เช้าตรู่ แสงจันทร์ยังสาดส่องลงมายังภูเขาราชาหลี่ว์หวังเบื้องล่างอย่างไม่ลังเล
แต่จางเว่ยอวี่และคนอื่นๆ ได้ยินเสียงฝีเท้าได้ขึ้นจากข้างนอกระหว่างที่กำลังฝัน พวกเขาพลิกตัวลุกขึ้นมา มองลอดหน้าต่างว่าเกิดอะไรขึ้น คงไม่ใช่ทัพเฮยอวี่บุกเข้ามา ไม่เช่นนั้นทำไมถึงได้เอะอะโวยวายขนาดนี้
ตอนนี้เองจางเว่ยอวี่และคนอื่นๆ จึงรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
พวกเขาค่อยๆ พบจุดผิดปกติ ทหารทัพอู่เว่ยทหารไม่ได้ตื่นตระหนก แต่ย่างก้าวของพวกเขาเรียบร้อยและสม่ำเสมอ เสียงฝีเท้าของหทารสามพันกว่าคน ย่ำลงพื้นพร้อมๆ กัน เสียงดังราวกับเสียงตีกลองสงคราม เสียงดังสนั่นราวกับคลื่นทะเล
“พวกเขากำลังทำอะไรกัน” จางเว่ยอวี่พูดอย่างไม่แน่ใจ
ตงเยี่ยเป็นหนึ่งในทหารวังในลังเล “ไม่เหมือนทัพเฮยอวี่บุกมา เหมือนกำลังรวมตัวอะไรสักอย่าง ถ้ามีทหารบุกมาจะไม่ใช่ท่าทีแบบนี้
แต่ในตอนนี้ จมีเสียงดังทุ้มของหลี่เฮยทั่นดังมาจากข้างนอก “หนึ่งสองหนึ่ง หนึ่งสองหนึ่ง หนึ่งสองสามสี่… “
จางเว่ยอวี่ที่คิดจะออกไปดูก็ตกใจ” นี่มัน…สัญญาณลับ”
“ไม่ใช่ สังเกตไหมว่าตอนที่เขานับเลขนั้น มีเสียงฝีเท้าดังพร้อมไปกับตัวเลขด้วย” มีคนพบเบาะแส “เป็นไปได้ไหมที่กำลังฝึกทหารอยู่”
“ไม่เคยเห็นวิธีการฝึกแบบนี้ …”
ในเมื่อมั่นใจว่าไม่มีอันตราย จางเว่ยอวี่จึงเป็นคนนำเดินออกไป พวกเขาเห็นทหารอู่เว่ยแบ่งออกเป็นสามสิบกว่ากอง กองละร้อยคนวิ่งไปพร้อมกัน ถึงจะมีทหารบางคนวิ่งผิดจังหวะบ้างแต่คนนั้นก็จะปรับจังหวะให้เข้ากับคนอื่นได้ในทันที
หลี่เฮยทั่นตะโกนนับตัวเลขก็เพื่อกำกับจังหวะฝีเท้าให้พวกเขา หนึ่งหมายถึงขาซ้ายย่ำพื้น สองหมายถึงขาขวาย่ำพื้น
จางเว่ยอวี่และคนอื่นๆ เป็นคนฉลาด พวกเขาเข้าใจประโยชน์ของกาฝึกเช่นนี้ทันที นี่เป็นการทำให้กองทัพมีระเบียบวินัยมากขึ้นและยังเป็นการแสดงถึงสภาพจิตใจ สิ่งนี้อาจจะไม่มีประโยชน์มากในสนามรบแต่มันมีประสิทธิภาพอย่างน่าประหลาดใจในการฝึก
สิ่งที่น่าแปลกใจกว่านั้นคือหลี่ว์ซู่สามารถฝึกทหารอู่เว่ยที่ไร้ระเบียบวินัยให้กลายเป็นแบบนี้ได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ
ในทหารมังกรหลวงมีทหารวังในสามร้อยนาย แต่ละนายรับผิดชอบทหารมังกรหลวงธรรมดาร้อยนาย ดังนั้นทุกคนจึงเข้าใจดีว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายที่สามารถฝึกให้ทหารอู่เว่ยเชื่อฟังคำสั่งภายในระยะเวลาสั้นๆ แบบนี้
เมื่อคืนพวกเขายังคงคุยกันว่าหากกองทัพอู่เว่ยไม่เชื่อฟัง พวกเขาจะใช้ยาแรงในการอบรมพวกเขาก่อน แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าพวกเขาไม่ต้องใช้แล้ว
จางเว่ยอวี่เฝ้าดูอยู่นานแต่ไม่เห็นหลี่ว์ซู่ เขารอให้หลี่เฮยทั่นผ่านมาข้างๆ แล้วจึงถามอย่างสงสัยว่า “หัวหน้าอยู่ที่ไหนล่ะ”
หลี่เฮยทั่นมองจางเว่ยอวี่และตะโกนว่า “หนึ่ง! สอง! สาม! สี่! “
จางเว่ยอวี่ “… “
ประสาท คนถามไม่ตอบ!
สิ่งที่น่ารำคาญที่สุดของจางเว่ยอวี่ ในตอนนี้คือนิสัยอารมณ์ร้ายของหลี่เฮยทั่นแต่จะว่าเขาจิตใจชั่วร้ายก็ไม่ใช่…
ในตอนนี้ จางเว่ยอวี่ดึงหลี่เฮยทั่นไว้ “ฉันถามนาย หัวหน้านายอยู่ที่ไหน”
“ฝึกดาบอยู่” หลี่เฮยทั่นพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
จางเว่ยอวี่พยักหน้า หลี่ว์ซู่ยังคงฝึกดาบด้วยความสม่ำเสมอ
มหาวิถีบังเกิดแล้วนิรันดร์ คนธรรมดาเห็นแค่จุดที่สวยงาม แต่พวกเขาไม่รู้ว่าการกระทำที่เปลี่ยนชะตาชีวิตนั้นถ้าไม่มีความเพียรนั้นไม่มีทางทำได้ ดังที่พวกเขาปรึกษากัน บนเส้นทางที่คดเคี้ยวนั้นจะขาดความเพียร วาสนา คุณสมบัติสักอย่างหนึ่งไปไม่ได้ และหลี่ว์ซู่ไม่ขาดเลยสักอย่าง โดยเฉพาะความเพียรที่สำคัญที่สุด
“มีเรื่องอะไรอีกไหม” หลี่เฮยทั่นถามอย่างไม่สนใจ
จางเว่ยอวี่รู้สึกขัดใจ “หัวหน้านายไม่คุมเรื่องอารมณ์ร้ายของนายเหรอ”
“คุมนะ” หลี่เฮยทั่นพูด “แต่คุมไม่อยู่”
ตอนนี้หลี่ว์ซู่ยอมแพ้ไปแล้ว…แต่เขาก็มีความอดทนสูง ในเมื่อเขารู้ว่าหลี่เฮยทั่นมีนิสัยตรงไปตรงมาเช่นนี้ ถ้าหลี่ว์ซู่จะเปลี่ยนนิสัยหลี่เฮยทั่นให้เป็นคนมีความคิดลึกลับซับซ้อน หลี่ว์ซู่เองจะเสียหาย
จางเว่ยอวี่อึ้งไปชั่วขณะเมื่อได้ยินคำตอบของหลี่เฮยทั่น “ถ้าอย่างนั้น นายควบคุมตัวเองไม่ได้เหรอ”
หลี่เฮยทั่นผงะไปชั่วขณะ “ดูๆ คุณพูดอะไร ใต้เท้าหลี่ว์ยังคุมฉันไม่ได้ คิดว่าฉันจะคุมตัวเองได้เหรอ! “
จางเว่ยอวี่ “…นายพูดก็มีเหตุผล”
จางเว่ยอวี่และคนอื่นๆ กำลังดูการฝึกซ้อมวิ่ง เป็นการฝึกที่ไม่เข้มข้นมากนัก ที่จริงไม่เกี่ยวกับการต่อสู้เท่าไหร่นัก อาจเป็นสาเหตุที่หลี่ว์ซู่ต้องการให้พวกเขาอยู่ที่นี่เพราะหลี่ว์ซู่เองก็รู้ว่าการออกกำลังกายแบบนี้จะทำให้ทัพอู่เว่ยกลายเป็นกองทัพที่ไร้เทียมทานไม่ได้ยังต้องผสมผสานการฝึกแบบอื่นอีก
หลี่ว์ซู่ปรากฏตัวในตอนอาหารเช้า จากนั้นหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ก็หยิบบัญชีออกมาให้หลี่ว์ซู่ดูเป็นเวลานาน ทั้งสองคนพึมพำกันโดยไม่รู้ว่าพวกเขากำลังคุยอะไรกัน
ตอนนี้หลี่ว์ซู่และคนอื่นๆ รับผิดชอบชีวิตของกองกำลังทั้งหมด พวกเขาต้องวางแผนอย่างรอบคอบ หลังจากจางเว่ยอวี่และคนอื่นๆ มาถึง หลี่ว์ซู่ก็ไม่ได้คุยอะไรกับพวกเขาแต่ต้องการไปที่ภูมิศาสตร์ก่อน
จู่ๆ จางเว่ยอวี่ก็ค้นพบว่าหลังจากผ่านไปเพียงคืนเดียว จิตวิญญาณของหลี่ว์ซู่ดูเหมือนจะแตกต่างจากเมื่อวาน การพัฒนาแบบก้าวกระโดดภายในคืนเดียวช่างน่ากลัวเสียจริง เขาดูยังไงก็ไม่เหมือนคนที่เพิ่งเริ่มบำเพ็ญ
ในปกติ ผู้บำเพ็ญระดับต่ำจะเสียเวลานานถ้าฝึกโดยไม่มีคนแนะนำ
ส่วนหลี่ว์ซู่เหมือนจะไม่เป็นแบบนั้น เขาเหมือนรู้ว่าตัวเองจะไปสิ้นสุดที่ตรงไหนและเดินตรงไปเรื่อยๆ
จางเว่ยอวี่ไม่รู้ว่าสิ่งที่หลี่ว์ซู่กำลังทำอยู่ในตอนนี้เป็นเพียงการชดเชยข้อบกพร่องในการฝึกร่างกายของเขาเท่านั้น หากแผนที่ดาวถูกเปิดออกในเวลานี้สมรรถภาพทางกายของหลี่ว์ซู่น่าจะสูงขึ้นเป็นสองเท่าของยอดฝีมือในระดับเดียวกัน
เมื่อทั้งสองพลังหลอมรวมกัน ไม่ได้ง่ายดายแบบการบวกเลข เดิมหลี่ว์ซู่มีพลังสูงกว่าคนในระดับเดียวกันเมื่อได้เสริมจุดบกพร่องนี้ไปแล้ว ระดับของเขาจะสูงขึ้นไปขนาดไหน
“พืชผลที่นี่เติบโตเร็วขึ้นหน่อย” หลี่ว์ซู่ลาดตระเวนพื้นที่นาขั้นบันไดขนาดใหญ่ “อีกประมาณสามเดือน ผลผลิตก็จะออกรวง ตอนนั้นก็ไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารแต่ต้องจัดการเรื่องการขาดแคลนเกลือ อาหารจะขาดได้นิดหน่อยแต่เกลือจะขาดไม่ได้”
หลี่ว์เสี่ยวอวี๋พยักหน้าและจดลงในสมุดบันทึก ตอนนี้เธอเป็นพ่อบ้านใหญ่ สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่เธอต้องดูแล
“การเลี้ยงสัตว์ป่าคืบหน้าเป็นยังไงบ้าง” หลี่ว์ซู่ถาม
“ช่วงนี้ หลิวเชียนจือและคนอื่นๆ พยายามไปล่าสัตว์บนภูเขาและไม่ล่าทั้งหมดแต่ในตอนนี้มีแพะเพียงชนิดเดียวที่เหมาะสำหรับการเพาะพันธุ์ในคอก มันดูเชื่องลงบ้างแต่สัตว์ตัวอื่นกลับไม่กินอาหารสัตว์เลย แล้วยังอดตายไปดื้อๆ หรือไม่ก็หงุดหงิดง่าย ควบคุมยาก” หลี่ว์เสี่ยวอวี๋พูด
“สัตว์ป่ายังไงก็คือสัตว์ป่า” หลี่ว์ซู่ถอนหายใจ
พวกเขามีความฝันอันยิ่งใหญ่แต่ความเป็นจริงทำได้ยาก ไม่ใช่ว่าสัตว์ป่าทุกชนิดจะลบความเป็นสัตว์ป่าของมันได้