บทที่ 1795 - วางแผน แบ่งเบาภาระ

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

AST
  บทที่1795 – วางแผน แบ่งเบาภาระ
  หยวนสู่ยิ้มและพยักหน้าหลังจากนั้นเธอก็พูดอะไรบางอย่างและน้ำเสียงของคนขี้อาย ซึ่งชิงสุ่ยก็ไม่พูดอะไรต่อ
  ”เมื่อพิจารณาถึงจำนวนหญิงสาวที่จะครอบครองก็มีมากเพียงพอแล้ว ข้าจะบอกเจ้าก็ต่อเมื่อข้าพร้อมที่จะแต่งงาน”
  ชิงสุ่ยถึงกับลูบหน้าผากเพราะความพูดไม่ออกจากนั้นเขาก็ยิ้มและกล่าวอย่างลุกลี้ลุกลนว่า “จริงๆแล้ว บางทีเจ้าอาจจะเสียใจ ว่าทำไมเจ้าถึงแต่งงานช้าไป “อาวุธศักดิ์สิทธิ์” เป็นสิ่งที่พระเจ้าสร้างขึ้นในชายกับหญิงได้ประสานรวมกันเป็นหนึ่ง แน่นอนว่าอวัยวะเหล่านี้จะต้องนำพาความสุขมากแก่พวกเรา แล้วทำให้เรารวมกันเป็นอันหนึ่งอันเดียว”
  หยวนสู่เขินอายอย่างรุนแรงแม้กระทั่งดวงตาของเธอก็เต็มไปด้วยความลังเลก่อนที่เธอจะเข้าสวมกอดชิงสุ่ยและเริ่มจูบเขาปัญหาเดียวที่เธอมีคือเธอไม่เคยจูบผู้อื่น ดังนั้นความสามารถในการจูบของเธอจึงยังอ่อนแอ
  ทั้งสองคนยืนอยู่ที่ทางเข้าคฤหาสน์หยวนสู่สถานที่แห่งนี้ค่อนข้างเงียบสงบ แต่ดูเหมือนมันจะไม่ปลอดภัยอย่างที่คิด หลังจากที่ชิงสุ่ยได้เริ่มต้นจูบเธอ เขาก็เริ่มมีความกระหาย
  แต่ในขณะเดียวกันหยวนสู่ก็ผลักชิงสุ่ยออกไปและกล่าวว่า”อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ข้ายังไม่รู้สึกอะไรเลย”
  แต่เมื่อเธอเห็นอารมณ์ที่ดุดันของชิงสุ่ยเธอก็รีบกล่าวอย่างรวดเร็วว่า “ข้าล้อเล่น จริงๆแล้วความรู้สึกที่ข้าได้รับมันยอดเยี่ยมมากๆ………”
  หยวนสู่รีบวิ่งออกไปทันทีหลังจากที่เธอกล่าวจบในทางกลับกัน ชิงสุ่ยกำลังเลียริมฝีปากพร้อมกับความรู้สึกของหวานในปาก ในไม่ช้าเขาก็เดินไปที่ลานกว้างหน้าคฤหาสน์อีกครั้ง ก่อนหน้านี้เขาได้แจ้งให้ลูกๆของเขามาเตรียมตัวรอเขา
  ในช่วงพริบตาเขาก็มาปรากฏตัวณ บริเวณลานกว้างหน้าคฤหาสน์ตระกูลชิง ทันทีที่เขามาถึงเขาก็มองเห็นลูกๆทุกคนกำลังรอคอยเขาอยู่
  ”ท่านพ่อ!!”
  ”ท่านพ่อ!!”
  เสียงทักทายดังขึ้นพร้อมกับเสียงหัวเราะชิงสุ่ยมองดูลูกๆของเขาด้วยความภาคภูมิใจ
  คนเป็นพ่อไม่ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับภัยอันตรายที่หนักหน่วงมากเท่าไหร่ผู้เป็นพ่อย่อมมีความสุขที่ได้เห็นลูกเติบโตเป็นคนที่มีความรับผิดชอบ โดยเฉพาะสายตาที่เขามองดูชิงซุน ชิงหยินและเด็กคนอื่นๆ ทุกคนมีความรับผิดชอบเป็นของตนเอง ซึ่งมันทำให้เขาสบายใจมากยิ่งขึ้นเพราะมีคนมาช่วยดูแลตระกูลที่เขารัก
  ความกังวลย่อมมาพร้อมกับความรับผิดชอบบางคนก็เลือกเส้นทางความโดดเดี่ยวเพื่อใช้ชีวิตอย่างสันโดษ แต่ในกรณีของชิงสุ่ย เขาเลือกที่จะสร้างครอบครัวแม้มันจะเป็นภาระอันใหญ่หลวงก็ตาม เขาได้มอบสิ่งต่างๆให้กับครอบครัว ซึ่งเขาได้ทำมันอย่างมีความสุข มันเป็นความสุขที่ตัวเงินไม่อาจเอามาวัดค่าได้
  ชิงสุ่ยเดินเข้าไปโอบกอดบรรดาลูกๆของเขาไม่ว่าจะเป็นชิงหลงชิงเถิง ชิงนิ๋ว เหยียนหลาง และคนอื่นๆ บรรดาเด็กเหล่านี้ล้วนเป็นเด็กที่ชิงสุ่ยจากไปตั้งแต่วัยเยาว์ และในปัจจุบันเด็กๆทั้งหมดมีอายุมากกว่า 10 ปีแล้ว จึงทำให้เขารู้เรื่องเด็กๆเหล่านี้น้อยมาก
  แม้ว่าชิงสุ่ยจะไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์ใดๆจากพวกเขาเลยแต่จากสัมผัสแรกชิงสุ่ยรับรู้ได้ทันทีว่าชิงเถิงนั้นเป็นเด็กที่ค่อนข้างเก็บกด เขามีดวงตาดื้อรั้นอย่างชัดเจน และรับรู้ได้ว่าเด็กน้อยคนนี้ดูไม่ค่อยชอบเขามากนัก
  แต่มันไม่สำคัญเลยว่าเขาจะรู้สึกชอบหรือไม่ชอบเพราะความสัมพันธ์ของมนุษย์ย่อมต้องใช้เวลา เวลาจะเป็นสิ่งเดียวยาสภาวะจิตใจให้กลับมาเป็นปกติ ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อมีปฏิสัมพันธ์ต่ำความรู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษในการได้เจอหน้าชายผู้เป็นพ่ออยากชิงสุ่ยจึงต่ำไปตามความสัมพันธ์
  สำหรับชิงนิ๋วทุกอย่างแทบจะเป็นด้านตรงข้าม เธอเต็มไปด้วยความร่าเริงขณะที่เธอจับมือชิงสุ่ยอย่างมีความสุข ปัจจุบันเด็กสาวคนนี้เป็นหญิงสาวที่มีอายุน้อยที่สุดในตระกูลชิง จึงทำให้บรรดาทุกคนในตระกูลหลงรัก ทะนุถนอมเธอเป็นพิเศษ
  สำหรับเหยียนหลางชิงสุ่ยประทับใจในตัวเด็กน้อยคนนี้เพราะเขาเป็นคนขี้อ้อน เขาเดินมาทักทายชิงสุ่ยด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ซึ่งแตกต่างจากครั้งก่อนที่เขาได้พบเจอกับเด็กน้อยคนนี้ ก่อนหน้านี้เด็กน้อยมีแววตาที่สงบนิ่ง
  ชิงสุ่ยมองเห็นร่างทับซ้อนของอี่หวงกู่หวู๋ในเด็กคนนี้ได้เพียงแค่เล็กน้อย แต่ก็เป็นเครื่องยืนยันได้ว่าเด็กหนุ่มได้รับอนุกรรมจากหญิงผู้เป็นแม่มาอย่างแน่นอน  ”ท่านพ่อ ท่านเคยเจอคนที่เอาชนะท่านได้บ้างหรือไม่?”เหยียนหลางถามด้วยความสงสัย
  ”เจ้าหนูน้อยบนโลกใบนี้ มีคนที่แข็งแกร่งกว่าตัวเราอยู่เสมอ ฉะนั้นจงจำไว้ว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า”ชิงสุ่ยดีดหน้าผากเด็กหนุ่มตัวน้อย
  สำหรับชิงซุนและชิงหยินทั้งสองคนนี้มีอายุมากกว่าคนอื่น ชิงสุ่ยจึงมุ่งเน้นไปในการเพิ่มพูนพลังให้กับทั้งสองคนมากกว่าคนอื่น เพราะด้วยอายุและความสามารถ ทั้งสองคนจะแบ่งเบาภาระให้กับเขาได้มากขึ้น
  จุดประสงค์เป้าหมายหลักในตอนนี้คือการพัฒนาชิงซุนชิงหยิน ชิงหมิง ให้บรรลุในระดับปราณจักรพรรดิ ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ
  รอบตัวชิงสุ่ยเต็มไปด้วยผู้คนมากมายฉะนั้นเขาเองจึงไม่สามารถช่วยเหลือทุกคนได้ภายในครั้งเดียวชิงสุ่ยจึงทำการมอบยาเม็ดประสานเส้นลมปราณเพื่อปรับปรุงความแข็งแกร่งของทุกคน จากนั้นก็บอกให้ชิงซุนชิงหมิงตามเขาไปที่ห้องลับ
  เพื่อปลดปล่อยศักยภาพความแข็งแกร่งให้บรรลุที่สุดเขาจำเป็นต้องอาศัยเข็มแห่งชีวิตและความตาย
  เริ่มแรกชิงสุ่ยมอบยาเม็ด9โคจรทองคำและยาเม็ดเสริมสร้างเส้นลมปราณสวรรค์เญิ่นให้กับเด็กทั้งสองคนเพื่อกระตุ้นศักยภาพของร่างกาย
  จากนั้นก็ใช้เข็มสวรรค์เบญจธาตุเพื่อสร้างค่ายกลปกป้องสติปัญญาและจิตใจของพวกเขา
  ………………………..
  กระบวนการนี้คือหนึ่งในวิธีที่นำพาร่างกายไปสู่จุดสูงสุดแม้ว่ามันจะเป็นการบังคับให้ร่างกายต้องปลดปล่อยศักยภาพ แต่ก็ถือว่าเป็น 1 ในหนทางที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด
  พลังปราณรากฐานของชิงซุนและชิงหมิงมีลักษณะคล้ายกับอสูรหิวโหยที่หมายตาลูกแกะมาครึ่งเดือนพลังปราณพุ่งพ่านอย่างบ้าคลั่ง กระแทกจุดติดขัดของเส้นลมปราณอย่างรุนแรงจนกระทั่งทุกเส้นลมปราณถูกกรุยอย่างรวดเร็ว
  ชิงสุ่ยใช้ทักษะเบิกเนตรสวรรค์เพื่อสังเกตการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นภายในร่างกายเด็กหนุ่มทั้งสองระดับพลังมีความเสถียรอย่างต่อเนื่องและเส้นลมปราณก็เกิดการฟื้นฟูจากการใช้ทักษะเข็มสวรรค์เบญจธาตุ แต่อย่างไรก็ตามพลังให้พุ่งพ่านก็ทำให้เส้นลมปราณขยายตัวอย่างฉับพลัน ก่อให้เกิดความเจ็บปวดทุกข์ระทม มากจนเด็กหนุ่มทั้งสองกัดฟันระงับความปวดที่ทะลุไปถึงกระดูกดำ
  ชิงซุนและชิงหมิงเชื่อใจในตัวพ่อของพวกเขาพวกเขาจึงกัดฟันทนทุกข์ทรมานด้วยความแน่วแน่
  สารสีเทาผสมเลือดโผล่ออกมาจากรูขุมขนของร่างกายอากาศโดยรอบเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นคาว เมื่อชิงสุ่ยมองเห็นสารสีเทานี้เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเพราะมันคือตัวบ่งบอกถึงการประสบความสำเร็จ
  ปรอกกกก!!ปังงงงงงง!!
  เสียงที่ดังฟังชัดจำนวน2 ครั้งดังขึ้นพร้อมกัน เส้นลมปราณขนาดใหญ่ทั้งสองเส้นที่เหมือนลําธารขนาดใหญ่ที่ถูกปิดกั้น ในที่สุดพวกมันก็สามารถหาเส้นทางอื่นเพื่อเพิ่มพูนระดับน้ำที่รอวันระเบิดได้ เมื่อทุกอย่างสงบนิ่ง ชิงสุ่ยก็เดินออกมาจากห้องอย่างเงียบ นี่คือขั้นตอนสำคัญของทั้งสองคน พวกเขาจะดูดซับพลังได้มากขึ้นเท่าใด ก็ขึ้นอยู่กับสมาธิของพวกเขา
  หลังจากที่ชิงซุนและชิงหมิงฟื้นคืนสภาพจิตใจทั้งสองก็ค้นพบกลิ่นอันไม่พึงประสงค์รอบตัว ดังนั้นทั้งสองคนจึงรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระล้างร่างกายอย่างรวดเร็ว
  เมื่อออกมาจากห้องลับชิงสุ่ยก็ทำการช่วยเหลือคนอื่นๆเพื่อชำระร่างกายจนท้องฟ้ามืดมิดลงโดยไม่รู้ตัว
  แน่นอนว่าเมื่อท้องฟ้ามืดลงชิงสุ่ยก็ใช้เวลากลางคืนในการเข้าไปฝึกฝนภายในดินแดนหยกยุพราชอมตะเช่นที่ทำเป็นประจำ แม้จะไม่ได้ใช้เวลาจนครบ 6 ชั่วโมง แต่เขาก็มั่นใจว่าเขาใช้เวลาอยู่ภายในไม่ต่ำกว่า 1 ชั่วโมงอย่างแน่นอน