DND.
“ถึงข้าจะไม่รู้ว่าเจ้าต้านพิษน้ำแข็งได้ยังไงแต่ถ้าข้าเป็นเจ้า ข้าคงจะหนีไปแทนที่จะอยู่พูดจาสามหาวเช่นนี้!”
เอ้อหลิงหัวเราะอย่างเย็นชาขณะที่เดินไปทางซือหยู
เมื่อห่างจากซือหยูร้อยศอกคลื่นพลังได้เอ่อล้นออกมาจากร่างกายของเขา คลื่นพลังชีวิตเหล่านั้นพุ่งเข้าใส่ซือหยู
หากปริมาณพลังมหาศาลเช่นนี้พุ่งเข้าใส่ภูติระดับหกภูติคนนั้นจะหยุดนิ่งในทันทีทันใดและขยับไม่ได้เลย! แต่ก็น่าเสียดายที่ซือหยูไม่ใช่ภูติระดับหกทั่วๆไป
ภายใต้การปกคลุมของพลังซือหยูดูสุขุมเยือกเย็น เขาเผชิญหน้าอันตรายด้วยรอยยิ้ม เมื่อเอ้อหลิงเข้าใกล้ไม่ถึงสิบศอก แสงสีมรกตเปล่งที่แขนของซือหยู เงามืดออกมาจากความว่างเปล่า
เอ้อหลิงที่พุ่งเข้ามาตกตะลึงเขาถอยกลับทันที ถึงอย่างนั้นเงามืดก็ยังไล่ล่าและคว้าไหล่เอ้อหลิงเอาไว้ ทันทีหลังจากนั้น ฝ่ามือก็ได้ซัดไปที่กะโหลกของเขาอย่างรุนแรง! กะโหลกเอ้อหลิงแตกเป็นเสี่ยงๆอย่างกับลูกแตงโม
ไม่นานหลังจากนั้นวิญญาณก็ได้ออกมาจากร่าง ใบหน้านั้นหวาดกลัวและชิงชังเมื่อกรีดร้อง
“อ๊ากกก!ไอ้โจรชั่ว! เจ้าเล่นสกปรก!”
ซือหยูยิ้มอย่างไม่แยแส
“เจ้ากับข้าก็เหมือนกันนั่นแหละ…”
ทันทีหลังจากนั้นชั้นวายุได้ลอยในดวงตาเอ้อหลิง มันราวกับวายุไร้ก้น แน่นอนว่ากายเนื้อไม่ตอบสนอง แต่เอ้อหลิงในร่างวิญญาณถูกดูดซับเข้าไป
“มั่วหยางเจ้ายืนทำอะไรอยู่? มาช่วยข้าเร็ว!”
เอ้อหลิงร้องคำรามด้วยความกลัว
พวกเขาทำงานร่วมกันมาหลายปีตลอดมา เขาเป็นคนที่ซ่อนตัวมั่วหยางและส่งยอดฝีมือมาบ่มเพาะให้มั่วหยางหลายคน ดังนั้นจึงบอกได้ว่ามั่วหยางนั้นติดหนี้บุญคุณกับเขาอย่างใหญ่หลวง
แต่เขาก็ไม่ได้รับคำตอบนั่นก็เพราะว่ามั่วหยางหนีไปในทันทีที่หูหวังกุยปรากฏตัวแล้ว
มันเจ้าเล่ห์นัก!ส่วนเรื่องการช่วยชีวิตเอ้อหลิง…มันไม่มีอยู่ในหัวของเขาเลย
“สบายใจได้เข้ามาเถอะ!”
ซือหยูพูดเพียงเท่านั้น
เอ้อหลิงถูกพาไปยังมิติวิญญาณซือหยูไม่ได้สนใจสภาพของเขาในนั้น
จากนั้นเขาก็โบกมือเก็บร่างน้ำแข็งของปิงหวูชิงกับกงซุนหวูซื่อในมุกวิญญาณเก้าหยกจากนั้นจึงสั่งหูหวังกุยให้พาเขาไปไล่ล่ามั่วหยาง
มั่วหยางไร้ที่ซ่อนในหมู่บ้านเล็กๆเช่นนี้ดังนั้นเขาจึงวิ่งไปยังเขาแสนนาม
ซือหยูรู้ว่ามั่วหยางเพิ่งจะลอกคราบและอยู่ในสภาพที่อ่อนแอที่สุดขณะนี้มั่วหยางมีพลังเพียงจ้าวเทวะระดับสาม มันไม่ต่างจากตอนที่เขาทรยศตำหนักโลหิตเลย แต่ซือหยูก็สัมผัสได้ว่าพลังของมั่วหยางกำลังเปลี่ยนไป มันแข็งแกร่งขึ้นทีละน้อย
หลังจากลอกคราบครั้งนี้มั่วหยางจะเพิ่มพลังขึ้นอีกมาก ดังนั้นซือหยูต้องสังหารมั่วหยางให้เร็วที่สุด!
ไม่อย่างนั้นถ้าหากมั่วหยางได้พลังกลับมา ซือหยูจะกลายเป็นคนที่ถูกตามล่าแทน!
ครึ่งวันต่อมาซือหยูตามมั่วหยางทันด้วยกลิ่น แต่มั่วหยางยังมีอุบายไว้ใช้อีก มั่วหยางใช้วิธีทิ้งกลิ่นเอาไว้โดยกระจายไปสามทิศทาง!
ซือหยูยิ้มอย่างใจเย็นเมื่อใช้เนตรวิญญาณเขามองทั้งสามทิศ มองข้ามผ่านภูเขาแม่น้ำนับไม่ถ้วน ซือหยูสามารถเห็นได้ทุกสิ่ง
กลิ่นที่เข้าลึกไปในภูเขาแสนนามคือกลิ่นจากสัตว์อสูรบินได้ตัวมันถูกคราบของมั่วหยางพันเอาไว้ ในอีกทิศทางคืออสรพิษตัวใหญ่ที่กำลังหนีด้วยความหวาดกลัว ในท้องของมันมีขาของมั่วหยาง ซึ่งก็คือคราบที่มั่วหยางลอกออกมานั่นเอง
สุดท้ายคือกลิ่นที่ซือหยูมองไม่เห็นมันมุ่งหน้าไปทางเขาแสนนาม นั่นทำให้ซือหยูคิดว่ามั่วหยางน่าจะหนีในเส้นทางนี้
หูหวังกุยแบกซือหยูทะยานฟ้าไปไล่ล่ามั่วหยางต่อหลังจากไล่ตามอีกหนึ่งวัน พวกเขาก็พบว่ามั่วหยางใช้อุบายเดิมอีกครั้งเพื่อแบ่งแยกทิศทาง แต่ซือหยูก็มิได้ถูกหลอก เขายังคงไล่ล่ามั่วหยางไม่หยุดหย่อน
ผ่านไปอีกครึ่งวันนั่นหมายความว่าเขาตามล่ามั่วหยางมาสองวันเต็มแล้ว ในที่สุดซือหยูก็ตามมั่วหยางทันในหน้าผาใกล้ขอบภูเขาแสนนาม
ปีกสีเลือดที่แผ่นหลังมั่วหยางหม่นแสงลงมันเสียความมีชีวิตชีวาไปแล้ว ใบหน้ามั่วหยางเองก็ซูบตอบ พลังของเขาอ่อนแอลงเช่นกัน เขาเสียพลังไปมาก ดูเหมือนว่าเขาจะใช้ปีกคู่นี้ในการหนีจากหูหวังกุย
ในตอนนี้มั่วหยางเอนกายที่ขอบผา เขาหายใจหอบอย่างแรงและจ้องมองซือหยู ใบหน้านั้นดุร้าย
“เจ้าตามข้ามาได้ยังไง?”
เขาไม่เคยทิ้งส่วนของร่างกายที่ลอกคราบออกมานั่นก็เพราะว่าเขาจะได้ใช้มันหลอกศัตรูขณะที่เขาหนี
เหล่าศิษย์ในที่แข็งแกร่งจากตำหนักโลหิตนั้นไล่ล่าเขามาสิบปีมีทั้งผู้ที่เชี่ยวชาญการแกะรอยตามกลิ่นและพลัง แต่ก็ไม่มีใครจับเขาได้ นั่นก็เพราะว่าเขาวางกับดักไว้อย่างดีในทุกย่างก้าว
แต่เขาไม่คิดเลยว่าลูกไม้กระจายกลิ่นของเขาจะไร้ผลต่อภูติระดับหกที่ไล่ตามเขาจนมาถึงที่นี่อย่างแม่นยำ!มั่วหยางสัมผัสได้ถึงอันตรายเป็นครั้งแรก
“กลกลิ่นกระจอกๆนี่จะหลอกใครได้?เจ้าจะให้ข้าลงมือ? หรือ…เจ้าจะลงมือเอง? อย่างแรกน่ะเจ็บกว่ามากนะ…”
ซือหยูพูดอย่างไม่แยแส
น้ำเสียงของเขาทำให้มั่วหยางไม่สบายใจอย่างมากและมันก็คือคำพูดอย่างเดียวกันกับที่เขาพูดกับศิษย์ตำหนักโลหิตที่ติดกับดักของเขา นั่นทำให้เขาเจ็บปวดเมื่อถูกคำพูดตัวเองย้อนกลับมา
“เจ้าหนูฆ่าเจ้าไปแล้วจะได้อะไร? ไอ้แก่นั่นสัญญาจะให้สามล้านคะแนนกับเจ้า แต่ข้าให้แก้วยี่สิบล้านดวงกับเจ้าได้! ถ้ามีเงินขนาดนี้เจ้าก็ไม่ต้องอยู่ตำหนักโลหิตอีกแล้ว! เจ้าจะไปซื้ออะไรในเมืองเทียนหยาก็ได้! นี่ไม่ดีรึ?”
มั่วหยางเริ่มต่อรอง
ซือหยูตอบอย่างไม่สนใจ
“คะแนนไม่ได้สำคัญกับข้าแล้ว”
ซือหยูคิด…คนที่ไม่กลับตำหนักอีกแล้วจะเอาคะแนนไปทำอะไรเล่า?
ซือหยูพูด
“ข้าไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินแต่ข้ารับภารกิจเพื่อฆ่าเจ้ามาแล้ว บังเอิญว่าข้ามีโอกาสเสียด้วย ทำไมข้าจะไม่ทำเล่า?”
มั่วหยางกัดฟัน
“ก็ได้ข้ารู้ว่าวันนี้ข้าหนีไม่รอด แต่บอกข้าได้หรือไม่…ทำไมสร้อยสุเมรุใจหายถึงทำอะไรเจ้าไม่ได้?”
แม้แต่ปิงหวูชิงที่มีสายโลหิตพิเศษก็ได้รับผลกระทบเขาไม่รู้เลยว่าทำไมซือหยูถึงยังใช้พลังได้
“โอ้เจ้าหมายถึงสิ่งนี้รึ?”
ซือหยูตกอกเบาๆเครื่องรางโผล่ออกมาจากอก ดูเหมือนว่ามันจะถูกฝังแน่นไว้ในร่างซือหยู แต่มั่วหยางก็ไม่รู้ว่าทำไมพิษน้ำแข็งถึงไม่มีผลกับเขาอยู่ดี!
ผึง!
ซือหยูดึงมันออกมาจากนั้นชั้นเยื่อหลากสีบางๆก็ปรากฏให้เห็นจากกล้ามเนื้อใต้ผิวหนัง นี่คือฤทธิ์ต้านพิษของโอสถไร้จันทร์สามวิถี!
“เจ้าเตรียมตัวมานี่!ถ้าอย่างนั้น เจ้าก็มองเอ้อหลิงออกตั้งแต่แรกเลยหรือ?”
ซือหยูพัยกหน้าเขายืนมือไพล่หลัง.ไอลีนโนเวล.
“ไอ้โง่นั่น!ตายไปซะได้ก็ดี! ถูกจับได้ทั้งๆที่เป็นเจ้าเมืองได้ยังไง!”
มั่วหยางพูดด้วยความโกรธเกรี้ยว
ซือหยูหัวเราะ
“ฮ่าๆๆข้ามองมันออก แต่ไม่ใช่เพราะมันมีพิรุธ แต่กลับตรงข้าม! มันเล่นตามแผนได้สมบูรณ์แบบเกินไป!”
ซือหยูพูดต่อ
“ข้ามีนิสัยเสียอยู่ข้ามักสงสัยคนที่กระตือรือร้นเช่นนั้น เอ้อหลิงก็เช่นกัน”
ซือหยูส่ายหน้า
“ตั้งแต่การช่วยพวกข้าหาตำแหน่งเจ้าแล้วยังแนะนำให้ปลอมตัวเพื่อให้เจ้าไม่ทันระวังเรื่องเหล่านั้นทำให้ข้าสงสัยในตัวมันยิ่งขึ้นไป แล้วพอเอาเครื่องรางล้ำค่าออกมาช่วยปกปิดพลังเข้ามาตามหาเจ้าในหมู่บ้าน มันยังพาพวกข้ามาด้วยตัวเอง”
ซือหยูพูดต่อ
“พวกข้ามิใช่ญาติมิตรกับมันเอ้อหลิงใช้ข้อค้างแค่หวังจะได้คำชมจากพวกข้าตอนกลับตำหนัก หึ ข้ารู้สึกว่ามันเหมือนกับนักล่าที่กำลังล่อเหยื่อให้ติดกับอย่างอดทนเสียมากกว่า!”
ซือหยูอยู่ในโลกของธุรกิจการค้ามานานในชีวิตที่แล้วเขามักจะได้เจอกับอุบายและเหลี่ยมกลต่างๆ บ้างก็มีคนมาทำดีกับเขาโดยไม่มีเหตุผล นี่คือข้อห้ามใหญ่หลวง และก็เป็นเหตุผลที่เขารู้สึกว่าทุกคนที่หยิบยื่นบางอย่างให้กับเขามักจะมีบางอย่างแอบแฝง!
ปิงหวูชิงกับกงซุนหวูซื่อนั้นไม่ใช่คนประมาทแต่พวกนางก็ติดกับเข้าจนได้ นั่นก็เพราะว่าเอ้อหลิงทำให้พวกนางติดกับโดยไม่รู้ตัว! พวกนางเลยใช้เครื่องร่างที่ไม่รู้ต้นตอโดยไม่ทันระวัง
มั่วหยางถอนหายใจยาว
“อย่างนั้นรึ!”
เขาพูดต่อ
“ข้ามีคำถามสุดท้าย…”
ซือหยูพยักหน้า
“ก็เอาสิอย่างไรเจ้าก็พยายามซื้อเวลาอยู่แล้ว เมื่อไหร่จะใช้กระบวนท่าของเจ้าสักทีล่ะ…”
มั่วหยางเบิกตากว้างแต่เขาก็พยายามหัวเราะกลบเกลื่อน
“ถ้าอย่างนั้น…ข้าคงไม่มีโอกาสรอดชีวิตแล้วสินะ?”
“โอ้…เครื่องรางที่กำลังใช้ในท้องของเขามันคืออะไรกัน?”
ซือหยูถาม
มั่วหยางตกตะลึงซือหยูมองเขาออกอีกแล้ว! การแสดงแสร้งว่าเขากำลังจะตายอย่างสงบสุขนั้นก็เพื่อจะใช้เครื่องรางที่ซ่อนอยู่ในร่างกายของเขา!
เขาหวังจะฆ่าซือหยูทันทีที่เขาประมาท!แต่ซือหยูกลับรู้ตัวในทันทีที่มั่วหยางใช้มัน!
มั่วหยางคิด…มีหนังท้องขวางกั้นอยู่แล้วมันรู้ว่าข้าจะทำอะไรได้ยังไง?
จู่ๆมั่วหยางก็คิดขึ้นมาได้…คนที่จัดการยากที่สุดไม่ใช่ปิงหวูชิงที่มีพลังและมีวิธีสังหารจ้าวเทวะระดับเก้าแต่เป็นซือหยูเซี่ยนที่ดูไม่มีพิษภัยตั้งแต่แรก!
“ลงนรกไปซะ!”
มั่วหยางตะโกนออกมา
เขากลัวและกระวนกระวายเขาใช้เวลาสิบปีหลังในการถูกตามล่า แต่เขาก็ไม่เคยหวาดกลัวขนาดนี้มาก่อน เขาอ้าปากคายเครื่องรางออกมาจากท้อง มันพุ่งเข้าใส่ซือหยูทันที
ตู้ม!
เครื่องร่างกลายเป็นลูกไฟระเบิดแรงระเบิดนั้นไม่ต่างกับกระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดของจ้าวเทวะระดับห้า! เงามืดของหูหวังกุยแล่นผ่าน เขาชักแส้ยาวที่ปกคลุมด้วยเพลิงอันน่ากลัวออกมา
ด้วยการซัดแส้แรงระเบิดถูกจับเอาไว้อย่างน่าอัศจรรย์ ท่าทีดูเหมือนอันตรายมิอาจทำอะไรซือหยูได้!
มั่วหยางไม่มีเวลาดูว่าผลจะเป็นอย่างไรก่อนจะพุ่งตกผาไปแต่ไม่นานหลังจากที่ร่วงลง เสียงสายลมก็มาจากเหนือศีรษะ ซือหยูไล่ตามเขาทันทีที่เขากระโดดลงมา!
มั่วหยางไม่ได้โกรธแค้นเขากลับดีใจ
สิ่งที่เขาหวาดกลัวที่สุดก็คือจ้าวเทวะระดับห้าที่ถูกควบคุมส่วนซือหยู แม้ว่าจะมีนิสัยน่าขยะแขยง ฐานพลังก็ยังคงต่ำอยู่
มั่วหยางคิด…แล้วจะมีสิ่งใดให้กลัวเล่า?
มั่วหยางตะโกน
“เจ้าหนูถ้าไล่ล่าข้ามาขนาดนี้ก็อย่ามาหาว่าข้าโหดร้าย!”
มั่วหยางยื่นมือหนามกระดูกขาวพุ่งออกมาจากฝ่ามือ! หนามกระดูกนี้พุ่งไปในระยะไร้สิ้นสุดราวกับลำแสงขาว มันแทงทะลุตำแหน่งของซือหยูในพริบตา
ฟึ่บ!
หนามกระดูกแทงจนมิติสั่นไหวเล็กน้อย!มิติในทวีปจิวโจวนั้นมั่นคงอย่างมาก มีเพียงอยู่เนรมิตรที่จะทำให้มั่นสั่นไหวได้
แม้แต่จ้าวเทวะชั้นสูงก็ยากที่จะทำให้มิติสั่น!ดังนั้นหนามกระดูกนี้จึงเทียบได้กับพลังของจ้าวเทวะระดับหก!
ซือหยูรู้สึกหวาดกลัวในใจเขาเห็นได้อย่างชัดเจนว่าพลังสูงสุดของมั่วหยางไม่ได้ด้อยไปกว่าจ้าวเทวะระดับหก และเขาจะต้องไม่ให้โอกาสมั่วหยางในการฟื้นฟูตัว!