ตอนที่ 1635 ยกภูเขามาทั้งลูก

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

ปัง!

ระหว่างที่เจิ่งชีกำลังยืนนิ่งเกาหยุนก็ได้ใช้โอกาสนั้นในการลอบโจมตีซัดฝ่ามือเข้าใส่อกของอีกฝ่าย

ข่าวเรื่องที่ว่าเย่หยวนยังไม่ตายนั้นเป็นเรื่องที่ทำให้เจิ่งชีตั้งสติไม่ทัน จนสุดท้ายต้องยืนนิ่งไปพักหนึ่ง และมีหรือที่เกาหยุนจะปล่อยโอกานี้ไป?

เจิ่งชีนั้นถูกซัดจนลอยออกไปอย่างรุนแรง จนต้องกระอักเลือดออกมาคำโต

ฝ่ามือนี้มันโจมตีเจิ่งชีอย่างไม่ทันตั้งรับใดๆ ทำให้เขารับมันไว้ด้วยร่างกายตรงๆ จนไม่สามารถที่จะลุกขึ้นยืนได้อีกแล้ว

มันเป็นเพราะว่าเกาหยุนนั้นบาดเจ็บหนักมามีพลังปราณเทวะเหลือไม่ถึง หนึ่งในสิบ จากที่มี ทำให้เขาไม่สามารถสังหารเจิ่งชีลงได้ด้วยการโจมตีนี้

แต่แค่นี้มันก็พึงพอแล้วสำหรับเกาหยุน

เพราะเป้าหมายของเขาคือการหนี หาใช่การสังหารเจิ่งชี!

“เจ้า… ช่างน่ารังเกียจ!” เจิ่งชีเอามือทาบอกตะโกนออกมาอย่างโกรธแค้น

เกาหยุนจึงหัวเราะขึ้น “หากมีเวลาชายแก่คนนี้คงให้เกียรติส่งเจ้าขึ้นสวรรค์เองแล้ว! แต่ชายแก่ผู้ใจดีคนนี้จะบอกข่าวดีให้ เย่หยวนยังไม่ตายจริงๆ ที่สำคัญ… หากมันไม่มีเรื่องอะไรผิดพลาดมันน่าจะเป็นคนที่ได้สมบัติในครั้งนี้ไปครองด้วย!”

เมื่อคำพูดเหล่านั้นถูกกล่าวออกมา ทุกคนก็เปลี่ยนสีหน้าไปทันที

“นั่นมัน… เป็นไปได้ยังไง? ข้าเห็นกับตาแท้ๆ ว่าเขาถูกยอดฝีมือเผ่าปีศาจนั้นสังหารลง เป็นไปได้ยังไงที่เขาจะยังไม่ตาย?”

“ไม่ใช่เพียงแค่นั้น เขาถึงกับกลายเป็นผู้ที่แย่งสมบัติจากมือยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ไปด้วย!”

“เขาทำได้ยังไงกัน? เราเองก็มีสายตามากมายหลายคู่จ้องมองดู จะบอกว่าพวกเราทุกคนเข้าใจสถานการณ์นั้นผิดอย่างนั้นรึ?”

ความตื่นตระหนกในใจของทุกคนนั้นมันยิ่งใหญ่จนอธิบายไม่ถูก คนที่พวกเขาต่างเชื่อว่าได้แตกสลายกลายเป็นฝุ่นผงไปแล้วกลับกลายเป็นผู้ที่จะได้รับสมบัติไปครองเสียอย่างนั้น

เรื่องแบบนี้มันเกินความคาดหมายของทุกผู้คนไปมาก

ที่สำคัญเรื่องนี้ยังมียอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์อยู่ถึงสามคน เป็นไปได้หรือที่พวกเขาจะยืนมองเย่หยวนแย่งชิงสมบัติไปเฉยๆ อย่างนั้น?

เกาหยุนหันไปมองเจิ่งชีอีกครั้งด้วยหางตาก่อนที่จะมุ่งหน้าหนีออกไป

“ฮ่าฮ่าฮ่า… เกาหยุน ขอบคุณมากที่นำข่าวนี้มาบอกเรา! เมื่อเรารู้ว่าเย่หยวนไม่ตาย ความกังวลของชายแก่คนนี้ก็หายไปแล้ว! วันนี้แหละข้าจะจัดการลากเจ้าลงนรกไปด้วยให้ได้!”

จู่ๆ เจิ่งชีก็หัวเราะขึ้นมาอย่างไม่หยุดยั้ง ปล่อยพลังในกายออกมาอย่างรุนแรงล้นฟ้า!

เขาก็ลุกขึ้นยืนมาราวกับว่าบาดแผลที่เขามีมันได้หายไปจนหมดสิ้น ที่สำคัญร่างกายของเขายังปล่อยแสงสีแดงแห่งความบ้าคลั่งออกมาทั้งร่างกาย

เมื่อเกาหยุนได้เห็นเขาก็ต้องหน้าถอดสีทันที “เจิ่งชี เจ้ามันบ้า! ดาบคลั่งเลือนสลายมันเป็นวิชาที่กัดกินชีวิตและเลือดผู้ใช้!”

เจิ่งชีนั้นหัวเราะตอบกลับมาอย่างบ้าคลั่ง “แล้ว? ตอนนั้นที่อาจารย์ข้าสอนวิชานี้ให้ท่านบอกว่าจงอย่าได้ใช้มันออกมาจนกว่าจะถึงเวลาวิกฤตชีวิตจริงๆ แต่หากเสียโอกาสวันนี้ไปใครจะรู้ว่าชายแก่คนนี้จะมีโอกาสได้สังหารเจ้าอีกครั้งเมื่อไหร่! เพราะฉะนั้นวันนี้เจ้าจงตายลงเสียเถอะ!”

เดิมทีแม้เจิ่งชีจะใช้วิชาดาบคลั่งเลือนสลายนี้เขาก็ยังไม่มีพลังมากพอที่จะจัดการเกาหยุนลง

แต่วันนี้ฟ้าดินเป็นใจทำให้เจิ่งชีไม่คิดที่จะปล่อยโอกาสแบบนี้ออกไปจากมือ หากเขาพลาดในครั้งนี้ชีวิตนี้เขาอาจจะไม่สามารถแก้แค้นได้อีกต่อไป

เพราะแม้โอกาสที่เกาหยุนจะบรรลุสู่อาณาจักรนภาสวรรค์นั้นจะเลือนลาง แต่โอกาสที่ตัวเจิ่งชีเองจะบรรลุอาณาจักรนภาสวรรค์มันก็มีน้อยไม่ต่างกัน

หากอยากแก้แค้นมันก็คงไม่มีโอกาสอื่นอีกแล้ว

วันนี้อาจจะเป็นโอกาสสุดท้าย

เจิ่งชีเฝ้ารอวันนี้มานับหมื่นๆ ปี มีหรือที่เขาจะปล่อยโอกาสอันนี้ไปได้?

เกาหยุนหน้าซีดลงทันทีที่เห็นด้วยความหวาดกลัว “บ้า! เจ้ามันบ้า!”

เกาหยุนและอู๋ซิงถังนั้นเป็นคนในรุ่นเดียวกัน แน่นอนว่าเขาต้องรู้จักวิชาดาบคลั่งเลือนสลายนี้เป็นอย่างดี

การใช้วิชานี้แก้ปัญหาในยามฉุกเฉินนั้นนอกจากมันจะทำให้ร่างกายของผู้ใช้อยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อมแล้วมันยังช่วยเพิ่มพลังการต่อสู้ได้อย่างมหาศาลด้วย

แต่ราคาที่ต้องจ่ายนั้นมันคืออายุขัยและเลือด!

ตอนนี้ การที่เจิ่งชีใช้วิชานี้ออกมามันน่ากลัวมากๆ สำหรับเขา

เกาหยุนจึงตัดสินใจอย่างไม่ต้องหยุดคิดใดๆ เขารีบพุ่งตัวหนีออกไปในทันที

เจิ่งชีหัวเราะตามหลังมา “เจ้าคิดจะไปที่ไหน?!”

เจิ่งชีที่ใช้ดาบคลั่งเลือนสลายนั้นมีความเร็วในการเคลื่อนที่เพิ่มมากกว่าก่อนมาก จึงเข้าไปประชิดเกาหยุนได้ภายในพริบตา

ดาบแต่ละดาบที่ฟาดฟันออกมานั้นมันยิ่งรุนแรงขึ้น และรุนแรงขึ้นจนเกาหยุนแทบล้มลง

สภาพแบบนี้มีหรือที่เกาหยุนจะยังคิดสู้? ตอนนี้ความคิดเดียวในหัวของเขาคือการถอยหนี

เขารู้ดีว่าสภาพนี้ของเจิ่งชีนั้นจะอยู่ได้ไม่นาน และตราบเท่าที่เขาถ่วงเวลาไปได้ถึงตอนนั้นเขาก็มีโอกาสสวนกลับสังหารเจิ่งชีลงได้

คนทั้งสอง หนึ่งหนี หนึ่งไล่กันออกไปจนลับสายตาทุกผู้คน

แต่ก่อนที่จะจากไปเจิ่งชีได้สั่งเอาไว้ว่า “พวกเจ้าอยู่ที่นี่รอผู้อาวุโสเย่ออกมา!”

พวกหนิงเทียนปิงนั้นมีสีหน้าท่าทางลำบากใจ พวกเขาไม่คิดเลยว่าผู้อาวุโสใหญ่จะตั้งมั่นในการล้างแค้นถึงขนาดนี้

เจิ่งชีและเกาหยุนหายไปได้ไม่นานก็มีเสียงการต่อสู้อันดุเดือดตามหลังมาติดๆ

ไม่นานร่างของพวกข่านซัวก็ปรากฏแก่สายตาทุกผู้คน

แต่พวกเขาไม่ได้คิดที่จะหยุด ทั้งสามสู้ไปถอยไปตามล่าไป จนหายลับจากสายตาทุกผู้คนอย่างรวดเร็ว

ตอนนี้พวกเขาทั้งหลายต่างหันมามองหน้ากัน รู้แค่อย่างเดียวว่าสถานการณ์ในตอนนี้มันช่างสับสนวุ่นวาย ทำให้สมองของพวกเขาทั้งหลายเองก็ปรับตามไม่ทัน

“ฆ่ามัน!”

ดาราสวรรค์ตะโกนขึ้นอย่างดุดันก่อนจะเริ่มเข้าโจมตีสังหารยอดฝีมือฝ่ายมนุษย์ไป

เป็นตอนนั้นนั่นเองที่ฝ่ายมนุษย์ได้รู้ถึงสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้าและเริ่มที่จะโจมตีสวนกลับไปบ้าง

แต่ฝ่ายมนุษย์นั้นเป็นเหมือนมังกรที่ไร้หัว ตอนนี้พวกเขาไม่มีใครให้ยึดเหนี่ยว แล้วจะเอาอะไรที่ไหนไปสู้กับฝ่ายปีศาจได้?

เชียนอันนั้นทนไม่ไหวจึงพยายามเจ้าไปเพื่อหวังสมบัติ แต่สุดท้ายก็ถูกยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์สังหารไป

ตอนนี้พวกที่เหลือมีแต่ดาราสวรรค์และตี้เอิ่นที่เป็นผู้แข็งแกร่งในหมู่ปีศาจ

แต่ต่อให้พลังบ่มเพาะของพวกเขาถูกกด มันก็ยังเหมือนเสือที่หลุดเข้ามาในฝูงแกะอยู่ดี

โชคยังดีที่พลังบ่มเพาะของทุกผู้คนนั้นถูกกดไว้เหมือนๆ กัน ฝ่ายมนุษย์จึงไม่ได้เสียเปรียบมากมายขนาดนั้น แต่สถานการณ์ตอนนี้มันก็ไม่สู้ดีเลย

และตอนนี้เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ก็ได้กลายเป็นกำลังหลักในการปะทะในครั้งนี้ไปโดยปริยาย

เพราะกำลังของพวกเขาในตอนนี้สมบุณณ์ที่สุดในหมู่ฝั่งมนุษย์ด้วยกัน จึงเป็นกำลังที่สำคัญมาก

ตอนนี้ในฝั่งมนุษย์นั้นมียอดฝีมือระดับผู้บัญชาการแค่หลิงจี้คุนเพียงคนเดียว

ตอนนี้เขาเองก็รู้สึกลำบากไม่น้อยที่ต้องมาเจอกับยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าสามดาวถึงสองคนตรงหน้า

แต่เดิมทีฝ่ายปีศาจนั้นก็ได้เปรียบเรื่องจำนวนมาก่อนอยู่แล้ว ทำให้การพ่ายแพ้ของมนุษย์นั้นมันก็ขึ้นอยู่กับแค่เวลาเท่านั้น

สถานการณ์ตอนนี้มันแย่ต่อฝั่งมนุษย์มาก

“ทุกคน อดทนไว้! ตราบเท่าที่เราทนไว้ได้จนท่านซ่งหยูและท่านเล่ออี้กลับมา เราจะชนะแน่นอน!” หลิงจี้คุนตะโกนบอก

แต่มนุษย์นั้นมันแตกแยกและไม่เป็นระเบียบแบบแผน มีหรือที่จะต่อต้านฝ่ายปีศาจที่มากความสามัคคีได้นานนัก?

หลังต่อสู้อย่างดุเดือดมาเรื่อยๆ ฝ่ายมนุษย์ก็เริ่มเสียหายมากขึ้นตามเวลา

ตอนนี้แม้แต่ยอดฝีมือของเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ก็มีคนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสไปไม่น้อย

ดาราสวรรค์หัวเราะออกมา “ไอ้เจ้าบ้าเย่หยวนนั่น มันกล้ามากที่มาขโมยสมบัติไปในครานี้! วันนี้พวกเจ้าต้องชดใช้การกระทำของมันด้วยชีวิต! ฮ่าฮ่าฮ่า!”

ตอนที่ดาราสวรรค์เห็นเย่หยวนถูกข่านซัวสังหารลงนั้นเขาดีใจมาก

แต่ใครจะไปคิดว่าจริงๆ แล้วเย่หยวนไม่ได้ตาย และกลับยังเข้าไปแย่งชิงสมบัติล้ำค่ามาได้อีก ดาราสวรรค์นั้นรู้สึกแย่เหมือนตัวเองได้ไปเหยียบขี้หมาเข้า

และตอนนี้เขาก็กำลังระบายอารมณ์อันขุ่นเคืองนั้นออกมาต่อเหล่ายอดฝีมือฝั่งมนุษย์

จำนวนพลของฝั่งมนุษย์ลดน้อยลงเรื่อยๆ จนทุกคนเริ่มแสดงสีหน้าท่าทางสุดสิ้นหวังออกมา

ตอนนั้นเองที่ร่างชายในชุดขาวปรากฏตัวออกมาจากด้านในหุบเขา เขาดูเหมือนจะค่อยๆ เดินออกมาช้าๆ แต่ความเร็วของเขานั้นกลับเหนือล้ำจินตนาการ

แต่ละย่างก้าวที่เด็กหนุ่มคนนี้เดิน มันจะทิ้งรอยเท้าฝังลึกไว้บนพื้นดิน

เพราะเขาคนนี้กำลังแบกภูเขายักษ์ออกมาทั้งลูก!

เมื่อเทียบกับขนาดร่างกายของเขาแล้ว เขาลูกนี้มันช่างใหญ่ยักษ์เสียจริงๆ

ภายใต้เขายักษ์นั้นมีร่างกายที่ดูแสนบอบบางอยู่ เป็นร่างกายที่เหมือนว่าจะถูกเขานั้นบดขยี้ได้ทุกเวลา

แต่เด็กหนุ่มคนนั้นกลับเดินออกมาอย่างไร้ท่าทางลำบากใดๆ การยกเขาใหญ่ขนาดนั้นกลับดูไม่ได้เป็นภาระต่อร่างกายของเขาเลย

“ผ-ผู้อาวุโสเย่! ผู้อาวุโสเย่ล่ะ!” หนิงเทียนปิงนั้นเป็นคนแรกที่จดจำใบหน้าของเย่หยวนได้จึงตะโกนลั่นขึ้นด้วยความดีใจ