ตอนที่ 356 ต้องการให้ช่วยก็บอกได้เลย
ตอนนี้เองที่ตำรวจหนุ่มเห็นใบหน้าหลี่ชิงเฟิงเต็มไปด้วยคราบเลือด จึงจับคางเขาดึงลง มีก้อนเนื้อร่วงลงมา เป็นลิ้นเขา เขากัดลิ้นตัวเอง!
“เฮ่ย หลี่ชิงเฟิง เป็นบ้าไปแล้วหรือ?” ห่าวเหรินประหลาดใจ แล้วตบใบหน้าและแขนเขา พบว่าเขายังกัดลิ้นอยู่ จึงล้วงไฟฉายออกมายัดใส่ปากเขา
แววตาหลี่ชิงเฟิงดูเลื่อนลอย เขากัดไฟฉายดังแกรกๆ ดูเหมือนจะไม่รู้สึกเจ็บปวด ถึงตอนนี้เฟิงฉี่เดินมา หยิบเข็มเงินออกมาเล่มหนึ่ง ค่อยๆ แทงเข้าไปในคอเขา
“เลิกกัดได้แล้ว ขืนกัดอีกฟันจะสึกหมด” หลี่ชิงเฟิงเหมือนฟังเข้าใจ ค่อยๆ อ้าปากออก ไฟฉายร่วงลงบนพื้น
ห่าวเหรินเห็นเช่นนี้จึงคลายความกังวล “พี่ชาย ขอบใจนะ” จากนั้นก็ล้วงวิทยุสื่อสารออกมา “เรียกศูนย์ เรียกศูนย์ ผมห่าวเหริน หมายเลข 978 หลี่ชิงเฟิงขัดขืน กัดลิ้นตัวเองขาด เตรียมยาห้ามเลือดด้วย”
“ศูนย์รับทราบ” ถึงตอนนี้เรื่องจึงผ่านไปแปลาะหนึ่ง
เฟิงฉี่ฉวยโอกาสที่ห่าวเหรินใช้วิทยุสื่อสาร ถอนเข็มเงินของตนออกเงียบๆ
และในเวลาเดียวกันนี่เอง เพื่อนตำรวจของห่าวเหรินก็มาหนุนช่วย วิ่งเข้ามาจับหลี่ชิงเฟิงกดลงกับพื้นทันที
“ห่าวเหริน ไม่บาดเจ็บใช่ไหม ไปด้วยกัน” ห่าวเหรินในฐานะตำรวจที่ติดตามมาต้องตามไปด้วย
“รอเดี๋ยว ฉันไปคุยกับคนที่ถูกหลี่ชิงเฟิงจับตัวไว้สองสามคำ”
เพื่อนตำรวจหันมามองดูอีลั่วเสวี่ยซึ่งดูแล้วปลอดภัยดี และไม่โวยวายจะให้พวกตนรับผิดชอบ เขาจึงพยักหน้า “ก็ได้” จากนั้นก็ให้ตำรวจส่วนหนึ่งตรวจสอบกล้องวงจรปิด รวมทั้งรักษาสถานที่เกิดเหตุและเก็บหลักฐาน คนที่เหลือคุมตัวหลี่ชิงเฟิงไป
“คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม ต้องไปตรวจที่โรงพยาบาลไหมครับ” คนที่ถูกคนร้ายจับเป็นตัวประกัน ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ ได้รับบาดเจ็บหรือไม่ ย่อมเหลือเงามืดอยู่ในใจ พวกเขามีหน้าที่ที่จะแนะนำบ้าง
อีลั่วเสวี่ยส่ายหัว “ไม่ต้องหรอก ขอบคุณค่ะ เราไม่เป็นไร ต้องขอตัวก่อน ขอเพียงทางตำรวจไม่ฟ้องว่าฉันก่อเรื่องก็ถือว่าโชคดีแล้ว” เมื่อกี้หลี่ชิงเฟิงถูกรถเธอชน แม้จะไม่เป็นไร แต่ใครจะรู้ว่าอาจถูกขยายให้เป็นเรื่องใหญ่ก็ได้
ห่าวเหรินยิ้มเจื่อนๆ “ไม่หรอกครับ เขาเป็นคนวิ่งเข้าใส่รถต่างหาก ผมเป็นพยานได้ อีกอย่างผมก็ไม่ได้ให้เพื่อนหาหลักฐานเรื่องนี้” ว่าไปแล้วถ้าไม่ใช่เพราะอีลั่วเสวี่ยช่วย คงเกิดเรื่องใหญ่แน่นอน
เฟิงฉี่มาอยู่ข้างๆ อีลั่วเสวี่ย เขามอดูห่าวเหริน “เอาละคุณตำรวจ ผมกับพี่สาวมีธุระสำคัญ เราไปได้หรือยัง?”
“อ้อ ได้ครับ พวกคุณไปเถอะ ที่เหลือผมจัดการได้ ไม่รบกวนพวกคุณหรอก จริงสิ ผมชื่อห่าวเหริน วันหน้าถ้ามีเรื่องอะไรต้องการให้ช่วย มาหาผมได้ จริงด้วยผมยังไม่รู้ชื่อพวกคุณเลย”
เฟิงฉี่หันมามองอีลั่วเสวี่ยทันที ขณะนี้พวกเขากำลังแปลงโฉม จะมีชื่อด้วยหรือ
อีลั่วเสวี่ยหันไป แล้วหยิบนามบัตรใบหนึ่งออกมาจากรถ “นี่ค่ะ ฉันชื่อเสวี่ยลั่วอี เขาชื่อเสวี่ยชี เป็นน้องชายฉัน”
น้องชาย? สองคนนี้หน้าตาไม่คล้ายกันเลย จะเป็นน้องชายหรือ? ห่าวเหรินคิดในใจ แล้วรับนามบัตรที่อีลั่วเสวี่ยยื่นให้ พร้อมกับจับมือกับเธอ
สุดท้ายอีลั่วเสวี่ยขับรถจากไป
“เฮ่ย เดี๋ยวสิ สองคนนั้นเป็นพยานที่เห็นเหตุการณ์ ทำไมคุณถึงปล่อยให้พวกเขาไป ต้องบันทึกปากคำก่อน ยังต้องดูว่าพวกเขาเป็นอะไรไหม ไม่งั้นทีหลังมาหาเรื่องเดือดร้อน โทษว่าเราตำรวจทำหน้าที่บกพร่อง ย่อมไม่ดีแน่”
ห่าวเหรินห้ามเพื่อนที่กำลังจะหยิบโทรโข่ง “ไม่ต้องหรอก พวกเขาไม่อยากถูกดึงเข้ามายุ่งด้วย อีกอย่างเรื่องนี้วุ่นวายใหญ่แล้ว เรื่องที่ไม่ควรเดือดร้อนก็อย่าไปเดือดร้อนเลย”
ตอนที่ 357 ท่านเจ็ด
ไม่ใช่เพราะพวกเขาทำงานไม่จริงจัง แต่ทำงานตามสถานการณ์และความเห็นของผู้เคราะห์ร้าย เรื่องนี้ทางที่ดีที่สุดคือการยุติเพียงเท่านี้ก็พอ
เพื่อนตำรวจครุ่นคิด “แล้วถ้าเกิดถึงตอนนั้น…” ถ้าชั้นเหนือถามเรื่องนี้ขึ้นมา แล้วต้องการให้ตามหาคน จะไปหาที่ไหน เมืองเอฟใหญ่โตขนาดนี้ ไม่เท่ากับงมเข็มในมหาสมุทรหรือ
“ถึงตอนนั้นฉันย่อมติดต่อเธอได้” ห่าวเหรินพูดพลางชูนามบัตรในมือ
“ต่อให้หาไม่เจอ แถวนี้มีกล้องวงจรปิดไม่ใช่หรือ ลำบากนิดหน่อยเท่านั้น อย่าขู่ตัวเองเลย ทำงานเถอะ ฉันกลับไปก่อน” ห่าวเหรินตบไหล่เพื่อนร่วมงาน แล้วขี่มอเตอร์ไซค์ที่เพื่อนทิ้งไว้ให้ ขับตามรถที่คุมตัวหลี่ชิงเฟิงไป
ในรถเฟิงฉี่มองอีลั่วเสวี่ย “เจ๊ เรื่องเมื่อกี้คุณทำใช่ไหม?” คนอื่นไม่รู้ แต่เขาสังเกตเห็น เธอลงมือกับหลี่ชิงเฟิงตอนที่นั่งลงไป
อีลั่วเสวี่ยหมุนพวงมาลัยรถ ตามองตรงไปข้างหน้า “ฉันเอง บนตัวเขามีไอปีศาจ เหมือนพลังที่เคยอยู่ในตัวพ่อฉัน ถ้าฉันไม่ลงมือ ตำรวจคนนั้นไม่ใช่คู่ต่อกรของเขาหรอก”
ทั้งคู่ไม่อาจลงมืออย่างเปิดเผย เพราะอาจถูกคนอื่นมองออกได้ง่าย อีกประการหนึ่งเธอที่ดูเหมือนเด็กสาวที่อ่อนแอกับเฟิงฉี่ที่เป็นนักศึกษา ใช้มือเปล่าต่อสู้กับหลี่ชิงเฟิง เป็นฉากที่เหนือจินตนาการ
อีกทั้งหลี่ชิงเฟิงอาจจะรู้จักใช้ไอปีศาจ พวกเขาควรจะทำอย่างไร ที่นี่เต็มไปด้วยกล้องวงจรปิด จะจัดการก็ไม่ได้ เพราะตำรวจโยงเข้ามาในเรื่องนี้ จะลบกล้องวงจรปิดย่อมไม่ได้
เฟิงฉี่เข้าใจแล้ว “มิน่าผมจึงรู้สึกว่าเจ้านั่นมีท่าทางแปลกๆ แต่ก็พูดไม่ถูก ที่แท้เป็นคนที่ฝึกวิชามาร” คนที่บำเพ็ญเพียรเช่นกัน พอมาเจอกันก็พอจะสังเกตรู้ได้
แต่ที่เขารู้สึกว่าบนตัวหลี่ชิงเฟิงเหมือนมีไอทิพย์แต่ก็ไม่ใช่ ขุ่นมัว ใช่แล้ว รู้สึกว่าขุ่นมัว ทำให้เขาลืมไปว่าอีลั่วเสวี่ยมีความสามารถที่จะรับมือได้
“คุณสามารถสังเกตได้ว่าผิดปกติก็ไม่เลวแล้ว รอให้บำเพ็ญเพียรสูงขึ้นอีกก็จะสามารถแยกระหว่างไอปีศาจกับไอทิพย์ได้” อีลั่วเสวี่ยอธิบาย ด้วยสายตาของเฟิงฉี่ตอนนี้ยังไม่อาจมองเห็นไอปีศาจ
เฟิงฉี่ได้ยินก็ถอนหายใจ “การบำเพ็ญเพียร พูดง่ายหรอก…” แล้วทันใดนั้นดวงตาเฟิงฉี่ก็เจิดจ้าขึ้น หันมามองอีลั่วเสวี่ยอย่างคาดหวัง “เจ๊ คุณเก่งจริงๆ ผมขอฝึกบำเพ็ญเพียรกับคุณได้ไหม?”
“คริคริ จะบำเพ็ญเพียรกับฉัน คุณไม่กล้วถูกเฉวียนหมิงเล่นงานหรือ?” มุมปากอีลั่วเสวี่ยกระตุก ให้เธอสอนเฟิงฉี่ย่อมไม่เป็นไร แต่ต้องดูว่ามีเวลาหรือไม่
พอเอ่ยถึงเฉวียนหมิง เฟิงฉี่รู้สึกเสียวสันหลังทันที “เจ๊ อยู่ดีๆ เอ่ยถึงเขาทำไม น่ากลัวจริงๆ ถ้าเขารู้ว่าคุณออกมากับผม เกิดนึกหึงขึ้นมาผมคงแย่แน่ๆ”
อีลั่วเสวี่ยยิ้ม “งั้นหรือ บังเอิญพอดี ฉันบอกเขาว่ามาพบคุณเพราะมีเรื่องจะปรึกษา วันนี้เลยออกมาข้างนอก วันหลังถ้าเขาถามขึ้นมา คุณก็หาข้อแก้ตัวดีๆ เถอะ”
“เฮ้อ…” เขาจะพูดอะไรได้ พูดอะไรไม่ได้เลย
ไม่นานนักทั้งคู่ก็มาถึงซีหนานเฉิง ซึ่งก็คือบริเวณที่ตั้งของสถานที่ประมูลใต้ดิน อีลั่วเสวี่ยจอดรถในที่จอดเฉพาะของตน แล้วเรียกเฟิงฉี่ให้ลงจากรถ
“เจ๊ นี่คือที่ที่คุณบอกผมใช่ไหม คุณถึงกับแอบเปิดร้านคาราโอเกะกับบาร์ลับหลังพี่เขย” เฟิงฉี่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่อร้าน แล้วแปลกใจ ตั้งชื่อร้านอย่างนี้ น่ากลัวพิลึก
“อะไรที่เรียกว่าลับหลังเขา วันหลังฉันจะบอกเขาเอง” เพียงแต่ขณะนี้ยังไม่ถึงเวลา แม้เธอจะเป็นเพียงเด็กสาว แต่ไม่ใช่ต้องอาศัยผู้ชายจึงจะอยู่รอดได้
ทั้งสองเดินเข้าไปในร้าน มีพนักงานมาต้อนรับอย่างนอบน้อมทันที “เถ้าแก่”