด่งดังทั่วหล้า หลี่ว์ปู้ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นจากทั้งสองเมืองนี้ ทุกคนตั้งแต่เบื้องบนถึงเบื้องล่างในตระกูลอวิ๋นต่างก็ชอบพอโก่วจื่อ ทุกครั้งที่แม่เฒ่าผ่านมาที่ร้านน้ำชาแผงลอยจะต้องแวะพักเพื่อดื่มชาสักถ้วยและพูดคุยกับมารดาที่ตาบอดสักสองสามประโยค ทั้งยังชื่นชมความกตัญญูและเชื่อฟังของโก่วจื่อ นี่เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในชีวิตของหญิงตาบอดนางนี้ แม้แต่แม่เฒ่าระดับเฮ่ามิ่งฮูหยินยังชื่นชมลูกชายของนางยังจะมีอะไรไม่พอใจกันอีก มีก็เพียงแค่บางครั้งที่บ่นน้อยเนื้อต่ำใจที่นางนั้นตาบอดทำให้ลูกชายต้องพลอยลำบากไปด้วย ไม่เช่นนั้นลูกชายคนนี้ก็คงได้แต่งงานแล้ว

 

 

ทั้งยังบอกอีกว่าเด็กคนนี้นำเงินที่ต้องเสี่ยงชีวิตหามาจากทุ่งหญ้ามารักษาโรคให้นางทั้งหมด ไม่มีหญิงสาวคนไหนอยากจะแต่งงานมาอยู่ในครอบครัวที่ยากจนเช่นนี้ เป็นเพราะนางที่เป็นภาระอันหนักอึ้งทำให้เด็กคนนี้มีชีวิตอยู่แล้วไม่เป็นไปดังหวัง

 

 

โก่วจื่อรำคาญที่จะฟังเรื่องเหล่านี้มากที่สุด หากเขาอยากจะแต่งงานนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยาก ไม่แน่ว่าฝ่ายหญิงอาจจะเป็นฝ่ายมอบทรัพย์สินฝ่ายชายก็เป็นได้ ทุกคนอาศัยกันอย่างเรียบง่ายมีเพียงเขาสองแม่ลูก ไม่เห็นหรือว่าแววตาของเหล่าสาวใช้ของแม่เฒ่าแทบจะถลนออกมาอยู่แล้ว

 

 

อวิ๋นเยี่ยไม่ชอบโก่วจื่อ ทุกครั้งที่เจออยากจะเตะสักสองสามที ลูกผู้ชายแท้ๆ ดูแลรักษาหน้าตาเช่นนี้เอาไว้ให้ใครมองกัน ที่น่าโมโหที่สุดก็คือยิ่งโตยิ่งหน้าตาดี อย่างไรเสียเจ้าเด็กหน้าอัปลักษณ์ที่อยู่บนทุ่งหญ้าเช่นนั้นยังจะดูไม่ขัดใจมากกว่า ดังนั้นทุกครั้งที่ได้เจออวิ๋นเยี่ยจะต้องพูดถึงเรื่องที่เขาเคยถูกน่ารื่อมู่ใช้บั้นท้ายนั่งทับหน้าอยู่ตลอด ทุกครั้งก็มักจะทำให้ทหารองครักษ์ของที่บ้านหัวเราะขบขันและสายตาที่เคียดแค้นของบรรดาสาวใช้ โก่วจื่ออายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี 

 

 

คนตระกูลอวิ๋นต่างมีนิสัยชอบพกกระบอกน้ำขณะออกนอกบ้าน เมื่อถึงร้านน้ำชาก็จะต้องหยุดพักซึ่งก็มีเพียงวัตถุประสงค์เดียวคือเพื่อช่วยเหลือโก่วจื่อสองแม่ลูก เพิ่มรายได้ค่าน้ำชาให้มากขึ้นอีกสักหน่อยซึ่งก็ได้ทำจนเกิดเป็นความเคยชินแล้ว โก่วจื่อใช้ชีวิตอย่างหยิ่งทะนง ไม่ต้องการความช่วยเหลืออะไร ไม่เช่นนั้นทหารเสริมที่กลับมาพร้อมกับเขาก็คงให้ความช่วยเหลือไปนานแล้ว นอกจากขอร้องให้โหวเหยียช่วยขึ้นทะเบียนราษฎร์ให้เขาแล้ว ไม่ว่าจะเหนื่อยยากลำบากเพียงใดก็ไม่เคยปริปากสักคำ 

 

 

เหล่าเฉียนและเหล่าหลิวสองคำนั่งพูดคุยเป็นเพื่อนกับหญิงตาบอด โก่วจื่อรินน้ำชาให้เหล่าคนรับใช้และสาวใช้อย่างขะมักเขม้น คนรับใช้ชายยังไม่ค่อยมีปฏิกิริยาเสียเท่าไหร่ แต่บรรดาสาวใช้กลับพากันหน้าแดงระเรื่อควรต้องรักษามารยาทเพียงใดก็มีมากเพียงนั้นเพราะแต่ละคนก็โตเป็นสาวเต็มวัยหมดแล้ว

 

 

โก่วจื่อคุ้นเคยกับกิริยาท่าทางของบรรดาสาวใช้นานแล้ว เขามั่นใจในหน้าตาของตนเองมาก หลายวันก่อนถูกโหวเหยียบังคับให้ไปเรียนหนังสือ หากเรียนไม่รู้เรื่องจะต้องโดนตีขาหัก ทั้งห้องเรียนมีแต่เด็กตัวน้อยๆ มีเพียงเขาคนเดียวที่โตที่สุด รู้สึกอายอย่างที่สุด อยากจะกลับไม่อยากเรียนแล้ว กลับถูกทหารผ่านศึกคนหนึ่งที่เพิ่งย้ายมาทั้งครอบครัวมาด้วยกันลงมือสั่งสอนอย่างหนักไปยกหนึ่ง แม้แต่ท่านแม่ที่เอ็นดูเขาเสมอมาก็ไม่ช่วยพูดแทน 

 

 

ทหารผ่านศึกคนนั้นสั่งสอนว่า เจ้าเป็นเด็กอนาถาคนหนึ่งที่อยู่ในบ่อแห่งความทุกข์ ตอนนี้มีผู้เมตตาช่วยเหลือเจ้ายังไม่รู้จักรักดีอีก ต้องเป็นคนระดับใดกันจึงจะได้เรียนหนังสือ ล้วนแล้วแต่เป็นลูกหลานคนมีเงินทั้งสิ้น โหวเหยียช่วยหาอาจารย์ให้เจ้า ขอเพียงแค่รู้จักหนังสือบ้าง ภายหน้าจะได้เสนอให้เจ้ารับราชการ เรื่องดีๆ ในการเชิดหน้าชูตาวงศ์ตระกูลไม่รู้จักไขว่คว้าไว้ เจ้ายังต้องการอะไรอีก หากไม่ตั้งใจเรียนหนังสือให้ดี ไม่ต้องรอให้โหวเหยียตีขาเจ้าให้หัก ข้าจะลงมือเอง

 

 

ที่บ้านมีเพียงแม่คนหนึ่งอาศัยอยู่ในพื้นที่สามสิบหมู่ ท่านอาคนนี้ก็ถือโอกาสช่วยเรื่องการเพาะปลูกไปด้วย เขาเพียงแค่ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนและดูแลร้านน้ำชาให้ดีก็พอแล้ว

 

 

เหล่าคนรับใช้มองดูโก่วจื่อด้วยสายตาที่รู้สึกเวทนา โดยเกรงว่าเขาจะลงมือกับเทพธิดาในใจของพวกเขา ตระกูลอวิ๋นไม่ค่อยใส่ใจกับเรื่องพวกนี้ ขอเพียงแค่ยินยอมพร้อมใจกัน อย่าทำอะไรนอกลู่นอกทาง ภายหน้าย่อมต้องได้แต่งงานกับสาวใช้ที่ตนเองพึงใจ เมื่อถึงตอนนั้นก็จะยกเลิกฐานะทาสให้ด้วย อวิ๋นเยี่ยมองว่าการที่มีลูกหลานเป็นทาสถึงแปดรุ่นเป็นเรื่องที่น่าอเนจอนาถในโลกนี้ ไม่ควรให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น เมื่อสาวใช้และคนรับใช้แต่งงานกัน ต่อมาให้กำเนิดบุตรก็ยังคงต้องเป็นทาส หากเป็นเขาคงแขวนคอตายนานแล้ว จะมีชีวิตอยู่ต่อไปทำอะไรกัน โก่วจื่อมีประสบการณ์กับเรื่องเช่นนี้มาก ไม่ยอมมองสาวใช้แม้เพียงนิด เมื่อเทน้ำชาเสร็จแล้วก็นั่งลงด้านหน้ากระบะทรายเพื่อฝึกเขียนหนังสือ แม้ว่าตัวหนังสือจะแลดูไก่เขี่ยแต่ท่าทางนั้นดูดีมาก ผู้ที่ไม่รู้ความเป็นมาเป็นไปจนทำให้เหล่าสาวใช้แทบใจละลาย

 

 

อี๋เจิ้นเฟิงรีบร้อนตามมา เมื่อมาถึงเห็นมีร้านน้ำชา ขบวนรถของตระกูลอวิ๋นกำลังดื่มชากันอยู่เขาจึงได้หยุด โก่วจื่อเห็นมีแขกมาเยือนจึงรีบเข้ามาต้อนรับ เมื่อรับเชือกจากมือของอี๋เจิ้นเฟิงแล้วก็นำวัวไปมัดไว้กับต้นไม้ข้างนอกโรงน้ำชา ในอ่างน้ำมีน้ำที่ตากแดดไว้จึงเติมน้ำให้วัว วัวก้มหน้าลงดื่มน้ำอย่างเชื่องมาก

 

 

วัวนั้นเป็นพันธุ์ที่ดีมาก มันเป็นวัวสีน้ำตาลเข้มที่เป็นเอกลักษณ์ของแดนกวนจง เป็นมือดีที่สามารถช่วยในการทำนาได้ โก่วจื่อคิดอยากได้วัวเช่นนี้สักตัวมานานแล้ว เมื่อถึงฤดูทำนาก็ใช้ในการทำนา เมื่อพ้นฤดูทำนาก็ให้ลากเกวียนจะได้สามารถพาแม่ของตนไปเที่ยวที่เมืองฉางอัน แต่น่าเสียดายที่ในมือนั้นขาดแคลนเงินความฝันนี้จึงยังไม่เป็นจริง

 

 

เขาหยิบแปรงขึ้นมาเตรียมจะแปรงขนล้างดินโคลนออกให้กับวัว เจ้านายมันไม่รู้จักทะนุถนอมมันทั้งตัวเต็มไปด้วยดินโคลน ใครจะรู้ยังไม่ทันได้ลงมือก็ได้ยินเจ้าของวัวพูดว่า “รีบรินน้ำ ข้ายังต้องรีบไปที่ตลาดอีก เร็วเข้า”

 

 

โก่วจื่อหยุดชะงักไปชั่วครู่แล้วจึงรินน้ำชาให้เจ้าของวัวด้วยรอยยิ้ม น้ำชาเป็นสีเหลืองทองอร่าม แต่อี๋เจิ้นเฟิงดื่มแล้วถึงกับขมวดคิ้ว ค่อนข้างขมเล็กน้อยและไม่คุ้นเคย โก่วจื่อยิ้มพลางถามว่า “พี่ชายมาจากที่ใดกัน ดูท่านเดินทางมาคงมีแต่ฝุ่นตลอดทาง คงต้องรีบเร่งเดินทางไกลล่ะสิ เชิญพักผ่อนสักครู่ แสงอาทิตย์แห่งฤดูใบไม้ผลินั้นรุนแรงมาก รอสายอีกหน่อยค่อยออกเดินทางจะดีกว่า 

 

 

อี๋เจิ้นเฟิงพูดว่า “ชีวิตคนยากจนมีเวลาพักผ่อนที่ไหนกัน อยากจะไปหมู่บ้านตระกูลอวิ๋นเพื่อดูว่ามีงานอะไรให้ทำหรือไม่ หาเงินทองเล็กๆ น้อยๆ เพื่อเลี้ยงปากเลี้ยงท้องคนในครอบครัว ที่นี่ยังห่างจากตระกูลอวิ๋นอีกไกลแค่ไหน”

 

 

 “พี่ชายมีวัวชั้นเลิศตัวนี้ก็ถือได้ว่าเป็นผู้มีฐานะคนหนึ่ง เหตุใดจึงยังพูดว่ามีชีวิตที่ขมขื่นอีก หากเริ่มนับจากเมืองหลวงก็ยังห่างจากที่นี่สามสิบลี้พอดี เนื่องจากมีเพียงครอบครัวของพวกเราไม่กี่ครอบครัวจึงตั้งชื่อว่าร้านสามสิบลี้ซึ่งห่างจากหมู่บ้านตระกูลอวิ๋นไม่ถึงยี่สิบลี้ ประมาณหนึ่งชั่วยามกว่าๆ ก็ถึงแล้ว”

 

 

อี๋เจิ้นเฟิงหัวเราะแต่ไม่ตอบ หัวเราะฮ่าๆ เพียงสองคำก็ถือว่าเป็นการรับคำ เขานั่งอยู่ทางด้านซ้ายของร้านน้ำชาซึ่งห่างจากเหล่าเฉียนและเหล่าหลิวไม่ไกลนัก เขาได้ยินหญิงตาบอดบอกว่าแม่เฒ่าตระกูลอวิ๋นจะออกสำรวจหมู่บ้านทุกๆ สามวัน ไม่แน่ว่าบางทีพรุ่งนี้อาจจะแวะมาดื่มน้ำชาที่ร้านน้ำชานี้

 

 

เมื่อมองดูสภาพแวดล้อมโดยรอบ ห่างจากร้านน้ำชาร้อยกว่าก้าวก็จะมีบ้านเรือน ในใจก็เกิดความคิดใหม่ขึ้น หากจะไปตระกูลอวิ๋นเพื่อหาโอกาสมันจะเป็นการดีกว่าที่จะหาโอกาสที่นี่ อวิ๋นเยี่ยเป็นอู่โหว มีหรือที่บ้านจะไม่มีองครักษ์ที่เป็นยอดฝีมือ หากได้สู้กันตัวต่อตัวย่อมไม่กลัวคนบ้าบิ่นในกองทัพ แต่เมื่อพวกเขาวางค่ายกลนักดาบพเนจรเช่นตนจะมีกี่ชีวิตก็คงไม่พอแน่ หากฆ่าบรรพชนตระกูลอวิ๋นที่นี่ก็คงได้เงินมากพอที่ใช้ในครึ่งชีวิตที่เหลือ เมื่อตัดสินใจได้แล้วก็รู้สึกปลอดโปร่ง เพียงแค่ต้องกำจัดเด็กหนุ่มและหญิงตาบอดผู้นี้ก็พอแล้ว สำหรับเขาแล้วไม่มีแรงกดดันใดๆ เพียงแต่เสียดายแม่ครัวที่งดงามนางนี้เท่านั้น

 

 

โก่วจื่อรินน้ำชาเพิ่มให้ทุกคนอย่างขะมักเขม้นและหัวเราะได้สดใสยิ่งกว่าเดิม ทุกครั้งที่เห็นแขกนั่งเพียงคนเดียวอยู่ด้านข้างอี๋เจิ้นเฟิงก็มักจะหัวเราะอย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น เมื่อเดินผ่านเขาก็จะมือสั่นจนน้ำชาที่เหลืออยู่ก็หกรดตัวอี๋เจิ้นเฟิงโดยไม่ได้ตั้งใจ

 

 

คนผู้นั้นรีบกระวีกระวาดขอโทษเขาและรีบใช้ผ้าเช็ดให้อี๋เจิ้นเฟิง ทั้งยังบอกด้วยว่าเพราะตนเองไม่ทันระวังเอง จึงไม่เก็บค่าน้ำชาของเขา อี๋เจิ้นเฟิงมักจะใจกว้างกับคนอื่นที่กำลังจะตาย ดังนั้นจึงด่าเพียงสองคำและไม่พูดอะไรอีกเลย

 

 

โก่วจื่อเปลี่ยนน้ำชาใหม่ให้แก่เขา ในเวลานี้เองที่ขบวนรถของตระกูลอวิ๋นได้กล่าวอำลาโก่วจื่อและแม่ของเขา ค่อยขับรถไปยังหมู่บ้านตระกูลอวิ๋น เหล่าสาวใช้หันกลับมามองโก่วจื่อที่ยืนโบกมือให้กับพวกเขาอยู่ด้านนอกร้านน้ำชาไม่ยอมเลิก

 

 

 อี๋เจิ้นเฟิงนอนหลับตาพักผ่อนอยู่บนเก้าอี้ที่แสนสบายตัวนั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าน้ำชานั้นอร่อยจริงๆ ถึงแม้ว่าขณะที่เข้าปากจะมีรสขมเล็กน้อยแต่จะมีรสหวานติดปาก ไม่น่าแปลกใจเลยที่คนในตระกูลอวิ๋นชอบมาดื่มชาที่นี่เสมอ ชาที่ดีเช่นนี้ต่อไปคงไม่ได้ดื่มอีกแล้ว อี๋เจิ้นเฟิงเริ่มเสียใจเล็กน้อยและยกชามน้ำชาขึ้นมาดื่มคำโต รสชาติน้ำชาครั้งนี้เข้มข้นขึ้นกว่าเดิม คิดว่าคงเป็นการชดเชยของแม่ครัวผู้งดงามนางนั้น แม่ครัวกำลังพูดกับท่านแม่ของโก่วจื่อ คำพูดแต่ละครั้งได้ผ่านเข้าหูของเขา เก้าอี้ตัวนี้สบายจริงๆ เขาเพียงแค่อยากจะนอนพักอย่างเนือยๆ อีกสักครู่หนึ่ง

 

 

“โก่วเอ๋อร์ เมื่อครู่แม่ได้ยินพวกผู้หญิงหลายคนนั้นพูดคุยกัน ฟังจากการพูดคุยกันก็รู้ได้ว่าพวกนางเป็นหญิงดีที่มีมารยาท มีคนไหนที่ถูกใจหรือไม่ วันหน้าแม่จะได้บอกกับแม่เฒ่า แม่เฒ่าเป็นคนดีไม่แน่ว่าอาจจะอนุญาตก็ได้ เพราะครอบครัวของเรายากจนเกินไปกลัวว่าผู้หญิงคนนั้นจะไม่อยากมา”

 

 

 โก่วจื่อมองดูอี๋เจิ้นเฟิงที่หลับตาพักผ่อนอยู่ จากนั้นก็มองดูรถเทียมวัวที่ผูกอยู่ใต้ต้นไม้ ในใจเต็มไปด้วยความสุขและพูดกับท่านแม่ว่า “ท่านแม่ ท่านวางใจ สวรรค์ต้องคุ้มครองแน่ บ้านเราจะไม่จนอีกแล้ว ลูกจะหาเกวียนเทียมวัวให้ท่านสักคันและวัวอีกหนึ่งตัว ซึ่งเป็นวัวที่ดีเหมือนกับวัวของพี่ชายคนนั้น รอให้ข้าวสาลีเก็บเกี่ยวเสร็จแล้วลูกจะนำเกวียนมาเทียมวัวพาท่านไปเที่ยวเมืองฉางอัน ได้ยินท่านอาเล่าว่าขนมเปี๊ยะไส้หมูและขนมเค้กนมวัวของแม่เฒ่าเฉานั้นอร่อยที่สุดเลย ถึงตอนนั้นลูกจะซื้อกลับมาให้ท่าน ให้ท่านได้ลิ้มรสด้วย”

 

 

หญิงตาบอดได้ยินลูกชายพูดเช่นนี้แล้วก็พยักหน้าอย่างมีความสุข ทั้งยังบอกให้ลูกชายซื้อมามากหน่อย กลับมาจะได้แบ่งให้ท่านอากินด้วยกัน ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาหากไม่ได้ทั้งครอบครัวของท่านอาคอยดูแลเราสองแม่ลูกคงไม่มีชีวิตรอดถึงตอนนี้

 

 

 “แน่นอนอยู่แล้ว ท่านอาได้รับบาดเจ็บในสนามรบตั้งแต่หลายปีก่อน ตอนนี้ไหล่และหลังของเขายังไร้เรี่ยวแรง ท่านหมอซุนบอกว่านี่เป็นโรคเก่าต้องค่อยๆ รักษา พวกเราไม่เพียงแต่ต้องเลี้ยงท่านอากินขนมเปี๊ยะไส้หมูเท่านั้น ยังต้องซื้อยาให้เขาด้วย แต่เหล้านั้นไม่กล้าซื้อ ท่านหมอซุนบอกว่าโรคของเขาห้ามดื่มเหล้า” โก่วจื่อรับปากอย่างฉะฉานราวกับว่าเขากำลังจะรวยในไม่ช้า

 

 

 โก่วจื่อถือพัดพัดลมให้ท่านแม่เบาๆ ท่านหมอซุนได้บอกแล้วว่าร่างกายของท่านแม่นั้นกลัวความร้อนมากที่สุด ซึ่งพิษของความร้อนนั้นจะเป็นผลเสียต่อตาของท่านแม่ แม้ว่าจะมองไม่เห็นแต่ก็ไม่ควรให้อาการเลวร้ายลงไปกว่าเดิม

 

 

 อี๋เจิ้นเฟิงหัวเราะอยู่ในใจจนลำไส้จะกิ่วอยู่แล้ว คนที่มีชีวิตอยู่ต่อไม่ถึงแม้กระทั่งหนึ่งชั่วยามก็ยังฝันที่จะกินขนมเปี๊ยะไส้หมูและขนมเค้กนมวัวของร้านป้าเฉา ราคาแพงน่าดูชมนะ เด็กหนุ่มผู้ยากไร้กำลังหลอกแม่ของเขา ช่างน่าขำสิ้นดี

 

 

ดวงอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำลง เมื่อเห็นว่าท่านแม่นั่งสัปหงกแล้ว โก่วจื่อจึงพยุงนางพากลับไปที่กระท่อมด้านหลังของร้านน้ำชาเพื่อให้นางได้พักผ่อนสักครู่หนึ่ง ความเจ็บปวดเมื่อครั้งอดีตทำให้ร่างกายนั้นอ่อนแอลง โก่วจื่อรอจนแม่หลับไปแล้วจึงปิดประตูเบาๆ แล้วถูสองมือ ไม่ได้ฆ่าคนมาสักระยะหนึ่งแล้ว เขารู้สึกคันไม้คันมือมาก