มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 548
“นี่ก็คือความลับของแดนนานาอสูรเหรอ?” ตอนที่จักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำมองแผ่นศิลาสีดำผ่านสายตาของหลัวซิว ในส่วนลึกของหัวใจก็เต็มไปด้วยความตกใจเช่นกัน

ศิลาจารึกโบราณที่มีความสูงหลายร้อยฟุต ก็คือชื่อของผู้แข็งแกร่งที่ชื่อเจ้ามรณะ ผู้ที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของสถานที่แห่งนี้?

“ลงมือ!”

ในตอนนั้นเอง หลัวซิวยิ่งอยู่ก็ยิ่งเข้าใกล้แผ่นศิลาจารึก ราชาเผ่ามารอีกเก้าคนที่เหลือซึ่งกลายร่างเป็นมนุษย์ลงมือพร้อมกัน

แดนนานาอสูรดำรงอยู่มายาวนานจนนับไม่ถ้วน หลายหมื่นปีที่ผ่านมา อสูรกายที่อาศัยอยู่ในแดนนานาอสูรไม่มีวันตาย ราวกับพวกมันมีชีวิตที่ไม่รู้จบ

ผลการฝึกตนของอสูรกายพวกนี้ไม่สามารถเพิ่มพูนไปอยู่ในระดับที่เหนือกว่า แต่กลับสามารถใช้วิธีบางอย่างทำให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้น

โดยเฉพาะอสูรกายระดับจักรพรรดิขั้นสูงสุดที่กลายร่างเป็นมนุษย์สิบตน แต่ละตนเมื่อออกสู่โลกภายนอก สามารถก้าวข้ามระดับไปฆ่าผู้แข็งแกร่งมกุฎยุทธ์แน่นอน

อสูรกายพวกนี้ลงมือพร้อมกัน ถึงเป็นหลัวซิว ก็ต้องรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาลราวกับกำลังแบกรับภูเขาลูกใหญ่ในทันที

“ผนังเทพไท่เสวียน!”

หลัวซิวส่งเสียงคำรามด้วยความโกรธ โคจรวิชาฝึกจิตไท่เสวียนปกป้องร่างกาย ถึงสามารถสลายพลังการจู่โจมส่วนใหญ่ แต่ภายใต้การปิดล้อมโจมตีของเผ่ามารสิบตนที่ไม่ด้อยไปกว่าตนเอง เขาเข้าสู่ศึกการต่อสู้ที่ยากลำบากทันที

เพียงแค่พริบตาเดียว หลัวซิวได้รับบาดเจ็บ เลือดสีแดงสดนองร่าง โดนไล่ต้อนถอยอย่างต่อเนื่อง

“เจ้าหนูหลัว เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอสูรกายพวกนี้ รีบหนีเร็ว!” จักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำพูดขึ้นด้วยความร้อนใจ

บูม!

ร่างกายพุ่งออกไป เลือดสีแดงกระอักออกจากปาก แววตาทั้งคู่ของหลัวซิวควบแน่น บนแผ่นหลังมีปีกทิพย์คู่หนึ่งกางออกอย่างกะทันหัน

ในขณะเดียวกัน เขาโคจรพลังกฎการเวียนว่ายตายเกิดไปที่ปักทิพย์ทั้งคู่ ความเร็วของเขาเพิ่มสูงขึ้นจนถึงระดับขีดจำกัดทันที

ความเร็วที่ระเบิดออกมาในช่วงพริบตา ถึงขั้นก้าวข้ามคำว่าเคลื่อนย้ายพริบตา!

“เร็ว! รีบหยุดเขา!”

เจ้าอสูรกายทั้งสิบรวมไปถึงมังกรสาว สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน

“ทำไมการความเร็วของเขาถึงเร็วขนาดนี้? ตัวสำนึกของข้าไม่สามารถจับร่องรอยด้วยซ้ำ!”

อสูรกายพวกนี้ แต่ละตนปลดปล่อยปราณแท้ออกมาปิดกั้นพื้นที่ แต่กลับไม่ได้ผลแต่อย่างใด ถูกหลัวซิวพุ่งผ่านแนวป้องกันของเจ้าอสูรกายทั้งสิบตนในพริบตา

“กลัวอะไร? พวกเราวางค่ายกลไว้โดยรอบศิลามรณะตั้งนานแล้ว เขาอย่าหวังจะบุกเข้าไปได้” เผ่ามารที่เชี่ยววชาญค่ายกลตนหนึ่งพูดด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย

“ความเร็วของเจ้า……”

จักรพรรดิเสวียนดำก็รู้สึกตกใจเช่นกัน เท่าที่เขารู้เกี่ยวกับหลัวซิว แต่กลับไม่รู้ว่าความเร็วของหลัวซิวถึงขั้นสามารถบรรลุถึงระดับนี้

เร็วกว่าการเคลื่อนย้ายในพริบตาระยะสั้น นี่มันหลักการแบบไหน?

ถ้าหากพูดถึงระยะทางหลายร้อยเมตร เมื่อใช้การเคลื่อนย้ายในพริบตาระยะสั้น สามารถถึงจุดหมายได้ภายในเวลาเพียงชั่วอึดใจเดียว ระยะทางหนึ่งพันกว่าเมตรใช้เวลาประมาณเกือบสองช่วงอึดใจ

และหลัวซิวกลับสามารถพุ่งผ่านระยะทางพันเมตรในเวลาหนึ่งอึดใจโดยตรง

ความเร็วของปีกทิพย์ไร้มลทินก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือใช้พลังของกฎการเวียนว่ายตายเกิดมาขับเคลื่อน

จักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำรู้ว่าหลัวซิวทิ้งชิ้นส่วนของกฎเบญจธาตุไว้ที่สำนักไท่เสวียน ไม่มีกฎเบญจธาตุ เขาสามารถขับเคลื่อนปีกไร้ทิพย์ด้วยความเร็วที่สูงขนาดนี้ได้อย่างไร?

“หรือว่าเขาเข้าถึงกฎอย่างอื่นแล้ว?”

จักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำไม่สามารถรับรู้สถานการณ์ร่างกายโดยรวมของหลัวซิว นอกเสียจากหลัวซิวจะเป็นคนบอกเขาเอง ส่วนเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกฎการว่ายเวียนตายเกิด หลัวซิวกลับไม่เคยเอ่ยถึง

หลัวซิวบินหนีด้วยความเร็วสูง สามารถพุ่งผ่านแนวป้องกันของเจ้าอสูรกายทั้งสิบตนในชั่วพริบตาเดียว

แต่ระบบประสาทของเขากลับไม่มีความรู้สึกที่ผ่อนคลายลง เพราะตัวสำนึกของเขาสามารถสัมผัสได้ถึงด้านหน้ากำลังมีค่ายกลที่กำลังรอให้เขาเข้าไปในตาข่ายเอง

“เป็นค่ายกลที่มีพลังทำลายล้างเกือบเทียบเท่าค่ายกลอัสนีขั้นเจ็ด” จักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำคาดเดาระดับและพลังของค่ายกลออกมาในแทบจะทันที

“ไม่มีเวลาพอให้เจ้าคลายค่ายกลแล้ว ทำได้เพียงต้องฝ่าไปเท่านั้น ไม่เช่นนั้น เมื่อไหร่ที่เจ้าหยุดลง เจ้าอสูรกายทั้งสิบที่อยู่ด้านหลังไล่ตามมาทันแน่นอน” จักรพรรดิเสวียนดำพูดเสริมอีกประโยค