ตอนที่ 667 ถูกจัดการอย่างหนัก

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

“ธนูง้างสายแล้วไม่ปล่อยออกไปคงไม่ได้ ยังไงเราก็ไม่มีทางเลือก”

“อืม ข้าคิดว่าอาจารย์มู่คงไม่ใส่ใจเรื่องการหายตัวไปนี้กระมัง”

ซูเซิงขมวดคิ้วแน่น “ข้าคิดว่าถ้านางเป็นคนที่อาจารย์มู่ชอบจริง ๆ ข้าก็ชักจะคาดหวังในความแข็งแกร่งของนางแล้ว”

“อ๊าก! ศัตรูหัวใจแข็งแกร่งมาก ข้าเจ็บปวดนัก”

มู่เฉียนซีเดินไปหาพวกเขาและแย้มยิ้ม “ข้ารู้ว่าทุกคนคงสงสัยเกี่ยวกับการที่ข้าได้เข้าร่วมการประลองของหอแห่งหุบเขาโอสถ ดังนั้นข้าจึงยินดีที่จะยอมรับคําท้าของพวกเจ้า”

“ส่วนจะท้าประลองอย่างไรนั้น พวกเจ้าสามารถเข้ามาทีละคนได้” มุมปากของนางยกขึ้นเป็นรอยยิ้มบาง ๆ

“ทีละคน!”

“นี่มันต่อสู้แบบหมุนเวียน!”

พวกเขาพากันโพล่งออกมา

“ฮืม… นี่เหมือนกับสงครามวงล้อ สู้กันแบบหมุนเวียนเหมือนที่อาจารย์มู่ท้าประลองกับอาจารย์คนอื่น ๆ ในสํานักน่ะรึ ?”

“บ้าไปแล้ว สมแล้วที่เป็นคนที่อาจารย์มู่ซีเลือก อวดดีอย่างบ้าระห่ำเหมือนกันกับอาจารย์มู่ซีไม่มีผิด”

ซูเซิงกล่าว “สหายมู่เฉียนซี เจ้าไม่ได้แข็งแกร่งอย่างอาจารย์ ทางที่ดีอย่าเลียนแบบอาจารย์ มิฉะนั้นจะพ่ายแพ้อย่างน่าสังเวชใจ”

มู่เฉียนซียิ้มเย็นยะเยือก “ข้ากล้าเลียนแบบ นั่นก็หมายความว่าข้ามั่นใจมาก พวกเจ้าไม่ต้องมาเตือนข้าให้เปลืองน้ำลายหรอก”

“เจ้าจะไม่เสียใจภายหลังแน่รึ ?”

“ข้าไม่เสียใจอย่างแน่นอน!”

เมื่อหวงฝู่จี้เหินเห็นมู่เฉียนซีออกมา ก็รู้ว่าพวกเขาคงต้องแพ้ในครั้งนี้แน่แล้ว

ครั้งก่อนที่ท่านปู่เผชิญเคราะห์ร้ายถึงชีวิตก็เพราะนางมีวิธีเพื่อให้ไม่แพ้อาจารย์ จึงทำให้ช่วยชีวิตท่านปู่ไว้ได้

ตอนนี้การท้าประลองถูกส่งออกไปแล้ว พวกเขาไม่สามารถปฏิเสธการมันได้แล้ว แม้รู้ว่าจะต้องพ่ายแพ้ แต่เหนือฟ้ายังมีฟ้า ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องพยายามยิ่งขึ้นเพื่อเดินหน้าต่อไปให้ได้

มู่เฉียนซีหยิบหม้อเทพปาฮวางชิงมู่ออกมา นั่นทำให้หลายคนอุทาน บางคนก็อ้าปากค้างทันที

“หืม ? นั่นคือหม้อยาของอาจารย์มู่”

“อาจารย์มู่เอาหม้อยาทั้งหมดให้นางยืมงั้นเรอะ”

ทุกคนต่างพากันบ่นกระปอดกระแปด โดยเฉพาะศิษย์ห้องเจ็ด

เหตุใดวันนี้พวกเขาทั้งชายหญิงถึงได้รู้สึกเหมือนถูกส่งเข้าวังเย็นของพระสนม และพวกเขาเองก็เหมือนพระสนมที่ทำศึกแย่งชิงความรัก

พวกเขามองหม้อยาอย่างโกรธเคืองนัยน์ตาแทบลุกเป็นไฟ ความหึงหวงพลุ่งพล่านทวีคูณ พวกเขาจะต้องทำให้อาจารย์มู่รู้ให้ได้ว่าพวกเขาไม่ได้ด้อยไปกว่านาง

ฮึ่ม! คอยดูเลย!

“พวกเจ้า ใครจะเข้ามาก่อนก็เข้ามาเลย!” มู่เฉียนซีเห็นอาการของพวกเขา นางก็ยิ่งท้าทาย

“มา! ข้านี่แหละก่อน”

“สหายห้องเจ็ด พวกเจ้าเป็นกองกำลังสุดท้าย พี่น้องของพันธมิตรหมอปีศาจของเราจะไปก่อนเอง”

“ใช่! ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดแน่นอนว่าต้องรอจนถึงตอนสุดท้าย”

ผลคือ…

พวกเขาเพิ่งหยิบยาออกมา มู่เฉียนซีก็หลอมยาออกมาได้แทบจะในทันที

อย่างไรเสียคนเหล่านี้ส่วนใหญ่ก็ถูกนางสอนมา เพียงแค่พวกเขานําเม็ดยาออกมา นางก็สามารถคาดเดาได้แล้วว่าพวกเขาจะหลอมหรือปรุงยาชนิดใด นางเพียงแค่ปรุงยาที่มีระดับสูงกว่าพวกเขาก็ได้แล้ว

รอบแรกพ่ายแพ้ไปในพริบตาเช่นนี้ พวกเขาแสนเซ็งและอึ้งงัน

เมื่อนึกถึงตอนที่อาจารย์มู่เอาชนะอาจารย์คนอื่น ๆ ได้อย่างหยิ่งยโส พวกเขาต่างก็โห่ร้องอย่างบ้าคลั่ง ใจพลันรู้สึกว่าอาจารย์มู่นั้นร้ายกาจเป็นพิเศษ

มาตอนนี้เมื่อถึงตาของพวกเขาบ้าง พวกเขารู้สึกได้ว่า… คงแพ้พ่ายไม่มีชิ้นดีแล้ว

นางต้องวิปริตถึงขนาดนี้เลยเชียวหรือ… เหตุใดต้องโหดร้ายถึงเพียงนี้ด้วย ?!

มู่เฉียนซีไม่ออมมือ นางจัดการกองกำลังแนวหน้าไปในชั่วพริบตา

โดยปกติแล้วจะเป็นยาระดับกลางซึ่งใช้พลังจิตไม่มากนัก ดังนั้นการเอาชนะคู่ต่อสู้หลายสิบคนได้ ไม่อาจทำให้มู่เฉียนซีสูญเสียพลังไปแม้แต่น้อย

“ข้าจะไปก่อน ข้ามั่นใจว่าข้านี่แหละจะทำให้นางสิ้นเปลืองพลังไปได้มาก และถ้านางสิ้นเปลืองพลังมากเท่าไหร่ พลังจิตของนางก็น้อยลงเท่านั้น”

“ฮึ่ม!”

มู่เฉียนซีและเหล่าศิษย์ในชั้นเรียนของนางเล่นงานกันเองแล้ว ทว่านางยังคงไม่ออมมือ ยังคงจัดการพวกเขาให้พ่ายแพ้ไปทีละคน… ทีละคน…

ในที่สุดพวกเขาก็เหลือเพียงสองคน นั่นก็คือซูเซิงและหวงฝู่จี้เหิน

ซูเซิงก้าวไปข้างหน้า “นับจากคนที่สอง ให้ข้าจัดการเอง สหายมู่เฉียนซี คราวนี้พวกเราไม่หลอมยาเม็ดแล้ว แต่มาประลองปรุงยาพิษเป็นอย่างไรเล่า ?”

มู่เฉียนซียิ้มเยาะ “ยาพิษงั้นรึ ? ไม่มีปัญหา”

คราวนี้นางไม่ได้รีบหลอมเม็ดยาก่อน แต่รอจนเขาปรุงยาของเขาเสร็จ นางถึงจะลงมือ และเมื่อนางลงมือ ซูเซิงพลันตกใจ

เขาเรียนการปรุงยาพิษในแบบของอาจารย์มู่ เรียนแค่เพียงผิวเผินเท่านั้น แต่เจ้านี่ได้เรียนรู้ถึงแก่นสารโดยตรง

ห่างไกล… ความสามารถของเขากับนางห่างไกลกันมากจริง ๆ

เมื่อมู่เฉียนซีหลอมยาพิษออกมา นางยิ้มตาหยีและเอ่ยกับซูเซิง “การประลองหลอมยาพิษเป็นการประลองแบบหนึ่งที่อันตรายมาก มันสามารถแยกแยะสูงต่ำได้”

“แยกแยะยังไงล่ะ ?” ซูเซิงขมวดคิ้วถาม

“นั่นก็คือข้ากินยาพิษของเจ้า ส่วนเจ้าก็กินของข้า แล้วเรามาดูกันว่าใครจะสามารถถอนพิษได้อย่างปลอดภัย เจ้ากล้าไหมเล่า หืม ? สหายซูเซิง” ดวงตาของมู่เฉียนซีเต็มไปด้วยความยั่วยุ

ซูเซิงเอ่ยขึ้น “ทำไมข้าจะไม่กล้า ข้าทำแน่”

เขาอยากรู้ถึงความเป็นพิษของยาพิษนั่น แม้เขาจะรู้ว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่ตัวเขาสามารถควบคุมได้ แต่เขาก็ยอมไปโดยไม่คำนึงถึงสิ่งใด

หวงฝู่จี้เหินตกใจ “เฮ้ ซูเซิง! เจ้าอย่าทําอะไรบุ่มบ่ามสิ”

ซูเซิง “เจ้าไม่ต้องห่วงข้า ข้ารู้ขอบเขตตัวเองดี”

มู่เฉียนซียิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะกล่าวว่า “ความกล้าหาญเจ้าไม่เลวเลยหนิ”

ซูเซิงมีพรสวรรค์มาก เขาไม่กลัวที่จะสํารวจพิษ ด้วยศักยภาพและความเพียร เขาเชื่อว่าตนเองเป็นนักพิษที่ยอดเยี่ยมได้อย่างแน่นอน แต่ก่อนหน้านั้นคงต้องให้ยาแรง ๆ แก่เขาเพื่อให้เขาพัฒนาได้เร็วขึ้น

ซูเซิงหยิบยาของมู่เฉียนซีขึ้นมากลืนมันลงไปอย่างหาญกล้า มู่เฉียนซีก็เช่นกัน นางกลืนยาของซูเซิงลงไปด้วย

นี่เป็นการต่อสู้ที่อันตรายทว่าก็ยอดเยี่ยมอย่างมาก ทุกคนเห็นแล้วพลันรู้สึกตกใจจนเนื้อเต้น

พิษของซูเซิงเป็นพิษมากแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็นศิษย์หรืออาจารย์ในสำนักย่อยการปรุงยาต่างก็รู้กันดี

แต่ในขณะเดียวกัน หญ้าพิษที่มู่เฉียนซีหยิบออกมาเมื่อครู่นี้ก็เป็นพิษฤทธิ์ร้ายแรงมาก ยาพิษที่ปรุงด้วยวิธีการอันประณีตเช่นนี้ มันจะเป็นพิษมากเพียงใด ทุกคนไม่กล้าแม้แต่จะคิด

แต่หลังจากที่มู่เฉียนซีกินยาพิษแล้ว นางกลับทําตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดวงตาดำเงางดงามคู่นั้นมองไปที่หวงฝู่จี้เหินและกล่าวขึ้นด้วยเสียงอันดัง “คนสุดท้าย มา!”

— ตึง! —

แต่ซูเซิง… ล้มลงกับพื้นหมดสติไปในทันที

หวงฝู่จี้เหินรีบกล่าวออกมา “มู่เฉียนซี ฝ่ายพวกข้าแพ้แล้ว โปรดล้างพิษให้ซูเซิงด้วย”

มู่เฉียนซี “เขาไม่ตายหรอก เริ่มการประลองรอบสุดท้ายเถอะ”

หวงฝู่จี้เหินขบฟันแน่น เสียงทุ้มต่ำของเขาลอดริมฝีปาก “เจ้า… โปรดช่วยล้างพิษให้ซูเซิงด้วย”

เด็กหนุ่มที่ก้มหน้าก้มตาเสมอในตอนแรก ตอนนี้กลับสามารถปกป้องสหายร่วมห้องของตัวเองได้แล้ว

มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “สหายหวงฝู่ เจ้าจะให้ข้าถอนพิษ แต่เจ้ากลับไม่รู้ว่าสหายซูเซิงนั้นยินยอมถอนพิษหรือไม่ วิถีของนักปรุงพิษ เจ้าไม่เข้าใจอะไรชัดเจนหรอก”

หวงฝู่จี้เหินเงียบไปครู่หนึ่ง เขาให้คนอื่นคอยดูแลซูเซิงที่หมดสติไป ใบหน้าของซูเซิงแสดงออกถึงความเจ็บปวดอย่างหาที่เปรียบมิได้ หลังจากนั้นเขาก็กล่าวขึ้นว่า “ตกลง เริ่มก็เริ่ม เรามาเริ่มต้นการประลองครั้งสุดท้ายเถอะ”

“ได้ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว” มู่เฉียนซียิ้ม

หวงฝู่จี้เหินไม่ยิ้มตอบ เขาเอ่ย “สหายมู่เฉียนซี เจ้าน่าจะรู้ว่าข้าเป็นขยะไร้ประโยชน์ผู้หนึ่ง ข้าไม่มีพลังจิต ดังนั้นสิ่งที่ได้มาจากอาจารย์มู่ก็แค่การปรุงยาแบบแทงเข็มเท่านั้น ดังนั้นข้าขอประลองการปรุงยาแบบเข็มกับเจ้า ได้หรือไม่ ?”

มู่เฉียนซียังคงยิ้ม “ได้ ถ้าหากเจ้าตามความเร็วในการปรุงยาของข้าได้ ถือว่าเจ้าได้รับชัยชนะ เจ้าคิดว่ายังไงล่ะ ?”

หวงฝู่จี้เหินพยักหน้า “อืม เจ้าแน่ใจนะ…”

หากประลองระดับและประสิทธิภาพของยา เขารู้สึกว่าอย่างไรเขาก็คงไม่สามารถเทียบได้กับมู่เฉียนซี แต่ถ้าหากวัดกันที่ความเร็วเพียงอย่างเดียว เขาคิดว่าเขาคงไม่พ่ายแพ้ให้กับนาง

มู่เฉียนซียกยิ้มมุมปากพึงพอใจ “ข้าแน่ใจอยู่แล้ว เริ่มเถอะ เจ้าเตรียมตัวให้พร้อมล่ะ”

“ได้!”

ศิษย์ทุกคนเคยร่ำเรียนปรุงยามาก่อน แต่ตอนนี้พวกเขากลับมองการขยับมือของทั้งสองคนไม่ทัน

พวกเขาอดอุทานไม่ได้ “โอ้! สองคนนั้นแข็งแกร่งมาก”

“พวกเราห่างชั้นกันมากจริง ๆ”

“นี่มันวิปริตเกินไปแล้ว!”