ตอนที่ 1636 สังหารอย่างไร้ปรานี

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

ตอนที่ 1636 สังหารอย่างไร้ปรานี
หนิงเทียนปิงนั้นตื่นตกใจในทีแรก แต่หลังได้เห็นเนินเขาในมือเย่หยวนแล้วเขาก็ยิ่งตื่นตะลึงจนต้องอ้าปากค้าง

อะไรน่ะ?

ผู้อาวุโสเย่ยกภูเขาออกมาด้วย?

มันเป็นภาพที่ดูเหลือเชื่อมาก ร่างกายเล็กๆ ของเย่หยวนกลับสามารถแบกเขาออกมาได้ทั้งลูกโดยที่ไม่ถูกมันกดทับจนตายไปก่อน

หลายต่อหลายคนได้เห็นภาพนั้น รวมไปถึงฝ่ายปีศาจด้วย

“ฮ่าฮ่าฮ่า ไอ้เด็กคนนี้มันมาเล่นตลกหรือ? จะยกเนินเขามาด้วยเพื่อ?”

“นี่มันกะจะมาขู่เราเรอะ? ฮ่าฮ่า กลัวแล้วจ้า!”

“ช่างเป็นภูเขาที่ยิ่งใหญ่นัก! พระเจ้าช่วยข้าคงต้องถูกมันทับตายแน่แล้ว!”

สำหรับนักยุทธอาณาจักรบรรพชนพระเจ้านั้นการยกแบกเนินเขาแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นเลย

เพราะฉะนั้นสภาพของเย่หยวนในตอนนี้มันจึงดูน่าตลกขำขันอย่างถึงที่สุด ไม่มีใครคิดว่ามันเป็นภาพที่แปลกประหลาดใดๆ

เพราะว่าพวกเขาเองก็สามารถยกเขาขนาดนั้นขึ้นมาได้ไม่ยากเย็นนัก

ต่อให้เนินเขาแบบนี้พุ่งเข้าชนใครเข้ามันก็ไม่สามารถทำอันตรายใดๆ ได้เลย เพราะฉะนั้นพวกเขาทั้งหลายจึงกำลังล้อเลียนเย่หยวนอยู่อย่างในตอนนี้

เหล่าปีศาจนั้นเชื่อว่าชัยชนะนั้นอยู่ในกำมือของตัวเองแล้ว และนักยุทธอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าอย่างเย่หยวนคงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้มากมาย ต่อให้เขามีพลังเทียบเท่าอาณาจักรราชันพระเจ้าหนึ่งดาวแต่มันก็ยังไม่ช่วยอะไรอยู่ดี

พวกหนิงเทียนปิงเองก็มีความรู้สึกไม่ต่างกัน พวกเขาจึงตะโกนบอกเย่หยวนออกมา “ผู้อาวุโสเย่ จงอย่าได้กังวลเรื่องพวกเรา ท่านจงไปเถอะ!”

เย่หยวนหันมายิ้มให้หนิงเทียนปิงเล็กน้อย ทำให้อีกฝ่ายต้องชะงักไป ก่อนจะเห็นว่าเย่หยวนค่อยๆ ยกมือที่แบกเขามาด้วยขึ้นและโยนมันออกมา

จากนั้นเขาก็เห็นว่าเขาลูกนั้นพุ่งมาเป็นเส้นโค้งตามแรงโน้มถ่วงและพุ่งตรงเข้าใส่ดาราสวรรค์

ดาราสวรรค์นั้นเห็นมานานแล้วว่าเย่หยวนคิดจะทำอะไร แต่เขาไม่ได้สนใจเย่หยวนเลยแม้แต่น้อย เมื่อเขาเห็นว่าเย่หยวนโยนเขาลูกนั้นมาหวังจะให้มันทับเขาจริงๆ ดาราสวรรค์ก็ได้แต่หัวเราะเยาะขึ้นมา “แค่เขาเล็กๆ ลูกเดียวเจ้ากลับคิดที่จะใช้มันโจมตีข้าเรอะ? เข้าคิดว่าข้าผู้นี้มีร่างกายทำขึ้นมาจากกระดาษหรืออย่างไร?”

ดาราสวรรค์ยกค้อนยักษ์ออกมา มันเป็นสมบัติราชันปีศาจเลิศล้ำ

ตอนนี้เขายิ่มเยาะออกมาและแกว่งค้อนไปด้านหน้าเข้าปะทะกับเขาหน่วงเทพบรรพกาล

แต่เป็นตอนนั้นเองที่เขาหน่วงเทพบรรพกาลได้ตกลงมาพร้อมกำลังกดดันแรงโน้มถ่วงอันมหาศาล

ดาราสวรรค์ผู้ที่มีรอยยิ้มเยาะอยู่บนใบหน้าต้องหน้าถอดสีทันที ตอนนี้ในที่สุดเขาก็ได้รับรู้ถึงความน่ากลัวของเจ้าเขาลูกนี้แล้ว

สัญชาตญาณของเขาสั่งให้หนี แต่เท้าของเขากลับไม่ขยับตามราวกับว่ามันมีรากงอกออกมา!

“อ้าก!”

เสียงกรีดร้องดังขึ้นและจางหายไปในพริบตา

ความเร็วในการตกของเขาหน่วงเทพบรรพกาลนั้นมันเร็วมากจนเกินไป มากจนไม่มีใครสามารถรับมือได้ทัน

พวกเขาไม่ทันที่จะกระพริบตาเสียด้วยซ้ำ ในตอนที่ดาราสวรรค์ถูกบด

“แผล่ะ!”

เลือดและเนื้อสดๆ กระเซ็นไปทั่วบริเวณ!

ตี้เอิ่นและหลิงจี้คุนที่อยู่ไม่ห่างไปนักถึงกับโดนเลือดของดาราสวรรค์สาดเข้าหน้า

ตี้เอิ่นตัวสั่นขึ้นในทันที มองภาพตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อสายตา

เย่หยวนยกมือขึ้นอีกครั้งเรียกเขาหน่วงเทพบรรพกาลกลับเข้ามือของตัวเองมาอีกครา ก่อนจะค่อยๆ ยกมันขึ้นช้าๆ

แต่คราวนี้ไม่มีใครหัวเราะออกมาอีกแล้ว

ทุกคนหยุดการต่อสู้ลงและหันไปมองเศษเนื้อที่ครั้งหนึ่งเคยเห็นดาราสวรรค์เป็นตาเดียว

ตอนนี้ต่อให้เป็นวิญญาณปีศาจของเขาก็คงถูกบดเละไม่เหลือชิ้นดีไปแล้ว

ยอดฝีมือปีศาจคนหนึ่งจึงร้องขึ้นอย่างตื่นตระหนก “ม-ไม่จริงใช่ไหม? นี่มันเรื่องอะไร ทำไม… ทำไมมันถึงได้แข็งแกร่งปานนี้?”

ใบหน้าสีดำของเขาตอนนี้มันเริ่มซีดลงอย่างชัดเจน ดูท่าเขาคงกลัวอย่างมากจริงๆ

เพราะการที่สามารถบดขยี้ยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าสามดาวลงได้ในการโจมตีเดียวแบบนี้ พลังของเขาลูกนั้นมันช่างเหนือล้ำกว่าสิ่งใดๆ จริงๆ

“ข-เขาหน่วงเทพบรรพกาล! สมบัติที่เกิดมาในครั้งนี้คือเขาหน่วงเทพบรรพกาล! ร-เร็วเข้า รีบหนีเร็ว!”

ตี้เอิ่นกรีดร้องด้วยเสียงแหลมสูงขึ้นมาจากด้านหลังสั่งการคนของตัวเองด้วยท่าทางหวาดกลัวสุดขีด

และเมื่อได้ยินแบบนั้นจะยังมีใครกล้าอยู่ต่อ? พวกเขารีบออกวิ่งหนีกันไปกระจัดกระจายทันที!

เย่หยวนยิ้มขึ้น “อย่าเพิ่งรีบกลับกันสิ เดี๋ยวข้าไปส่งให้!”

พูดจบเย่หยวนก็ขว้างเขาหน่วงเทพบรรพกาลออกมาอีกครั้ง เขาหน่วงเทพบรรพกาลนั้นตามมาจนถึงตัวตี้เอิ่นด้วยความเร็วที่เหนือจินตนาการ

ตุบ!

เสียงดังกระแทกหูผู้คนไปทั่วบริเวณ ตอนนี้ยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าสามดาวอีกคนได้หายไปแล้ว

ยอดฝีมือปีศาจนั้นถูกความกลัวเข้าครอบงำจนแทบฉี่ราด เจอเรื่องแบบนี้พวกเขาที่เหลือจะยังมีใครกล้าอยู่ต่อ? ตอนนี้พวกเขาทุกคนใช้พลังที่มีออกมาทั้งหมดในการวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต

ตอนนี้พวกเขาได้แต่ภาวนา ภาวนาว่าเย่หยวนจะไม่เล็งตัวเอง

เพราะแม้แต่ดาราสวรรค์และตี้เอิ่น สองยอดฝีมือยังพ่ายแพ้ลงในอึดใจ มีหรือที่พวกเขาจะต้านทานไหว?

“ห-ห-ห-หนีเร็ว! วิ่ง!”

“รีบวิ่งเร็ว! เจ้ามนุษย์นี่มันจอมมารชัดๆ”

“ทุกคนหนีเร็ว! หากโดนเขาลูกนั้นเข้าพวกเจ้าไม่มีทางรอดไปได้แน่!”

จากนั้นเหล่ายอดฝีมือเผ่าปีศาจก็แยกย้ายกันหนีออกไปคนละทิศละทาง ราวกับนกแตกรังตอนนี้สมองของพวกเขาไม่มีเวลามาคิดเรื่องสู้กับมนุษย์แล้ว

เพราะเย่หยวนในตอนนี้เป็นดั่งเทพแห่งความตายในสายตาของพวกเขา

ทางยอดฝีมือฝั่งมนุษย์เองก็ได้แต่ยืนมองภาพตรงหน้าอย่างมึนงง ตอนนี้พวกเขาทั้งหลายได้แต่จ้องมองภาพตรงหน้าอย่างตกตะลึงจนตาแทบจะถลนออกมาจากเบ้า

ไม่มีพวกเขาคนใดเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นตรงหน้าได้เลย จู่ๆ เย่หยวนก็เก่งขึ้นมาเสียอย่างนั้น ไล่สังหารยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าสามดาวทั้งสองคนในพริบตา

พวกเขาต่างรู้ดีว่าดาราสวรรค์และตี้เอิ่นนั้นความจริงแล้วเป็นถึงสังหารยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าเก้าดาว

สิ่งเดียวที่พวกเขาเข้าใจผิดก็คือพลังของเขาหน่วงเทพบรรพกาลในเหวแห่งนี้

เหวแห่งนี้มันมีแรงโน้มถ่วงที่รุนแรงมาก และหากเย่หยวนใช้เขาหน่วงเทพบรรพกาลเพื่อสร้างและดึงดูดสนามพลังที่แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดินออกมา อย่าว่าแต่เจ้าปีศาจ แม้แต่ราชาปีศาจก็ไม่มีทางรอดออกไปได้!

เขาหน่วงเทพบรรพกาลนี้มันมีความหนาแน่นที่หนักหน่วงมาก หากไม่หลอมมันก่อนต่อให้เป็นข่านซัวที่มีพลังอาณาจักรนภาสวรรค์ก็ไม่มีปัญญาจะยกมันขึ้น

เมื่อของที่มีความหนาแน่นสูงขนาดนี้ตกทับใส่ ต่อให้เป็นสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำก็คงแตกสลายไม่เหลือชิ้นดี เพราะฉะนั้นร่างกายของสิ่งมีชีวิตยิ่งแล้วใหญ่

แต่ทว่าพลังของเย่หยวนในตอนนี้ยังสามารถหลอมมันได้แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังไม่สามารถปล่อยพลังที่แท้จริงของมันออกมาได้เต็มที่

หากทำการหลอมได้สมบูรณ์ การสังหารยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์คงเป็นเรื่องง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก

และอย่างที่พวกซ่งหยูว่าไว้ เขาหน่วงเทพบรรพกาลนี้มันมีระดับสูงจนไม่สามารถวัดค่าได้ บางทีมันอาจจะเหนือล้ำกว่าสมบัติเซียนเทียนนภาสวรรค์ก็ได้!

เย่หยวนขยับร่างออกมา พร้อมๆ กับโยนเขาหน่วงเทพบรรพกาลออกไปอีกครั้ง

ตุบ!

ตุบ!

ตุบ!

เย่หยวนโยนมันออกไปอย่างเชื่องช้า แต่กลับสามารถบดขยี้ยอดฝีมือเผ่าปีศาจได้อย่างไม่หยุดหย่อน

เขานั้นเลือกที่จะสังหารยอดฝีมือที่มีพลังสูงลง ขว้างเขาออกไปอย่างไม่มีการพลาดเป้า

เหล่าปีศาจในตอนนี้มีสีหน้าราวกับได้เห็นวันสิ้นโลกตรงหน้า พวกมันกรีดร้องออกมาอย่างสิ้นหวัง

โชคยังดี การขว้างของเย่หยวนนั้นต้องใช้เวลาไม่น้อย ทำให้ไม่สามารถจะสังหารพวกปีศาจไปได้ทุกคน มีหลายไม่น้อยที่หลบหนีออกไปได้ทัน

แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นในเวลาสั้นๆ นี้เย่หยวนก็ได้ตัดกำลังฝั่งปีศาจไปไม่น้อย

ในจำนวนนั้นมีหลายต่อหลายคนที่เดิมทีเป็นยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าหกดาวขึ้นไป

เท่านี้กำลังของเมืองจักรพรรดิกล้วยไม้อริยะและโถงโลหิตมรณะก็คงลดลงอย่างมากมายแล้ว

ฝั่งยอดฝีมือของเผ่ามนุษย์นั้นได้แต่ยืนมองภาพตรงหน้าโดยไม่รู้ต้องทำอะไร

“นี่หรือคือสมบัติล้ำค่าที่เกิดขึ้นมาในครานี้? พลังของมัน… ช่างน่าเหลือเชื่อ!”

“นี่มันเหลือเชื่อจนเกินไปเลยใช่ไหม? ด้วยเขาหน่วงเทพบรรพกาลนี้ออกไปเขาจะไม่ครองโลกได้เลยเหรอ?”

“อ่า ไม่ว่าจะเป็นอาณาจักรราชันพระเจ้าสามดาว อาณาจักรราชันพระเจ้าห้าดาว ไม่ว่าใครก็ตามที่ทำอะไรขัดใจเขา เขาสามารถขว้างเขายักษ์นั่นใส่พวกเขาได้ในทันที!”

เมื่อไล่พวกปีศาจไปจนหมด เย่หยวนก็เก็บเขาหน่วงเทพบรรพกาลไว้และเข้ามาหาหนิงเทียนปิง

หนิงเทียนปิงที่ได้เห็นภาพตรงหน้ากล่าวขึ้นมาด้วยความยินดี “ยินดีด้วยผู้อาวุโสเย่! การได้สมบัติล้ำค่าชิ้นนี้มามันก็เท่ากับว่าอนาคตผู้อาวุโสเย่สามารถทำอะไรได้โดยไม่ต้องเกรงกลัวผู้ใดแล้ว!”

เย่หยวนยิ้มรับออกมาและเพิ่งได้เห็นว่าตอนนี้เจิ่งชีไม่ได้อยู่ในกลุ่มด้วย จึงอดไม่ได้ที่จะถามออกมา “ผู้อาวุโสใหญ่ล่ะ?”

เมื่อเย่หยวนถามถึงผู้อาวุโสใหญ่ ทางหนิงเทียนปิงแสดงดวงตาแดงก่ำออกมาทันทีก่อนจะค่อยๆ เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้เย่หยวนฟัง เย่หยวนได้แต่ขมวดคิ้วแน่นก่อนจะตอบออกมา “เกาหยุนคนนี้มันเจ้าเล่ห์มากกล ผู้อาวุโสใหญ่อาจจะเทียบเคียงมันไม่ได้ในเรื่องนั้น พวกเจ้ารออยู่ที่นี่! ข้าจะไปหาตัวผู้อาวุโสใหญ่เอง!”