ตอนที่ 668 เปลี่ยนเป็นผู้หญิง

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

ในตอนที่ฝึกฝนการปรุงยาแผนปัจจุบัน รู้สึกว่าเคล็ดลับในการปรุงยาแผนปัจจุบันนี้ไม่ได้ยากเย็นนัก สามารถรับมือได้ง่าย

ทว่า การจะปรุงยาแพทย์แผนปัจจุบันออกมาให้ยอดเยี่ยมจริง ๆ นั้นกลับไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้นเลย เมื่อเห็นยอดฝีมือปรุงยาแผนปัจจุบันจริง ๆ พวกเขาก็ถูกปราบอย่างไม่เป็นท่า!

ในตอนที่เริ่มนั้นหวงฝู่จี้เหินยังสามารถตามจังหวะของมู่เฉียนซีทัน แต่ในภายหลังเขาก็ยิ่งเหน็ดเหนื่อยเปลืองแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ

บนหน้าผากของหวงฝู่จี้เหินมีเม็ดเหงื่อผุดพรายขึ้น มือก็เริ่มสั่นแล้ว

ในขณะที่เขาประคับประคองเอาไว้ไม่ไหวนั้น ในที่สุดเขาก็ได้รู้จักควบคุมจิตใจ และอารมณ์ให้สงบลง

การชนะนั้นเป็นสิ่งสำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือการปรุงยาออกมาให้ดีที่สุด

หากเขาทำเพื่อแค่ต้องการตามความเร็วกับการเอาชนะ และปรุงยาออกมาแย่ คาดว่าหากท่านอาจารย์มู่ซีรู้เข้าคงจะโกรธและวางยาพิษเขาตายเป็นแน่

อุปนิสัยของหวงฝู่จี้เหินนั้นดีมาก ไม่นานนักเขาก็สงบลง มุมปากของมู่เฉียนซียกยิ้มขึ้น ความก้าวหน้าของเจ้าเด็กคนนี้นับวันก็ยิ่งดีขึ้นเรื่อย ๆ

“ข้าทำสำเร็จแล้ว!” ยาแผนปัจจุบันขวดผลึกใสถูกมู่เฉียนปรุงออกมา ส่วนหวงฝู่จี้เหินยังคงใจจดใจจ่ออยู่กับการปรุงยา

ไม่นานนักเขาก็ปรุงยาออกมาได้สำเร็จ

ยานี้ไม่ได้มอบให้กับอาจารย์ใหญ่และพวกตัดสิน แต่มู่เฉียนซีโยนขวดยาให้กับหวงฝู่จี้เหิน

หวงฝู่จี้เหินก็โยนขวดยาให้กับมู่เฉียนซีด้วยเช่นกัน ทันทีที่เขาดูยาของมู่เฉียนซีเขาก็รู้อย่างแจ่มแจ้งว่าความแตกต่างนั้นห่างชั้นกันมาก

เขากล่าวเสียงขรึมว่า “ข้าแพ้แล้ว”

มู่เฉียนซีก็กล่าวอย่างไม่เกรงใจ “แน่นอน เจ้าแพ้แล้ว”

ตอนนี้ทุกคนล้วนแต่พูดจาไม่ออก แพ้แล้ว!

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะประลองฝีมือกันแบบหมุนเวียน แต่ก็ได้พ่ายแพ้ไปทั้งหมดแล้ว

สำหรับเรื่องที่มู่เฉียนซีได้รับการคัดเลือกให้เป็นตัวแทนของสำนักศึกษาซวนเสียไปเข้าร่วมหอโอสถที่หุบเขาโอสถ พวกเขาก็ไร้ซึ่งความสงสัยในตัวนางแล้ว

ด้วยความแข็งแกร่งของนางการคัดเลือกผู้ที่มีความสามารถของหอโอสถในครั้งนี้ สำนักศึกษาซวนเสียของพวกเขาจะต้องไม่พ่ายแพ้อย่างน่าสังเวชเหมือนดั่งครั้งเก่าก่อนแน่

“อ๊ะ!” ตอนนี้พิษในร่างของซูเซิงก็ได้สลายหายไปแล้ว

และในตอนนี้เขารู้สึกเจ็บปวดไปทั่วทั้งร่างกาย โดยเฉพาะหัว เขาถลึงตาจ้องมองมู่เฉียนซีและกล่าวว่า “พิษร้ายที่สุด ก็คือผู้หญิงจริง ๆ ด้วย!”

มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าอยากจะเป็นนักพิษไม่ใช่เหรอ หากเจ้าเชื่อในคำพูดนี้ เจ้าก็เปลี่ยนตัวเองให้เป็นผู้หญิงเสียสิ เช่นนี้เจ้าก็จะได้เป็นพิษที่ร้ายที่สุดแล้วไม่ใช่เหรอ ? ”

ซูเซิงผู้ที่ปากร้ายกับศัตรูมาโดยตลอด กลับถูกมู่เฉียนซีกล่าวด้วยวาจาเช่นนี้ก็โกรธจนหน้าดำคล้ำเขียว “เจ้า…”

“เป็นอะไรไปล่ะ ฝีมือของเจ้ายังอ่อนหัดนัก ต้องการให้ข้าช่วยเจ้าหรือไม่ ก็แค่เปลี่ยนให้เจ้าเป็นผู้หญิงก็เท่านั้น อันที่จริงมันง่ายมากเลยนะ” มู่เฉียนซีหรี่ตายิ้มพลางกล่าว และเข้าไปใกล้ซูเซิง

ซูเซิงรีบถดตัวถอยหลัง มองมู่เฉียนซีด้วยความตึงเครียด “เจ้า…เจ้าอย่าเข้ามานะ!”

และมู่เฉียนซีตอนนี้ได้หยิบเข็มยาออกมาแล้ว มุมปากนางยกยิ้มขึ้นอย่างบริสุทธิ์ และไร้เดียงสา “อย่ากลัวสิ! ปิดตาเพียงครู่เดียวก็เสร็จแล้ว”

“เจ้า เจ้า…” ซูเซิงโกรธมู่เฉียนซีจนแทบบ้า

“ต่อให้ข้าต้องตาย ข้าก็ไม่ยอมเปลี่ยนเป็นผู้หญิงเด็ดขาด”

“ฮ่าฮ่าฮ่า!” เมื่อเห็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องพิษถูกผู้วิปริตอีกคนหนึ่งทำให้ตกใจจนอกสั่นขวัญหายเช่นนี้ ทุกคนก็หัวเราะขึ้นมาอย่างไร้หัวใจ

“ซูเซิงผู้สารพัดพิษ นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะมีวันนี้ด้วย”

“คนปากร้ายเช่นเจ้า ตอนนี้โดนคนอื่นตอกกลับจนพูดไม่ออกเลยสินะ”

“……”

เมื่อเห็นสหายร่วมชั้นมีความสุขกับความทุกข์ของผู้อื่นเช่นนี้ ซูเซิงก็รู้สึกว่าเขาไม่ระมัดระวังในการเลือกคบสหายเลย

ฟึ่บ! มู่เฉียนซีปักเข็มยาลงบนร่างของซูเซิงจริง ๆ

ทุกคนต่างก็อุทานขึ้นด้วยความตกใจ “นางทำจริง ๆ ด้วย!”

“เป็นไปไม่ได้!”

“หากซูเซิงกลายเป็นผู้หญิง มันช่างน่ากลัวเกินไปแล้ว!”

“คำพูดไม่อาจพูดมั่วซั่วออกไปได้จริง ๆ น่าสังเวชยิ่งนัก!”

และในขณะที่ในใจของซูเซิงกำลังเยือกเย็นอยู่นั้น เขาก็พบว่าร่างกายของตัวเองไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างใด แต่พลังในร่างกายนั้นกลับฟื้นฟูกลับมาแล้ว

เขาลุกพรวดขึ้น “เจ้าปั่นหัวข้า!”

มู่เฉียนซีกล่าวยั่วยุว่า “ปั่นหัวเจ้าแล้วยังไง หากเจ้ามีความสามารถก็ลองวางยาพิษข้าดูสิ”

ซูเซิงชี้นิ้วไปที่มู่เฉียนซีและกล่าวว่า “เจ้ามันเป็นนังปีศาจสมควรตาย ฝากเอาไว้ก่อนเถอะ! สักวัน ข้าซูเซิงจะมีทักษะด้านพิษที่แข็งแกร่งกว่าเจ้าให้ได้ จะต้องเป็นนักเรียนที่เชี่ยวชาญเรื่องพิษผู้แข็งแกร่งที่สุดของท่านอาจารย์มู่ให้ได้ ต่อให้เป็นเจ้า ก็ต้องหลีกทางให้ข้า”

มู่เฉียนซีโบกมือพลางกล่าว “ข้าว่านะ ความปรารถนานี้ของเจ้าไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอน!”

ไม่ใช่ว่าทักษะในด้านพิษของซูเซิงจะแข็งแกร่งกว่านางไม่ได้ ถึงอย่างไรเสียทุกอย่างก็ล้วนแต่เป็นไปได้เสมอ ศิษย์ได้วิชาจากอาจารย์ แต่เก่งกว่าอาจารย์ ใช่ว่าจะไม่มี

ทว่า นางไม่มีทางจะกลายเป็นศิษย์ของตัวเองไปได้ แล้วจะหลีกทางให้เขาได้เช่นไรกันหล่ะ!

“เจ้าอย่าได้ดูถูกคนอื่นให้มากนักเลย” ซูเซิงกัดฟันกรอดพลางกล่าว

ต่อให้ข้างหน้าจะเป็นภูเขาสูงยากที่จะข้ามไป วันนี้ทักษะการปรุงพิษที่ตนเองภาคภูมิใจกลับถูกปราบลงจนยับเยินไม่เป็นท่า อีกทั้งยังโดนปีศาจผู้น่ารังเกียจถึงที่สุดผู้นี้ปั่นหัวอีก ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเขาก็จะต้องพยายามให้ถึงที่สุด

มู่เฉียนซีกล่าวยั่วโมโหว่า “ก็ข้าพูดเรื่องจริงหนิ”

ซูเซิงที่ได้รับการแก้พิษแล้ว ในตอนนี้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟจนบาดเจ็บภายในแล้ว เขาสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่พลางกำหมัดแน่น

พูดมากไปก็ไร้ประโยชน์ ถึงตอนนั้นให้ความจริงพิสูจน์ก็แล้วกัน

มู่เฉียนซีกล่าว “ในเมื่อเจ้ายืนยันเช่นนี้แล้ว พวกเจ้าก็ยอมแพ้แล้ว เช่นนั้นข้าก็จะกลับสำนักส่วนในไปฝึกฝนต่อ”

มู่เฉียนซีเดินจากไปด้วยท่าทางที่ไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใด ทุกคนก็ถูกกระตุ้นอีกครั้ง

พวกเขาเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่ามู่เฉียนซีเป็นนักเรียนของสำนักส่วนใน การฝึกฝนหลักของนางไม่ใช่การปรุงยา แต่เป็นการฝึกฝนพลังวิญญาณ!

ไม่ใช่การฝึกฝนหลัก ไม่ได้ใจจดใจจ่อกับการปรุงยา แต่ฝีมือเก่งกาจกว่าผู้ที่ใจจดใจจ่อกับการปรุงยาหลายร้อยเท่า นี่ยังใช่มนุษย์อยู่หรือไม่!

อาจารย์ใหญ่หวงฝู่กับผู้อาวุโสสูงสุดเห็นพวกเขาถูกปราบลงเช่นนี้ก็รู้สึกทนดูต่อไปไม่ได้แล้ว “เจ้าหนูมู่ซีนั่นหลอกลูกศิษย์ตัวเองอย่างน่าสังเวชเช่นนี้แล้วตัวเองหายหน้าหายตาไปไหนซะแล้วหล่ะ เห็นพวกเขาถูกปราบจนมีสภาพที่เศร้าโศกเช่นนี้ รสชาตินี้มันช่างรุนแรงยิ่งนัก เอาความมั่นใจของทุกคนทำลายจนพังยับเยิน เหตุใดเขาถึงไม่ออกมาปลอบใจเจ้าเด็กเหล่านี้” อาจารย์ใหญ่หวงฝู่บ่นพึมพำ

มู่เฉียนซีไม่ได้กลับไปยังสำนักส่วนใน แต่นางแปลงร่างเป็นอาถิงและกลับมายังหน่วยสำนักปรุงยาอีกครั้ง

เป็นผลให้คนที่อยู่ในสนามประลองกลุ่มนี้ต่างก็งุนงง มู่เฉียนซีทำเสียงกระแอมออกมา “อ่ะ แฮ่ม!”

“แค่นี้ก็โดนปราบแล้วเหรอ เหตุใดพวกเจ้าไม่คิดบ้างล่ะว่าในดินแดนสี่ทิศนี้มีอัจฉริยะนักปรุงยาอีกตั้งกี่คน นี่พวกเจ้าเจอแค่คนเดียวก็โดนปราบจนถึงเพียงนี้แล้ว ดูท่าว่าสิ่งที่ข้าสอนพวกเจ้าไปทั้งหมดคงจะเปล่าประโยชน์ เช่นนั้นก็วางยาพิษพวกเจ้าให้สิ้นไปเลยแล้วกัน”

พวกเขาเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มที่ดูไม่เหมือนมนุษย์แต่งดงามเหมือนภูตผู้นั้น

มู่เฉียนซีกล่าวอย่างชั่วร้ายและกระทบกระเทือนจิตใจมาก

ทว่า ตอนนี้พวกเขากลับเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นในการต่อสู้ จะทำให้ท่านอาจารย์มู่ดูถูกดูแคลนไม่ได้เด็ดขาด

“และอย่าได้เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น ต้องเรียนรู้และแข่งกับตัวเอง! พวกเจ้าก้าวหน้าขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากแค่ไหน ความเร็วก้าวหน้าขึ้นมากแค่ไหนแล้ว ความก้าวหน้าของพวกเจ้าในตอนนี้ ข้าพอใจเป็นอย่างมากแล้ว”

หลังจากตบหน้าก็ปลอบด้วยคำหวาน ชั่วครู่หนึ่งพวกเขาก็มีกำลังวังชาขึ้นมาทันที

“หากพวกเจ้าอยากจะเปรียบเทียบกับนางจริง ๆ แล้วล่ะก็ ข้าก็จะไม่ปฏิเสธ แต่หากการฝึกฝนของพวกเจ้าถดถอยลง พวกเจ้าก็หาทางออกเองก็แล้วกัน!”

“ต่อไปข้าจะจัดตั้งวิชาเรียนอื่น หากสามเดือนความก้าวหน้าไม่ถึงเกณฑ์ที่กำหนด พวกเจ้าก็หาทางออกเองก็แล้วกัน”

ทันทีที่มู่เฉียนซีประกาศภารกิจออกไป ทุกคนต่างก็ร้องโหยหวนขึ้นมา อาจารย์ใหญ่หวงฝู่กล่าว “มู่ซี นี่เจ้าไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม! ภารกิจนี้ไม่สามารถทำได้สำเร็จได้เลย”