มือข้างหนึ่งของเธอจับโทรศัพท์มือถือ และมืออีกข้างหนึ่งก็ได้จับเสื้อตรงอกของตัวเองอย่างแน่น ผ่านไปนาน จึงจะมีเสียงออกมา และน้ำเสียงแหบแห้งอย่างมาก“ฉันเข้าใจแล้วค่ะ พรุ่งนี้ฉันไม่ไปแน่นอนค่ะ ฉะนั้นฝากคุณบอกกับประธานเปปเปอร์ด้วยนะคะ ให้เขาไว้วางใจได้เลย เพราะไม่ว่ายังไงฉันก็ได้รับปากเขาไว้แล้ว ว่าหลังจากนี้จะไม่ปรากฏตัวต่อหน้าเขาเลย ฉันพูดจริงทำจริงแน่ๆ และอีกอย่าง ช่วยบอกประธานเปปเปอร์แทนฉันที ว่ายินดีกับเขาและคุณเรด้าด้วยค่ะ”
พอพูดจบ มายมิ้นท์ก็ได้วางโทรศัพท์ลง และวางสายโดยทันที
ผู้ช่วยเหมันตร์ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย“เธอหมายความว่าอะไร?”
อะไรคือยินดีกับประธานเปปเปอร์และคุณเรด้า
ทำไมต้องยินดีกับประธานเปปเปอร์และคุณเรด้า ด้วย?
เทนเดอร์กรุ๊ป เลขาซินดี้เห็นมายมิ้นท์หลังจากรับโทรศัพท์แล้ว สีหน้าซีดขาวเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถามไถ่“ประธานมายมิ้นท์คะ คุณเป็นอะไรคะ?”
“ฉันไม่เป็นอะไร”มายมิ้นท์กัดริมฝีปาก เนื่องจากใช้แรงกัดมากไป ทำให้ริมฝีปากซีดขาวขึ้นมา
เธอเพียงแค่รู้สึกว่ามันช่างกระแนะกระแหนสิ้นดี
อันที่จริงเปปเปอร์เปลี่ยนใจกะทันหัน ไม่ให้เธอมาเป็นคู่ออกงานนั้นเธอยอมรับมันได้
เพราะเขาก็ได้พูดแล้ว ว่าหลังจากนี้ต้องการให้เธอไม่ปรากฏตัวต่อหน้าเขาอีก ดังนั้นยกเลิกคำเชิญที่จะให้เธอมาเป็นคู่ออกงานนั้น มันเป็นเรื่องที่ปกติอย่างมาก อย่างไรก็ตามในใจเธอก็มีการคาดเดาคลุมเครือเช่นนี้อยู่แล้ว จนกระทั่งเมื่อสักครู่ได้รับสายจากผู้ช่วยเหมันตร์ จึงจะยืนยันการคาดเดาของเธอได้
เพราะว่าคาดเดาได้ล่วงหน้าว่าเปปเปอร์ต้องยกเลิกที่จะให้เธอมาเป็นคู่ออกงานแน่นอน ดังนั้นเธอได้เตรียมใจไว้ก่อนแล้ว แต่พอได้ยินจริงๆ ภายในใจกลับรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเล็กน้อย
แน่นอน ว่านี่ไม่ใช่เรื่องอะไรเลย สิ่งที่ทำให้เธอไม่พอใจจริงๆ คือ เปปเปอร์หาคู่ออกงานได้แล้ว ค่อยมีคนมาบอกเธอว่าได้ยกเลิกกับเธอแล้ว บอกให้เธอไม่ต้องไปในวันพรุ่งนี้
นี่เป็นเรื่องอะไร?
เล่นตลกกับเธอหรือ?
มันเป็นเหมือนกับว่า พวกเขาเป็นแฟนกัน แต่เปปเปอร์อยากจะเลิกกับเธอ แต่ก่อนที่จะเลิกนั้น ได้ปิดบังเธอไว้แล้วหาแฟนใหม่ก่อน จากนั้นค่อยมาบอกเลิกกับเธอ มีความรู้สึกเหมือนกับว่าโยนเธอทิ้งเมื่อเธอหมดประโยชน์แล้วเช่นนั้น
อันที่จริงเขาสามารถพูดกับเธอก่อนได้ว่าเธอไม่ต้องไปในวันพรุ่งนี้แล้ว จากนั้นก็ค่อยไปหาคู่ออกงานนี่
แต่ เขากลับไม่ได้ทำเช่นนั้นเลย!
แล้วยังให้คุณหนูของตระกูลจักรีศานส์มาเป็นคู่ออกงาน ……
ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดใจและยุ่งเหยิงไปหมด มายมิ้นท์เอนหลังพิงที่เก้าอี้ นวดหว่างคิ้วเล็กน้อย “ซินดี้ คุณออกไปก่อนเถอะ ฉันอยากอยู่เงียบๆสักพักน่ะ”
“ได้ค่ะ”ซินดี้มองดูเธอด้วยความเป็นห่วง จากนั้นก็ได้หันหลังเดินออกไป
หลังจากที่ออกไปแล้ว ซินดี้ก็ได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา โทรไปหาลาเต้
อันที่จริง เธอไม่อยากเพราะประธานมายมิ้นท์แล้วจึงจะหาเขา
เพราะไม่ว่าอย่างไรเธอกับประธานมายมิ้นท์ ก็ถือได้ว่าเป็นคู่ปรับในความรัก ถึงแม้ว่าประธานมายมิ้นท์จะไม่ได้ชอบประธานลาเต้ก็ตาม
แต่เธอรู้ว่า ประธานลาเต้ชอบประธานมายมิ้นท์ ชอบมาแต่เนิ่นนานแล้ว หากว่าประธานมายมิ้นท์ไม่สบายใจ ประธานลาเต้ก็คงจะไม่มีความสุขด้วยเช่นกัน
เธอรักประธานลาเต้ ไม่อยากเห็นประธานลาเต้ไม่มีความสุข ดังนั้นแม้ว่าประธานมายมิ้นท์จะเป็นคู่ปรับในความรักของเธอก็ตาม เธอก็เต็มใจที่ทำเพื่อประธานมายมิ้นท์แล้วโทรติดต่อประธานลาเต้ ให้ประธานลาเต้มาดูประธานมายมิ้นท์ว่าเป็นอะไรกันแน่
เพราะว่าเรื่องของความรักนั้น เป็นได้ทั้งความเห็นแก่ตัว และยังเป็นได้ทั้งความเสียสละอีกด้วย
และความรักของเธอก็คือแบบที่สอง เธอรู้ว่าตัวเธอเองกับประธานลาเต้นั้นถูกกำหนดไว้แล้วว่าเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นความรักของเธอไม่สามารถเห็นแก่ตัวได้เลย เพราะฉะนั้นเธอก็ต้องหวังว่า คนที่ตัวเองรักนั้นมีความสุข
พอโทรติดแล้ว เสียงของลาเต้ก็ดังออกมา“ซินดี้ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
“ประธานลาเต้คะ คืออย่างนี้นะคะ เมื่อสักครู่หลังจากที่ประธานมายมิ้นท์รับโทรศัพท์แล้ว รู้สึกว่าเธอมีอารมณ์ที่ไม่ค่อยดีเล็กน้อย คุณจะแวะมาดูเธอหน่อยไหมคะ?”
เลขาซินดี้จ้องมองไปทางประตูออฟฟิศแล้วถาม
พอลาเต้ได้ยินว่ามายมิ้นท์มีอารมณ์ที่ไม่ค่อยดี ก็รีบลุกจากโต๊ะทำงานขึ้นมาทันที“ใครเป็นคนโทรมาหาที่รัก?”
เมื่อได้ยินเขาเรียกผู้หญิงคนอื่นอย่างสนิทสนมเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าซินดี้ไม่รู้สึกเสียใจเลย
แต่เธอกลั้นไว้ และสูบหายใจเข้าลึกๆ สงบสติอารมณ์อีกครั้งหนึ่งและตอบว่า:“เป็นคนใกล้ชิดของประธานเปปเปอร์ผู้ช่วยเหมันตร์ค่ะ”
“เหมันตร์!” ชื่อนี้ทำให้สีหน้าของลาเต้ดูแย่ขึ้นมาทันที
ยังไม่พูดถึงว่าคนคนนี้เป็นคนของเปปเปอร์
แค่พูดว่าทุกครั้งที่ตัวเองเจอคนคนนี้ ก็จะไม่มีเรื่องดีเกิดขึ้นแน่นอน
เมื่อนึกถึงเวลาที่ถูกผู้ชายคนนี้จับตัวไว้และขยับตัวไม่ได้นั้น ลาเต้ก็เกลียดจนอยากจะกัดมัน พูดพร้อมกัดฟันด้วยความแค้นว่า:“ผมเข้าใจแล้ว ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้”
“ค่ะ”
หลังจากที่โทรเสร็จ เลขาซินดี้ก็วางโทรศัพท์ลง ได้ดันแว่นตาขอบสีดำที่สันจมูกของเธอ และเปิดประตูออฟฟิศตัวเองแล้วเดินเข้าไป
ในตอนที่ลาเต้ถึงเทนเดอร์กรุ๊ปนั้น ก็ได้ผ่านไปแล้วครึ่งชั่วโมง
ระหว่างทางที่มา สีหน้าดูแย่มาก และจริงจังอย่างมากด้วย
เดิมทีมายมิ้นท์ตั้งใจจะถามเขาว่าทำไมถึงมาอย่างกะทันหัน แต่พอเห็นสีหน้าท่าทางที่เคร่งขรึมของเขาแล้ว จึงได้เปลี่ยนคำถามใหม่ว่า:“เต้ คุณเป็นอะไรหรือ?”
“ที่รัก เมื่อกี้เหมือนว่าผมจะเจอดารามาย”ลาเต้เดินตรงไปที่หน้าโต๊ะทำงานของเธอ พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
เมื่อได้ยินชื่อนี้ มายมิ้นท์เบิกตากว้าง และหลังก็เหยียดตรงทันที“คุณพูดอะไรนะ?เจอดารามายหรือ?”
“ใช่”ลาเต้พยักหน้าอย่างแรง“ผมมั่นใจเลย ว่าต้องเป็นเธอแน่ๆ แล้วผมก็ได้ถ่ายรูปไว้ด้วย”
“ให้ฉันดูหน่อย”มายมิ้นท์ลุกขึ้นยืน
ลาเต้หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา และเปิดแกลอรี่รูปภาพ หารูปภาพที่ถ่ายล่าสุดแล้วยื่นให้กับเธอ“ก็คืออันนี้ ตอนที่ผมมานั้น ผมไม่ได้จอดรถไว้ที่ที่จอดรถ แต่ขับมาจอดที่ริมถนนของหน้าประตูเทนเดอร์กรุ๊ปโดยตรงเลย และในตอนที่ผมกำลังลงจากรถ เหลือบไปเจอดารามายที่นั่งในร้านกาแฟตรงข้ามริมถนน ตอนที่ผมเห็นเธอนั้น ผมตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่าย”
มายมิ้นท์ไม่ได้ฟังที่เขาพูดเลย แต่กลับจ้องมองไปที่หน้าจอโทรศัพท์
รูปในหน้าจอโทรศัพท์นั้น เป็นเพียงใบหน้าด้านข้างของผู้หญิง เนื่องจากรูปนี้ถ่ายโดยการซูมภาพ จึงทำให้ภาพไม่คมชัดมากเท่าไหร่ แต่มายมิ้นท์เพียงแค่มองแวบเดียวก็รู้ทันที ว่าผู้หญิงที่อยู่ในรูปนั้น เป็นดารามายจริงๆ
น้องสาวเมื่อหกปีที่แล้ว หลังจากที่คุณพ่อฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดลงจากตึก ก็ได้นำเงินทุนหมุนเวียนสุดท้ายของเทนเดอร์กรุ๊ปหนีไปกับแม่เลี้ยง!
“หนีแล้วหกปี ไม่นึกว่าเธอกลับมาแล้ว”มายมิ้นท์กำโทรศัพท์แน่น พูดด้วยสีหน้าที่ดูไม่ดี
ลาเต้พยักหน้า“นั่นสิ เดิมทีพวกเราคิดว่า เธอกับแม่เลี้ยงของคุณทั้งชีวิตนี้คงจะไม่กลับมาแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่านี่แค่หกปีก็กลับมาแล้ว ผมเกรงว่าแม่เลี้ยงของคุณก็กลับมาด้วยแล้วแหละ”
มายมิ้นท์ยิ้มอย่างเย็นเยือก“ก็จริง ตอนนี้เทนเดอร์กรุ๊ปก็ได้มีการพัฒนาที่ค่อนข้างจะมั่นคงแล้ว ไม่ได้ล้มละลาย พวกเธอคงจะได้รับข่าวสารแน่ๆ จากนั้นจึงหนีกลับมา”
“คุณหมายความว่า พวกเธอกลับมา เพราะต้องการแย่งเทนเดอร์กรุ๊ปกับคุณ?”ลาเต้ขมวดคิ้ว
มายมิ้นท์คืนโทรศัพท์ให้เขา “นอกจากเรื่องนี้แล้ว ฉันนึกเป้าหมายที่พวกเธอกลับมาที่เมืองเดอะซีกะทันหันทำไมไม่ออกจริงๆ สองแม่ลูกนี้ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นจริงๆทั้งเห็นแก่ตัวและโลภมาก เมื่อตอนที่คุณพ่อเสียชีวิต พวกเธอก็รีบหนีไปพร้อมกับเงินทั้งหมดและหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่สนใจว่าท้ายที่สุดแล้วเทนเดอร์กรุ๊ปจะเป็นอย่างไร แม้แต่งานศพของคุณพ่อก็ไม่มาร่วมด้วย ดังนั้นเห็นได้ชัดว่าสองแม่ลูกนี้ไม่มีหัวใจเลย ในสายตามีแต่ผลประโยชน์ หากไม่ใช่เพราะตอนนั้นเตชิตออกมาพูดในฐานะที่เป็นผู้ถือหุ้นรายเก่า และขอให้ธนาคารสนับสนุนส่วนหนึ่งของเงินทุนให้ เทนเดอร์กรุ๊ปคงจะจบสิ้นเมื่อหกปีที่แล้ว”
จะว่าไป เทนเดอร์กรุ๊ปสามารถมีวันนี้ได้ ก็ต้องขอบคุณเตชิตจริงๆ
แม้ว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของเตชิตที่ให้ธนาคารสนับสนุนเงินทุนในขณะนั้น คือต้องการควบคุมเทนเดอร์กรุ๊ปอย่างเต็มที่ แต่เธอก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่านี่เป็นคุณงามความดีที่เตชิตมีต่อเทนเดอร์กรุ๊ป
และเพราะอย่างนี้ แม้ว่าเตชิตจะดิ้นรนด้วยทุกวิถีทาง และทำทุกวิถีทางเพื่อผลประโยชน์ตัวเอง เธอก็ยังยอมทนเขา ไม่ได้ใช้สิทธิ์ในฐานะที่เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของตัวเอง ในการไล่เขาออก
แน่นอน ถ้าหากท้ายที่สุดแล้วเตชิตได้ล้ำเส้นขอบเขตของเธอจริงๆ เธอก็จะไม่ทนเขาอีกต่อไป
ในฐานะที่เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด เธอมีวิธีที่จะทำให้เตชิตออกจากเทนเดอร์กรุ๊ปอยู่แล้ว
ลาเต้หัวเราะอย่างโกรธเคือง“ไอ้สองคนนี้ พอตอนนั้นที่เทนเดอร์กรุ๊ปและตระกูลกิตติภัคโสภณเกิดเรื่องก็หนีเลยทันที และตอนนี้เทนเดอร์กรุ๊ปไม่เป็นอะไรแล้ว ก็กลับมาเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ ช่างไร้ยางอายสิ้นดี”
“สำหรับคนที่ไม่มีหัวใจแล้ว นับประสาอะไรกับความละอายใจ ผลประโยชน์ต่างหากที่เป็นความสำคัญสูงสุด ตอนนี้ฉันกำลังคิดว่า พวกเธอกลับมาตอนไหน แล้วกลับมานานแค่ไหนแล้ว”มายมิ้นท์ขมวดคิ้ว และครุ่นคิดขึ้นมาทันที
หากว่าพึ่งจะกลับมา งั้นต่อจากนี้สองแม่ลูกคู่นี้ คงจะเริ่มสร้างปัญหาแล้วล่ะ
แต่หากว่ากลับมานานแล้ว แล้วพักอยู่ที่ไหนล่ะ ทำไมนานขนาดนี้แล้วยังไม่มาหาถึงที่อีก?