“เราหาคนมาสืบดีไหม?” ลาเต้เอ่ยเสนอขึ้น
มายมิ้นท์พยักหน้า “แน่นอนค่ะว่าจะต้องให้คนไปสืบ หากว่าไม่สืบเรื่องของพวกเธอให้ชัด ฉันก็คงไม่สามารถวางใจได้”
เพราะถึงอย่างไรสองคนแม่ลูกคู่นั้นก็อยู่ในที่มืด ส่วนเธออยู่ในที่สว่าง
หากไม่ใช่เพราะลาเต้ไปพบกับดารามายเข้า เธอคงไม่รู้ว่าดารามายกลับมาเมืองเดอะซีแล้ว
บางที ดารามาย อาจจะจู่โจมเธอโดยที่เธอไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำ
ดังนั้นในตอนนี้เมื่อเธอรู้ว่าสองคนแม่ลูกนี้กลับมาแล้ว ก็จะต้องสืบให้ดีว่าพวกเธออยู่ที่ไหน เมื่อเป็นเช่นนี้ต่อให้สองคนแม่ลูกนั้นต้องการทำอะไร เธอจะได้ป้องกันไว้ล่วงหน้า
“ให้ใครไปสืบดี นักสืบหรือ……”
“นักสืบแล้วกันค่ะ” มายมิ้นท์ครุ่นคิดแล้วตอบว่า “ดารามายปรากฏตัวขึ้นบริเวณเทนเดอร์กรุ๊ป คาดว่าเธอคงจะมาสืบหาความจริง บางอย่าง หากว่าส่งคนของเราไปอาจจะถูกดารามายจับได้ทันที ดังนั้นให้ใช้นักสืบเถอะค่ะ”
“ที่คุณพูดก็ถูก งั้นเดี๋ยวผมไปติดต่อให้ อีกเดี๋ยวตอนกลับบ้านจะผ่านสำนักงานแห่งหนึ่งพอดี ชื่อเสียงไม่เลวเลย เดินทางสะดวกเสียด้วย” ลาเต้รินน้ำให้ตนเองแก้วหนึ่งแล้วพูดขึ้น
มายมิ้นท์ตอบรับว่า “อืม” เบาๆ “ถ้าอย่างนั้นรบกวนคุณด้วยนะคะ อ้อจริงสิ ทำไมวันนี้จู่ๆ ถึงมาที่นี่ล่ะ?”
“เป็นเพราะซินดี้นะสิ” ลาเต้ขยับเก้าอี้เข้ามานั่ง “เธอบอกว่าวันนี้ท่าทางของคุณดูแปลกไป เธอเป็นห่วงคุณจึงให้ผมมาดูว่าคุณเป็นอะไร”
เมื่อได้ยินประโยคนี้มายมิ้นท์ก็ทำตัวไม่ถูก “ฉันก็เพียงแค่อารมณ์ไม่ดีน่ะค่ะ ไม่มีอะไรต้องกังวลหรอก คิดไม่ถึงว่าเธอจะเข้าใจผิด ไปว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉัน”
“เธอเป็นห่วงคุณมากนะ” ลาเต้พูดขึ้น
มายมิ้นท์พยักหน้า “ฉันเข้าใจดีค่ะ และฉันก็ซาบซึ้งใจมาก”
“ที่รัก คุณไม่เป็นอะไรจริงๆ ใช่ไหม?” แม้เธอจะบอกว่าเธอเพียงอารมณ์ไม่ดี แต่ลาเต้ก็ยังไม่วางใจและเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง
มายมิ้นท์พยักหน้าเล็กน้อย “ฉันไม่เป็นอะไรจริงๆ ค่ะ”
“แล้วทำไมคุณถึงอารมณ์ไม่ดีล่ะ?” ลาเต้เอ่ยถามอีกครั้ง
มายมิ้นท์ยกมือขึ้นกุมขมับนวดไปมา “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เพียงแค่รู้สึกเหมือนถูกใครบางคนเล่นงานอยู่ จึงทำให้อึดอัดใจนิดหน่อย”
“ใครกัน?” ลาเต้เอนกายเข้ามาด้วยความสงสัย
ในสมองของมายมิ้นท์ปรากฏภาพเปปเปอร์ซึ่งมีใบหน้าเย็นชาขึ้นมา ทันใดนั้นแววตาของเธอก็รู้สึกสับสน
สภาพของเธอในตอนนี้ เมื่อลาเต้เห็นก็รู้ได้ว่ากำลังฟุ้งซ่าน เขาจึงอดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกมาโบกต่อหน้าเธอ “ที่รัก คุณคิดอะไรอยู่กันน่ะ?”
มายมิ้นท์ได้สติกลับคืนมา เธอลดเปลือกตาลงเล็กน้อย เพราะไม่อยากทำให้คนอื่นเห็นถึงการแสดงออกในดวงตาเธอ ก่อนจะพยายามฉีกยิ้มขึ้นแล้วตอบว่า “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ”
น่าแปลกจริงๆ ทำไมเธอถึงนึกถึงเปปเปอร์ขึ้นมาแบบนี้ล่ะ
จากนั้นก็ส่ายหน้าเล็กน้อย มายมิ้นท์รีบสลัดเรื่องราวของเปปเปอร์ออกไปจากความคิดเธอทันที แล้วยกแก้วน้ำบนโต๊ะขึ้นมาดื่ม เมื่อดื่มน้ำลงไปจึงทำให้ภายในใจของเธอสงบลงเล็กน้อย
แต่ถึงอย่างไรท่าทางอันประหลาดของเธอเช่นนี้ ลาเต้ก็เห็นทุกประการ
เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย ท่าทางของเขาเผยแววที่คนอื่นอยากจะเข้าใจได้ออกมา จากนั้นก็แสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขายิ้มแล้วพูดว่า “ที่รักครับ ช่วยอะไรผมหน่อยสิ”
“อะไรคะ?” มายมิ้นท์วางแก้วน้ำลงแล้วมองไปทางเขาด้วยท่าทางสงสัย
ลาเต้ยิ้มแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้เธอ “เป็นคู่ควงออกงานออกงานให้ผมหน่อย”
“พรูด!” มายมิ้นท์อดกลั้นไม่ไหว เธอพ่นน้ำในปากออกมากระเซ็นถูกหน้าเขา
ลาเต้ขมวดคิ้วเข้าหากัน เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าใบหน้าของตนเปียกชุ่ม ยังมีน้ำบางส่วนไหลลงมาจากข้างแก้ม
มายมิ้นท์รู้ว่าตนเองสร้างเรื่องเข้าให้แล้ว จึงแลบลิ้นออกมาเล็กน้อยอย่างทะเล้นแล้วหยิบกระดาษทิชชูออกมาเช็ดหน้าให้แก่เขา
หลังจากที่คิดว่าเช็ดไปได้พอประมาณ มายมิ้นท์ก็เริ่มเอ่ยขอโทษขึ้น “ขอโทษนะคะลาเต้ เมื่อสักครู่ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
“ที่รัก…….” ใบหน้าของลาเต้มองมาที่เธอด้วยความขุ่นเคือง
มายมิ้นท์ยิ้มขึ้นอย่างเขินอาย “ขอโทษจริงๆ ค่ะลาเต้ ฉันไม่ได้ตั้งใจ” มายมิ้นท์เช็ดใบหน้าและผมของเขา
เดิมทีทรงผมของเขาหวีขึ้นไปด้านหลังและใส่เจลแต่งผม มองไปมีสไตล์ไม่น้อย ไม่ต่างกับเจ้าชายในอนิเมะเลย
แต่เมื่อครู่ที่เธอเช็ดหน้าและผมให้แก่เขา ทำให้ทรงผมมันยุ่งเหยิงไปหมด
ตอนนี้เขาดูไม่หล่อแล้ว
แต่เมื่อเห็นใบหน้าแดงเรื่อของเธอที่หัวเราะขึ้นเช่นนั้น เขาจึงได้ยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้
เอาเถอะ ก็เธอน่ารักขนาดนี้จะให้เขาทำยังไงล่ะ? ก็คงจะต้องให้อภัยเธอนั่นแหละ
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ก็แค่ถูกพ่นนำใส่ เดี๋ยวผมไปเช็ดออกก็พอแล้ว” ลาเต้โบกไม้โบกมือขึ้นเป็นความหมายว่าอย่าไปใส่ใจ
มายมิ้นท์ลุกขึ้นยืน จากนั้นหยิบผ้าขนหนูผืนหนึ่งจากล็อกเกอร์ยื่นให้เขา “อ้อจริงสิคะ เมื่อสักครู่คุณบอกว่าจะให้ฉันเป็นคู่ควงออกงานเหรอ?”
“ใช่สิครับ” ลาเต้เอื้อมมือไปรับผ้าขนหนูเอาไว้ เช็ดพลางกล่าวว่า “พรุ่งนี้จะมีแขกสำคัญจะมาจากต่างประเทศ หนึ่งในนั้นสนิทสนมกับพ่อของผมมากทีเดียว จึงได้ส่งการ์ดเชิญมาให้พ่อผมใบหนึ่ง แต่ว่าพ่อของผมไม่อยากไปจึงบอกให้ผมไปแทน อยากจะให้ผมออกไปเปิดโลกสักหน่อย ผมจึงตอบตกลงไป แต่คนพวกนั้นรักสนุกบอกว่าให้เอาคู่ควงออกงานไปด้วย คุณก็รู้ดีนี่ว่าผมมีเพื่อนผู้หญิงก็แค่คุณคนเดียว……”
“ฉันปฏิเสธ” เธอไม่รอให้เขาพูดจบก็รีบปฏิเสธทันใด
“ดีจริงที่คุณ ตกลง…… หืม?” ลาเต้เบิกตากว้างมองดูเธอด้วยความประหลาดใจ “ที่รัก คุณว่าอะไรนะ ปฏิเสธ?”
เมื่อครู่เขาคิดว่าเธอตอบตกลง จึงดีใจไปเกินเหตุ แต่เมื่อได้สติกลับคืนมาพบว่าเธอปฏิเสธเขาต่างหาก
สิ่งนี้ทำให้ความดีใจของเขาเมื่อครู่กลายเป็นน้ำแข็งในทันที
มายมิ้นท์พยักหน้าด้วยท่าทางจริงจังมาก “ใช่ค่ะ ฉันปฏิเสธ”
“ทำไม?” ลาเต้คว้าแขนของเธอเอาไว้
มายมิ้นท์ดึงแขนของตัวเองกลับมา “เพราะว่าก่อนหน้านี้ฉันเคยตอบตกลงกับเปปเปอร์เอาไว้แล้ว ต่อมาเปปเปอร์บอกว่าไม่ต้องการฉัน แต่ในที่สุดแล้วฉันก็ไป ต่อให้ไปกับคุณฉันก็คงจะเขิน คุณเข้าใจไหม”
“อะไรนะ คุณตอบตกลงจะเป็นคู่ควงออกงานให้เปปเปอร์เหรอ?” ลาเต้เอ่ยถามด้วยเสียงสูง
มายมิ้นท์พยักหน้า “ใช่ค่ะ”
“คุณตอบตกลงเขาไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมคุณไม่บอกผมเลย?” มือทั้งสองข้างของลาเต้กุมไปที่บ่าของเธอแล้วเขย่าเล็กน้อย
มายมิ้นท์ถูกเขาเขย่าจนวิงเวียน ก่อนจะรีบสะบัดมือเขาออกอย่างรวดเร็ว “มีอะไรให้น่าพูดถึงกันคะ เอาเป็นว่างานเลี้ยงครั้งนี้ฉันไปกับคุณไม่ได้ คุณไปหาคนอื่นเถอะค่ะ”
“ที่รักอย่าทำแบบนี้สิ ผมไม่รู้จะไปหาใครแล้ว” ลาเต้ไม่ยินยอม เขายืนกรานให้เธอไปเป็นคู่ควงของเขา
แต่ดูท่าทางของมายมิ้นท์ค่อนข้างจะแน่วแน่เป็นพิเศษ “ลาเต้ ถ้าหากเป็นงานเลี้ยงอื่นฉันคงไม่ปฏิเสธ แต่ครั้งนี้ไม่ได้จริงๆ ไม่ต้องพูดถึงว่าเมื่อฉันไปเจอกับเปปเปอร์ที่งานแล้วจะเคอะเขินขนาดไหน อีกอย่างฉันเคยพูดกับเปปเปอร์ไว้แล้วว่าจะไม่ไปปรากฏตัวต่อหน้าเขาอีก ดังนั้นถ้าพรุ่งนี้ฉันไปปรากฏตัวต่อหน้าเขาก็เท่ากับว่าฉันผิดคำพูด แล้วเขาจะมองฉันอย่างไร”
“เอ่อ……” ลาเต้อ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออก
มายมิ้นท์ตบลงไปที่บ่าของเขาแล้วกล่าวว่า “ดังนั้นนะคะ ลาเต้คุณไปหาคู่ควงออกงานคนอื่นเถอะ”
ลาเต้ถอนหายใจออกมา “เอาเถอะ ในเมื่อคุณพูดถึงขนาดนี้แล้วจะให้ผมทำยังไงล่ะ”
มายมิ้นท์เผยอริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ทันใดนั้นเองโทรศัพท์มือถือของลาเต้ก็ดังขึ้น
เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู พบว่าเป็นผู้ช่วยของเขาโทรมาจึงได้รีบรับสาย “ว่าไงครับ”
“ประธานลาเต้ครับ ประธานวสุเดินทางมาที่บริษัท บอกให้คุณกลับมาบริษัทด่วน” น้ำเสียงของผู้ช่วยดังขึ้นจากในสาย
ลาเต้ขมวดคิ้ว “พ่อผมไปที่บริษัทเหรอ เขาไปที่บริษัททำไม?”
“ไม่ทราบครับ ประธานวสุไม่ได้บอกอะไรไว้ เอาเป็นว่าท่านรีบกลับมาเถอะนะครับ” ผู้ช่วยตอบ
ลาเต้นวดไปที่ขมับ Wโอเคผมจะรีบกลับไปเดี๋ยวนี้”
เมื่อวางโทรศัพท์ลงเขาก็มองไปทางมายมิ้นท์ “ที่รัก พ่อผมไปที่บริษัทน่ะ คาดว่าคงจะมีเรื่องอะไร ผมขอตัวกลับก่อนนะ”
“ค่ะ ขับรถระวังด้วยนะ” มายมิ้นท์ตอบรับจากนั้นลุกขึ้นส่งเขาออกจากห้องทำงานไป จนกระทั่งเห็นเขาเดินเข้าไปในลิฟต์แล้วเธอจึงหันกลับไปที่โต๊ะทำงาน